|
....หรือระหว่างเรามันเป็นเรื่องบังเอิญ.......
ผมไม่รู้ว่ามันบังเอิญหรือเปล่า (คือจะเขียนให้คนคนนึงอ่ะ)
(มันยาวหน่อยนะ)
สิบปีที่แล้ว ผมได้พบ .......เธอ...... ผมพบกับเธอในค่ายพัฒนาศักยภาพเยาวชนแห่งหนึ่ง มันพิเศษตรงที่ว่า...เธอ....และ....ผม.... เกิดวันเดียวกันปีเดียวกัน เราเป่าเค้กที่วิทยากรนำมาเซอร์ไพรพร้อมกัน........(ในชีวิตผมเท่าที่จำความได้เคยเป่าเค้กไม่เกิน 5 ครั้ง)
ในค่ายที่เราอยู่ ...เธอ.... เก่งภาษาอังกฤษมาก ...ผม.... เป็นแค่เล่นดนตรี
หลายครั้งในช่วงชีวิต เราพบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความบังเอิญครั้งหนึ่ง ...เธอ.... เดินขายถั่วต้ม ...ผม.... เป็นเด็กปั้ม
ความบังเอิญครั้งหนึ่ง ...เธอ.... เป็นนักร้อง ...ผม.... เป็นนักดนตรี
ความบังเอิญครั้งหนึ่ง ...เธอ.... รับทุนเรียนดีพระราชทาน ...ผม.... รับถ้วยพระราชทาน(ดนตรี)
ความบังเอิญครั้งหนึ่ง ...เธอ.... รั้วจามจุรี สีชมพู ...ผม.... รั้วเสลา สีเทาแสด
ความบังเอิญครั้งหนึ่ง ...เธอ.... เป็นพริตตี้ ...ผม.... เป็นพนักงานยามาฮ่า
ความบังเอิญครั้งหนึ่ง ...เธอ.... ได้เป็นข้าราชการสาธารณสุขที่นครสวรรค์ ...ผม.... เป็น ไฟแนนซ์ที่นครสวรรค์
เราเป็นเพื่อนกันมานาน มีเบอร์โทรแต่ไม่เคยโทรหากัน และไม่เคยตั้งใจที่จะไปมาหาสู่กัน แต่มันเป็นความรู้สึกที่สนิทสนมกันทุกครั้งที่เราพบเจอกัน
วันหนึ่ง.........
วันนั้นผมขับรถเร็วที่สุดในชีวิต ประมาณ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (รถไตรตัน + 2เจแซท..ทวินเทอร์โบว์*วีวีทีไอ) จำได้ว่ามันเป็นเหตุกู้ภัยที่แจ้งว่ารถเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประสบเหตุ........
เอ.....(ชื่อของเพื่อนสนิทคนนึงทำกู้ภัยด้วยกัน)
เอ......และผมพยายามกันเต็มที่ จนวินาทีสุดท้าย........ผู้โดยสารสี่คนออกมาได้ และแจ้งว่ามีอีก 1 คน ในรถแต่เสียชีวิตแล้ว.....มันเกือบจะทำให้ความพยายามช่วยชีวิตได้หยุดลง เพียงแต่ว่าผมได้ยินเสียงจากคนผู้หนึ่งเรียกชื่อจริงของเธอ ในเมื่อเป็นเธอ........ต่อให้เธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่.......เธอคือเพื่อนผม
ปาฏิหาริย์มีจริง
เธอกลับมามีชีวิตอีกครั้งในอีก 1 เดือนต่อมา และกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ ระหว่างที่เราไปเยี่ยมเธอผมพาเอไปด้วยเพื่อแนะนำให้เธอรู้จัก....เอ .........เอ....เป็นคนที่คว้าตัวเธอไว้ ก่อนที่กระแสน้ำในคลองส่งน้ำจะซัดพัดร่างเธอหลุดลอยไป ในขณะที่ผมรั้งร่างของเอไว้ด้วยเชือกสลิง....ทำให้.....เอ....ต้องกระดูกซี่โครงแตก........
เธอ.....แต่งงานกับ....เอ.... เมื่อก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา
ผม....เป็นพิธีกรในงานแต่งงานของเค้าทั้งสอง
และทั้งสามชีวิตก้อได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข (ที่สามชีวิตเพราะว่า....เธอ....มีลูกแล้ว 1 คน สมัยที่เธอเป็นนักร้อง.เมื่อ 5 ปีก่อน.........โทษทีลืมบอกไป)
ผมไปมาหาสู่ครอบครัวนี้ราวกับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน เอ..เริ่มผันตัวเองไปเป็นพ่อค้ารถมือสอง จับรถขาย ส่วน...เธอ....ก็เป็นข้าราชการสมัยใหม่ที่กำลังมีอนาคตไกล.....ลูกของเธอก้อไปเรียนชั้นประฐมอยู่ที่ระนอง(บ้านเกิอของเธอ)
แล้ว............เอ.........ก็จากเธอไปในคืนหนึ่งคืนที่..เธอ..พาลูกมานครสวรรค์
คืนที่ผมได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้กรอกลิเก
บ้านที่เธออยู่มีแต่เปลวไฟ บ้านไม้ผสมปูน ที่มีกระดาษเอกสารและเสื้อผ้าเป็นเชื้อเพลิง ผมไม่รู้ว่า..เอ...เธอ....และลูก....อยู่ที่ไหน
...เธอ...และ..ลูก....ปลอดภัย เอ....เป็นเถ้าถ่านอยู่ในโรงรถ
....... ....... .......
