~เล่ห์ร้าย.. เสน่ห์หา~ ตอนที่ 13

หญิงสาวร่างบางระหง ยืนกระสับกระสายกังวลใจ เธอยืนเฝ้ามองนาฬิกาอยู่หลายครั้งแล้วนี้เธอก็ยืนรอ ได้ เกือบ ชั่วโมง ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้พบคนที่มารับเธอแล้วชูป้ายบอกเลยสักคน เธอสอดสายตามองดูรอบ ๆ ก็ไม่พบ

“หรือฉันจะมาเก้อเนี่ย ฉันอุตส่าห์นั่งเครื่องมากรุงเทพโดยเฉพาะรู้ยังนี้อยู่เฝ้าน้องญาจะดีกว่าอีกไหมเนี่ย ฉันจะรออีก 5 นาที ถ้าไม่มีใครมารับฉันจะกลับ “ เธอเฝ้าคิดเพลิน ๆ จนไม่ได้มองรอบ ๆ ตัวเธอว่ามีชาย กลุ่มหนึ่งจองมองเธออยู่นาน

แล้วสติเธอก็เลื่อนหายเมื่อต้องสัมผัสกับความชื้นที่โป๊ะมาที่จมูกเธอ ชายหนุ่มร่างสูงกำยำอุ้มเธอไปไว้ยังรถตู้ที่ติดฟิลม์ดำ แล้วเค้าก็ขับรถพาเธอมายังที่นายเค้าสั่งพร้อมทั้งรับเงินก้อนโตเมื่อจับตัวหญิงสาวผู้หมดสติได้

“โอ้ย..ทำไมมันมึนอย่างนี้” หญิงสาวที่พยายามจองมองภาพให้ได้ชัด ๆ แต่ก็ต้องปรับโฟกัสของสายตาอยู่นานกว่าจะมองเห็นภาพได้เต็มตา เธอทำท่าจะขยี่ตามองรอบ แต่ติดที่ว่าเธอโดนมัดมือมัดเท้าไว้เสียแน่นหนา เธอพยายามดิ้นตัวให้พ้นจากพันธนาการอันแน่นหนาด้วยเชือกหนา 2 ซม. จนข้อมือและข้อเท้า เป็นรอยเชือกที่เสียดสีกับผิดบางเกิดทะลอก



“ใครก็ได้ช่วยด้วย” เมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่าตกอยู่ในอันตรายเธอส่งเสียงใส ๆ ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากรถคันที่ติดไฟแดงข้าง ๆ รถเธอ พร้อมกับใช้เท้าถีบหน้าต่างแรง ๆ ทั้ง ที่ยังโดนมัดอยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอมาก แถมเป็นการทำร้ายตัวเองยิ่งกว่าเดินเมื่อชายหนุ่มร่างยักษ์หนวดเคราประปรายที่คางแหลมก็อาการโมโหเสียมิได้

“นังนี่!! ฤทธิ์ มากนักน่ะ ตุ๊บ ตุ๊บ”
หญิงสาวร่างบางนอนดิ้นตัวงอด้วยความเจ็บปวดเมื่อโดนชายหนุ่มที่เธอเรียกว่าโจรที่ลักพาตัวมาชกเข้าที่หน้าท้องเธออยากเต็ม ๆ ถึง 2 ครั้ง ทำให้เธอจุกเสียจนพูดจาไม่ออก……………..

“ถุย..!!” ชายหนุ่มใบหน้าเหี้ยม กระตุกยิ้มน่าขยะแขยง ปาดมือหนาเช็ดน้ำลายที่หญิงสาวพ่นใส่เต็ม ๆ

“เฮ้ย!! มึงอย่าทำไรมันมากเดี๋ยวนายก็กดราคาหรอก” ชายหนุ่มร่างยักษ์ทำท่าจะสวนมัดเข้ายังหน้าท้องอีกเมื่อหญิงสาวขัดขืนแถมยังพ่นน้ำลายใส่หน้าเต็ม ๆ

ชายหนุ่มร่างยักษ์เขยิบตัวเข้าไปกระชากเส้นผมสลวยอย่างแรงจนผมที่มัดมาอย่างเรียบร้อยตอนนี้กลับยุ่งเขยิงทั่วทั้งศีรษะ “ฝากไว้ก่อนเหอะมึง” ใบหน้าหวานสวยเหย่เก้ด้วยความเจ็บปวดที่โดนกระชากเส้นผมอย่างแรง แต่ทว่าเธอรู้สึกสะใจที่สามารถยิ้มหยันให้ชายหนุ่มผู้เครียดแค้นเธอได้ แถมมันยังไม่กล้าทำอะไรเธอแล้วด้วย

“ใครสั่งให้แก่ทำฮ่ะ!! ฉันจะให้เงินแกมากกว่าที่ไอคนเลว!! มันจ้างพวกแกมาทำแต่ต้องปล่อยตัวฉันก่อน…..” หญิงสาวเหลืออดที่จะทนรอความตายเธอพยายามพูดดี ๆกร่อมชายหนุ่มที่เริ่มเคลิ้มตามคำพูดเธอ แล้วที่สำคัญเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครว่าจ้าง ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่เคยทำอะไรให้ใครต้องเจ็บช้ำน้ำใจ………..

“เฮ้ย!! มึงอย่าหลงคารมนังนี่น่ะเว้ย!!! ถ้ามันแจ้งตำรวจจับจะทำไงว่ะยังไงมึงก็ได้ค่าจ้างตอบแทนสูงอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องทำตามที่นังนี่พูด แล้วมันก็ไม่รู้พูดจริงรึเปล่าด้วย”ชายหนุ่มคนขับเสียงดุกระแทกกระทั่นน้ำเสียงอย่างโหดเหี้ยมจนหญิงสาวขนลุกชั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อเธอพยายามทุกทางแต่มันไม่ช่วยเธอได้เลย นี่ฉันต้องมารับเวรรับกรรมใดนักหนา ชาตินี้ทำไมมันอาภัพนัก หญิงสาวหันหน้าออกมองนอกกระจกสีดำที่ติดฟิลม์หนาทึบพร่างตัดพ้ออยู่ภายในใจ

“เออ..ข้าขอโทษว่ะเงินมันล่ออยู่ข้างหน้าอดไม่ได้ที่จะตาโต” ชายหนุ่มร่างยักษ์พูดพร่างก็เอาปาดนิ้วมือยังริมฝีปากอย่างเสียดาย


หญิงสาวเหน็ดเหนื่อยจากการต่อกรที่เธอไม่ชนะ ทำให้เธอเผลอหลับไปเสียแล้ว เธอมาตื่นอีกที่ก็มาอยู่บนเตียงใยมะพร้าวเก่า ๆ ขาด ๆ สภาพไม่ต่างจากเศษขยะ เธอพยายามขยับร่างเธอให้พ้นจากเตียงแต่เธอต้องตกใจอีกครั้งเมื่อข้อเท้าที่โดนมัดอยู่กลับกลายเป็นโซ่ตรวนที่ล็อกขาทั้งสองข้างไว้ จนระบมไปทั้งข้อเท้า

หญิงสาวนอนร้องไห้กัดริมฝีปากบางจดเลือดไหลซิบ ๆ เธอปล่อยเสียงร้องสะอื่นอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอ……….. กลัวว่าโจรที่มันจับตัวมาจะเห็นว่าเธออ่อนแอ มันคงจะเย้าเย้ยเธอน่าดู เธอทนไม่ได้ที่จะต้องโดนดูถูกจากคนเลวทรามชั้นต่ำเช่นนั้น



เอี้ยด!!

เสียงประตูไม้เก่าใกล้ผุพังเปิดออก แต่หากมีชายหนุ่มร่างสูงใส่กางเกงขาก๊วยยืนมองหญิงสาวที่หันหลังให้เค้า แต่เธอคงเห็นภาพชายหนุ่มราง ๆ จากเงาสะท้อน จนเห็นคนร่างใหญ่ เธอทำเป็นไม่รับรู้ว่ามีใครเข้ามาในห้องที่อบอวนไปด้วยฝุ่นคละคลุ้งทั่วห้องที่เธอนอนอยู่

ชายหนุ่มร่างสูงกระตุกยิ้มเหยียดเหยือกเย็น อย่างพอใจในผลงานที่เค้ากระทำ แล้วผลมันก็ดีเกินขาดเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าต้องเจ็บปวด

และมันต้องเจ็บปวดยิ่งกว่านี้

เจ็บกว่าตอนที่เค้าเจ็บ


เค้าเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียงใยมะพร้าวที่ไม่เหลือคราบว่าจะใช้การได้ เค้าตั้งใจว่าจะเอามาต้อนรับเธอผู้นี้โดยเฉพาะ แต่สายตาคู่คมก็ต้องมาหยุดอยู่กับข้อเท้าที่มีรอยเลือดสด ๆ ไหลรินปรากฏเป็นคราบตรงปลายเตียงใยมะพร้าว คราบเลือดที่แพร่เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนชายหนุ่มรู้สึกสาแก่ใจยิ่งนักที่ทำให้เธอต้องเจ็บทั้งกายทั้งใจ หึ มันสมควรแล้วล่ะสำหรับผู้หญิงตีสองหน้าเช่นเธอ ชายหนุ่มพึมพำออกมาแต่หารู้ไม่ว่าคำพูดที่อู้อี้ นั่นทำให้เธอต้องเจ็บสักเพียงใด เธออยากเห็นใบหน้าชายหนุ่มแสนเลวทรามที่ทำกับเธอเช่นนี้ชัด ๆ เสียเหลือเกิน หากแต่เธอทำได้เพียงหลับตาพริ้มอย่างขมขื่นใจ อย่างเก็บกดทั้งน้ำตาที่มันจะไหลออกมาในไม่ช้า





