มอเตอร์ไซค์ล้มแต่มีความสุข ประมาณ 1 เดือนที่แล้วแวะไปหาครูหน่อง ก่อนจะกลับเขาให้เสื้อคอปกสีเหลืองหนา ๆ มาหนึ่งตัว ถูกคะยั้นคะยอให้ลองใส่ดู จึงสวมทับเสื้อที่ใส่อยู่โดยไม่ได้ถอดออก และขอลากลับโดยยังใส่เสื้อ 2 ชั้นอยู่ทั้งแบบนั้น จากนั้นขับมอเตอร์ไซค์จะไปที่ห้องสมุดประชาชนในสวนลุม ช่วงกลับรถที่ยูเทิร์นหน้าสวนลุม ถูกแท็กซี่ชนช่วงโค้งยูเทิร์น ----------------------------------------------- จังหวะที่รถล้มและไถลไปกับถนน มีความคิดแล่นในหัวว่า "โดนแล้ว โดนแล้ว" แต่ก็มีอีกความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาด้วยว่า "ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้า" ล้มนอนกับพื้นจนลุงคนขับแท็กซี่ลงมาช่วยดึงให้ลุกจากพื้นถนน จากนั้นขยับรถ ยืนคุยกัน ไม่ให้รถติด ลุงคงไม่เข้าใจว่าคนโดนรถชน ยังหัวเราะดีใจได้อย่างไร (อันที่จริงคงไม่มีใครเข้าใจ)ผมหัวเราะและบอกกับลุงว่า "ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี" ------------------------------------------------- สิ่งแรกที่ห่วงคือ "ห่วงรถ" เพราะกลัวโดนที่บ้านว่า ไม่กลัวเจ็บ แต่กลัวโดนว่า สำรวจรถก่อนว่าอะไรพัง แล้วค่อยมาดูตัวว่าบาดเจ็บอะไรไหม (ห่วงรถมากกว่าห่วงตัว) ----------------------------- สิ่งที่รถพัง - พลาสติกหน้ารถแตกนิดหน่อยตรงมุมใกล้แฮนด์มือจับ (แตกไม่มากแต่สังเกตเห็นได้) - ป้ายทะเบียนหลุด เพราะแผ่นเหล็กด้านหลังทะเบียนขาด - จุกยางปิดนอตกระจกข้างขาด อาการบาดเจ็บ - เป็นแผลที่เท้า 6 ตำแหน่ง - เป็นแผลที่หัวเข่า - เป็นแผลที่หลังแขนข้างนึงใกล้ข้อศอก รองเท้าแตะ - ขาดข้างนึง ----------------------------- ความคิดในหัวคือ "จะปิดหลักฐานรถยังไงไม่ให้ที่บ้านรู้" (ห่วงรถมากกว่าห่วงตัว) ---------------------- ลุงดูตื่นตกใจมาก ๆ (คนชนตกใจมากกว่าคนถูกชน) ลุงบอกว่า "ลุงขอโทษ พอลุงเงยหน้ามา รถก็ถึงมอเตอร์ไซค์พ่อหนุ่มแล้ว" (สงสัยลุงเหม่อ) แล้วเล่าว่า ลุงเพิ่งมาขับวันนี้เป็นวันแรก ซวยจริง ๆ (ประเดิมแต่วันแรกเลยนะลุง) ผมหัวเราะพลางบอกกับลุงว่า "ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี" ลุงคงจะแปลกใจน่าดูว่าทำไมดูชื่นอกชื่นใจผิดปกติ พยายามปลอบลุงว่า "ลุงไม่ซวยหรอก" (คนโดนชน ปลอบใจคนชน) ------------------------ ตอนนี้ปัญหาหลัก คือรถมอเตอร์ไซค์ (ห่วงรถมากกว่าห่วงตัว กลัวที่บ้านว่า) ผมจึงกำหนดเหตุการณ์สมมติให้ลุงเขียนข้อความลงกระดาษ เผื่อที่บ้านอยากรู้ว่าทำไมรถโดนชน โดยเล่าว่า มอเตอร์ไซค์จอดอยู่ในห้างแล้วลุงถอยรถมา"แตะ"โดนมอเตอร์ไซค์ล้ม พลาสติกเลยแตก ลุงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และถามว่าจะเรียกเงินเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดจะเอาอะไรจากลุง ลุงเป็นทหารเก่า คงรู้สึกปลื้มใจ มาขอชื่อจะไปลง Facebook ในกลุ่มแท็กซี่ ---------------------------------- จบจาก "รถ" แล้ว เลยมาดู "คน"บ้าง เห็นเลือดไหลออกจากรูแผล 3 รู เป็นทาง 3 เส้น ลุงบอกว่าให้ไปทำแผล ตำแหน่งที่ถูกชน คือยูเทิร์นระหว่างสวนลุมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กำลังใจเริ่มไม่ค่อยจะดีรู้สึกโชคดีที่โดนรถชนหน้าโรงพยาบาลพอดิบพอดี เดินใส่รองเท้าแตะข้างเดียวเข็นรถไปที่วินมอเตอร์ไซค์หน้าโรงพยาบาล ส่วนลุงก็ขับรถไปจอดข้างทาง ไม่ให้ขวางถนน แล้ววิ่งตามมาทีหลัง มอเตอร์ไซค์รับจ้างบอกให้ไปทำแผล ลุงก็บอกให้ไปทำแผล มอเตอร์ไซค์เลยฝากไว้ที่วิน แล้วลุงขับแท็กซี่ขับพาเข้าไปส่งในโรงพยาบาล ลุงเล่าให้ฟังว่าวันนี้กำลังจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลอื่นอยู่เหมือนกัน แล้วตัดพ้อว่าวันนี้เพิ่งขับเป็นวันแรก