เมษายน 2560

 
 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
Choatic Treasure : นี่สินะ... สมบัติแห่งหายนะ!? - ตอนที่3 หมู่บ้านเปร่า กับตำนานของมิลคัส สโตลีน


ตอนที่3

หมู่บ้านเปร่า กับตำนานของมิลคัส สโตลีน

สวัสดีคร๊าบบ ทุกท่าน กระผม โลเรนสุดหล่อ...

เห๋? อะไรนะ ไม่ได้อยากรู้ซะหน่อยงั้นรึ! หน๋อย อย่ามาแหยมกับข้าให้มากนักนะเฟ้ย เจ้าพวกคนหน้าตาขี้เหร่ ทำไม อิจฉาข้าสินะ! อะๆๆๆ ไอเรารึก็อุตส่าห์แนะนำตัวเองซะดิบดี

ข้าไม่รู้ว่าข้าทำอะไรผิดหรอกนะทำไมเจ้าชาวบ้านหน้าเซ่อพวกนี้ถึงได้จับข้าล่ามเอาไว้แบบนี้ก็ไม่รู้แถมล่ามเอาไว้ตรงน้ำพุใจกลางหมู่บ้านอีกนะ แหม คิดอะไรกันเนี่ย ข้าไม่มีทางบ้าคิดสั้นขนาดกระโดดน้ำพุฆ่าตัวตายหรอกนะ

แล้วนี่เจ้ามิลคัสนี่ไปไหนของมันเนี่ย ปล่อยให้ข้าโดนจับได้ไงเนี่ย โอะ! รำคาญชิบ

ล่ามโซ่แต่ปากข้าไม่ได้เป็นใบ้นะเฮ้ย

เจ้าพวกโง่เอ๊ยคิดจะทำอะไรกับข้ากันแน่ ข้าบอกก่อน ทำกับข้าแบบนี้ ข้าไม่เลี้ยงไว้แน่

เตรียมตัวหัวปั่นจนไส้ม้วนกันได้เลย...หึๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ

“คุณโลเรนครับ”เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างหลัง ในขณะที่ข้ากำลังหัวเราะอย่างคนโรคจิตพึงจะทำกันอุ๊... เขินจัง...

“ว่างายยกำลังจะปล่อยข้าสินะพ่อหนุ่ม ฉลาดดีนี่ ล่ามข้าไว้แบบนี้ ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกนะจะบอกให้ มีแต่จะแย่ลงนะ” ข้าว่าเสียงข้าหล่อจนไม่รู้จะบรรยายยังไงทำเอาพ่อหนุ่มหน้าสาวคนนี้อึ้งไปเลย

เป็นไงล่าเสียงข้าหล่อกว่าเอ็งที่เป็นมนุษย์ผู้ชายอีกชิมิล่า!

“อ... อ่า ครับผมมาปล่อยคุณครับ แต่ว่า คุณต้องมากับเรานะครับ”เหมือนว่าเจ้าหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักจะกลัวข้าหน่อย ๆด้วย ไอท่าทางแบบนี้น่าแกล้งชะมัด โอ้... เอาไงดีน้า

“อ้อ ได้สิข้าไปกับเจ้าก็ได้” แต่ขอแกล้งแรง ๆสักทีแล้วกัน หมั่นขี้หน้าเจ้าเด็กนี่

เริ่มจากจัดการกับผมเปียยาวนั่นหน่อยเป็นไง!!

แกร๊ก!

หนุ่มน้อยทำการปลดโซ่ที่ล่ามข้าเอาไว้อย่างน่าอนาถเห็นแบบนี้ข้าก็รักสะอาดเถอะ ดังนั้นพอข้ายันตัวลุกขึ้นมาได้ เลยรีบปัดฝุ่นก่อนโซ่นี่เหมือนไม่ได้ทำความสะอาดนานนะเจ้าพวกนี้ ฝุ่นเขรอะเชียว

“เรียบร้อยแล้วนะครับคุณโลเรนคราวนี้ก็เดินตามผมมาดี ๆนะครับ” เจ้าเด็กน้อยพูดแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร โถ้น่าสงสารมันวุ้ย! ไม่รู้สึกระแวงอะไรข้าเลยรึไงออกจะมองโลกในแง่ดีไปหน่อยล่ะมั้งนี่

“ผม” แก เสร็จฉันแน่...

รอช้าทำไมจัดการมันดิ ข้าตั้งท่ากระโดดแบบนี้ข้าถนัด แล้วพุ่งตัวไปเป้าหมายหลักคือผมยาวสลวยสีฟ้าที่ถักเป็นเปียยาว แหม ผมมันนี่น่ากิน...

ผิด ๆ... จะบ้าเหรอ

ข้าไม่ได้กินผมเป็นอาหารนะอันที่จริง อาหารของข้าน่ะ มันคือ...

“แอร๊ฟฟ!!”

โอ๊ะ หน้าข้า อ่าส์... เจ็บ...

ไหน!? ใครกล้ามาเตะตรูฟะ!!

“ไอ้หีบสมบัติเก่าไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเอ็งกล้ามากเลยนะ คิดจะทำอะไรสาวน้อยของข้า!” น้ำเสียงนั้นบอกอายุเลยทีเดียวว่ามันแก่กว่าฉันแน่ ๆ

ตรงหน้าข้าถ้าดูไม่ผิดนะ มันเป็นหนังสือเล่มใหญ่ที่พูดได้และยืนได้เหมือนกับข้าเลย น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากพลัง“คำสาป” ของข้าสินะ แต่หน้าตามันนี่สิ ดูไม่ได้ ขี้เหร่อย่าบอกใครถ้าเทียบกับเด็กหนุ่มนี่นะ เจ้านั่นดูสวยกว่ามันเยอะ

ข้าพยายามยันตัวลุกขึ้น(ยากชิบ ก็ข้าเป็นหีบสมบัตินี่) อะ ปัดฝุ่นสักหน่อยก็ได้มีฝุ่นมาเลอะตัวมันไม่สมกับเป็นข้าเท่าไหร่

“อ้าวสายสวัสดิ์นะตาหนังสือแก่ เป็นไง ได้ลุกขึ้นมาลืมตาดูโลกกับเค้าบ้าง ดี มั๊ย ล่ะ?”

