ขึ้นศาลครั้งแรกในชีวิต ทำให้พบกว่า คนตอแหลยังไงก็ตอแหลวันยังค่ำ
(บางช่วงที่เขียนอาจจะมีคำไม่สุภาพนิดหน่อยนะคะ ขอหน่อยเหอะค่ะ ทนคนอย่างนี้ไม่ไหวค่ะ)
วันที่ 12 กพ. 52 ได้เจอประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิต (แต่ขอไม่เจออีกนะคะ) นั่นก็คือไปขึ้นศาลครั้งแรก ในฐานะโจทก์ ฟ้องร้อง คนที่ครั้งนึงเคยคิดว่าเป็นเพื่อนสนิท ( ซึ่งต่อไปนี้ขอเรียกว่าจำเลย ) ซึ่งครั้งนึงคน ๆ นี้ก็เล่นพันทิพและบล็อคอยู่ แต่ปัจจุบันได้คืนล็อคอินเก่าไปแล้ว (คืนล็อคอินเก่านะคะ ปัจจุบันล็อคอินอะไร ไม่ทราบได้ค่ะ เพราะคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับคน ๆ นี้อีกแล้ว)
ขอบอกว่าตื่นเต้นมากกกกกกกก ขนาดแค่ฟ้องจำเลยที่ไม่ยอมชำระหนี้ตามสัญญาใช้เงินนะคะ
และได้เห็นคนตอแหลเห็น ๆ เลย ตอแหลแบบไม่สนใจเลย ว่าเราจะคิดว่าไง
ขอสรุปเรื่องให้ฟัง (แต่ยาวหน่อยนะ) จะข้ามไปก่อนก็ได้ค่ะ
เกิดจากการจะทำร้านเนตและเช่าหนังสือร่วมกัน จำเลยรับเป็นคนติดต่อเรื่องคอม บอกว่าจะได้คอมหลายรอบแล้วแต่ไม่ได้สักที หลายเดือนผ่านไป เราเลยว่าถ้าไปรับคอมอีกครั้งแล้วไม่ได้อีก ก็เลิกทำร้านเหอะ แต่จำเลยก็เงียบไม่บอกอะไรเลย ได้แต่นัดกินข้าวกะน้อง ๆ ในพันทิพอีก 2 คน
พอถึงวันนัดกินข้าว เมื่อกินข้าวเสร็จ จำเลยบอกเราว่าเค้าตกลงตามข้อเสนอเรา คือให้เราถอนตัวออกมา คอมก็ได้แล้ว ส่วนเค้าจะขอดำเนินการต่อ แต่เค้าไม่มีเงินสดคืนให้ เลยทำสัญญาชำระหนี้มาให้เราเซ็นต์ พิมพ์พยานมาเรียบร้อยหมดแล้ว เราก็ได้แต่เอ๋อสิ เพราะไม่มีการคุยกันก่อน แต่ก็ยอมเซ็นต์ให้ เพราะเห็นแล้วว่าถ้ายังทำร่วมกันอีกคงมีปัญหาแน่นอน (เราให้เค้าหักค่าแต่งร้านด้วย แต่เค้าบอกว่าไม่หัก)
สุดท้ายจำเลยก็ชำระเงินมาให้เราแค่งวดเดียว เมื่อทวงถามไปกลับเงียบ โทร.ไปก็ไม่รับสาย ใช้เบอร์คนอื่นโทร.พอรู้ว่าเป็นเราก็ตัดสายทิ้ง หลังไมค์ไปก็เงียบ เลยสอบถามไปยังคนที่รู้จักจำเลยว่าจำเลยยังอยู่ดีหรือเปล่า กลับได้รับคำตอบว่า จำเลยกำลังจะไปต่างประเทศ (เรายังไปเจอจำเลยตั้งกระทู้ถามเรื่องขอวีซ่าไปประเทศแถบยุโรปเลย) สุดท้ายจำเลยก็คืนล็อคอินไป
ติดต่อพ่อจำเลยไป ก็บอกว่าจะชำระแทนให้เดือนละ 2000 แต่สุดท้ายก็ชำระมาแค่ 1000 เดือนเดียว แล้วก็ไม่มีการชำระต่อ(โทร.ทวงจนค่าโทร.เกิน 1000 ไปเยอะแล้ว 555 )
น้องที่เป็นพยานเล่าให้ฟังว่า จำเลยเคยเปรย ๆ ไว้ ว่าถ้าเราต้องการเงินจำนวนนี้ก็ให้เราฟ้องเอา ถ้าฟ้องก็นานกว่าจะได้เงิน