ซวยจริง ๆ ก่อนแยกจากกันปลอบลุงอีกรอบว่า ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี ลุงไม่ซวยหรอก (คนชนตกใจมากกว่าคนถูกชน) ------------------------------- ทำแผลเสร็จ กะเผลกไปรับมอเตอร์ไซค์คืนที่วิน สิ่งแรกคือ ต้องวิ่งหาอะไหล่รถ (พลาสติกที่แตก) ให้ได้ (เป็นห่วงรถมากกว่าห่วงตัว กลัวที่บ้านว่า) มอเตอร์ไซค์รับจ้างบอกว่าศูนย์มอเตอร์ไซค์มีอะไหล่ แต่วันอาทิตย์เขาไม่เปิด ขับวนรอบวงเวียน 22 กรกฎา ไม่มีร้านไหนเปิด (โดนชนที่สวนลุม ขับไปหาอะไหล่ถึงวงเวียน 22 กรกฎา) กังวลใจเป็นอย่างมาก แม้คิดถึงพระเจ้า แต่กำลังใจไม่ค่อยจะดี ---------------------------------- เริ่มถึงเวลาเย็นแล้ว จะหมดวันแล้ว ถอดใจ และเศร้าใจ ขับมอเตอร์ไซค์มาวนหาร้านแถวบ้านต่อ จนมาเจอมาเจอร้านข้างทางใกล้บ้านร้านนึงเปิดอยู่ เขาบอกว่าอะไหล่ชิ้นนี้ที่้ร้านไม่มีหรอก ต้องหาซื้อจากศูนย์ และบอกว่าศูนย์อยู่ใกล้แค่นี้เอง (ไม่ไกลจากบ้าน) กำลังใจเริ่มดีขึ้นเป็นอย่างมาก ตามหาซื้อเส้นลวดและกาวร้อนจาก "ร้าน 20 บาททุกอย่าง" ใช้เส้นลวดรัดป้ายทะเบียนไม่ให้หลุด โดยเก็บปลายลวดอย่างดีไม่ให้มีพิรุธ และใช้กาวร้อนหยอดซ่อมรองเท้าแตะข้างที่ขาด ---------------------------------------- ได้เวลาปกปิดหลักฐานรถมอเตอร์ไซค์แล้ว โดยใช้ยางรัดของมาพันระหว่างก้านกระจกทั้งสองข้าง เพื่อปิดรอยแตกใกล้แฮนด์มือจับและจุกยางปิดนอตกระจกข้างที่ขาด กลางคืนนอนหลับลุ้นให้ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยแตก เลิกงานวันต่อมา (เย็นวันจันทร์) รีบบึ่งไปซื้ออะไหล่โดยไว พอได้อะไหล่มา ต้องรีบวิ่งหาร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ให้เขาประกอบให้ (ที่ศูนย์เขาขายอย่างเดียว ไม่มีบริการประกอบให้) พอสิ้นเดือนก็ซื้อกรอบป้ายทะเบียนใหม่มาเปลี่ยนแทนของเก่า จบปัญหาเรื่องรถสักที กระดาษเหตุการณ์สมมติจากลุงเลยไม่ได้ใช้งาน ------------------------------- ย้อนกลับมาดูการปกปิดหลักฐาน "คน" บ้าง แผลที่หัวเข่าต้องปดปิกด้วยการใส่กางเกงขายาว ส่้วนแผลที่เท้าปกปิดผ้าปิดแผลด้วยการใส่ถุงเท้า จะอ้างว่าใส่กางเกงขายาวและถุงเท้าเพราะอากาศเริ่มหนาว แต่ไม่มีใครถามเลย ส่วนแผลที่หลังแขนใกล้ข้อศอกปกปิดด้วยการไม่หลังหันให้ใครเห็น ต้องหันหน้าเข้าหาผู้คน แสร้งเดินถอยหลังไป พูดไป โล่งใจที่ไม่มีใครสังเกต อยู่มาวันหนึ่งที่บ้านให้ช่วยยกตู้ปลา (ต้องถอดถุงเท้า) ความกังวลเริ่มกลับมา แต่ก็แก้ไขได้ด้วยการพยายามอย่าอยู่ใกล้ใคร และพยายามหันข้าง โดยให้เท้าอีกข้างบังเท้าอีกข้าง (ขณะนั้นแผลตกสะเก็ดทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องใช้ผ้าพันแผลแล้ว) เวลายกตู้ปลา พื้นตู้ปลาจะบังตาในมุมสูงมองไม่เห็นแผล ไม่กี่วันก่อนสะเก็ดแผลสุดท้ายลอกออกแล้ว จบปัญหาเรื่องคนสักที -------------------------------------------- สิ่งที่เหลือเชื่อ - วันที่โดนชน มีเหตุให้ใส่เสื้อซ้อนกัน 2 ชั้น เลยป้องกันตัวขูดกับพื้นถนนได้พอดี - ดีใจที่ถูกชนหน้าโรงพยาบาลพอดี - หาอะไหล่รถไปทั่ว แต่ท้ายที่สุดรู้ว่ามีศูนย์อยู่ใกล้บ้านพอดี - ไม่มีใครสังเกต หรือถามเรื่องรถ จนกระทั่งรถเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ครบทั้งคันพอดี - ไม่มีใครสังเกต หรือถามเรื่องแผล จนกระทั่งสะเก็ดแผลสุดท้ายหลุดลอกออกไปพอดี - ไม่มีกระดูกหัก กระดูกร้าวจากการถูกแท็กซี่ชน - หวังว่าลุงแท็กซี่จะไม่ตกใจมากจนเกินไป ------------------------------- ปัญหารถจบ ปัญหาคนจบ ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี |
สมาชิกหมายเลข 5111086
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |