-
ใครที่สามารถควบคุมความรู้สึกได้อนาคตก็จะอยู่ในกำมือ
-
การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนก็เหมือนกับการเขียนบทชีวิตให้ตัวเอง มุ่งเป้าหมายหรือผลลัพธ์ก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาหาเหตุ โดยกำหนดแนวทางที่จะไปถึงเป้าหมายและขอให้เชื่อว่าเราจะทำได้จริงๆ
-
กำหนดภาพความสำเร็จที่ต้องการขึ้นมาก่อน ใส่ความรู้สึกลงไปในทางที่สอดคล้องกับภาพนั้น
-
ยิ่งคิดเป็นภาพแห่งความรู้สึกชัดเจนเท่าไหร่ ตัวคุณก็จะมีสภาพเป็นแม่เหล็กมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะต้องการอะไรคุณจะดึงดูดนำพาสิ่งต่างๆเข้ามา
-
ในแต่ละวันเมื่อคุณได้พบกับใคร ควรใส่ความรู้สึกดีๆเข้าไปในการพบปะนั้นด้วย ผู้นำที่ประสบความสำเร็จล้วนแต่มีความสามารถพิเศษในการประทับความรู้สึกที่ดีไว้ในใจของผู้คนที่ได้พบเจอ
-
เมื่อเป้าหมายในใจชัดอุปสรรคใหญ่จะกลายเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าภาพแห่งความสำเร็จในใจไม่ชัด อุปสรรคเล็กๆก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
-
การจินตนาการภาพในใจคือเคล็ดลับของความสำเร็จ
-
การจินตนาการภาพเคลื่อนไหวจะประทับลงในจิตใต้สำนึกง่ายกว่าภาพนิ่ง
-
สิ่งหนึ่งที่คนเก่งทุกคนมีเหมือนกันก็คือความมั่นใจในความสำเร็จ
-
การเอาชนะใจตนเองยากที่สุด แต่ถ้าสามารถทำได้จะต่อสู้กับอะไรบนโลกนี้ก็ไม่มีทางพ่ายแพ้
-
ต้องสร้างภาพในจินตนาการก่อนเสมอ ยิ่งภาพความสำเร็จชัดเจนมากเท่าไหร่โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีสูงมากเท่านั้น
-
สิ่งที่คนเราต่างกันที่ความสามารถในการจินตนาการ
-
จุดที่ตัดสินว่าใครชนะจะเป็นของใครอยู่กับความเข้มของความรู้สึกต่อภาพแห่งความสำเร็จ
-
ภาพในใจยังไม่มีพลังใดๆจนกว่าจะแปลงเป็นภาพแห่งความรู้สึก
-
เมื่อเห็นผู้อื่นสบความสำเร็จจงเพ่งมองความรู้สึกของเขาในขณะนั้น ร่วมยินดีกับเขา มีอารมณ์ร่วมกับเขา ภายหลังเมื่อต้องการประสบความสำเร็จแบบนั้นบ้างการดึงเอาความรู้สึกนั้นขึ้นมารวมกับภาพในฝันจะสามารถทำได้ง่ายขึ้น
-
ความรู้สึกขอบคุณสามารถสร้างความสุขได้อย่างปัจจุบันทันด่วน หากเรารู้สึกขอบคุณบ่อยๆ ความสุขนั้นจะเก็บไว้ในจิตอย่างชัดเจนและสามารถดึงออกมาใช้ได้ตลอดเวลา
-
ถ้าเราคิดดี สิ่งดีๆก็จะเกิดขึ้น
-
ความคิดสามารถส่งพลังออกมาภายนอกได้ก็ต่อเมื่อความคิดนั้นเปลี่ยนแปลงเป็นความรู้สึกแล้ว
-
การหยุดใจแม้จะเป็นเรื่องยากแต่ไม่เกินความพยายาม และวิธีเดียวที่จะทำได้คือใช้สติเข้าไปจับความรู้สึกให้ทัน
-