สุดท้ายเราเลยตั้งกระทู้ เพื่อเตือนคนในบอร์ด ในเรื่องของจำเลย คนอื่นจะได้ไม่โดนเหมือนอย่างเรา (จำเลยมีคนรู้จักในบอร์ดเยอะพอสมควร) เพราะเราคิดว่า(อันนี้เราคิดเองนะ) ยอดเงินที่จำเลยติดเรา ไม่น่าจะทำให้เค้าต้องหนีขนาดนี้เลย มันน่าจะคุยกันได้
แต่ผ่านไปหลายเดือนจำเลยก็ยังเงียบ เราเลยให้ทนายดำเนินการ
ทนายได้ส่งหมายศาลให้ทราบถึงวันนัดขึ้นศาล และก่อนถึงวันขึ้นศาลตัวเราก็ได้ส่งเมลล์ไปให้จำเลยอีกรอบ(ทุกเมลล์ที่รู้ว่าจำเลยใช้อยู่) ตอนแรกไม่คิดว่าจำเลยจะมาแต่สุดท้ายก็มาจนได้
เข้าเรื่อง เรื่องคนตอแหลแล้วค่ะ 5555 (มีคำไม่สุภาพนิดหน่อยค่ะ) เกริ่นซะยาวเชียว
- เริ่มต้นจำเลยก็ตอแหลให้ทนายของทางเราฟังว่าที่ไม่คุยกะเรา เพราะเราเอาเรื่องเค้ามาประจาน เค้าเลยไม่มีเรื่องจะคุยเราแล้ว
(กว่าที่ช้านจะตั้งกระทู้เรื่องของแกเนี่ย ช้านก็ติดต่อแกไปกี่เดือนแล้ว โทร.ไปก็ไม่รับ ใช้เบอร์อื่นโทร.พอรู้ว่าเป็นช้านแกก็วางสาย หลังไมค์ไปก็เงียบ จนแกคืนล็อคอินนั่นแหละ ช้านถึงได้ตั้งกระทู้เรื่องแก)
-อยู่หน้าผู้พิพากษา มีการพูดไปร้องไห้ไป แล้วย้ำจังเลยว่าเราเคยตกลงกับจำเลยไว้ว่าจะร่วมรับผิดชอบธุรกิจที่ทำร่วมกัน ถ้าขาดทุนก็จะแบ่งกันคนละครึ่ง ( แล้วช้านได้ทำธุรกิจกะแกเหรอ แกให้ช้านถอนตัวออกก่อนจะเปิดร้านอีกนะ
ตอนเปิดร้านแรก ๆ มีคนเข้าเยอะ มีกำไร ยังบอกน้องที่เป็นพยานแบบดีใจเลยว่ามีกำไรเยอะ ทีอันนี้ไม่เห็นคิดจะแบ่งชั้นเลยนะ 555
กำไรไม่คิดแบ่ง แต่ตอนขาดทุนชั้นต้องรับผิดชอบเนี่ยนะ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ร่วมทำธุรกิจเลยด้วยซ้ำ )
-เรื่องชั้นวางหนังสือ บอกแต่ว่าแกไม่ได้ใช้ ช้านใช้ประโยชน์อยู่คนเดียว แกจะให้ชั้นรับผิดชอบส่วนนี้ให้ได้เลยนะ
(ก็ตอนแต่งร้านใครเป็นคนคิดทำชั้นลอยติดฝาผนังนี้ล่ะ ไม่ใช่แกเหรอ ช้านน่ะแค่ซื้อชั้นวางหนังสือมาตั้งก็พอแล้ว แกบอกว่าสวยดีแล้วแกก็ลูกน้องแกเป็นคนทำน่ะ แล้วตอนแกให้ช้านเซ้นต์สัญญาชำระเงิน ช้านก็บอกแกแล้วว่าให้หักค่าตกแต่งร้านไป แกก็ยังจะยังสรุปเป็นยอดเงินตามสัญญาอ่ะ)
- แม่แกว่าแกให้คนในศาลได้ยิน ว่าแกโง่ให้โดนหลอกได้ คราวหลังจะเซ็นต์สัญญาอะไรก็ให้แม่ดูก่อนนะ
(แม่ขรา ลูกแม่เนี่ยโง่มากเลยนะคะ เพราะเป็นคนจัดทำสัญญามาให้นู๋เซ็นต์เองนะคะแม่ขรา นู๋ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยค่ะแม่ นู๋เซ็นต์ไปแบบมึน ๆ อยู่เลยค่ะ 5555)
* ขอเพิ่มค่ะ ถ้านู๋คิดจะโกง วันนั้นนู๋คงไม่บอกยอดเงินที่แท้จริงที่นู๋ลงทุนหรอก ลูกแม่เขียนเงินในสัญญาเกินมา 2 หมื่น แต่นู๋บอกลูกแม่ไปเองค่ะ ว่านู๋ลงทุนไป 5 หมื่น ลูกแม่ถึงได้แก้ยอดเงินเป็น 5 หมื่นตามที่นู๋บอก
-บอกผู้พิพากษาอีกว่าตอนนี้ไม่เล่นบอร์พันทิพเพราะช้านประจานแก โดยไม่เล่ารายละเอียดให้คนอื่นฟัง