พูดง่ายๆ ในนครสวรรค์...เธอ...ไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว
.
.
เธอกลับไปเป็นครูสอนหนังสือที่ระนอง ...... ...... ผมไประนองเผาศพแม่ของเธอ แม่ของเธอจากเธอตามพ่อของเธอไปทำให้เธอต้องอยู่ลำพังกับลูกอีกครั้ง
จนมาได้ข่าวว่าเธอได้แฟนใหม่เป็นข้าราชการปกครอง .......เธอเป็นคนสวย........... มีข้าราชการวัย 30 ต้นๆ ครบเครื่องเพียบพร้อมมารักใคร่ . . คบหา....
ผมรับโทรศัพท์เธอในขณะที่ผมกำลังขับรถอยู่บนขอบเขา ในเขื่อนแห่งหนึ่งในอุทัยธานี ผมจอดรถและเหม่อมองอ่างเก็บน้ำทับเสลาด้วยความรู้สึกยินดีกับเธอ ดีใจกับเพื่อนจนน้ำตาผมมันปริ่มล้นออกมา
....... ....... ...... เรื่องมันไม่จบแค่นั้น ...... ..... เธอใช้ชื่อของผมเวลาสมัครงาน เวลาทำประกัน เวลาเข้าโรงพยาบาล(ใส่ชื่อผมบุคคลอ้างอิงกรณีฉุกเฉิน)
ผมได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล..............
......เธอเสียชีวิต...........
มันเป็นความผิดที่เธอไม่ได้ตั้งใจ ผมเชื่อว่าคนอย่างเธอมีศักมีศรีพอที่จะไม่ไปรักกับผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว เพียงแต่ว่าผู้ชายคนนั้นหรอกเธอ หรอกเธอว่าตนเองไม่มีภรรยา
เธอกลายเป็นเมียน้อย โดยไม่รู้ตัว เธอไม่ใช่คนที่จะท้อแท้ฆ่าตัวตาย
..แต่ใครเป็นคนฆ่าเธอ.................
ผมไม่เข้าใจ ทำไม............................
***ครั้งหนึ่งเธอเคยถามผม ว่าเธอ กับ ผม ทำไม เราไม่เป็นคนรักกัน ............ ผมเลยบอกเธอว่า...เราเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกัน***
ผมติดต่อมูลนิธิ ที่หักเงินเดือนผมทุกเดือนเพื่อบริจาคให้กับเด็กๆ มีผู้บริหารบริษัทประกัน 3 คน ยินยอมให้หักเงินเดือนเพื่อบริจาคเป็นค่าเล่าเรียนค่าดูแลลูกของ........เธอ......
ลูกของเธอสามารถเรียนจนจบปริญญาตรี(มีเงินแต่ไม่มีพ่อมีแม่นะ)
เพียงแต่ว่าผมเอง ยังไม่ได้เอ่ยปากบอกลูกของเธอสักที ....ว่าแม่ของเขาจากไปไหน
บ้านของเธอเป็นบ้านพักข้าราชการป่าไม้(พ่อเธอ) เธอไม่เหลืออะไรอีก
เอ่อ
ยังเหลือแมวอีกตัวนึง
ผมอุ้มแมว...และก้อกระดูกของเธอ ของเอ และของแม่เธอ กลับมานครสวรรค์
ผมพาอัฐิทั้งสามคนมาสถิตอยู่ที่ยอดเขาแห่งหนึ่งในนครสวรรค์ ผมหวังว่าวันหนึ่ง ลูกของเธอจะได้มาหาเธอ
..และลูกของเธอสักวันจะรู้ว่าเธออยู่ไหน
คุณเชื่อไหม ผมขับรถสามสิบกิโล เพียงเพื่อหวังจะไปเยี่ยมแมวของเธอที่วัดแห่งหนึ่ง
หลวงพ่อบอกว่าแมวมันตายเสียแล้ว....มันโดนรถทับตาย
ผมพูดอะไรไม่ออก ...................ผมโทรไปหาครูที่โรงเรียนของลูกเธอ...ครูบอกว่าลูกของเธอป่วยเป็นไข้ปอดบวมเข้าโรงพยาบาล
..กำลังอยู่ไอซียู
ทั้งหมดนี้มันคืออะไร......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
**หลวงพ่อพูดว่า** โยมสรรพสิ่งในโลกล้วนมีกรรม โยมเองก็มีกรรม ที่โยมรถคว่ำวันก่อนและโยมไม่ตายเพราะว่าเธอยังอยู่ เธอคอยคุ้มครองโยมอยู่ และคนอีกหลายคนที่โยมช่วยเหลือ เค้าก็ยังคงคอยคุ้มครองโยมอยู่ อยู่รอบๆตัวโยม........แต่อย่าลืมนะว่ากรรมที่โยมเคยทำไว้ เค้าก็ยังจะคงตามโยมอยู่ทุกวันเหมือนกัน.......................อยู่รอบๆตัวโยม........
Create Date : 01 มีนาคม 2551 | | |
Last Update : 1 มีนาคม 2551 0:59:45 น. |
Counter : 491 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
นครสวรรค์ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สวัสดีทุกๆท่าน ผมก็อ่าน bloggang ของคนอื่นมานานไม่ได้มีเวลาเขียนของตัวเองซักที ขอฝากเนื้อฝากตัว(ตัวอ้วนๆ)ด้วยนะคร้าบบบบ
|
|
|
|
|
|
|
|