ทุกสิ่งมีทั้งลบและบวก ต้องค้นให้พบบวกและนำออกมาใช้ ส่วนสิ่งที่เป็นลบก็ควรหลีกเลี่ยง ผู้ที่คิดบวกอยู่เสมอจะเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่แม้ในสิ่งที่เป็นลบก็ตาม
-
คัดเลือกเฉพาะความคิดในทางบวกให้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิต
-
จงพยายามฝึกมองส่วนบวกที่ซ่อนอยู่ในลบ จนเกิดความสามารถพิเศษ เพราะคนที่จะเป็นอัจฉริยะได้ต้องมีความสามารถพิเศษนี้
-
ถ้าต้องการให้จิตใต้สำนึกจำได้แม่นยำไม่ลืม ต้องให้สติสัมปชัญญะกำหนดอยู่เป็นประจำ จะทำให้มีการจดจำและฝังไว้ในจิตใต้สำนึก เช่น ก่อนวางกุญแจเรากำหนดสติบอกตัวเองว่าวางไว้ตรงนี้ เราจะไม่ลืมกุญแจนั้นเลย
-
จิตใต้สำนึกมีพลังมากมายแฝงอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังแห่งความรู้สึก ถ้าใครพบความลับของการดึงความรู้สึกออกมาจากจิตใต้สำนึกได้ เขาจะกลายเป็นอัจฉริยะบุคคลทันที
-
จิตสำนึกจะเรียนรู้จากประสบการณ์จริง แต่จิตใต้สำนึกจะเรียนรู้จากความฝันและจินตนาการ
-
ฝึกพูดบวกให้บ่อยจนกลายเป็นนิสัย แล้วจะพบว่าสิ่งดีๆเข้ามาสู่ชีวิตคุณอย่างมากมายจนเกินบรรยาย
-
ควรร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อส่งสัญญาณไปยังติดใต้สำนึกว่าเราก็ต้องการประสบสิ่งเหล่านี้
-
ถ้าต้องการภาพชีวิตแบบไหนก็เพียงแต่ปรับความถี่ของจอภาพให้ตรงกับคลื่นความถี่ของจักรวาล
-
เราควรคิดแต่ในทางบวก อย่าไปคิดในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ เช่น ไม่ควรคิดว่าฉันไม่อยากอ้วน แต่ให้เปลี่ยนเป็นรูปร่างในฝันของฉันคือผอมเพรียวแทน เพราะจิตใต้สำนึกไม่เข้าใจคำว่าไม่
-
จิตใต้สำนึกมีพลังอำนาจมากกว่าจิตสำนึกหลายหมื่นหลายแสนเท่า การทำงานของจิตใต้สำนึกอยู่เหนือมิติที่ 4
-
การสร้างความประทับใจกับใครไม่จำเป็นต้องสร้างด้วยของมีค่าราคาแพง ถ้ารู้จักเล็ดลับในการให้ มีจังหวะที่เหมาะสม แม้สิ่งเล็กน้อย เช่น กาแฟสักถ้วย รอยยิ้มสักนิด ก็สร้างความรู้สึกดีๆขึ้นมาได้
-
จิตใต้สำนึกทำงานแม้ในขณะหลับ แต่ละวันควรระลึกถึงสิ่งดีๆก่อนล้มตัวลงนอน
-
ถ้าจำเป็นต้องรับรู้เรื่องทางลบ จงพลิกความคิดนั้นให้เป็นบวก และไม่ยึดติดกับสิ่งลบ
-
เลิกการสร้างเวรกับผู้อื่นโดยเด็ดขาด เพื่อจะได้ไม่มีสิ่งแย่ๆในจิตใต้สำนึก
-
ศิลปะการคิดขั้นสุดยอดคือ ดูเหมือนจะอยากแต่ไม่คิดอยาก
-
จงช่วยตัวเองก่อนแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยท่าน
-
ความอยากปิดกั้นการทำงานของพลังจิตใต้สำนึก ที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ
-
ความอยากมีคุณสมบัติเป็นลบในตัวของมันเอง