“ลุกขึ้นมาได้แล้วฉันให้เธอมาอยู่ที่นี้ไม่ใช่ให้มาเป็นเจ้านายเหมือนอย่างไร่รัชดาพาได้น่ะ” น้ำเสียงคุ้นเคยที่เธอรังเกียจแล้วเคยได้ยินมันคือ “เค้า” คนที่ฉันไม่อยากพบไม่อยากเจออีกในทุก ๆ ชาติ ที่ฉันต้องเกิด ทำไมน่ะสวรรค์ถึงได้กลั่นแกล้งฉันนัก ทำไมต้องให้มาพานพบแต่กับคนเลว นี่ชาตินี้ทั้งชาติเราคงจะไม่ต้องพบเจอกับคนดี เลยใช่ไหมเนี่ย แล้วทำไมเค้าถึงรู้ว่าฉันเป็นลูกเจ้าของไร่ หรือว่าจ้างสืบมาดี อย่างนี้แหละน่าคนรวยย่อมทำอะไรก็ไม่มีผิดเสมอ เพราะคำว่าเงินที่มันค้ำคออยู่ หญิงสาวไม่สะทบสะท้านกับคำพูดที่ชายหนุ่มแหว๊กใส่เธอจากปลายเตียงแม้แต่น้อย แต่เธอกลับนอนเฝ้ารำพึงรำพันถึงสิ่งที่เธอต้องพบเจออยู่ขณะนี้……………ชายหนุ่มเรียกเธอดังลั่นแต่เธอกับไม่ทำตามที่สั่งทำให้ชายหนุ่มเกิดโทสะ เดินประชิดเข้าใกล้เตียงที่หญิงสาวหันหลังให้
พร้อมทั้งจับหัวไหล่อันกลมกลึงจากด้านหลังบีบด้วยแรงที่เขามี เขาต้องการให้เธอรู้ว่าการขัดคำสั่งเขามันไม่เป็นผลดีต่อเธอแน่ถ้าอยากมีชีวิตรอดต่อไป……………………..

“โอ้ย..ฉันเจ็บน่ะ“ เธอทนไม่ได้ที่เค้าพยายามเพิ่มแรงบีบมากยิ่งขึ้นราวกับจะฆ่าเธอให้ตายด้วยมือของเค้า

“มีปากมีเสียงแล้วเหรอ หึ!! เห็นเมื่อกี้เรียกตั้งนานมาทำเป็นแกล้งหลับ นึกว่าฉันโง่นักรึไง ฉันตามทันเธอทุกเกม แต่เธอจะตามทันฉันรึเปล่านั้นฉันตอบคำเดี่ยวว่าไม่มีทาง” ชายหนุ่มเย้ยหยันหญิงสาวอย่างเป็นต่อ เธอจองมองใบหน้าที่เธอเกียจเท่าไส้อย่างไม่ว่างตา เธอจองมองเค้าเข้าไปยังดวงตาที่เธอมองอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ แววตาเธอไม่มีแววแห่งความเป็นมิตรมันเหลือเพียงแต่คำว่าศัตรูที่มาทำร้ายเธอ และเธอก็พร้อมที่จะทำร้ายทุกสิ่งเช่นกันถ้ามันจ้องทำลายเธอให้เป็นผุยผง




 

Create Date : 23 มิถุนายน 2549    
Last Update : 24 มิถุนายน 2549 0:29:00 น.
Counter : 1222 Pageviews.  

~เล่ห์ร้าย.. เสน่ห์หา~ ตอนที่ 12

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง

“ฮัลโหล เออ..ฉันพีน่ะ” ชายหนุ่มrพูดน้ำเสียงแข็งกราด ราวกับไม่ใช่พีรภักดิ์คนเดิม คนที่ขี้เล่น คนที่รักสนุกไม่ซีเรียสกับเรื่องที่ทำให้เค้าเครียดก็ตาม แต่บัดนี้พีรภักด์คนเดินคงตายไปพร้อม ๆ กับความแค้น………………เมื่อเค้ารู้ว่าใครเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องเค้าต้องตายอย่างทรมาน………….. แต่นั้นก็ทำให้เค้าเจ็บ ๆ เกิดจะลบเลือนจากใจเข้าได้

“อืม…ทำไมฉันจะจำน้ำเสียงแกไม่ได้ว่ะ ” ราพีภพพยายามมพูดติดตลก ชายหนุ่มเองรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนไปของเพื่อนที่ผ่านมาทางน้ำเสียงที่ดุดัน ไม่มีความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่ในตัวชายหนุ่มผู้นี้แม้แต่น้อย

“ฉันมีเรื่องอยากให้แกช่วยหน่อยว่ะ” พีรภักดิ์น้ำเสียงดูเอาจริงเอาจังเสียเหลือเกิน จนคนฟังนั้นรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล……..แล้วเรื่องที่เพื่อนหนุ่มให้ช่วยคงจะเป็นเรื่องของผู้หญิงคนนั้นแน่…….

เออแต่ว่ะฉัน………ราพีภพเลี่ยงการช่วยเหลือแบบไม่เต็มปากเท่าไรนักเค้าเองก็กลัวว่าจะเสียเพื่อน….แล้วยิ่งนี่เพื่อนเค้าก็อุตส่าห์สู้โทรมาขอให้ช่วย แต่เค้าเองก็ไม่อยากผิดศีลธรรมจรรยาของทนายความระดับประเทศ โห้..ไอพีเอ่ยฉันคงต้องละเรื่องศีลธรรมไว้เพื่อช่วยแกอีกแล้วใช้ใหม่เนี่ย…..แต่ถ้าแกทำเกินเลยฉันนี่แหละจะจัดการกับแกเอง ชายหนุ่มถึงทวนคำพูดทุกคำที่เอ่ยมาจากปากเพื่อนที่อยู่ในพวังของความเครียดแค้นที่ฝังลึกในจิตใจเพื่อนของเค้า…………………

“แต่…อะไรของแก” พีรภักดิ์ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่เพื่อนชายที่เค้ารักคิดจะปฏิเสธไปดิ้อ ๆ เช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจเต็มที่ว่าเพื่อนเค้า……………………คงต้องช่วยแน่ ๆ

“อืมฉันช่วยก็ได้…แต่ฉันจะบอกแกไว้น่ะ ถ้าแกล้ำเส้น…ฉันอาจจะไม่ช่วยเหลือแกก็ได้น่ะ” ราพีภพเอ่ยตัดบททีเล่นทีจริงที่ทำเอา คนฟังสะอึกกลืนคำพูดที่เพื่อนหนุ่มพูดอยู่เหมือนกัน เค้าก็รู้ว่าเพื่อนหนุ่มพูดจริงทำจริง

“ก็ได้…….งั้นฉันคงไม่ต้องบอกแล้วใช้ไหมว่าเกี่ยวกับใคร……” พีราภักดิ์พูดหยั่งเชิงเพื่อนหนุ่มอย่างฉายแววความเจ้าเล่ห์ที่พกติดอยู่กับตัว แต่ด้วยความฉลาดที่มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเค้ารู้ว่าควรตอบออกไปอย่างไร

“อืม..แล้วทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะฉันคบแกมาเสียนาน”คำพูดทุกคำของราพีภพที่บอกนั้นมันยิ่งทำให้ชายหนุ่มใจชื้นได้มากทีเดี่ยวจนคนฟังแอบยิ้มดีใจที่เค้าไม่เสียแรงที่คบหากับเพื่อนผู้นี้มาเสียนาน

“ก็ดี..งั้นฉันเองไม่อยากว่าความมากนัก ฉันต้องการให้แกสืบคนที่เป็นพี่สาวของพิรญาให้หน่อยฉันต้องการรู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหนตอนนี้ แล้วฉันก็อยากรู้ด่วนด้วย”

“ได้…ฉันจัดการให้” ราพีภพกล่าวตอบรับเพียงสั้น ๆ พร้อมทอดสายตาไปบริเวณสวนหย่อมสีเขียวที่มีไว้ผ่อนคลายความกังวลใจกับเรื่องที่เพื่อนหนุ่มต้องการ

“อืม..ฉันขอบคุณแกมาก” พีราภักดิ์กล่าวสั้น ๆ อย่างจริงใจก่อนจะกดวางสายโทรศัพท์


“เรียก สรพรมาพบฉันให้ออฟฟิตหน่อยน่ะ” ราพีภพกรอกน้ำเสียงเข้มใส่อินเตอร์คอมด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดจัด บ่งบอกได้ดีถึงเรื่องที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ผม สรพร ครับ นาย”

“เข้ามาได้” ทันทีที่ราพีภพได้ยินน้ำเสียงทองแดง เค้าก็เงยหน้าที่จดจ่อกับงานมาเป็นใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวดำเข้ม โดดเด่นมากโดยเฉพราะฟันสวยสีขาวเรียงกันเป็นระเบียบ แต่ติดที่ผิดสีดำแล้วถ้าอยู่ในที่มืด ๆ ก็ไม่ต่างกับมหาโจรของแท้

“นายมีเรื่องไรให้กระผมช่วยหรือครับ” สรพรกล่าวน้ำเสียงทองแดงแม้เค้าจะพยายามให้พูดภาษากลางให้ชัด ๆ แต่คงจะอยากยิ่งนัก ด้วยสายเลือดคนปักใต้มันเข้มเช่นนี้เค้าเองก็จนปัญญาที่จะปรับเปลี่ยน

“ฉันต้องการให้ไปสืบหาตัวผู้หญิงคนนี้ แล้วไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ใดต้องหาตัวให้พบ” ราพีภพพูดพร้อมกับส่งรูปหญิงสาวใบหน้ารูป ที่มีดวงตาสีน้ำตาล ผมยาวกลางหลัง ริมฝีปากเธอเป็นรูปกระจับ สีผิวเธอช่างขาวผ่องเสียเหลือเกิน สรพรมองรูปที่เพ่งพิศอยู่นานเค้าแอบที่จะชื่นชอมเธอจากใจว่าเธอผู้นี้สวยเสียเหลือเกิน……….