พนันได้เลยก่อนหน้านี้มันมาลอยหน้าลอยตาแบบนี้ไม่ได้หรอก ตอนนี้ดูเหมือนเจ้านั่นกำลังมีน้ำโหคงจะโกรธที่ข้าคิดจะรังแกสาวน้อยคนนั้นสินะ ทำเป็นหมาหวงก้างไปได้น่า

“เจ้าบ้าอย่าซ่าให้มากนักนะ!”

“ทำไมลุง? จะทำไมหรอ ต่อยกันป่าวล่ะ ข้าจะไม่ออมมือหรอกนะ”

เห็นงี้ข้าก็นักเลงเก่านะครับบอกก่อน ประเดี๋ยวจะเตะให้สันหนังสือหลัดซะเลยนี่

“อ้อ ได้ครับผม เดี๋ยวเย็นนี้ผมเข้าไปนะครับ ขอบคุณมากครับ”

“ได้รับเอกสารครบตามที่ทางการแจ้งมาแล้วเย็นนี้ กรุณามาให้ตรงเวลาด้วยนะครับคุณเพิร์ส”

ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบรัดกุมสีเขียวเข้มกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเน้นย้ำทุกคำการพูดคุยกันสั้น ๆนี้ทั้งสองเลือกที่จะคุยกันหน้าหอสมุดเนื่องจากไม่ใช่ความลับอะไร และคงใช้เวลาเพียงสั้น ๆเท่านั้น

เพราะว่าอามิสต้องดูแลหอสมุดต่อจากคาเรนซึ่งออกมาเป็นผู้ใหญ่บ้านเต็มตัวเรียบร้อย ทำให้หอสมุดไรว่าแห่งนี้มีอามิสเพียงคนเดียวเป็นบรรณารักษ์ และนั่นทำให้หนุ่มน้อยหน้าหวานงานเยอะขึ้นอีกเป็นกองทั้งหนังสือที่ต้องรับผิดชอบจำนวนนับไม่ถ้วนไม่พอยังมีงานเอกสารอีกมากมายจากทางการอาณาจักรไรว่าที่เขาต้องรับผิดชอบด้วย

นี่คงจะเป็นสิ่งที่คาเรนต้องรับผิดชอบอยู่เป็นประจำและนั่นก็ทำให้เขาบ่นกระปอดกระแปดอยู่เป็นประจำด้วย

ทางการของอาณาจักรไรว่าอยู่ที่ปราสาทแสงจันทร์ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรไรว่าและลอยอยู่เหนือผืนน้ำ สูงเกินกว่าที่คนบนพื้นดินจะขึ้นไปเองได้

ด้วยเหตุที่การคมนาคมทางอากาศเท่านั้นที่ไปยังปราสาทแสงจันทร์ได้ทำให้อามิสได้แต่ส่งเอกสารให้กับทหารนายหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือน“ผู้ส่งเอกสาร” ระหว่างทางการกับหอสมุด โดยใช้สัตว์เวทมนต์พาหนะในการเดินทางขึ้นลงแน่นอนว่าเอกสารทั้งหมดนั้นเป็นเอกสารสำคัญยิ่งการใช้ผู้ส่งสารธรรมดาย่อมไม่เหมาะนัก

เมื่อหมดธุระแล้ว ทั้งสองจึงโค้งคำนับให้กันก่อนจะแยกย้ายไปยังทางของตน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเด็กหนุ่มจึงชะเง้อมองดูว่า...

เอ วันนี้ เขาขี่มังกรมาหรือเปล่านะ? หรือว่านก?

พอเห็นเงาไกล ๆจึงได้รู้ว่านายทหารขี่มังกรสีขาวตัวใหญ่มาตาของเด็กหนุ่มก็เป็นประกายเพราะไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้นัก

คนในอาณาจักร คงเห็นอะไรแบบนั้นเป็นว่าเล่นแน่ น่าอิจฉาจังนะ...

“เฮ้อ...เย็นนี้ไม่ว่างแล้วสินะ” อามิสถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปหาโลเรน

“คุณโลเรนครับ? อะ.. อ้าว คุณมาโร มาอยู่ตรงนี้ด้วยหรอครับเนี่ย?” น่าประหลาดแฮะ ก็ใส่มาโรไว้ในกระเป๋าสะพายนี่นา กระโดดออกมาตอนไหนกัน

“อ่ะ... ฮะๆๆๆๆ”

มาโรที่ควรจะอยู่ในกระเป๋าสะพายของอามิสในตอนนี้กลับอยู่ข้างนอก ไม่ใช่แค่นั้น สภาพตอนนี้คือ

กำลังกอดกับโลเรน

ว้าว... ทั้งสองสนิทกันเร็วดีจังนะครับ

“แบบนี้คงจะอยู่ด้วยกันได้นะครับ”อามิสยิ้มหน้าระรื่น ขณะที่ไม่รู้เบื้องหลังการกอดกันของสิ่งมีชีวิตทั้งสองมาโรได้แค่หัวเราะแก้เก้อ เพราะกลัวอามิสเอาเรื่องที่มีปัญหากับโลเรนไปฟ้องผู้ใหญ่บ้านแค่เดาก็รู้ว่าคงจะตามมาด้วยการถูกล่ามโซ่ตรงน้ำพุกลางหมู่บ้านไม่ต่างกับโลเรน

ส่วนโลเรน แยกเคี่ยวแย้มยิ้มอย่างฝืนทนเพราะกลัวว่าจะโดนเอาไปฟ้องนั่นก็อาจจะทำให้ตัวเขาโดนหนักยิ่งกว่าล่ามโซ่อีกก็เป็นได้



เหล่าผู้กล้า (ที่ทำงานเพื่อค่าจ้าง...)รวมตัวกันเพื่อประชุมในหอสมุดของหมู่บ้าน

หอสมุดไรว่าแห่งนี้นี้ถูกสร้างมานานนับตั้งแต่ก่อนที่หมู่บ้านนี้จะถูกก่อตั้งขึ้นมาสมัยก่อนเหล่าผู้ก่อตั้งหมู่บ้านใช้ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับรวบรวมข้อมูลต่างๆและใช้เป็นที่กบดานชั่วคราว ก่อนที่จะเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเปร่าฯ ขึ้นมานั่นเอง

ดังนั้นที่นี่จึงเต็มไปด้วยหนังสือมากมายเกินจะนับได้การควบคุมดูแลฐานข้อมูลของหนังสือตกเป็นหน้าที่ของอามิสอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากคาเรนออกมาเป็นผู้ใหญ่บ้านเต็มตัว ซึ่งก็สมใจอยากเด็กหนุ่มที่ใฝ่ฝันอยากเป็นบรรณารักษ์มาตั้งแต่เด็กแล้ว

ทว่าเมื่อหนังสือกลับพูดได้แบบนี่สิ...

อามิสจึงเริ่มอิดออด…

“หื๋ม? อะไรกันนะสาวน้อย จู่ ๆก็อยากหางานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารทำ?” คาเรนลูบหนวดตัวเองอย่างเบามือหยิบโบชัวร์สมัครงานพาร์ทไทม์จากร้านอาหารแห่งหนึ่งในหมู่บ้านมาจากมือเด็กหนุ่ม ที่ตอนนี้กำลังยิ้มแห้ง

“ค...ครับ” เด็กหนุ่มรับคำเสียงสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนเจ้าสิ่งนี้จะไม่ใช่หัวข้อประชุมของเหล่าผู้กล้าหรอกแต่บังเอิญว่าผู้ใหญ่ไปเห็นแผ่นพับนี้บนโต๊ะทำงานของอามิส ซึ่งอยู่ใกล้โต๊ะทำงานของคาเรนเขาจึงหยิบมาดู

“ฮ่า ๆ ๆ มันก็จะป๊อดไปนะสาวน้อยของข้า”มาโร หนังสือพูดได้ไม่หยุดปากของอามิสพูดขึ้นอย่างถือวิสาสะ อามิสเริ่มเหงื่อซึม เด็กหนุ่มพยายามแถให้สุด

“ท...ทำไมครับ ผมก็แค่ อยากหาประสบการณ์จากเวลาว่างทำอ่ะครับ!”

“เวลาว่างผีอะไรกัน! หนังสือมากมายก่ายกองเอกสารเต็มพื้นแบบนั้น ว่างเนอะ นี่ ถ้ากลัวไม่อยากดูแลหนังสือพูดได้พวกนี้ก็พูดมาตรงๆเถอะน่า” มาโรยังคงว่าต่อไปอย่างไม่ได้คิดอะไรเพียงแค่เขารู้ทันอามิสที่อยู่กับเขามาตั้งแต่เด็กหนุ่มเป็นแค่บรรณารักษ์ฝึกหัดเพียงแค่นั้น แม้ตอนนั้นมาโรจะพูดไม่ได้แบบนี้ก็เถอะแต่ความทรงจำตั้งแต่เขาเป็นหนังสือนั้นยังเด่นชัด

“อือเอกสารเต็มพื้นน่ะ”

รินเดลที่นั่งฟังมาตลอด เริ่มพูดเป็นครั้งแรกของวันเธอชี้ไปตรงพื้นที่เต็มไปด้วยเอกสารกองเละเทะไปหมด เหมือนจะตอกย้ำเด็กหนุ่มว่า

นี่แกว่างนักหรอ จะไปทำงานพิเศษน่ะ...

เด็กหนุ่มสะอึกใช้มือปาดเหงื่อตรงหน้าผาก

“ก็ผม...กลัวนี่ครับ...” ในที่สุดเขาก็สารภาพออกมา ต่อให้แถไปอีกก็แถไปได้ไม่นานเพราะเขาไม่ใช่คนที่แถเก่งนั่นเอง คาเรนพยักหน้าแล้วว่า

“งั้น โอเคถ้ายังไงก็... ข้าไม่ให้แกไปทำงานพาร์ทไทม์หรอกนะ!”

“อ้าว?” อามิสร้องเสียงหลง เช่นนี้ก็หมายความว่า...

“เจ้าต้องดูแลหอสมุดตลอด24ชั่วโมงจ้า เข้าไจ๋? ทำหน้าที่บรรณรักษ์ให้สมกับที่ใฝ่ฝันไว้เถอะนะสาวน้อย”

“ต...แต่นี่ไม่ใช่ตามที่ผมคิดไว้นี่ครับผู้ใหญ่” อามิสเริ่มโวยวาย

“หนังสือที่ผมอยากดูแลต้องเป็นหนังสือธรรมดาสิครับไม่ใช่หนังสือพูดได้ ผมรับมือกับทั้งหมดไม่ไหวนะครับ”

“หัดชินสักหน่อยสิ”รินเดลที่ฟังอยู่นานขัดขึ้น เธอนั่งเกาะอกแล้วมองไปทางอื่น

“ชินยังไงล่ะครับผมไม่เหมือนคุณนะครับ ที่ชินกับกองขยะพูดได้อ่า...” ช่วงท้ายอามิสเริ่มบ่นอุบเบา ๆ

“ก็พวกมันพูดได้ไปแล้วช่วยไม่ได้นี่”

คาเรนมองทั้งสองที่ในตอนนี้ต่างกันสุดขั้วคนหนึ่งกระวานกระวายใจหนักจนจะสติแตก ต้องหางานพิเศษทำอีกคนก็ตายด้านต่อโลกซะจนน่าใจหายแถมยังปรับตัวกับสถานการณ์แปลกประหลาดได้ดีจนน่าตกใจ ชายแก่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วเริ่มการประชุมทันที

“เอาล่ะทุกคนเอาเป็นว่าเรื่องอามิสจบไปนะ ข้าไม่ให้ไปทำงานพาร์ทไทม์” คาเรนกระแอมทีหนึ่งแล้วพูดราวกับจะตัดบทตรงนี้ให้มันจบไป

ส่วนเรื่องที่เราจะพูดกันวันนี้แน่นอนว่า เกี่ยวกับเจ้าโลเรนตัวนี้” คาเรนชี้ไปทางโลเรนที่นั่งแหม่ะอยู่บนโซฟาดูเหมือนว่าเจ้านี่จะไม่ยอมต่ำต้อยไปกว่าใคร ถึงขนาดไม่ยอมนั่งพื้น

“จ้า ๆมีอะไรกับฉันนักหรอไง เจ้าพวกโง่” โลเรนตะเบ็งเสียงดังประชด โรเบิร์ตที่นั่งข้างๆจึงเอากำปั้นทุบหัวมันทีหนึ่งอย่างแรง จนเกือบจะมีการวางมวยกันอยู่แล้ว

“ผู้ใหญ่มีอะไรถึงเรียกพวกเรามาด้วยล่ะคะ?” เอรีณหัวหน้าแม่บ้านถามขึ้นอย่างสงสัย

ทั้งที่นี่คือ การประชุมของเหล่าผู้กล้าไม่ใช่หรือ?

การที่หมู่บ้านเจอกับปัญหาแก้ไม่ตกเช่นนี้ก็เป็นเพราะที่นักล่าสมบัติทั้ง 3 นั่นคือ โรเบิร์ตเอรีณ และอาลี นำหีบสมบัตินี้เข้ามาในหมู่บ้านแท้ ๆ กลับลงโทษแค่พักงานหลัก(ที่ไม่ใช่อาชีพนักล่าสมบัติ เพราะอาชีพนี้ใช้ทำมาหากินไม่ได้) 2สัปดาห์เท่านั้น

คาเรนกระแอมทีหนึ่งก่อนจะว่าต่อ “พวกเธอทราบข้อมูลเกี่ยวกับหีบนี้สินะ” เขาพูดอย่างรู้ดี อาลีเด็กหนุ่มที่ยืนข้าง ๆเอรีณจึงพยักหน้าและตอบอย่างเกรงใจ

“ครับพวกผมทราบดีครับ”

“งั้นเล่าให้ฟังหน่อยสินี่หีบใคร?”

“ทำไมผู้ใหญ่ไม่ถาม‘มัน’ ล่ะครับ?” โรเบิร์ตถามย้อนอย่างไม่ใส่ใจแล้วมองหีบที่นั่งข้าง ๆอย่างไม่สบอารมณ์

ฟรอเตอร์ที่ยืนพิงเสาอยู่ตอบแทนโลเรนที่กำลังจะอ้าปากเถียงพอดี

“ถ้ามันตอบ พวกเราจะมาเสียเวลาถามพวกนายให้มากความทำไม”

น้ำเสียงเนิบนาบทำเอาโรเบิร์ตสะอึกเขามองค้อนอย่างไม่ชอบใจกับการวางตัวเหนือกว่านัก

“อย่าคิดว่าเป็นผู้กล้าแล้วอยากทำอะไรก็ทำนะเจ้าคนไม่มีทะเบียนบ้าน”

แหม...ไอตำแหน่งผู้กล้านี่ อุปโลกน์กันขึ้นมาสิไม่ว่าแล้วผู้กล้าบ้าที่ไหนทำงานแล้วได้เงินเดือนด้วยนี่ก็ไม่ได้ต่างจากงานแค่งานหนึ่งหรอก ตำแหน่งนี้แค่ทำให้ดูเท่ห์ขึ้นมาหน่อยจะว่าไปนี่มันอย่างกับพวกกลุ่มหน่วยกู้ภัยที่ทำหน้าที่เฉพาะมากกว่าด้วย

ดังนั้น...แกเอาอะไรมาพูดอย่างกับ “ผู้กล้า” นี่มันน่าภูมิใจนักหนาหรอ

“อืม...”ฟรอเตอร์ตอบในลำคอ ก็นะ เขาไม่ชอบพูดอะไรที่มันร่ายยาวหรอกว่ากันว่ามันเสียเวลาถ้าอีกฝ่ายมีอคติก่อน ท่าทีหยิ่งยโสแบบนั้น ยิ่งทำให้โรเบิร์ตไม่ชอบใจเข้าไปอีกก่อนที่เขาจะโดนไม้เท้าของผู้ใหญ่บ้านตีหัว

“นี่ ๆอย่านอกเรื่องดิเฮ้ย” ผู้ใหญ่เอ็ด “สรุปนะ หีบนี้มันหีบใครยังไง ตอบมาก่อนให้มันจบเถอะวันนี้”

“หีบนี้เป็นสมบัติของมิลคัสสโตลีน ครับผู้ใหญ่” โรเบิร์ตกุมหัวตอบ เอรีณจึงช่วยเสริมต่อ

“มิลคัส สโตลีนที่พวกเราเจอเขาเป็นแค่วิญญาณเฝ้าหีบสมบัติค่ะ แต่ว่าดูจะอ่อนกำลังมากเลยจัดการได้ไม่ยากเท่าที่เราได้ศึกษาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนักล่าสมบัติมาทำให้ทราบว่ามิลคัสเคยเป็นคนสำคัญในประวัติศาสตร์ในฐานะจอมเวทย์นักล่าสมบัติด้วยค่ะ”

“จอมเวทย์?” คาเรนทวนคำ

“ค่ะ จอมเวทย์แต่ประวัติศาสตร์ของมิลคัสนั้น ไม่ค่อยน่าฟังนักหรอกค่ะเพราะเขามีแต่วีรกรรมไม่ค่อยดี จนเป็นที่เสื่อมเสียของอาชีพนักล่าสมบัติอย่างมากประวัติของเขามีแต่การตามล่าสมบัติที่มาจากนักล่าสมบัติคนอื่นเท่านั้น การกระทำของเขาร้ายแรงถึงขนาดขโมยสมบัติมีค่าจากเมืองของเขาไปจึงทำให้ถูกตามล่าตัว ช่วงบั้นปลายชีวิตของมิลคัสเท่าที่พวกเราทราบคือเขาต้องหลบหนีไปตลอดทางเพื่อให้รอดพ้นการจับตัวค่ะ”

“มิลคัสหรอชื่อคุ้นจังนะครับ...”

อามิสพูดรู้สึเหมือนจะเคยอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อาณาจักรไรว่าแหล่ะนะ

เรื่องราวของมิลคัสถ้าเทียบกับวีรกรรมอันยิ่งใหญ่กล้าหาญของบรรพบุรุษแล้วเขาถูกกล่าวถึงเพียงว่า เป็นอาชญากรนักล่าสมบัติที่เต็มไปด้วยมลทินซ้ำร้ายยังเป็นจอมเวทย์หายากที่ในสมัยก่อนยังคงเป็นที่รังเกียจของสังคมเพราะมีแต่คนโบราณที่เชื่อว่าเวทมนต์เป็นสิ่งชั่วร้ายและทำให้ผู้ครอบครองมันกระทำการชั่วร้ายได้ทุกอย่างถ้าอยากจะทำนั่นเอง

“ประวัติไม่ดีเลยว่างั้นเถอะ”รินเดลพูดราวกับว่าตัวเองก็พอจะทราบเรื่องนี้มาเช่นกัน อาลีพยักหน้าเช่นเคย

“ไม่มีใครรู้เลยครับว่าเขาตายยังไงแต่น่าจะตายอนาถครับ เพราะต้องหลบหนีขนาดนั้น”

โรเบิร์ตว่าอย่างคาดเดา“มันจะง่ายกว่าไหม ถ้าหมอนั่นยอมมอบตัวแต่โดยดี อย่างมากก็แค่โดนขังคุกเองไม่ได้โทษถูกประหารซะเมื่อไหร่ ทำไมต้องหนีขนาดนั้นเล่า”

เอรีณจึงตอบอย่างคาดเดาสวนกับโรเบิร์ต“ถ้าเป็นนายถูกจับขังก็ไม่เอาหรอกใช่ไหมล่ะ? หมอนั่นคงไม่ต่างกัน อีกอย่างเป็นจอมเวทย์ด้วยคงจะหยิ่งในศักดิ์ศรีน่าดูล่ะนะการมีเวทมนต์ก็ช่วยในการหลบหนีของเขาได้ระดับหนึ่งแน่ดังนั้นเขาเลยหนีดีกว่าโดนจับละมั้ง” แต่สิ่งที่เอรีณพูดก็มักจะปรากฏในหน้าหนังสือวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ของนักล่าสมบัติด้วยเช่นกันว่ากันว่ามิลคัสเป็นจอมเวทย์ที่หยิ่งในศักดิ์ศรีน่าดู และไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่าย ๆทั้งยังมั่นใจในตัวเองสูงนิสัยเช่นนี้ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวไม่ยอมจับตัวไปขังคุงง่ายดายอย่างแน่นอนถ้าเช่นนั้นเจ้าตัวอาจจะยอมตายซะยังจะดีกว่าก็ได้

แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดาความจริงคืออะไร ไม่มีใครรู้จากปากของมิลคัส สโตลีนได้สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่การบอกเล่าต่อกันมามีการเก็บรวมรวมข้อมูลทั้งหลักฐานและพยานบุคคล และมีการบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์เป็นหลักฐานเท่านั้นเหมือนกับประวัติศาสตร์ต่าง ๆที่คนเราพึงได้เรียนรู้มาตั้งแต่สมัยเด็ก ทุกสิ่งถูกเขียนขึ้นทว่า ความจริงคืออะไรกันแน่? ยากนักที่จะรู้ได้

“เท่าที่ฟังมา”ฟรอเตอร์ยืดตัวขึ้น หลังจากพิงเสาอยู่นาน “หมอนั่น นิสัยเสียขนาดนั้นเลยสินะ” ถึงปากจะพูดไปตามข้อมูลที่ได้รับมาแต่ยังคงเชิงไว้ว่า เชื่อเพียงครึ่งหนึ่งไว้ก่อน ไม่ว่าจะอย่างไร

นั่นคือสิ่งที่เขียนและเรียบเรียงข้อมูลมาโดยนักประวัติศาสตร์หากแต่ในยุคก่อนนั้น เป็นยุคที่จอมเวทย์นักประวัติศาสตร์ไม่ค่อยน่าเชื่อถือกันเท่าไหร่นักจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเขียนในมุมมองที่ผิดจากความเป็นจริงไปดังนั้นการปักใจเชื่อทั้งหมดจึงไม่ฉลาดนัก

ปัญหาคือ... ตอนนี้ทุกคนทำหน้าเหมือนเชื่อกันไปหมดแล้วนี่สิ

“อืม” รินเดลตอบสายตาก็มองไปที่หีบสมบัติตัวปัญหา จากนั้นเธอจึงคิดบางอย่างได้ จึงพูดออกมาเสียงเบาหวิวสีหน้าตายด้านเช่นเคย

“เอามันไปเก็บที่เดิม?”

“วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!ฝันไปเถอะ!” จู่ๆเจ้าหีบสมบัติก็หัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร ทำเอาทุกคนนิ่วหน้ากับเสียงแหบไม่น่าฟัง

“ข้าไม่ออกไปหรอกนะจะบอกให้เห๊อะ ๆ ๆ” และก็ยังจะหัวเราะต่อไปได้อีก อามิสทำหน้างง

“ทำไมล่ะครับ?ผมว่าผมเห็นด้วยกับคุณรินเดลนะครับถ้าคุณไม่ออกไปหมู่บ้านก็วุ่นวายแย่สิครับ”

อ่า...มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆล่ะนะ แถมที่อามิสพูดมันก็ไม่ผิดถ้ามันยังอยู่ล่ะก็หมู่บ้านคงถึงคราววายวอดก็ตอนนี้เอง แค่นี้เพียงแค่คำว่าซวยก็ไม่อาจจำกัดความสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว เรื่องนี้ถึงไม่พูดขึ้นมาทุกคนก็รู้

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าโลเรน เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหมด ถ้าไม่มีมัน หมู่บ้านนี้คงได้อยู่กันอย่างปกติ

แต่...

“ข้าอะไม่ออกไปหร๊อก” หีบสมบัติหน้ากวนนั่งเชิดหน้าใส่ทุกคนอย่างวางท่า

รินเดลเริ่มลุกขึ้นจนคนนั่งข้างๆสะดุ้ง ทุกครั้งที่คุณเธอเคลื่อนไหว มักจะมีอะไรสำคัญจนต้องเคลื่อนไหว

มิเช่นนั้นเธอจะอยู่นิ่งไม่ทำอะไรทั้งนั้น

“อ่า...นี่คุณรินเดล จะทำอะไรรึ?”แม้แต่คาเรนเองยังงง ตอนนี้เธอกำลังใช้มือแค่ข้างเดียวลากโลเรนออกไปจากหอสมุดแต่ผลคือมันไม่ขยับไปไหน

“อึก...”รินเดลพยายามจนเกร็งไปหมด แต่ก็ไม่สามารถลากเจ้านี่ออกไปได้เลยจนโลเรนนั่งเฉื่อยแล้วแกล้งถาม

“โย้วนี่เจ้ากำลังจะทำอะไรข้าล่ะนี่? จะฉุดข้ารึ?”