(เลยทำให้คนอื่นก็เข้าใจแกผิดสินะ ทั้ง ๆ ที่ในกระทู้ชั้นเล่ายาวกว่าในนี้เยอะแยะเลย ช้านไม่ได้ประจานนะ ช้านแค่ตั้งกระทู้เตือนคนอื่น จะได้ระวังไม่โดนอย่างช้านอ่ะ)
ก่อนตกลงยอดเงินที่ต้องชำระได้ แม่แกมีขู่ช้านด้วยนะ ว่าจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย ที่ไม่ได้ค่าเช่าห้องเพราะเอาห้องไปร้าน
(ช้านเลยบอกแม่ไปน่ะ ว่างั้นแม่ก็ฟ้องเลย จริง ๆ อันนี้แกก็คุยกะแม่แกเองไม่ใช่เหรอ แล้วแม่แกยังเคยบอกชั้นเลย ว่าแม่ให้ที่ทำร้าน ถ้ายังไม่มีกำไร ก็ยังไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แต่สุดท้ายช้านก็ไม่ทำร้านกะแกอยู่ดีนั่นแหละ)
สรุปว่า จากยอดหนี้ 45,000 จะขอชำระแค่ 20,000 สุดท้ายเลยจบลงที่ 28,000 แบ่งชำระเดือนละ 1,000 (กว่าจะได้ยอดนี้ก็คุยกันหลายรอบ เพราะจะไม่ยอมท่าเดียว ขนาดให้ชำระเดือนละ 1,000 เหมือนเดิม แต่เพิ่มจำนวนเดือนมากขึ้นก็ไม่ยอม บอกว่าเดือนที่เกินว่าที่ตั้งไว้นั้นไม่มีเงินชำระไม่ไหว คนบร้าอะไรว๊าคิดได้ไงกับคำแก้ตัวนี้อ่ะ )
- ระหว่างรอทนายไปจัดพิมพ์สัญญาประนอมหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ แม่แกมีพูดให้ชั้นได้ยินอีกนะ ว่าชั้นลงทุนไปแค่ 50,000.- จ่ายไปแล้ว 11,000 แล้วยังต้องจ่ายเพิ่ม 28,000 ช้านขาดทุนแค่หมื่นกว่าเองน๊า(พูดน้ำเสียงแบบจะให้ชั้นรับผิดชอบผลขาดทุนทั้งหมดเลยมั๊งเนี่ย)
(อีบร้า ก็ลูกแกให้ช้านถอนตัวออกก่อนเปิดร้านอีก ถ้าช้านยังลงทุนร่วมกะลูกแก ช้านก็รับผลขาดทุนร่วมอยู่แล้ว ช้านน่ะพูดเป็นคำพูดอยู่แล้ว ลูกแกเป็นตัวตั้งตัวตีในการเปิดร้านด้วยนะ จิง ๆ ชั้นไม่ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ด้วยซ้ำ นี่ช้านยอมขาดทุนเกือบ 2 หมื่น เพราะเห็นใจลูกแก แล้วคิดซะว่าเป็นค่าทำชั้นหนังสือที่ลูกแกพูดแล้วพูดอีก )
(ไอ้ยอดเงินเกือบ 20,000 ที่ว่า ช้านรวมค่าดำเนินการฟ้อง แต่ยังไม่รวมเงินที่ลูกแกบอกว่าจะให้เป็นดอกเบี้ย แล้วยังดอกเบี้ยค้างชำระอีก ยอดเงินนี้ก็ถือว่าให้ทานไปละกันจะได้จบสิ้นกันที)
ได้คุยกะเพื่อน ๆ หลายคน แล้ว สรุปเหมือนกันนะ ว่าแกคงคิดว่าช้านคงไม่กล้าฟ้องแก (แกไม่รู้ว่าช้านมีญาติเป็นทนาย) แกเห็นว่ายอดเงินไม่เยอะ แล้วช้านก็ใจดี , ไม่ค่อยกล้ากะเรื่องพวกนี้ด้วย
สุดท้ายตอนนี้ก็คงต้องรอดูว่าจะชำระเงินให้เดือนละพันทุกเดือนหรือเปล่า หรือว่าต้องให้ทวงอีก
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
16 comments |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 9:36:28 น. |
Counter : 6726 Pageviews. |
|
 |
|