“ครับเจ้านาย” สรพรฟังคำสั่งเสร็จเค้าก็ออกจากออฟฟิตไปเพื่อตามหาหญิงสาวที่อยู่ในรูปตามที่เจ้านายสั่งอย่างเร่งรีบ




“วันนี้มีประชุมอะไรบ้างที่ฉันต้องเข้าร่วม” พีรภักดิ์กล่าว เค้ากระวนกระวายใจมากที่ยังไม่ได้รับสายเพื่อนหนุ่มที่รอการแจ้งข่าว

แล้วทำไมฉันต้องเป็นห่วงผู้หญิงแพศยา
ทำไมฉันต้องมีความรักกับศัตรูที่รอวันแก้แค้น…………………………………

พนักงานสาวหัวใจกระตุบหวุบเมื่อได้ฟังเสียงเหี้ยมเกรียมในยามเช้า เล่นเอาเธอหน้าซีดเป็นสีกระดาษ นี่ถ้าเธอเลี่ยงส่งงานก่อนน่าจะดีกว่าตอนแรกที่คิดว่ายามเช้าเจ้านายคงไม่หงุดหงิด ทำไงได้ถ้าไม่มาส่งงานก็โดนด่า แถมไม่รู้ว่าจะโดนไล่ออกวันไหน

“คุณไม่ได้ยินที่ผมถามรึไง………คุณพิมพ์นรา” พิมพ์นราสะดุ้งตัวตกใจทันทีเมื่อมีเสียงห้วนถามอย่างหงุดหงิด

“เออ..นี่ค่ะ “ หญิงสาวกล่าวสั้น ๆ พร้อมกับส่งรายระเอียดการเข้าประชุมทั้งหมดให้ชายหนุ่มผู้เป็นนายรับทราบ

“อืม..ดี” ชายหนุ่มเปิดแฟ้มดูอย่างคร่าว ๆ ดูท่าทางว่าจะสนใจ แต่จริง ๆเค้ากับไม่รับรู้งานการเอามัวแต่………… เฝ้าคิดถึงแต่เรื่องการแก้แค้นที่รอในเร็ววันนี้……….






หญิงสาวเศร้าสร้อยหลังจากที่เธอรับรู้ว่าน้องเธอเป็นโรคอะไร เธอกลับไปเป็นเหมือนกับตอนเด็ก ๆ ที่เอาแต่หมกตัวอยู่คนเดี่ยวภายในห้องนอน ด้วยแววตาทีเหม่อลอยไม่รับรู้ถึงการเจ็บปวดใด ๆ ทุก ๆ วันยามที่เธอคิดจะนอนหลับเธอต้องมีสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เธอลืมความโศกเศร้าไปได้ชั่วคราว……….แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอดีขึ้นเมื่อกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง กลับส่งผลเสียให้เธอมากยิ่งขึ้น….โดยที่ไม่มีใครได้สังเกตว่าเธอผิดปกติไป………………………


วันนี้เธอไม่ได้สั่งให้แม่บ้านน้ำอาหารมาให้เธอให้ห้อง แต่เธอเลือกที่จะเดินลงมาจากชั้นบนเพื่อมาทานข้าวกับคุณพ่อเธอ ด้วยสภาพที่แตกต่างไปจากที่มาวันแรก ๆ เธอดูโทรมเสียจนผิดรูป ใบหน้าที่มีสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากที่แดงดั่งกลีบกุหลาบ ดวงตาที่มีแววสดใสสวยงามดั่งลูกแก้ว มันมลายหายไปเสียหมดสิ้น………..

“ลูกไปโรงพยาบาลหน่อยไหม” ผู้เป็นพ่อถามด้วยอาการห่วงใยเมื่อเห็นลูกสาวรูปร่างสูบผอมผิดหูผิดตา จนน่าเป็นห่วง

“หนูไม่เป็นไรค่ะพ่อ แต่วันนี้หนูขอไปเฝ้าน้องญาน่ะค่ะ” พิรสิตาส่งรอยยิ้มเหียวแห้ง ที่ไม่มีแววแห่งความสุขเสียเลย

“แล้วแต่ลูกจ๊ะ ตา…….พ่อเห็นลูกเป็นอย่างนี้พ่อรู้สึกใจไม่ดีเลยลูกทานข้าวทานปลาให้มาก ๆ หน่อยสิจ๊ะ ลูกผอมแห้งไปมากน่ะ”

ว่าแล้วหญิงสาวหันหลังหลบพร่างปาดน้ำตาที่เออ..ล้น มิให้ผู้เป็นพ่อเห็น “ค่ะตาไม่เป็นไรค่ะ ตาเข้มแข็งอยู่แล้ว” เธอกัดฟันพูดแสร้งทำเข้มแข็งต่อหน้าพ่อ พร้อมทำท่า ป็อบอายเบ่งกล้าม ทำว่าเธอนั่นแข็งแรงไม่เป็นอะไรง่าย ๆ


“ตาจ๊ะเดี๋ยวพี่มีเรื่องอยากจะคุยกับเราหน่อย แล้วเรื่องนี้ก็สำคัญมาเสียงด้วยตาไปคุยกับพี่ที่สวนหย่อมมาหินอ่อนน่ะ”

หญิงสาวผยักหน้าตอบรับพี่ชายพร้อม กับเดินตามพี่ชายไปยังสวนหย่อม ”ค่ะพี่สรมีอะไรให้ตาช่วยเหรอ” พิรสิตาพูดก่อนจะจับมือพี่ชายที่ทำหน้าเคร่งขรึม

“พี่อยากให้ตาไปคุยเรื่องการส่งออกสินค้าให้หน่อย ตอนนี้เรามีปัญหาด้านการส่งออก ทางโน้นเค้าก้ไม่ย่อมถ้าไม่ไปตกลงด้วยตัวเอง”

“ได้ค่ะ แล้ววันไหนค่ะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าจองมองที่พี่ชายอย่างใจจดจอรอคำตอบที่เธอพร้อมทำจะทำตาม

“วันนี้ ตอนเที่ยง” พิรสิตาชะงักกับคำพูดที่พี่ชาย เธอตั้งใจแล้วว่าจะไปเฝ้าน้องญา
“วันนี้เที่ยงเลยหรือค่ะ” หญิงสาวทวงคำพูดเสียงดังฟังชัด แต่นั่นก็เป็นอย่างที่บอก เมื่อพี่ชายผผยักหน้ารับคำ

“ก็ได้ค่ะ” พิรสิตามึนงง ก็ตอนแรกเธอขออนุญาติพ่อไปแล้วว่าจะไปเฝ้าน้องแล้วทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ แต่เธอต้องตบปากรับคำเพราะนั่นเป็นสิ่งที่เธอจะช่วยไร่รัชดาพาได้บ้าง ในเมื่อเธอก็เป็นลูกเจ้าของไร่แต่กลับไม่ดูแลปล่อยให้พี่สรเหน็ดเหนื่อยอยู่คนเดี่ยว

“เดี๋ยวพี่จะพาไปส่งสนามบินไปกรุงเทพน่ะ น้องตารีบแต่งตัวได้เลย”
“ทำไมพี่สรต้องรีบอย่างนี้ด้วยล่ะค่ะ“ พิรสิตาสงสัยพี่ชายที่อยู่ ๆ ก็สั่งแบบรีบเร่งราวกับกลัวอะไรสักอย่าง

“พี่ได้รับโทรศัทพ์จากสายที่เราส่งไปดูตลาด เค้าบอกว่ามีคู่แข่งแกล้งตัดราคาสินค้าเราทำให้สินค้าเราที่ส่งไปต่างประเทศดูระงับทุกสต๊อก”

“ค่ะงั้นเราไปเลยดีกว่า” หญิงสาวตอบรับอย่างไม่คิดให้เสียเวลา “อืมก็ได้..แล้วน้องตาจะใส่ชุดนี้ไปเหรอจ๊ะ” ชายหนุ่มถามน้ำเสียงขบขันเมื่อมองน้องสาวที่รีบเสียจนลืมตัว พร้อมส่งสายตาบอกน้องสาวที่ใส่ชุดเสื้อยืด กับการเกงขาสั้นเลยหัวเข่า เค้ามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จนเธอเริ่มตะขิดตะขวงใจในการมองของพี่ชาย เธอจึงก้มมองสำรวจว่าทำไมพี่ถึงมองเธออย่างนั่น “อ๋อ.. อืม” หญิงคร่างออกมาเบาๆ อย่างเขิน ๆ เธอเกาศีรษะพร่างส่งยิ้มแก้เก้อ เมื่อมองสภาพตนเองว่าอยู่ในชุดอยู่บ้านที่แสนจะบ้าน ๆ ของเธอ แต่เธอก็ชอบที่จะใส่มัน



“โชคดีน่ะตา..รู้สึกว่าจะมีคนของบริษัท ไลออน ยูนิเวอร์ มารับจ๊ะ”

“เออ..ค่ะตาฝากพ่อกับน้องญาด้วยน่ะค่ะ” หญิงสาวไม่สามารถที่จะเก็บอาการสั่น ของเสียงได้เมื่อต้องพูดถึงน้องสาวที่นอนรอวันตาย……………………………



“อีกไม่นานเราก็จะได้พบกันแล้วสิน่ะ พิรสิตา” ชายหนุ่มนัตย์ดำขลับวาวระยิบระยับ พึมพำอยุ่คนเดียว หากแต่ตอนนี้ดูดุดันน่ากลัวเสียจนต้องเสหน้าหลบสายตาโหดเหี้ยม
ที่จองอาฆาตพยาบาทยามนี้………….