-
อย่าอธิษฐานขอที่เป้าหมาย แต่ให้ขอสิ่งที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมาย เช่นขอให้มีพลังกาย พลังใจ พลังสติปัญญา
-
ตั้งจิตอธิษฐานโดยปราศจากความอยาก เชื่อมั่นในสิ่งที่อธิษฐานโดยไม่มีความลังเลสงสัย จินตนาการภาพแห่งความรู้สึกว่าได้สิ่งนั้นมาแล้วด้วยความปรีดาปราโมช และเตรียมกายใจให้พร้อม
-
ทำราวกับว่าคุณผ่านเหตุการณ์นั้นไปแล้ว แล้วนึกย้อนมาถึงเหตุการณ์นั้น ความอยากก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะคุณประสบความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วจึงไม่คิดอย่าก
-
ความพยายามเป็นตัวระงับความอยากได้
-
เมื่อมีความรู้สึกอยากสิ่งใด จงเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเชื่อแทน เช่น อยากสอบได้ ให้เปลี่ยนเป็นเชื่อว่าสอบได้
-
พยายามสร้างภาพความรู้สึกลงในเป้าหมายจากเรื่องง่ายๆก่อน เมื่อสำเร็จ ความรู้สึกครั้งต่อๆไปจะเข้มข้นขึ้นโดยอัตโนมัติ
-
ไม่ต้องการเจ็บป่วย ให้คิดเป็นต้องการมีสุขภาพที่แข็งแรง และอธิษฐานให้ตัวเองมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ให้เชื่อด้วยว่าสุขภาพแข็งแรงจริงๆ และสุดท้ายคือสร้างความรู้สึกของคนที่สุขภาพแข็งแรงให้เกิดขึ้นกับตัวคุณ
-
ขณะที่กำลังมีความสุข ลองดึงตัวออกจากความสุขนั้น ดึงความสุขออกจากใจ ให้ดูอาการเกิดดับของมันด้วยสติว่าเป็นเช่นนั้นเอง ไม่มีใครสุขไปตลอด ดูจนมันดับ จะพบว่าความสุขก็คืออารมณ์ มายาหนึ่งเท่านั้น
-
การฝึกสุขออกจากใจ ไม่ยากเท่าการดึงทุกข์ออกจากใจ ฉะนั้นเมื่อมีความทุกข์ในอนาคตจะสามารถดึงทุกข์ออกจากใจได้โดยอัตโนมัติ
-
จงเปลี่ยนความอยากให้เป็นความพยายาม
-
ความกลัวอุปสรรคต่อความสำเร็จในชีวิตมากกว่าความโกรธ เพราะความคิดในเชิงบวกจะหายไปทั้งหมด
-
อย่ากลัวเหตุการณ์ในอนาคต อยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วพรุ่งนี้จะดูแลตัวของมันเอง
-
ความกลัวเป็นตัวขัดขวางศักยภาพการทำงานของจิตอย่างรุนแรง ถ้าไม่กลัวเสียอย่างจิตจะเป็นอิสระและมีพลังสามารถทำอะไรได้มากมายมหาศาล
-
ยิ่งมีสติ ยิ่งไม่กลัว
-
จงฝึกเปลี่ยนความคิดให้เป็นความเชื่อ พลังของความเชื่อเหนือกว่าการคิดมาก เช่น คิดว่าสามีรักให้เปลี่ยนเป็น เชื่อว่าสามีรัก คิดว่าจะชนะให้เปลี่ยนเป็น เชื่อว่าจะชนะ
-
ความเชื่อของคุณจะส่งผลไปยังความเชื่อของคนใกล้ชิดได้ด้วย จงเชื่อว่าพวกเขาทำได้ด้วยใจจริง จะเหนี่ยวนำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ
-
