Group Blog All Blog
|
ความดี...หนึ่งในหลายครั้ง...ที่เคยทำ > > เป็นเรื่องที่ดีนะ ถ้าคนเรามีน้ำใจกันแบบนี้ ทุกคนก้อดีสิ... คงไม่มีปัญหาเยอะแยะแบบทุกวันนี้เนอะ... > > "มีคนเคยบอกว่า ชีวิตคือความบังเอิญแต่ความบังเอิญบางครั้งก็เปลี่ยนแปลง..มุมมองเราใหม่ทั้งชีวิต " > > ผมไม่เคยเชื่อในข้อความนี้ จนกระทั่งวันธรรมดาวันหนึ่ง ที่ผมเปิดมือถือขึ้นตอนเช้า ผมได้รับข้อความ SMS บอกว่า ผมมีข้อความเสียงฝากไว้ ใน Voice Mail Box ของผมให้โทรเข้าไปฟัง. > > ผมกด เข้าไปฟัง แต่พอฟัง ผมกลับรู้สึกแปลกใจใหญ่เพราะเสียงของคนที่ฝากข้อความไว้นั้นผมไม่คุ้นเอาเสียเลย และยิ่งฟังข้อความที่ฝากไว้ ยิ่งน่าจะไม่เกี่ยวกับผมเลยด้วยซ้ำ แต่เสียงเศร้า ของชายสูงวัยนั้น ทำให้ผมสะดุดใจผมอย่างยิ่ง > > "ชัย...นี่พ่อนะ พ่อพยายามติดต่อลูกหลายครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ คือ พ่อต้องเข้ารพ.ไปผ่าตัดอาทิตย์หน้า และหมอให้พ่ออยู่ที่ โรงพยาบาลตั้งแต่พรุ่งนี้ที่บ้านไม่มีคนอยู่..ถ้าลูกว่างก็แวะมาได้ที่ โรงพยาบาลโคราช บางทีพ่ออาจจะเหลือเวลาไม่มาก......" > > เสียงปลายทาง..สิ้นสุดลง ผมอึ้งและ งง กับข้อความที่เพิ่งฟังจบไป อยู่พักหนึ่ง ผมไม่ได้ชื่อชัย.และผม ก็ไม่มีพ่ออยู่โคราช พ่อผมเสียไปนานมากแล้ว...ผู้ชายคนนั้นคง..กดเบอร์โทรผิด ผมคิดแค่นั้น และพยายามไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งฟังมา > > ทำไมต้องสนใจ???? มันไม่เกี่ยวกับผม..!! > > แต่ตลอดวันนั้น เสียงล้าๆ เหนื่อยๆ ของชายคนนั้นที่ฝากไว้ใน Voice Mail Box วนเวียนเข้ามารบกวนใจผมเป็นระยะ ผมได้แต่คิดว่า ผมมีสิทธิ์ที่จะลืมมัน? มันไม่ใช่หน้าที่อะไรของผมที่จะต้องสนใจ กับแค่การฝากข้อความผิดเบอร์ แต่ประโยค " บางทีพ่ออาจจะเหลือเวลาไม่มากนัก มันทำให้ผมรู้สึกแย่ หากไม่ลุกมาทำอะไรสักอย่าง > > ผมตัดสินใจโทรกลับไปที่หมายเลขที่โทรมาฝากข้อความไว้ซึ่งเป็นโทรศัพท์บ้าน... ผมโทรไปหลายต่อหลายครั้ง ไม่มีคนรับสายใช่ป่านนี้เค้าคงอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ผมได้แต่ถอนใจและพยายามบอกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว > > แต่ตอนเย็นของวันนั้น ในที่สุด ความสำนึกดี..(ที่มีอยู่ไม่มากนักในตัวผม)ก็(ดัน) ดลบันดาลในให้ผม หาทางออกได้ว่า ผมน่าจะลองโทรไปหาเบอร์มือถือที่ใกล้เคียงกับผมดู เผื่อบางที อาจจะมีเบอร์ใด ที่อาจจะเป็น ลูกชายของคนที่ฝากข้อความไว้ก็ได้ เพราะถ้ากดผิดได้แสดงว่าหมายเลขคงจะห่างกันไม่มาก > > ผมตัดสินใจไล่ กดเบอร์มือถือ ที่ใกล้เคียงกับเลขหมายโทรศัพท์ของผม ตั้งใจว่าจะกด แค่สิบเบอร์แรก เท่านั้น โดยเรียงจากเลขที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด ผมทำมันด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่นักหรอก เพราะมันไม่สนุกเลยที่คุณจะต้องโทรไปหาใครที่ไม่รู้จักแล้วบอกเค้าว่า.. > > "สวัสดีครับ คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ...ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ ใกล้เคียงกับคุณ คือ คุณพ่อคุณคงกดเบอร์ผิด และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail ของผม คือ ท่านบอกว่า เค้ากำลังจะเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลทีโคราชอาทิตย์หน้า.... " > > ทายซิครับ ผมได้รับคำตอบ อะไรบ้าง ? บ้างก็วางสายใส่อย่างไม่ปราณี บ้าง ก็ถามกลับมาว่า คุณบ้าหรือเปล่า? แต่คำตอบยอดนิยมที่ผมได้รับ คือ "ขอโทษนะค่ะ ดิฉันไม่ซื้อประกันตอนนี้ และทำบัตรเครดิตครบทุกธนาคารแล้วค่ะ " > > ผมอยากจะบ้าตาย..ผมไม่ได้พูดอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องประกัน กับ บัตรเครคิตซะหน่อย เฮ้อ!! บางที คนสมัยนี้ คงยุ่งเกินกว่าที่จะ คุยกับคนแปลกหน้า ก็ได้มั้ง > > ผมนึกโกรธ เจ้าความสำนึกดีในตัวเอง ที่มันยังดึงดันพยายามต่อ จากที่ตั้งใจว่า จะโทรแค่ 10 เบอร์ที่ใกล้เคียงเท่านั้น แล้วผมก็ลามปามโทรไปถึง สามสิบเบอร์ > แต่ในที่สุด ผมก็ต้องถอนใจ หมดหวัง เมื่อเบอร์สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้ > > ผม ตัดสินใจฝากข้อความ Voice Mail ของหมายเลขที่ผมลองสุ่มโทรไป ด้วยประโยคที่ผมพูดซ้ำกันมากกว่า 30 รอบ อย่างเชี่ยวชาญ > > "สวัสดีครับ คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ ใกล้เคียงกับคุณ คือ คุณพ่อคุณคงกดเบอร์ผิด และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail ของผม คือ ท่านบอกว่า เค้ากำลังจะเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลทีโคราชอาทิตย์หน้า " > > ผมวางสายเบอร์โทรที่เป็น เป้าหมายสุดท้าย เสร็จสิ้นไปแล้ว > > ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่า ผมทำดีที่สุดแล้ว และไม่ควรรู้สึกผิดอะไรอีก ผมหลับตานึกภาพพ่อของคนที่ชื่อชัย ที่ต้องนอนป่วยโดดเดียวที่โรงพยาบาล ผมได้แต่หวังว่า เค้าจะมีช่องทางการติดต่อสื่อสารอย่างอื่นที่ทำให้สองคนนี้ได้คุยกันได้ > > และแล้ว สวรรค์ ก็คงมีตาอยู่บ้าง (จริงๆผมว่า สวรรค์น่าจะมี Call Center เพราะถ้ามีแค่ตาบางทีอาจจะมองไม่เห็นทุกคนที่เดือดร้อน) > > อยู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์จากเลขหมายหนึ่งเข้ามา นั่นคือ เลขหมายสุดท้ายที่ผมฝากข้อความไว้ใน Voice Mail นั้นเอง > > "ขอโทษนะครับ คุณใช่คนที่ฝากข้อความไว้ใน Voice mail ของผมหรือเปล่า? ผมชื่อชัย " > > และแล้ว ภาระกิจอันยิ่งใหญ ของผมก็สำเร็จ เมื่อคนที่ชัยโทรกลับมาจริงๆ > > แม้ในน้ำเสียงของเค้าดูจะไม่ค่อยไว้วางใจกับเรื่องที่ผมเล่าเท่าไหร่ และยังสงสัยอยู่หลายประเด็น แต่เมื่อผมบอกว่า เขาสามารถโทรไปสอบถาม ที่โรงพยาบาลโคราชได้ว่ามีชื่อพ่อเค้าอยู่หรือเปล่า เขาวางหูและเงียบหายไปพัก และโทรกลับมาขอบคุณผม เพราะที่โรงพยาบาลโคราชยืนยันว่ามีคนป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่ชื่อตรงกับคุณพ่อของเค้าจริงๆ > > ผม อึงไปพักเมื่อรู้ว่า น้ำเสียงล้าๆที่ผมได้ยินจาก Voice Mail Box นั้นเกิดจากการเป็นโรคร้ายระยะสุดท้าย ชัยรีบเดินทางกลับไปโคราช เขาไปถึงก่อนที่พ่อจะผ่าตัด แค่หนึ่งวัน ชัย โทรมาขอบคุณผมอีกครั้ง > > เขาเล่าว่าสาเหตุที่ เขาต้องปิดมือถือ หนีหน้าครอบครัวและคนอื่น เพราะธุรกิจที่เขาที่กรุงเทพมีปัญหา ต้องหนีเจ้าหนี้ที่ตามทวงอย่างหนัก > > เขาบอกว่า แต่สิ่งที่โชคดีที่สุดของเขาตอนนี้ อย่างน้อย เขาก็ได้มีเวลาได้ดูแลพ่อ แม้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก็ตาม ผมยังเก็บข้อความเสียง ของคุณพ่อของชัยเอาไว้ และ แอบกด เข้าไปฟังอีกหลายครั้ง เพราะ ท่ามกลางชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย.จนไม่มีเวลาจะสนใจคนอื่นของผม > > ข้อความเสียงนั้น ใน Voice Mail Box ที่ผมได้รับโดยบังเอิญนั้น.คอยเตือนให้ผมรู้ซึ้ง ถึงความหมายของคำว่า.. > > "การที่เรายอมลำบากเพียงเล็กน้อย...เพื่อคนอื่นบ้างนั้น ใครจะรู้ว่า...บางที มันอาจจะหมายถึงสิ่งที่มีค่าที่สุดของอีกคนหนึ่งก็ได้"
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 21 มิถุนายน 2564 เวลา:16:06:13 น.
|
สมาชิกหมายเลข 6495791
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] | ||||