“ไปรับเธอมาที่นี้ให้ได้…………จะใช้วิธีใดก็ตามแต่ต้องห้ามทำร้ายเธอเด็ดขาด” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สั่งลูกน้องอย่างเข้มงวด เค้าไม่ต้องการตัวเธอในสภาพที่บุบสลาย แต่จะต้องถึงมือเค้าสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ถ้ามันจะบุบสลายก็ต้องเป็นเพราะน้ำมือเค้าเท่านั้น

“ครับเจ้านาย” ชายหนุ่มร่างกำยำตบปากรับคำเสียงหนักแน่นตามที่เจ้านายบอก ถ้าเค้าทำพลาดมีหวังเงินก้อนโตที่ได้จากนายคงหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย แล้วมีเหรองานนี้จะพลาดกะอีแค่จับตัวผู้หญิงคนนึงมาให้ผู้เป็นนาย





 

Create Date : 23 มิถุนายน 2549    
Last Update : 24 มิถุนายน 2549 0:32:43 น.
Counter : 196 Pageviews.  

~เล่ห์ร้าย.. เสน่ห์หา~ ตอนที่ 11

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง

“ฮัลโหลลลลลลลลล ตา เหรอ นี่พี่สรน่ะ ตารีบกลับบ้านด่วนเลยน่ะ” เสียงชายหนุ่มุใบหน้าเคร่งเครียดพูดกรอกใส่โทรศัพท์อย่างรีบร้อน เร่งด่วนโดยไม่รีรอให้อีกฝ่ายได้พูดว่าความใด ๆ

“เดี๋ยว พี่สร อย่าเพิ่งว่างค่ะ” หญิงสาวรีบพูดโดยทิ้งอาการเศร้าต่าง ๆ ไว้อย่างเสียงสนิทแต่คงจะไม่ทันเสียแล้วเพราะฝ่ายชายรีบพูดกรอกหูเสร็จก็ว่างสายเสียก่อน ราวกับเวลาของเค้ามีค่ากว่าสิ่งอื่นใดในเวลานี้

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

“เฮ้ย..พี่สรทำไมรีบวางสายอย่างนี้น่ะ เรายังไม่ทันพูดอะไรเลย” หญิงสาวถือสายค้างไว้เธอพูดใส่โทรศัพท์เมื่อครู่ โดยอาการของเธออย่าง งง งวยกับสิ่งที่พี่ชายเร่งรีบเสียอย่างนี้

หญิงสาวเมื่อได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายเธอ เธอก็อยู่ในอาการวิตกกังวล ดวงตาเลื่อนลอย ส่วนจิตใจเธอนั้นก็อยู่กับที่ไร่ของเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ ที่พี่เธอถึงโทรศัพท์มาสั่งให้เธอกลับอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ …..

มันต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่เลย แต่ฉันยังไม่อยากคิดในแง่ร้ายกลัวจริง ๆ ฉันกลัว ๆ จะเสียสิ่งที่ฉันรักและห่วงแหนที่สุดไป หญิงสาวนึกคิดแต่แล้วก็ต้องกับมาตกอยู่ในภวังค์โศกเศร้าโศกาเช่นเดิน น้ำตาใส ๆ ที่เกิดจากหวงลึกของจิตใจที่แสนเจ็บปวดรวดราวถ้าเกิดต้องมาพลักพราก พ่ออย่าเป็นอะไรน่ะค่ะ น้องญาอย่าเป็นอะไรน่ะ ขอสิ่งศักดิ์สิ่งช่วยดลบันดาลให้คุณพ่อและน้องญาปลอดภัยด้วยเถิด เธอพูดทั้งน้ำตาปนกับเสียงสะอื่นไห้ที่พยายามบังคับแต่มันก็อยากที่จะหยุด สองมือบาง ปะกบเข้าหากันพร่างยกพนมโดยปลายนิ้วจรดกับหัวคิ้วดกดำบางสวย

ด้วยดวงตาทีแดงกล่ำของหญิงสาวหันไปดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ฝาผนังห้องรับแขก มันบ่งบอกเวลา 18.30 ทันใดร่างบางก็ผลันถึงคิดได้ ฉันต้องรีบไป เอาล่ะยังทัน หญิงสาวพยายามข่มใจ นิ้วเรียวสวยเกลี่ยไล่น้ำตาที่ไหลเป็นสายน้ำออกพร้อมทั้ง สองขาเรียวลุกขึ้นยืนยัดอย่างมาดมั่นเธอก้าวฝีเท้าตรงมายังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องนอนอย่างรวดเร็วเพื่อตระเตรียมเสื้อผ้าใส่เสียใหม่เธอทำทุกอย่างด้วยอาการเร่งรีบกระวนกระวายใจยิ่งนัก ในสมองของเธอที่เต็มไปด้วย ใบหน้าบิดา กับ น้องสาวเธอ และจะไม่มีสิ่งใดอีกในเวลาเช่นนี้

ไม่นานร่างบางระหงช่างทะมัดทะแมงในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนต์ขาม้า เธอมาถึงสนามบิน ได้ทันเวลาและพร้อมที่จะเดินทางในเวลา 20.00 ซึ่งเป็นเที่ยวบินสุดท้ายที่จะไปเชียงรายในวันนี้ แต่ด้วยดวงหน้าเครียดจัดแต่ทว่ายังเผยความงามบนใบหน้าหวานสวยของเธอได้ไม่น้อย เธอสามารถปกปิดความอ่อนแอของจิตใจเธอได้เป็นอย่างดีเธอยิ้มให้ทุกคนที่ส่งยิ้มเป็นมิตรต่อเธอ แต่ใครจะหารู้ไม่ว่าดวงใจเธอเจ็บแป๊บเสียเหลือเกิน ทุกท่วงท่าการเดินมันช่างปวดราวนักถ้าสิ่งที่เธอกำลังก้าวเดินมาหามันคือสวรรค์บนดินแต่มันไม่ต่างจากนรกในใจของเธอแม่แต่น้อย



22.00 น. ร่างบางระหงก็เยื้องย่างสู่ดินแดนบ้านเกิดเมืองนอนของเธออย่างสวัสดิภาพโดยมีทักดิสรผู้เป็นพี่ชายมารับเธอถึงสนามบินเชียงราย

หญิงสาวร่างบางเมื่อเห็นพี่ชายเธอที่กำลังเดินหาเธออยู่ไม่ใกล้แต่วันนี้ผู้คนก็คับครั่งหนาตาเสียเหลือเกิน ทำให้การโบกมือเรียกพร้อมกับขานชื่อพี่เธอไม่เป็นผลให้พี่เธอเห็นตัวเธอที่มีรูปร่างเล็กอรชรเช่นหญิงสาว ในขณะเดี๋ยวกันชายหนุ่มร่างสูง บึกบึน นัตย์ตาคม ผิวสีคล่ำที่ผ่านการตากแดดจนเป็นสีแทนแต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงดูดีไม่น้อยกว่าตอนที่เค้ายังมีสีผิวขาว ยิ่งดูกังวลเข้าไปใหญ่เมื่อไม่พบเห็นน้องสาวที่เค้าอยากเจอในเวลานี้มากที่สุด

“พี่สร ตาอยู่ทางนี้ค่า” หญิงสาวตะโกนอยู่หลายครั้งหลายคราแต่ก็ต้องถอนหายใจเมื่อชายหนุ่มไม่ได้ยิน แถมยังไม่รู้หายไม่ตรงไหนแล้ว เมื่อครู่ยังเห็นพี่สรยืนตรงนั้น เฮ้ย… จะเจอกันไหมเนี่ย หญิงสาวพูดพึมพำอยู่

“อุ้ย!!! ขอโทษค่ะ” ด้วยความที่เธอตกใจที่พี่ชายหายไปไหนแล้วไม่รู้เธอก็รีบหันหลังอย่างเร็วโดยไม่ทันเห็นว่ามีคนเดินมาหาเธอทำให้เธอต้องชนกับชายหนุ่มร่างสูงเข้าอย่างจังแรงปะทะนั่นทำให้หญิงสาวกระเด้นล้มลง แต่ชายหนุ่มที่ถูกชนนั้นไม่สะทบสะท้านเลยเค้ายังทรงตัวได้ดี

“อ้าวยัยตา!! ฮา ฮา ฮา แกจับกบได้กี่ตัวล่ะฮะ” เสียงห้าวนุ่นลึกยืนหัวเราะคิกคักอยู่เมื่อเห็นคนที่เดินชนเป็นน้องเค้าเอง แต่คนที่ถูกหัวเราะสิหน้าเป็นจวักไปแล้ว หล่อนอายแสนอายคนก็ตั้งเยอะแยะมองดูเธออยู่อย่างขำ ๆ แทนที่พี่ชายเธอจะรีบพยุงเธอให้ขึ้นมาเสียนี่กับยืนขำกลิ้ง ทำให้หญิงสาวผู้ขายขี้หน้าอดโมโหไม่ได้ แต่ตอนนี้ความอายมันเริ่มหมดแล้วเธอโกรธจนควันออกหูที่พี่ชายเธอเห็นเธออยู่สภาพเช่นนี้แล้วไม่ช่วยสักที

“เอา…. ส่งมือมาสิ หรืออยากนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ล่ะ” ชายหนุ่มยืนหัวเราะระริก หยักไหล่หลอกล้อหญิงสาวที่นั่งหน้าเหี้ยมเกรียมมองพี่ชายอย่างคาดโทษ

หญิงสาวพร่างส่งมือพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากแสนเจ้าเล่ห์ที่พบเห็นได้ไม่บอยนักสำหรับหญิงสาวผู้เรียบร้อยเช่นเธอผู้นี้ ว่าแล้วหญิงสาวร่างบางก็ส่งมือให้พี่ชายเธอแต่แทนที่เธอจะยืนมือไปดี ๆ กับใช่แรงทั้งหมดเหวี่ยงตัวเธอขึ้นมาแล้วพลักชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนไม่ทันระวังล้มลงไปอย่างง่ายดาย หญิงสาวยิ้มเยาะเย้ยชายหนุ่มที่ไปนั่งแทนที่เธอนั่งเมื่อครู่อย่างซะใจกับผลงานโชว์อ็อฟกลางผู้คนเช่นนี้ ชายหนุ่มถึงกับหน้าแดงด้วยความอับอาย เสียหน้า หืม..ยัยตา อย่าให้ทีฉันน่ะจะเอาคืนบ้าง ชายหนุ่มหันมาสบตาหญิงสาวผู้เป็นน้องอย่างเหี้ยมเกรียมที่แสดงถึงอารมณ์ในระดับไม่คงเส้นคงวาเสียแล้ว ว่าแล้วหญิงสาวที่รู้ถึงภัยที่พี่ชายจะแก้แค้น…

“อ่ะ..อ่ะทีพี่สร..เมื่อกี้ยังแกล้งตาได้ นี่” หญิงสาวทำพูดอ้างเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ พร่างชี้นิ้วไปที่พี่ชายที่กำลังลุกขึ้นมาหาเธอ โดยที่ชายหนุ่มทำหน้าทำตาลอยไม่รับรู้รับฟังน้องสาวพูดแถมยังทำปากเบ้ใส่น้องสาวที่เค้าไม่อาจแกล้งเธอได้ในคราวนี้

หืม..ฉันฝากไว้ก่อนเถอะน้องตัวแสบ เค้าคิดพร่างก็เดินนำมาหญิงสาวมายังที่จอดรถ

“พี่มีอะไรด่วนเหรอค่ะถึงเรียกให้ตากลับมาเชียงราย” หญิงสาวถามพี่ชายที่กำลังขับรถคิดอะไรเพลิน ๆ อย่างสบายอกสบายใจ แต่นั้นช่างเป็นความสุขที่แสนสั้นนักเมื่อน้องสาวถามข่าวที่ทำให้เค้าเองรัญทดใจไม่น้อย และไม่รู้ว่าถ้าบอกน้องสาวไปเธอจะทำใจรับฟังได้หรือเปล่าล่ะสิ

“น้องตาฟังพี่..แล้วตั้งสติดี ๆ น่ะ ห้ามร้องเด็ดขาด” ห้ามร้อง หญิงสาวพูดซ้ำน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเมื่อครู่ที่เริ่มบทสนทนากับพี่ชาย

“ค่ะ” เธอตอบน้ำเสียงสั่น ๆ กลัวว่าเธอจะทำไม่ได้อย่างที่รับปากกับพี่ชายไว้

“น้องญากลับมาแล้วน่ะ แต่..น้องคงอยู่กับเราได้ไม่นานหรอกน่ะ” น้ำเสียงชายหนุ่มเริ่มสั่น ๆ ปากเค้าเองก็สั่นระริกไม่แพ้กันเมื่อพูดถึง อยู่กับเราได้ไม่นาน มันทำให้เห็นชัดเจนยิ่งนัก ตัวคนฟังที่เพิ่งจะทราบข่าวจากปากพี่ชายถึงกับ เธออึ่ง..แต่เธอยังไม่เชื่อที่พี่ชายพูดมาเธอยังเห็นเป็นแค่เรื่องอำเพียงแค่นั้น เธอนั่งนิ่งเงียบไป ส่วนพี่ชายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแต่ขับรถมองถนนข้างหน้าอย่างใจลอย

“พี่สรพาตาไปไหนค่ะ นี่มันไม่ใช่ทางไปไร่นี่ค่ะ” หญิงสาวถามเสียงสั่น ๆ ใจคอไม่คอยดี ดวงหน้าเธอฉายแววหวั่นวิตก เธอรอคำตอบจากปากพี่ชาย แต่คำตอบนั่นก็มีเพียงเสียงลมหายใจของเธอกับพี่ชายเท่านั้น ยิ่งทำให้เธอเป็นกังวลมากขึ้นเข้าไปอีกมือเธอกำแน่นเพื่อระบายอารมณ์ที่บอกไม่ถูกอยู่ภายใจจิตใจ

เมื่อกี้………..ที่พี่สรบอกมันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม ช่วยบอกฉันหน่อยสิ ฉันควรทำยังไงในเมื่อถามพี่ชายก็ไม่ยอมตอบ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าน้องญาจะอยู่กับฉันได้อีกไม่นาน แล้วเมื่อกี้พี่สรก็คงจะอำฉันเล่น…… แต่นี้พี่ฉันเลี่ยวรถเข้ามาในโรงพยาบาลทำไมกันเล่า โรงพยาบาลที่ฉันเคยส่งคุณพ่อเข้ารักษาตัวตอนที่ท่านได้รับอุบัติเหตุที่ขาดว่าเกิดจากน้องสาว ตอนนี้ฉันอยากถามพี่สรเหลือเกินฉันคิดว่าพี่คงรู้น่ะว่าน้องพี่อึดอัดเพียงใดที่พูดออกมาไม่ได้แต่ทำได้เพียงนึกเรื่องราวทั้งหมดเองอยู่ภายในใจ และแล้วพี่ชายฉันก็ชี้เข้าไปในห้องผู้ป่วย ซึ่งเป็นห้อง VIP หน้าห้อง เป็นชื่อ นางสาว พิรญา วรเวชกิจ ห๊านั่นชื่อน้องญา ไม่จริง…….ทันใดนั่นเรื่องที่เธอไม่อยากคิดมันก็เป็นจริงสิ่งที่เธออธิฐาน
ข้อให้น้องปลอดภัยนั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันเป็นสิ่งหลอกลวง

“น้องตา..ทำใจดี ดี น่ะ.ชายหนุ่มหน้าตาตื่นเมื่อเห็นร่างบางทำท่าว่าจะเป็นลม ว่าแล้วร่างบางก็ถูกประคองไว้ไม่ให้ล้มลง และยังดีที่เค้าก็คว้าร่างน้องสาวไว้ทันมิฉะน้องเค้าคงหัวฝาดพื้นไปอีกคน

“คุณหมอครับช่วยน้องสาวผมด้วย” ชายหนุ่มที่วิ่งไปหาผมโดยอุ้มน้องสาวไว้ในอ้อมอกอย่างห่วงแหน เค้ารักน้องสาวคนนี้มาก เค้าไม่อยากให้น้องต้องเจอเรื่องทุกข์ใจอีกแล้วตั้งแต่วัยเด็กเธอเอาแต่เก็บตัวก็มีเค้านี้แหละชวนเธอมาเล่นให้คลายเหงาลงไปได้บ้างเค้ารู้ดีว่าน้องสาวเค้าฝังใจมากกับการที่จะต้องสูญเสียคนที่เธอรัก เธอทำใจไม่ได้ เธอมิอาจย่อมรับได้ว่ามีเกิดก็ต้องมีดับ สองสิ่งนี้มันเป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ ที่มันทำใจค่อนข้างยากแต่เมื่อมันมาถึงเราก็ต้องย่อมรับมัน………..

