สถานที่ท่องเที่ยว : วัดปากน้ำโจ้โล้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา, ฉะเชิงเทรา Thailand พิกัด GPS : 13° 44' 31.52" N 101° 12' 32.79" E
วัดปากน้ำโจ้โล้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ความเป็นมา วัดปากน้ำโจ้โล้ เดิมเคยเป็นสำนักสงฆ์ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย(ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัด)ในช่วงก่อนที่กรุงศรีอยุธยจะแตกน้น พระยาตากเห็นว่าอยุธยาคงจะเสียทีให้แก่พม่าแน่แล้ว จึงยกทัพตีฝ่าวงล้อมพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยา มุ่งหน้ามาทางแถบตะวันออก เพื่อรวบรวมกำลังกลับไปชิงบ้านเมืองคืน การเดินทางนั้นมีหลักฐานว่าผ่านมาทางนครนายก ฉะเชิงเทรา ขณะที่ผ่านฉะเชิงเทราได้เกิดปะทะกับกองทัพพม่า ในเวลานั้นทางพม่ามีกำลังพลมากกว่านัก พระยาตากจึงออกอุบายส่งเรือจำนวนน้อยล่องมาก่อน และซุ่มกองกำลังจำนวนมากไว้หวังตีโอบล้อมพม่า มีผู้เล่ากันว่าพระยาตากนั้นได้โล้เรือนำมาล่อพม่าด้วยพระองค์เอง กาลศึกครั้งนั้นก็สำเร็จด้วยชัยชนะ ผู้คนจึงกล่าวถึงว่า"เจ้าโล้" และในเวลาผ่านไปก็เพี้ยนเป็น"โจ้โล้"
สภาพทั่วไปของวัดปัจจุบัน วัดติดกับถนน มีประตูทางเข้าออกชัดเจน เมื่อเข้ามาจะมีพื้นทีลานจอดกว้างขวางด้านติดกับทางเข้าออก ด้านในเข้ามาจะมีพื้นที่ริมแม่น้ำเป็นลาน และสนามหญ้า มีเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อน โดยเฉพาะยามเย็นจะน่านั่งมาก ติดกำแพงวัดด้านถนนจะมีร้านค้าซึ่งเป็นสินค้าชาวบ้านมาจำหน่าย ราคาสมเหตุผล แม่ค้า พ่อค้า ส่วนมากมีน้ำใจงามมาก
จุดเด่นต่างๆ ของวัด ในวัดจะใช้สีทองในการตกแต่งอาคารต่างๆ เช่น อุโบสถสีทอง ซึ่งสร้างแทนอุโบสถเก่าที่เดิมตั้งริมน้ำและถูกน้ำกัดเซาะ โดยมีพระอาจารย์เอกลักษณ์ ปัญญาคโมดูและการบูรณะ โดยใช้ลวดลายปูนปั้นอ่อ้อย วิจิตร ประณีต โดยมุ่งจำลองภาพบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อให้ผู้พบเห็นเกิดปิติ โดยอุโบสถหันหน้าไปทิศตะวันออก มีการปั้นพญานาค ธรรมจักร ประดับหลังคา ตรงกลางมีพุษบกยอดฉัตร ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาติ ทางเข้าอุโบสถ มีซุ้มประตูทางเข้า 4 ด้าน ด้านหน้าและหลังโบสถ์ มีทวารบาลร่างสูงใหญ่ซุ้มละ 2 องค์ ซุ้มประตูด้านหน้ามีท้าวธตรฐมหาราช (ผู้ดูแลทิศตะวันออก) และท้าววิรุฬหกมหาราช (ผู้ดูแลทิศใต้) ส่วนซุ้มประตูด้านหลัง มีทวารบาล เป็นท้าวเวสสุวรรณ มหาราช (ผู้ดูแลทิศเหนือ) และท้าววิรุฬปักษ์มหาราช (ผู้ดูแลทิศตะวันตก) ซุ้มประตูโบสถ์ด้านข้าง ทำเป็นซุ้มขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยลวดลายที่วิจิตรบรรจง อ่อนช้อยสวยงาม มีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ตั้งอยู่ 3 องค์ และมีพระอินทร์ทรงช้าง 3 เศียร อยู่บริเวณข้างซุ้มประตู โดยรอบอุโบสถมีกำแพงแก้วล้อมรอบ 2 ชั้น กำแพงแก้วชั้นนอกตกแต่งด้วยลวดลายธรรมจักร สลับกับโคมไฟรูปช้างสามเศียรเป็นระยะๆ เมื่อเข้าไปยังด้านใน จะเป็นบริเวณลานทักษิณาวัตร โดยรอบมีซุ้มเสมาที่ตกแต่งเป็นยอดแหลม ประดับลวดลายสวยงามตั้งไว้ทั้ง 8 ทิศ จากลานทักษิณาวัตร มีบันไดเล็กๆ ขึ้นไปยังบริเวณกำแพงแก้วชั้นใน เชิงบันไดทางขึ้นมี สกุณคชสีห์ 2 ตัว(เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ ตัวเป็นราชสีห์ มีงวง และงาเหมือนช้าง ด้านหลังมีปีกเหมือนนก) จากนั้นจะเป็นส่วนของกำแพงแก้วชั้นใน ที่ระเบียงตกแต่งด้วยตัวแบกหนุมาน สลับกับยักษ์ถือกระบองประดับอยู่ที่โคนเสาแต่ละต้น ทางเข้าอุโบสถ มีประตูทางเข้า 3 ประตู ด้านหน้า 1 ด้านหลัง 2 ตรงกลางประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร) ภายในยังคงใช้สีทองทั้งหมด มีการประดับกรอบประตู หน้าต่างด้วยลวดลายปูนปั้น ด้านข้างจัดวางพระพุทธรูปตัวแทนของพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ให้ได้ใส่บาตรเหรียญ ด้านท้ายอุโบสถ จัดให้มีทางเดินลอดใต้ฐานพระประธาน เพื่อความเป็นสิริมงคล ใครที่กราบบูชาพระแล้ว ให้เดินไปทางซ้ายขององค์พระประธานเพื่อลอดใต้ฐานพระด้วย อ้างอิง ขอขอบคุณข้อมูลจาก ceediz.com, painaidii.com, paiduaykan.com
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2562 |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2562 15:21:39 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1140 Pageviews. |
|
|