“พูดน่าเกลียด”เอรีณว่าด้วยความขยะแขยง ถ้าเรื่องอะไรแบบนี้เธอเกลียดมากนั่นก็ทำให้อามิสพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ครับ พูดแบบนี้ไม่ได้นะครับในนี้มีเด็ก”

“ผมไม่เด็กขนาดนั้นนะครับ!” เหมือนจะรู้ตัว อาลี หนึ่งในสมาชิกนักล่าสมบัติตัวน้อยจึงโพล่งออกมาทันทีเขาไม่ชอบให้ใครมาว่าเป็นเด็ก แม้ตัวเองจะอายุ 13 ปี ซึ่งน้อยที่สุดในที่นี้ก็ตาม

“รินเดล ฉันว่าเธอลากมันออกไปไม่ได้จริง ๆล่ะฉันเคยรู้มานะว่าเธอสามารถขนขยะกองโตได้เพียงคนเดียวแต่เจ้าหีบนี่มันไม่ใช่หีบธรรมดา ดังนั้นเอาออกไปทั้งแบบนี้มันคงจะไม่ได้นะ”คาเรนจับที่แขนรินเดลแล้วอธิบาย จนเธอยอมปล่อยจากหีบตัวปัญหามือของเธอเป็นรอยแดงไปหมด นั่นคงเพราะออกแรงดังอย่างมาก

ฟรอเตอร์เห็นทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

“มันมีเวทมนต์การลากมันออกไปทั้งแบบนั้นคงจะไม่ได้ ถ้างั้น ฉันถามอะไรหน่อย”

“อะไรรึเจ้าผมบ๊อบ?”

อื้อหื๋ม... เรียกแต่ละชื่อ...

ฟรอเตอร์ทำหน้าว่ารำคาญก่อนจะว่า

“ที่ว่าไม่ไปหรอกนี่คือ ออกไปไม่ได้ สินะ?” เขาถามหยั่งเชิงโลเรนได้ยินก็เก็บอาการนิ่ง แล้วตอบ

“ป่าว”

“งั้นพิสูจน์ดิ”ฟรอเตอร์ท้า

“ทำไมข้าต้องทำตามที่เจ้าบอกด้วยพิสูจน์อะไรกัน ไร้สาระ!”

“งั้นก็แสดงว่าแกออกไปไม่ได้อะดิ”

“จะบ้าเรอะอย่ามาหาว่าข้าออกไปไม่ได้นะเฟ้ย!”

“งั้น พิสูจน์ ดิ”

“เออ...”

เห็นได้ชัดว่าโลเรนไม่สามารถออกจากหมู่บ้านนี้ได้เป็นความจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว...

เมื่อโลเรนจะก้าวขาออกจากหมู่บ้านในตอนนั้นเอง เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นมันเอาไว้จากโลกภายนอกไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถออกไปได้

ทุกคนจึงถอดใจและกลับมายังหอสมุดดังเดิมส่วนโลเรนนั้นเงียบสนิทเพราะหน้าแตก คิดว่าตัวเองออกไปจากที่นี่ได้ แต่สุดท้ายราวกับมีอะไรสักอย่างผนึกให้มันต้องอยู่ที่นี่เขาจึงไม่สามารถออกไปจากหมู่บ้านเปร่าได้

ทุกคนผิดหวังแค่ว่าจะเอามันออกไปในตอนนี้ยังยากขนาดนี้เวลานี้คงมีแต่จะต้องแก้ปัญหาให้ผ่านไปได้วัน ๆหนึ่งเท่านั้น

“ความเงียบไม่ได้ช่วยอะไรหรอก” คาเรนพูดเพื่อทำลายความสิ้นหวังของทุกคน

ใช่ตอนนี้ทุกคนดูจะตันกับการหาทางออกเสียแล้วอย่าพูดถึงทางออกแสนจะคิดสั้นนั่นคือทำลายโลเรนเลยผู้ใช้เวทมนต์ได้(โลเรนถือว่าเป็นระดับสูงเทียบกับวิญญาณของมิลคัสแล้วมีมากกว่าจนสู้ยาก) กับผู้ไม่มีเวทมนต์ มันต่างชั้นกันนัก นั่นก็หมายความว่าปัญหาต่างๆในหมู่บ้านยังคงดำเนินต่อไป ดูเหมือนงานนี้จะไม่หมูซะแล้ว

“แกต้องการอะไรมิทราบ?” โรเบิร์ตถามอย่างหมั่นขี้หน้าโลเรนที่ทำท่าทางอวดดีเหลือเกินแม้ตัวเองจะหน้าแตก

“อะไร? เจ้าถามดี ๆกับข้าได้ปะ” โลเรนพูดกวนไปงั้น

“เราเสียเวลากับแกมาทั้งวันแล้วล่ะนะ”ฟรอเตอร์ทำท่าเหมือนจะท้าต่อย แต่เจ้าตัวไม่ทำแบบนั้นหรอกมันน่าหงุดหงิดหรือเปล่าล่ะ ที่ตอนนี้เวลาเย็นแล้ว กำลังจะหมดวันแต่กลับไม่ได้อะไรเลยจนถึงตอนนี้

“ใช่ครับพวกผมก็มีสิ่งที่ต้องไปทำนะครับ ดังนั้นบอกมาเถอะนะครับว่าคุณโลเรนต้องการอะไร”บรรณารักษ์หนุ่มน้อยพยายามอธิบายอย่างสันติที่สุดซึ่งก็ดูจะเข้าหูเจ้าหีบสมบัติตัวปัญหาที่สุดแล้ว มันจึงลุกขึ้นทำหน้าพอใจ

“ก็ได้นี่เพราะข้าว่า เจ้าหนูนี่พูดจาเข้าท่าหรอกน้า ถึงได้บอกน่ะ อุฮิ”

อุฮิ?

เอิ่ม...

“ดูเหมือนมิลคัสของข้านี่จะเป็นบุคคลชั่วร้ายในประวัติศาสตร์ไปแล้วสินะ”มันเริ่มว่า “ดังนั้นสมบัติที่มิลคัสได้มาก็คือสิ่งที่ข้าต้องการนั่นแหล่ะ เจ้าโง่หน้าจืดทั้งหลายสมบัติมีค่า ที่ประเมินค่าไม่ได้ของมิลคัส สโตลีน...พวกเจ้ามีปัญญาไปหากันหรือเปล่าล่ะ?”