“คุณหมอครับเธอเป็นอะไรมากใหม่ครับ” คุณหมอบอกรายละเอียดให้พี่ชายหญิงสาวร่างบางที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ “คือหมอแปลกใจว่าทำไมน้องคุณถึงมีบาดแผลที่ศีรษะยาว 2 เซน ผมคิดว่าแผลนั่นอาจเป็นไม่เป็นสาเหตุก็ได้ถ้าหากคุณทราบว่าน้องคุณเป็นเมื่อไร ” แต่……

“แต่อะไรครับคุณหมอ” ชายหนุ่มพูดค้างไว้รอให้คุณหมอต่อประโยชน์ที่เค้าต้องการฟังให้จบ

“แต่บ้างที……….มันอาจทำให้เธอมีอาการปวดหัวอยู่ตลอดถ้าหากเธอเกิดอาการเครียดครับ” ผู้เป็นหมออธิบายสาเหตุทั้งหมดให้ฟัง แต่ชายหนุ่มคงยังสับสนอยู่ว่าทำไมน้องสาวเค้าถึงมีบาดแผลเหมือนกับคนโดนตีศีรษะมา ทั้ง ๆ ที่น้องเค้าไม่ใช่พวกที่ก๋ากั่น ที่จะออกไปเที่ยวเล่นจนได้รับบาดแผลมา หรือว่ามันเพิ่งจะมี?//? ทันทีที่คิดคำถามสุดท้ายจิตใจเค้าแถบว้าวุ้น ใบหน้าเหี้ยมปรากฏแทนความห่วงใยปานดวงใจกับสิ่งที่น้องได้รับ ชายหนุ่มร่างสูงแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ เค้าอยากจะปลุกเธอให้ตื่นขึ้น อยากถามว่า แผลนี้มันเกินได้ยังไง?//? แล้วใครเป็นคนทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้

“พี่สร..พี่สรค่ะ” หญิงสาวร่างบางทีนอนบนเตียงคนไข้เริ่มส่งเสียงเรียกเบา ๆ แต่ทว่าชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเบา ๆ ของน้องสาวที่เรียก เค้าก็รีบถลาเข้าหาน้องสาวทันทีทันใด

“อืม..น้องตาพี่อยู่นี้แล้วน่ะ” ทักดิสรยืนเคียงค้างเตียงนอนที่น้องสาวน้องอยู่เค้ากุมมือน้องราวกับช่วยปลอบประโลมน้องสาว แต่เธอผู้นี่……..กลับไม่มีน้ำตาไหลจากดวงตาคู่สวยนั่นเลย ………….. ช่างเจ็บเสียจนน้ำตามันไม่ไหลออกมา…………

“พี่สร…ตาไม่รู้จะพูดยังไงค่ะ” หญิงสาวมองใบหน้าผู้เป็นพี่อย่างสับสนกับตนเอง….. สับสนทุกสิ่งทุกอย่าง…………..เธอเหมือนตกอยู่ในความฝันแต่นี้มันไม่ใช่ฝันมันเป็นความจริงที่แสนทรมานใจ ทรมานกายเสียกว่าทุกครั้งเมื่อเราไม่สามารถช่วยอะไรน้องสาวได้เลย…………แล้วถ้าที่เธอคิดมันเกิดเป็นจริง………………..

“ตาพร้อมแล้วค่ะ…………….พี่สรบอกตาได้เลยว่าน้องเป็นอะไร” เธอสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มอก แล้วเพ่งพินิจไปยังใบหน้าพี่ชายที่ส่อแววจะร้องไห้ ด้วยขอบตาแดง ๆ แต่พี่เธอใจแข็งมากพอที่จะไม่ให้น้องต้องเป็นห่วง ในเมื่อเค้าคนเดี่ยวที่สามารถดูแลทุกคนได้ในเวลานี้……………..ร่วมทั้งเธอผู้นี้ด้วย…………………

“น้องญาเค้าเป็นโรคเอดส์……...ระยะสุดท้ายแล้ว คุณหมอบอกว่าเธอคงอยู่กับเราได้ไม่ถึง 5 เดือน แต่ถ้าเธอมีกำลังใจดีคงอยู่ได้ต่อเหมือนคนปกติทั่ว ๆ ไปนี้แหละจ๊ะ”

“โธ่…น้องญา มันไม่จริงใช่ไหมค่ะพี่สรโกหกตา” หญิงสาวคร่างออกมาอย่างคนเสียสติ หยาดน้ำตาใส ๆ ไหลอาบแก้มเนียนสวย อาการที่เก็บกดถูกปลดปล่อยออกมาเป็นทางน้ำที่ไหลรินไม่มีวันหมดวันสิ้นเสีย เสียงค่ำครวญจวนเจียนจะขาดใจของเธอมันเหมือนเหมือนมีดกรีดกลางอกของพี่ชายดี ดีนี่เอง พี่ชายที่เฝ้ามองน้องสาวอยู่ใกล้ ๆ……. และคอยปลอมเธอด้วยอกอันแข็งแกร่งเป็นที่พักพิงแก่หญิงสาวร่างบาง ร้องไห้ปานจะขาดใจเสียเดี๋ยวนี้



“เอางานไปแก้ใหม่เดี๋ยวนี้ แล้ว ให้เสร็จภายใน 10 นาทีนี้ถ้าไม่งั้นเตรียมหางานใหม่ได้” ชายหนุ่มตะหวาดลั่นใส่ลูกน้องทุกคนที่เข้าเอางานมาส่งจนวันนี้ทั้งบริษัทเงียบเหมือนป่าช้าไม่มีใครที่กล้าส่งเสียง ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่เจ้านายสั่งมาแก้ไขใหม่เป็น สี่ ห้ารอบจากเมื่อเช้า จนวันนี้ทุกคนดูขยันขันแข็งกว่าทุก ๆ วัน เพราะมีเจ้านายใจดีแต่วันนี้มันไม่เหมือนกับทุกวัน……………………………………….

“โห่…พี่พิมพ์ วันเนี่ยหนูไม่รู้แก้งานกี่ครั้งแล้ว..เจ้านายไม่รู้ไม่กินรังแตนจากไหนมา……ดุมากเลย หนูยังกลัวหน้าแกเลยอย่างกับจะกินหนูเข้าไปอย่างนั่นแหละ” หญิงสาวพูดพร่างทำหน้าทำตาประกอบกับเสียงที่พูดดุดันที่เจ้านายทำใส่เธอเมื่อครู่

“น้องจ๊า..พี่ก็เพิ่งโดนเมื่อกี้เหมือนกัน เนี่ยบอสสั่งให้พี่ส่งรายงานการเข้าประชุมให้เสร็จภายใน 20 นาทีนี้ พี่ยังไม่รู้ว่าจะทำทันรึเปล่าเลย ตั้งเป็นกอง เนี่ย ปกติรายงานการประชุมใหญ่ ๆ บอสก็รู้ว่าทำ 3 ถึง 4 วันถึงจะเสร็จ พี่ล่ะเครียด”พิมพ์นราพูดพร่างก็ถอนหายใจพร่าง ใบหน้าเธอหดหู่ ราวกับคนสิ้นไร้หนทางแก้ไข ในเมื่อตอนนี้บอสอาการไม่ปกติ เธอจึงรู้ว่ายังไงแล้วคงเลี่ยงการโดนด่าจากเจ้านายไม่ได้อยู่ดีแหละ…………..





 

Create Date : 23 มิถุนายน 2549    
Last Update : 24 มิถุนายน 2549 23:36:31 น.
Counter : 179 Pageviews.  

~เล่ห์ร้าย.. เสน่ห์หา~ ตอนที่ 10

ชายหนุ่มเองเมื่อจัดการป้อนยาป้อนน้ำให้เสร็จเข้าจะมานั่งเฝ้าเธอข้าง ๆ เตียงพร่างจองใบหน้าร่างบางที่หลับไม่ได้สติใต้ผ้านวมที่ปกคลุมร่างเปลือยเปล่าของเธอไว้ สีหน้าหญิงสาวเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จากการได้ทานยา ชายหนุ่มจึงลองเช็คอาการหญิงสาวร่างบางโดยการใช้หลังมือตรวจวัดไข้


“อืม..คอยยังชั่วแล้ว” ชาหนุ่มครางเบา ๆ ในลำคออย่างกระหยิ่มใจกับผลงานการป้อนยาที่เค้าเองก็ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน และนึกขำอยู่ว่าถ้าเจ้าตัวได้รู้วิธีป้อนยาเค้าจะทำสีหน้าอย่างไร เค้านั่งยิ้มอยู่ข้างเตียงหญิงสาวอย่างคนมีความสุขและพร่างคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าไม่ได้ใส่อะไรอยู่แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น?//?


กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง..


“ฮัลโหล…^O^”

“เอ้ย..ไอพีแกมาหาฉันหน่อยน่ะโว้ย!! ฉันมีอะไรจะบอกแกว่ะ ด่วนเลยน่ะT_T”


ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ชายหนุ่มต้นสายรีบวางโทรศัทพ์ทันทีไม่รอที่จะให้อีกฝ่ายได้พูดจาให้รู้เรื่อง


O_Oอ้าว….บทจะรีบก็รีบปานสายฟ้าแลบ แล้วเรื่องอะไรของมันว่ะเนี่ย


แล้วฉันต้องปล่อยเธอไว้อย่างนี้เหรอ … งั้นตั้งโน้ตให้แล้วกัน



....ทานยาที่ตั้งไว้บนหัวเตียงน่ะ แล้วรักษาสุขภาพดีดี ล่ะครับ...

จาก...พีรภักดิ์....