ก่อนอื่นต้องเชื่อมั่นในตัวเองเสียก่อน จะเกิดแรงดึงดูดให้คนอื่นเชื่อมั่นในตัวเราด้วย
-
เหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือกฎแห่งกรรมยังมีวิปัสสนากรรมฐาน
-
พยายามอยู่ในสังคมดีๆจะทำให้เราก้าวหน้าโดยอัตโนมัติ
-
ถ้าต้องอยู่ท่ามกลางคนคิดลบต้องพยายามดีดตัวออกมาให้เร็วที่สุด ถ้าทำไม่ได้อย่างน้อยก็อย่าปล่อยให้ความคิดลบนั้นเข้ามาฝังในจิตเรา
-
เมื่อเรามีสติความคิดลบจะไม่สามารถเข้าไปฝังในจิตใต้สำนึกได้
-
อย่าคิดลบกับสิ่งที่เป็นลบ จะทำให้เรื่องราวแย่ลงไปอีก
-
ทุกคนมีส่วนบวกและลบอยู่ในตัว พยายามฝึกมองไปที่ส่วนบวก
-
จงเอาชนะความตระหนี่ด้วยการให้
-
ถ้าคุณคิดดี สิ่งดีๆก็จะเกิดขึ้นในชีวิต
-
ถ้าเจอกับคนคิดลบ ให้ใช้วิธีเติมพลังบวกจากตัวคุณใส่เข้าไปในตัวเขาเรื่อยๆ เพื่อลดสภาพลบของเขา
-
จงมองด้านดีของคนอื่น ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
-
จงพลิกสถานการณ์และทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตให้เป็นบวก
-
ชีวิตไม่สามารถหนีปัญหาได้ เพียงแต่ต้องกำหนดสติแยกปัญหาออกมา แล้วพิจารณาตามหลักวิปัสสนากรรมฐาน จะสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
-
เครื่องมือจำกัดความรู้สึกลบอย่างได้ผลได้แก่ การให้อภัย การแผ่เมตตา การให้ความรัก การแสดงออกในเชิงบวก การยอมรับจุดที่แย่ที่สุด การถอยตั้งหลัก การปลีกวิเวก การระบายความรู้สึก การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง การทำงานอดิเรก และ การสำนึกรู้คุณ
-
ความรู้สึกพอ จะทำให้ชีวิตมีความสุข และเกิดความรู้สึกอยากจะแบ่งปันให้คนอื่น ความรู้สึกพอนี้เป็นทางลัดที่ง่ายที่สุด และเป็นพลังดึงดูดนำความมั่งคั่งมาสู่ตัวคุณ
-
จงแผ่เมตตาให้ทุกสรรพสิ่ง
-
ถ้าตัดสุขได้ ก็จะตัดทุกข์ได้
-
การตัดความรู้สึกไม่ใช่การตัดครั้งเดียวขาด แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปด้วยความพยายามและอดทน
-
ความไม่อยาก ถือเป็นปัญหาเช่นกัน เมื่อเรารู้สึกไม่อยากเหมือนเป็นการเปิดจุดอ่อนให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับรู้
-
เกลียดอะไรมักได้สิ่งนั้น
-
ถ้าเราปล่อยให้ความคิดลบเกิดขึ้นหลายๆครั้ง มันจะกลายเป็นความรู้สึกลบ
-
ทุกครั้งที่เราคิดบวก กรรมเก่าจะทำอะไรไม่ได้
-
เราไม่สามารถคิดบวกและลบในเวลาเดียวกันได้สมองเราทำงานทีละหนึ่งความคิด
-
เมื่อใดรู้สึกเชิงลบแสดงว่ากรรมเก่ากำลังทำงาน สามารถระงับได้ด้วยการกำหนดสติ และเปลี่ยนความคิดซึ่งเป็นกรรมปัจจุบันให้เป็นบวก
-
ภาพแห่งความรู้สึกจะเกิดขึ้นมาได้ต้องอาศัยองค์ประกอบทั้ง 5 ส่วนของขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้