ดูเหมือนว่าในที่สุดมันจะตอบสักทีและชัดเจนว่า มันต้องการสมบัติที่มิลคัสเคยครอบครองในหีบนี้ หนุ่มหน้าเข้มยืนเกาะอกอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตอบสมมติฐานของตนออกไปว่า

“ถ้าเราหามาได้ คำสาปในหมู่บ้านจะคลายลงและแกจะออกจากหมู่บ้านได้?”

“ก็ไม่รู้สินะ”

นั่นมันไม่รู้จริง ๆไม่ใช่หรอนั่น

ทุกคนมองโลเรนด้วยสายตาเดียวกัน ถ้าแม้แต่ตัวโลเรนเองยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร

มีแต่พวกเขาที่ต้องหาทางออกกันเท่านั้นและการตามหาสมบัติ ดูจะเป็นทางที่เป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้

เมื่อเปิดหีบมากลับไม่เจอสิ่งใดเป็นไปได้ว่า หลังจากที่มิลคัสตายไปแล้ว มีคนมาแย่งชิงสมบัติไปได้ส่วนวิญญาณที่หวงสมบัตินั้นมาก ก็อยู่กับหีบไม่ไปไหน

และในตอนนี้อาจกำลังกระจัดกระจายไปตามที่ต่าง ๆก็เป็นแน่

โอ้โห... ภารกิจตามหาสมบัติมีค่ามาให้โลเรนงั้นหรอ

ต้องไปตะลุยกี่ดันเจี้ยนกันเล่าถึงจะได้ครบ?

“อาณาจักรไรว่าของเรามีดันเจี้ยนแค่ 2ที่เองนะทุกคน ไม่รวมตำแหน่งของพวกพ่อมดที่กระจายตัวไปตามป่านารินหลายจุดนะเออ”คาเรนกระแอม “สรุปคือไปหาสมบัติของมิลคัสมาสินะเฮ้อ... ได้ของมา ถ้ามันขายได้ราคาดีนี่ ข้าขอได้รึเปล่า?”

อามิสเอามือตบหน้าผากตัวเองดังแปะ“ผู้ใหญ่ครับ... มันใช่เวลาหรอครับ...”

“น่า ๆนิดนึงเองนี่นะ”

“นี่ถ้ายังติดแหงกกันแบบนี้ผมให้ผู้ใหญ่รับผิดชอบนะ” ฟรอเตอร์บ่น

ในตอนนี้พวกเขาได้ข้อสรุปแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าสมบัติของมิลคัสที่ว่ามีอะไรบ้าง ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ แม้แต่คนที่ตามล่าตัวมิลคัสในสมัยก่อนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของในหีบนั้นมีอะไรบ้าง ไม่เคยมีบันทึกใด ๆไว้

แถมโลเรน ยังตอบคำถามแบบกวนประสาท

“ไม่รู้เก่งนักก็หากันเองดิ”

“ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่รู้จริงๆหรือไง” ฟรอเตอร์ว่าอย่างรู้ทัน แม้จะดูเหมือนจะมีประโยชน์ แต่ก็ไร้ประโยชน์จริงๆด้วยสินะ

“เอ๊ย ป่าวนะเฮ้ย!”

“งั้นมีอะไรยกตัวอย่างมาสิ”

“อ๊า... เอ...ก็...”

ดูเหมือนโลเรนจะช่วยได้เยอะจริง...

“ในเมื่อเรารู้ว่าต้องออกล่าสมบัติเช่นนี้” คาเรนเริ่มพูดขึ้นราวกับตัวเองเป็นหัวหน้าทีม

“เราก็ออกไปล่าสมบัติกันเถอะโอ้ว!”

ห๋า....

ตอนนี้เลยเนี่ยนะ?

การออกเดินทางครั้งแรกของเหล่าผู้กล้าทั้ง 5 เป็นไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

ชาวบ้านมารวมตัวกันหน้าหมู่บ้านเพื่อส่งตัวผู้กล้าแห่งเปร่าฯที่กำลังจะออกไปหาสมบัติมาให้โลเรน เป็นที่คาดหวังอย่างยิ่งว่า จะหาสมบัติมาได้ครบและคำสาปที่ชาวบ้านกำลังโดนอยู่นั้นจะคลี่คลาย แต่นั่นเป็นเพียงแค่สมมติฐานเท่านั้น

เพราะขนาดเจ้าสมบัติตัวปัญหาเอง

ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น...

ทว่า...การมาส่งตัวเช่นนี้ เหตุใดจึงเหมือนมาลาตายกันเสียมากกว่า...

“ฮือ ท่านผู้ใหญ่ผมอยากขอโทษที่ เคยด่าผู้ใหญ่ไว้ ยกโทษให้ผมทีนะครับ”

“พวกท่านถ้าเรามีวาสนาต่อกัน เราคงได้พบกันอีกนะ ฮือ ๆ”

“ชีวิตมันสั้นนักเหล่าหนุ่มสาวทั้งหลายเอ๋ยการตายในหน้าที่ ถือเป็นเกียรติยิ่งนัก”

เหล่าผู้กล้าหน้าเป็นได้แต่ยืนมองความเป็นไปอันไม่ปกติของชาวบ้าน ที่มักจะออกอาการเกินกว่าเหตุเสมอถึงจะเห็นแบบนี้จนชินตาแล้วก็เถอะ

แต่จำเป็นไหมที่ต้องให้ผู้กล้ามายืนเรียงแถวหน้ากระดานถือป้ายยาวที่เขียนคำอำลาผู้กล้า แล้วยืนถ่ายรูปร่วมกับชาวบ้านหน้าหมู่บ้านเช่นนี้...

“โอ้วนี่จะให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสินะ!”

“ขอโทษทีเถอะท่านผู้ใหญ่...นี่ไม่รู้จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ครับ”

“คุณฟรอเตอร์อย่าไปว่าผู้ใหญ่แบบนั้นสิครับ มันแรงไปนะฮะ”

“... ไม่เห็นจะแรง...”

“คุณรินเดลครับ!! โธ่...”

นี่คือการบุกตะลุยดันเจี้ยนกันครั้งแรกของเหล่าผู้กล้า ณ เกาะเทล ฟัลติส

แกรก!