ชายหนุ่มว่างกระดาษโน้ตไว้ยังโต๊ะข้างตัวหญิงสาวเพื่อให้มองเห็นง่าย ๆ ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินเข้ามาข้างเตียงพร้อมทั้งโน้มใบหน้าคมคายเค้ามายังแก้มเนียนที่เริ่มจะมีสีเลือดฝาดให้เห็นอยู่บ้างจากฤทธิ์ของยา เค้าสูดเอาความหอมหวนจากหญิงสาวร่างบางที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่จนพอใจแล้วถอนจมูกออกอย่างเสียดายที่เค้าไม่สามารถทำเกินกว่านี้ได้ ชายหนุ่มก็เดินจากมาโดยหันมองร่างบางอย่างตัดใจที่เค้ามิอยากจากเธอไปในเวลานี้ ถ้าเพื่อนเค้าไม่โทรศัพท์ว่ามีเรื่องด่วนเค้าก็คงจะไม่ทิ้งเธอได้



รถยุโรปก็แล่นออกสู่คอนโดหรูใจกลางเมืองมุ่งหน้าไปยังที่พักของเพื่อนชายที่โทรศัพท์มาหาอย่างเร่งด่วน ชายหนุ่มเองก็ใจร้อนอยู่ไม่น้อย เค้าอยากรู้เหลือเกินว่าเรื่องเร่งด่วนที่เพื่อนเค้าว่ามันจะเร่งด่วนขนาดไหนกันเชียว



ปิ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!
เสียงแตรรถที่กดดัง 3 ครั้งเป็นการเรียกคนใช้ภายในบ้านหลังใหญ่ได้รู้ ไม่นานชายชรากับหญิงสาววัยกลางคนก็ช่วยกันเปิดประตูอย่างขะมักเขม้นเมื่อรู้ว่าใครที่ส่งเสียงบีบแตรรถเรียกคนใช้ภายในบ้าน รถยุโรปคันหรูก็ขับมาเทียบชานหน้าบ้านที่ไว้เป็นที่จอดรถชั่วคราว


“เออ..แกมีเรื่องด่วนอะไรว่ะ!!ถึงเรียกฉันมาเวลานี้^O^” ชายหนุ่มพูดเสียงทุ้มอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก พร้อมทั้งก้มมองดูนาฬิกาเรือนนับแสนที่สวมอยู่ที่ข้อมือเค้า


“ฉันรู้น่า..พ่อนักธุรกิจพันล้านT_T” ราพีภพทำเสียงค้อนขอดอย่างอดไม่ได้ ที่เค้าอุตส่าห์ตามเรื่องที่ชายหนุ่มต้องการอย่างอย่างลำบากแต่เพื่อนเค้าหารับรู้ไม่



“มีสิว่ะ>O

“แกไม่ต้องว่าความมาก..แกบอกมาดีกว่าว่าแม่นั่นมันชื่ออะไร^O^” ชายหนุ่มน้ำเสียงพร่าด้วยอารมณ์เครียดแค้นคับอกคับใจนัก


"หล่อนชื่อ พิรญา วรเวชกิจ อืม..ใช่เธอมีพี่สาวด้วยน่ะ รู้สึกว่า..ลูกน้องฉันจะบอกว่าชื่อ..พิรสิตง...สิตา อะไรเนี่ยแหละถ้าฟังมาไม่ผิด^O^” สิ้นเสียงเมื่อเพื่อนชายบอกนามสกุลเค้าแถบไม่อยากฟังคำพูดที่เค้าให้เพื่อนสืบเสามานานนับ 5 ปี จนเค้าก็เริ่มที่จะลืมแล้วถึงเรื่องนี้ วรเวชกิจ ชายหนุ่มครางเบา ๆ ถึงนามสกุลหญิงสาวออกมาอย่างคนพร่ำเพ้อเสียงสติ ดวงใจเค้าต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่เหลือกชิ้นดี เมื่อเค้าเองเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักคนที่ไม่สมควรรักมากที่สุด เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งชายหนุ่มผู้นี้ชัด ๆ ต้องมีรักทั้งทีกลับต้องมารักพี่สาวฆาตกร



“เฮ้ย..ไอพีแกเป็นไรเปล่าว่าหน้าซีดเชียว” ราพีภพพูดไปพร่างแต่ไม่ได้สังเกตเพื่อนหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พอหันมาอีกทีก็เห็น ดวงตาเพื่อนหนุ่มล่องลอยไปไหนต่อไหนแล้ว อาการอย่างนี้เค้าก็ไม่อาจขาดเดาว่ามันเรียกว่าอะไร เค้าเรียกเพื่อนหนุ่มอยู่นานจนต้องจับหัวไหล่ เขย่าแรง ๆ เพื่อเรียกสติให้กับเพื่อนเค้าที่เอาแต่เหม่อลอยอยู่ตอนนี้


“เออ..ฉันไม่เป็นอะไรมากแล้ว..ฉันขอตัวกลับก่อนน่ะ อืม..ขอบคุณน่ะที่แกสืบข่าวให้ฉัน” พีรภักดิ์หันมาพูดก่อนก้าวเท้าอย่างรวดเร็วออกจากบ้านเพื่อนหนุ่มที่อดเป็นห่วงชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ก้าวเดินไปโดยไม่ฟังคำห้ามปราม


“ทำไม่ต้องเป็นเธอด้วยฮ่ะ บ้าชิบ..>O

หญิงสาวตื่นขึ้นในสภาพยังงัวเงียจากพิษไข้ที่เล่นเอาเธอไม่รู้สึกตัวโดยเธอมิได้ทันสังเกตว่าตอนนี้ร่างกายเธอมิได้สวมใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดียว แต่ด้วยความโหวงเหวงชอบกลเธอเลยเลิกผ้านวมที่ปกปิดเรืองร่างเธออยู่แต่ก็ต้องตกใจเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่มีแม้ชุดชั้นในสักตัว เธอถึงกับตาลุกตาวาบตกใจกับสภาพในตอนนี้เธอไม่ได้


ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!


หยาดน้ำตาใส ๆ ไหลรินจากดวงตาคู่สวย มันออกมาพร้อม ๆกับ เสียงใส ๆ ร้องแว๊ด…..อย่างดังลั่นแต่ด้วยห้องเธอเป็นกำแพงเก็บเสียงก็คงไม่มีใครได้ยินแต่เสียงที่เธอร้องนั่นมันก็สะท้อนกลับมาอย่างดังก้องเช่นกันเธอไม่สนแล้วว่าเสียงที่ร้องมันแสบแก้วหูเพียงใดเธอสนใจว่านี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมเธอถึงอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเช่นนี้ แต่เธอก็พร่างคิดอย่างที่เพื่อนสาวบอกว่าถ้ามีอะไรกับใครครั้งแรกมันจะเจ็บไม่ใช่เหรอ?//?แต่นี้เธอก็ไม่เห็นจงเห็นเจ็บอะไรเลย ว่าแล้วหญิงสาวร่างบางก็แทบจะกระโดดลุกขึ้นจากเตียงนอนทันทีเธอก้าวเท้าอย่างเร็วเพื่อเข้าห้องน้ำ โดยที่ไม่ทันสังเกตหัวเตียงว่ามีกระดาษโน้ตใบเล็ก ๆ ของชายหนุ่มที่โน้ตไว้ให้เธอเมื่อครู่นี้


"เฮ้ย!!ไม่เห็นเป็นอะไรเลย=_=" หญิงสาวพูดพร่างจองมองตัวเองในกระจกบานใสที่เธออยู่ในอาการตาบวมแดงร้องไห้เสียใจฟูมฟายอย่างหนัก ที่นึกว่าเธอเสียสิ่งที่เธอเฝ้ารักษามานานจะจากเธอไปโดยที่เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ


แล้วเธอก็ต้องกลับเข้าห้องนอนไปพักผ่อนอีก เพราะเธอเริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทั้งที่ตอนแรกร้องไห้ตกใจแต่ตอนนี้กับมาปวดหัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ แล้วเธอก็ต้องเอ๊ะ ใจอีกครั้งว่าใครมาตั้งโน้ตไว้ตรงหัวเตียงเธอ ว่าแล้วเธอก็ต้องหยิบมาดูอย่างเร่งรีบราวกับกลัวว่าโน้ตใบนั้นจะปลิวไปไหนเสีย เธออ่านโน้ตนั้นหลายครั้งพร่างนึกเรื่องประติดประต่อเรื่องทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงเธอจะดีใจที่ไม่มีอะไรเกินเลย แต่..เค้าก็บังอาจมากที่มาถอดเสื้อผ้าไม่เหลือสักกะตัวเดียวอย่างนี้ เค้า.. เค้าก็คงเห็นหมดของฉันหมดแล้วล่ะสิ คิดได้อย่างงี้ก็เรียกเอาเลือดสูบฉีดใบหน้าขาวนวลได้อย่างกะทันหันราวกับกดรีโมท


“นาย..นาย..ชาตินี้ฉันจะไม่ยกโทษให้นายเลยคอยดูT_T” หญิงสาวรีดเค้นออกทางไรฟันขาวที่เรียงตัวสวย ด้วยความโมโหอย่างสุดจะทน ใบหน้าเธอไม่ฉายแววความสดใส น่ารักอีก แต่คงเหลือแต่ความโกรธจนหน้าแดงกล้ำ บูดบึ้ง เนื้อตัวสั่น ริมฝีปากบางที่เม้มปิดจนขบกับฟันเป็นเส้นตรงจนปรากฏเลือด ไหลตรงรองริมฝีปากบาง



















 

Create Date : 23 มิถุนายน 2549    
Last Update : 24 มิถุนายน 2549 23:37:24 น.
Counter : 170 Pageviews.  