-
พลังแห่งความรู้สึกสูงกว่าพลังแห่งความคิดมากเทียบกันไม่ได้ วิธีเดียวที่จะเอาชนะได้คือการฝึกสติ จนเกิดปัญญาเห็นว่ามัน ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
-
ถ้ากรรมเก่ายังไม่หมด ความรู้สึกและการตัดสินใจก็จะเป็นแบบเดิม ไม่ว่าจะย้อนอดีตไปสักกี่ครั้งก็ตาม
-
สิ่งที่ต้องแก้คือ จิต
-
เมื่อเกิดปัญญาการตัดสินใจในปัจจุบันขณะก็จะไม่ผิด ส่งผลให้เปลี่ยนชีวิตในอนาคตได้
-
อดีตผิดแล้วให้มันผิดไป สิ่งที่ต้องแก้ไขคือปัจจุบัน
-
คนทั่วไปจะเห็นทุกข์ง่ายกว่าสุข ถ้าฝึกจับที่ทุกข์ก่อน จะทำให้เห็นสุขชัดขึ้นด้วย
-
ความคิดคือกรรมปัจจุบันความรู้สึกคือกรรมเก่าสามารถระงับได้ด้วยการเจริญสติเปลี่ยนความคิดซึ่งเป็นกรรมปัจจุบันให้เป็นบวก
-
อารมณ์เป็นผลของความรู้สึก ถ้าฝึกควบคุมความรู้สึก อารมณ์ก็จะไม่เกิด เป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม
-
เจ้ากรรมนายเวรคือกรรมเก่า รวมไปถึงความรู้สึกที่ปรุงแต่งขึ้นจากจิตของคุณในปัจจุบันด้วย
-
คิดบวกอยู่ตลอดเวลา คือคนที่มีวาสนาดี
-
จงมองความรู้สึกของคนอื่นที่กระทำต่อเรา ว่ามีเหตุปัจจัยเป็นกรรมเก่าของเขาเอง อย่าเอาใจเข้าไปรับอารมณ์นั้น มิฉะนั้นเราจะร่วมรับกรรมด้วย
-
ความรู้สึกคือพลังงานอย่างหนึ่งไม่มีวันสูญหายแต่เปลี่ยนรูปได้
-
การเลิกแล้วต่อกันมีผลทำให้ไม่ต้องมาเจอกันอีกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน
-
จงคิดแต่สิ่งที่ดี สร้างมโนกรรมทางบวกให้กลายเป็นความเคยชิน จึงจัดว่าเป็นอาจิณณกรรม ซึ่งกรรมนี้ตามนี้จะปรากฏขึ้นในจิตก่อนตาย
-
ยิ่งคิดลบจะดึงดูดให้เกิดเหตุการณ์ร้ายเข้ามา การจะกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกจากชีวิตต้องคิดบวกเท่านั้น
-
การคิดบวกจะเหนี่ยวนำให้ศัตรูคิดบวกด้วย ในที่สุดกรรมจะหมดสิ้นเลิกแล้วต่อกัน
-
เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นซ้ำในชีวิตคุณคุณสามารถกำจัดได้ด้วยการคิดบวก
-
จงคิดบวกเสมอไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ
-
พูดแต่สิ่งดี คิดแต่สิ่งดี ทำแต่สิ่งดี จิตใต้สำนึกจะดึงดูดสิ่งที่เป็นบวกเข้ามาหา นำพาคุณไปสู่สิ่งที่ดี
-
ถ้าอยากปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองจนเริ่ม ณ บัดนี้ หากคุณฝึกเจริญสติ รู้ทันความคิดความรู้สึกได้มากเพียงใด ชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มากเพียงนั้น
เรียบเรียงจากหนังสือ เดอะ ท๊อป ซีเคร็ต
ผู้เขียน - ทันตแพทย์สม สุจีรา