เทคนิคการทำเอกสารขอกู้ซื้อบ้าน (ในแบบของเรา)
ด้วยความที่เห็นตัวอย่างของเพื่อนในชายคา ว่าเครียดกันเป็นเดือน ก็เลยตัดสินใจยี่นกู้ 100% กับ LH Bank ซึ่งดอกเบี้ยสูงกว่าชาวบ้านอยู่หลาย % คิดว่าน่าจะผ่านแบบไม่ต้องเครียดต้องลุ้นมาก (ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์) ข้อมูลการเงินของเรา ณ วันยื่นกู้ ทำเรื่องกู้ซื้อบ้าน ราคา 5.9 ล้าน ทรัพย์สิน-รายรับ1. รายได้ 2 คน รวม 1.2แสนต่อเดือน 2. โบนัส 2 เดือนก็ 2.4 แสน ต่อปี 3. มีคอนโดมูลค่า 2.2 ล้าน ปล่อยเช่าอยู่ 15000 บาท4. รถ 1 คันมูลค่า 4แสน5. หุ้น 3แสน6 เงินฝากประจำ + สลากออมสิน 2 แสนหนี้สิน-รายจ่าย1. ผ่อนคอนโด เดือนละ 10000 ยอดกู้ 1ล้าน 2. มีรถ 1 คัน จะผ่อนเดือนละ 9000 จะหมดใน 6 เดือนนี้ 3. มีตึกแถว 1 ห้อง ยอดกู้ 2 ล้าน ผ่อนเดือนละ 14000 (ที่จริงๆอันนี้ของพ่อแม่ ขอใช้ชื่อเราเป็นคนกู้ แต่ท่านผ่อนชำระเองจ๊ะ) 4. ค่าใช้จ่ายรายเดือนปรากฏว่า เค้าบอกว่าเราเป็นหนี้ ให้กู้ได้ 70% ต้องหาเงิน 1.8ล้านมาดาวน์ เลยกลับมาตั้งหลัก ติดต่อธนาคารอื่นๆ ทั้ง SCB (ทางโครงการแนะนำ), Bank Thai และ UOB ตอนนี้ได้ผลกู้มา 2 ที่ละจ๊ะ SCB ให้ 90% (มากสุดตามเกณฑ์ของธนาคาร ส่วนของ Bank Thai ให้ 85% เท่าที่ดูก็ ตามเกณฑ์ของเค้าเหมือนกัน ในที่สุดก็กู้ผ่านแล้วจ้า....... เลยมีข้อแนะนำในการทำเอกสารยื่นกู้มาฝากเพื่อนที่ยังติดปัญหาการกู้เงินอยู่จ๊ะ1. แสดงข้อมูล ทรัพย์สิน และ หนี้สินให้ครบถ้วน กรณีของเราที่เป็นหนี้อยู่ 2.1 ล้าน (บ้านพ่อแม่) แต่เราไม่ได้จ่ายค่าผ่อนนะ พ่อกะแม่มาขอให้เป็นผู้กู้อ่ะจ๊ะ อันนี้ก็ต้องแจ้งเค้าไปเลย ว่ามีหนี้ แต่ไม่ใช่ของเรา และอย่าพยายามหลบเลี่ยงไม่เขียนเด็ดขาด เพราะยังงัยเค้าก็เช็คเจออยู่ดี (ยกเว้นพวกที่ไม่เข้า เครดิตบูโร)2. จัดเอกสารแยกส่วนที่เป็นทรัพย์สินทั้งหมด กับ ส่วนหนี้สินออกจากกันอย่างชัดเจน เช่น ใบรับรองเงินเดือน statment ต่างๆ รวมทั้ง เงินฝาก ใบหุ้น เงินจากค่าเช่า (มีบ้านให้เช่า) และอื่นๆ ก็ให้แยกออกจาก ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน บัตรเครดิต เป็นต้น3. ทำใบสรุปทรัพย์สิน-หนี้สินปะหน้าเอกสาร4. คนที่ทำประกันระยะยาวเอาไว้ คิดให้ดีก่อนเขียนลงไปในใบขอกู้ เพราะบางธนาคารเค้ามองว่าเป็นหนี้สิน (รายจ่ายประจำ) บางที่อาจให้เป็นทรัพยสินกรณีที่ใกลัครบอายุสัญญา และจะมีเงินคืน สำหรับเราเองไม่ได้เขียนประกันลงไปสักฉบับ (ประกันชีวิตยังไม่ได้เข้าบูโรจ๊ะ)5. จัดการเคลียร์หนี้ที่สามารถเคลียร์ให้เป็น 0 ได้อย่างเช่น O/D หนี้บัตรเครดิต เพื่อให้เห็นส่วนทรัพย์สินมากที่สุด และให้ส่วนหนี้สินน้อยที่สุด (ยกเว้นอันที่ไม่เข้าเครดิตบูโร ไม่แน่ในว่า Aeon เข้าได้มั๊ยนะคะ) 6. มีความสัมพันธ์อันดีกับ เจ้าหน้าที่บุคคลของบริษัทที่ทำงานอยู่ เพราะธนาคารบางแห่งจะมาสอบถามจากเจ้าหน้าที่บุคคล กรณีของเรา SCB เค้าโทรมาถาม HR ด้วยจ๊ะปล. ที่เขียนมาข้างต้น แฟนเราเป็นคนทำค่ะ แต่เราแอบเอามาบอกต่อ เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ที่กำลังมีปัญหาการกู้อยู่จ๊ะ เพื่อนๆ เอาไปใช้ได้ผลยังงัย แวะมาบอกกันบ้างนะคะ