~เล่ห์ร้าย.. เสน่ห์หา~ ตอนที่ 9

หญิงสาวร่างบางใบหน้าเกรอกรังไปด้วยคราบน้ำตาที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักเธอเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลิฟท์ที่มีชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนรอลิฟท์อยู่ก่อนหน้า เธอไม่แม้แต่มองใบหน้าใครทั้งสิ้นเธอคิดอยู่อย่างเดี่ยวว่าจะต้องถึงห้องให้เร็วที่สุดหญิงไม่สามารถอยู่ได้ต่อหน้าใครนานนานในสภาพเช่นนี้

กริ๊ก …

ลูกบิดประตูเปิดออกร่างบางเดินโซเซไปยังโซฟา ตัวเก่งสีแดงกำมะหยี่ที่บ่งบอกความคลาสสิกได้ลงตัวกับผ้าม่านสีแดงอ่อน ๆ แต่งแต้มด้วยดวงไม้สีหวานสะดุดตายิ่งนักผนังกำแพงตกแต่งด้วยภาพวาดสีน้ำมันที่บ่งบอกได้ดีของจิตนการที่ลำสมัย

หญิงสาวร่างบาง ดวงตากลมโตปิดสนิท ขนตาเธอเป็นงอนงามยาวสวยยิ่งหนัก เธอหลับตาพริบอยู่บนโซฟาที่เธอนั่งได้ไม่ถึง 10 นาทีเธอจึงเอนนอนเยียนคุดคู้อยู่บนโซฟาที่ไม่ยาวนั่งซึ่งมันเหมาะมากสำหรับนั่งเสียมากกว่าที่จะมานอนเหยียดตัวเพิ่อพักผ่อน

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง

เสียโทรศัพท์ที่ดังอยู่ในห้องนอนอยู่นาน แต่คนร่างบางที่นอนหลับสนิทก็มิได้รู้สึกตัวแต่อย่างใดทำให้คนที่โทรเข้ามารู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของหญิงสาวที่ต้องมาอยู่ลำพังคนเดียวเช่นนี้

กริ๊ง กริ๋ง กริ๋ง

เสียงโทรศัทพ์สายที่สองดังขึ้นอีกครั้งคนร่างบางที่นอนหลับตาพริบก็ยังมิได้สติ จนคนโทรเข้ามาใจไม่ค่อยดีเค้าจึงตัดสินใจวางสายโทรศัพท์ลง………
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…

เสียงเคาะประตูดังอยู่นานร่างบางก็ยังนอนไม่ได้สติจนเสียงที่เคาะกลายเป็น

กริ๊ก…

“ขอบคุณมากครับ” ชายหนุ่มเสียงห้าวกล่าวขอบคุณแม่บ้านที่ช่วยเปิดประตูให้โดยเค้าให้เหตุผลว่าเค้าเป็นแฝนของหญิงสาวห้องนี้ แต่เธองอนจึงไม่ยอมเปิดประตูให้เค้า

“ค่ะไม่เป็นไร ขอให้แฝนคุณหายโกรธไว ๆ น่ะค่ะ” หญิงสาวแม่บ้านกล่าวเสร็จก็เดินกลับไปนำไม่กวาดมาแล้วก็เดินจากไปปล่อยให้ชายหนุ่มเดินเข้าห้องอย่างสบายใจโดยที่ไม่แคลงใจแม้แต่น้อย


ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มเจ้าเล่ห์เดินสาวเท้าเข้ามายังห้องนอนของหญิงสาวที่นอนตัวคู้อยู่บนโซฟาตัวเล็ก หญิงสาวนอนหลับสนิทไม่แม้แต่รู้ว่าบุคคลอันตรายอยู่ข้างหน้าเธอแล้ว..

ทำไมเธอขี้เซาอย่างนี้น่ะ ชายหนุ่มไล้นิ้วลงมาไล่ไรผมที่ปกปิดแก้มเนียนสวยของหญิงสาวที่หลับสนิท แต่เค้าก็ต้องชะงักทันทีเมื่อรู้ว่าที่เธอหลับสนิทคงจะเพราะพิษไข้ที่สูงเช่นนี้ นี้ถ้าฉันไม่มาหาเธอคงจะต้องช็อกแน่ ๆ ชายหนุ่มไม่รีรออุ้มร่างบางไปที่เตียงนอนเธอทันที เค้าวางเธออย่างเบามือด้วยกลัวหญิงสาวจะตื่น แล้วชายหนุ่มก็รีตรงไปยังห้องครัวเพราะหาอุปกรณ์เช็คตัวเธอเพื่อบรรเทาความร้อน เมื่อเค้าได้อุปกรณ์ครบมือจึงเค้าก็รีตรงไปยังห้องนอนทันที

“ขอโทษน่ะ” เมื่อชายหนุ่มพูดจบก็เริ่มจัดแจ้งถอดเสื้อผ้าหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติทันที แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกที่จะสั่น ๆ ไม่ได้เมื่อเค้าต้องถอดเสื้อให้เธอหลังจากที่เช็คตามแขนตามขาให้เค้ารู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งยามที่ต้องสัมผัสกับเนื้อนวลเนียนที่ปกปิดภายในร่มผ้ายามนี้สีหน้าเค้าเรียกเลือดฝาดได้ดีเค้ากำลังต้องการเธอมาก……..เค้าอยากสัมผัสเธออย่างเข้ามาเป็นชีวิตหนึ่งเดี่ยวในร่างบางที่นอนหลับอยู่… แต่เค้าก็มิอาจทำอะไรเธอได้เพราะเค้ายังไม่เคยได้ผู้หญิงคนไหนในขณะนอนหลับไม่รู้สึกตัวเช่นนี้ มันคงจะขายขี้หน้ามากถ้าเค้าต้องทำกับเธอ.. เมื่อชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าเสร็จนั้นก็ราว ๆ เกือบครึ่งชั่วโมงที่ต้องคอยระงับความอยากในกาย…..เค้ากลัวใจตัวเองจะอดใจไม่ได้กับหญิงสาวร่างบางผิวสีขาวอมชมพู แต่สายตาเค้าก็หาได้เชื่อฟังจิตใจที่เค้าสั่งอีกทั้งดวงตาคมคายยังส่งสายตาโลมเลียไปทุก ๆ ส่วนของร่างบางที่นอนไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรใด ๆ ราวกับสำรวจพื้นที่แม้จะไม่ได้จับต้องก็คงจะดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

“โอ้ เธอช่างสวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มครางออกมาอย่างทนไม่ได้ที่จะต้องห้ามใจตน ด้วยความเป็นชายที่แน่นคับมากจนรู้สึกอึดอัด แต่ด้วยจิตสำนึกที่มันแล่นผ่านเข้าสู่สมองทำให้เค้าจำต้องทิ้งหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติอย่างนั่นก่อนเพื่อระงับอารมณ์ความเป็นชายในเวลาที่ไม่สมควรเช่นนี้ ชายหนุ่มหายออกไปจากห้องอยู่นานเค้ามานั่งระงับอารมณ์อยุ่ บริเวณระเบียงโลงตรงทางหน้าต่างที่หญิงสาวเปิดรับลมเย็นสบาย ชายหนุ่มปล่อยให้สายลมพัดผ่านเข้าสู่ใบหน้าที่โน้มไปข้างหน้าเพื่อรับลมเย็น ๆ จากตึกสูง 20 ชั้น อย่างคนปลดปล่อยอารมณ์

“ทำไมหญิงสาวร่างบางอย่างเธอถึงมีหน้าอกหน้าใจได้ใหญ่ขนาดนี้ เธอรู้ไหมใจฉันมันจะขาดรอนรอน ฉันอยากที่จะจับต้องเธอแต่มันก็ทำไม่ได้ เธอรู้ไหมมันทรมานมาก……”

ว่าแล้วชายหนุ่มร่างสูงก้าวเข้ามาแล้วมาหยุดนั่งอยู่ข้างเตียงเธอ แล้วเค้าก็เอื้อมมือหยิบยาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงหญิงสาว 2 เม็ด และน้ำสะอาดอีก 1 แก้ว เค้าเปลี่ยนท่านั่งโดยมานั่งบนเตียงหญิงสาวแทนแล้วพยุงศีรษะให้มาพิงกับหน้าอกเค้าเพื่อให้ถนัดในการป้อนยาใส่ปากให้กับหญิงสาว
แต่แทนที่เค้าจะนำยาใส่เข้าปากหญิงสาวกับกลายเป็นว่าเค้านำยาสองเม็ดใส่ปากเค้าแทน เค้าโน้มใบหน้าจรดกับหน้าหญิงสาวโดยที่ริมฝีปากหนาประกบริมฝีบางอย่างนุ่มนวลพร่างดันลิ้นที่มียาอยู่สอดใส่ให้กับหญิงสาวอย่างนุ่มนวล อึก.. ชายพยายามดันลิ้นส่งยาด้วยการจูบที่ล้วงลึกจนหญิงสาวเผลอกลืนยาไปเอง อืม……หญิงครางออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มพร่างส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ พร้อมกับลูบไล้หัวไหล่เบา ๆ อย่างใคร่เสน่ห์หา ว่าแล้วเค้าก็จัดการส่งน้ำดื่มน้ำเข้าปากตัวเองอีกครั้งแล้วประกบปากบางที่ร่วมมือในการกินยาอย่างดี เค้าจึงตบรางวัลให้กับหญิงสาวโดยการจุมพิตที่ดูดดื่ม เนิ่นนาน จูบนี้ทำให้เค้ารู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาดที่มันไม่เคยเกิดมานานมาก และเธอผู้นี้ก็ทำให้ความรู้สึกเก่า ๆ กลับมาอีกครั้ง มันคืออะไร คำถามที่เกิดขึ้นมานั้นมันเป็นคำถามที่เค้าเองหาคำตอบยังไม่เจอ……..




 

Create Date : 23 มิถุนายน 2549    
Last Update : 24 มิถุนายน 2549 23:38:05 น.
Counter : 201 Pageviews.  

1  2  3  
 
 

กลางตะวัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หวัดดีค่ะ ชื่อกลางตะวัน จ๊ะ

นิยายเรื่องนี้กลางฟ้าอยากให้อ่านดูใหม่ค่ะเพราะกลางฟ้าเปลี่ยนเนื้อหา อาจจะมีงง เล็กน้อยน่ะคงต้องอ่านดูใหม่จ๊า..........ผู้อ่านที่น่ารัก............

[Add กลางตะวัน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com