เสียงชักดาบเตรียมพร้อมของชายหนุ่มผมสั้นมาดเข้มดังจนอามิสสะดุ้งเฮือก เพราะหนุ่มน้อยออกจะไม่คุ้นเคยกับของมีคมสักเท่าไหร่ถึงขนาดได้ยินเสียงชักดับอันแผ่วเบาก็ทำให้ขวัญผวาได้ง่าย

ในป่ายามนี้แม้จะเป็นช่วงเช้าแต่กลับเงียบสงัด มีเพียงเสียงของแม้กไม้และสิ่งมีชีวิตที่เดินยั้วเยี้ยตลอดเวลาอากาศชื้นแฉะ กระนั้นสิ่งเหล่านี้กลับขับให้ป่ายิ่งวังเวงราวกับว่าสัตว์ในป่านี้ไม่กล้าที่จะส่งเสียงดังรบกวนออกมามากนักดั่งว่าเสียงจะไปรบกวนอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครมองเห็น

เป้าหมายของพวกเขาเหล่าผู้กล้าแห่งเปร่าฯ คือ...

การตามหาสมบัติล้ำค่าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นของมิลคัส...หรือเปล่า? ไม่รู้ แต่พวกเขาก็ดั้นด้นมาถึงนี่กันแล้วมาแบบไม่มีแผนที่ด้วยจ้า...

“โอ้... เล่นมันเลยได้ไหม?” รินเดล สาวหน้ามึนผู้มีอาชีพหลักเป็นนักเก็บขยะนั้นชี้ไปทางมอนสเตอร์ที่อยู่ทางฝั่งซ้ายมือใกล้แม้น้ำสายเล็กไหลเชี่ยว บริเวณนั้นมีมอนสเตอร์ที่กำลังเก็บของที่ได้จากการขโมยมานั่นเองพวกมันสุมหัวกันเพื่อจัดการของที่ได้มาอย่างชำนาญ

ดูเหมือนหญิงสาวจะห้าวเกินคาดถึงกับอยากไปท้าต่อยกับมอนก่อนทั้งที่มันไม่ได้มาหาเรื่องแท้ ๆ

“นี่ คุณรินเดล”ฟรอเตอร์ที่ชักดาบเตรียมพร้อมเพราะรู้สึกอะไรบางอย่างนั้น พูดขึ้นเขาไม่ได้หันไปมองหน้าหญิงสาวเลย แต่กลับมองไปทางอื่นแทน

“เรามาตามหาสมบัติไม่ได้มาสะสมวัตถุดิบทำอาวุธหรือไอเทมนะ”

“แต่ตรงนั้นก็มีสมบัตินี่”เธอเถียงเสียงเรียบ เมินมองไปยังมอนสเตอร์กลุ่มนั้นที่กำลังคุ้ยของอย่างเมามันรูปร่างพวกมันทั้งสามตัวคล้ายลิง รินเดลเองก็ไม่ได้หันไปมองชายหนุ่มคู่สนทนาที่ดูเหมือนไม่อยากพูดคุยกับเธอนักเธอผู้ไม่เคยหวังสูงกับอะไรทั้งนั้นกำลังสนใจมอนสเตอร์กลุ่มนั้นมากกว่าสิ่งอื่น

บทสนทนาที่ดำเนินไปโดยที่ผู้พูดไม่มองหน้ากันก็จบลงเพียงเท่านี้…

“เฮ้ยนี่เจ้าผมบ็อบ” มาโรสะดุ้งตัวยืนขึ้น หลังจากอยู่ในกระเป๋าเก็บหนังสือของอามิสอยู่นานฟรอเตอร์หันมาหรี่ตามอง ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบชื่อเล่นแบบนี้เอาซะเลย

ถ้ามันตั้งชื่อเล่นให้อีกรอบเดียวนะ...

“รู้สึกเหมือนข้าใช่ไหมล่ะแถวนี้มีอะไรสักอย่างแน่นอน”

“อืมไม่คิดว่าแกจะฉลาดขนาดนี้ มีประโยชน์เหมือนกันนี่”ฟรอเตอร์ทำเสียงประหลาดใจแต่ไร้อารมณ์

“โอ้ ข้าขอจัดการมันก่อนได้ปะ?” มาโรตั้งท่าจะหันมาจัดการฟรอเตอร์ทันที เลยหันมาถามความเห็นอามิสที่ทำท่าอ้ำอึ้งอยู่ดูเหมือนตั้งแต่ฟรอเตอร์กับรินเดลทะเลาะกันเงียบ ๆเมื่อกี้ ยังทำให้เขาตกใจไม่หายไหนจะของมีคมที่เขาไม่คุ้นชินอีกในเวลานี้อาวุธป้องกันตัวของเขาก็คือมีดสั้นที่เขาไม่ถนัดซะด้วยทำให้เขาในตอนนี้สมาธิแตกกระเจิงได้ง่าย ๆเลย

“อื้ม เอาเลย” รินเดลคนห้าวก็อยากจะเอาด้วยคนอาจจะหงุดหงิดจากการเถียงกันเมื่อครู่ก็เป็นได้

ไหงเวลานี้จะหันมาตีกันเองเล่า!!

“อ่าวนี่กลายเป็นแบบนี้ได้ไงกัน เหล่าผู้กล้าเอ๋ย” คาเรนเรียกตอนนี้เขากำลังนำไปก่อนเพื่อสำรวจทางและเฝ้าระวังมอนสเตอร์ไปด้วย“อย่าหันมาตีกันเองสิ พวกเราต้องสามัคคีฉันท์พี่น้องเข้าไว้นะยังต้องทำงานกันอีกยาว ๆ”

“สามัคคี?” ฟรอเตอร์ย้อน

“พี่น้อง?” รินเดลอึ้ง... มันจะเป็นพี่น้องกันได้ไงอาจจะฆ่ากันตายก่อนเพราะไม่กินเส้นกันก็ได้

“ทำกันอีกยาว ๆ...” อามิสทวนคำ คำว่ายาวนี่ มันนานขนาดไหนกันนี่?

“ผู้ใหญ่หยุดพร่ำเพ้อได้แล้ว” ในที่สุด หนุ่มนัยต์ตาสีเงินก็เอ่ยขึ้นอย่างตัดรำคาญเขาชักดาบยาวออกมาเพราะรู้ว่าไม่นานนี้จะต้องได้ใช้แน่ “ข้างหน้าตรงนั้นมีของใหญ่แน่นอน เพราะฉะนั้น ระวังกันเอาไว้ได้เลย” พอพูดจบรินเดลก็หันไปมองชายหนุ่มเชิงว่า

นี่แกเอาความมั่นใจมาจากไหนหรอ?

คาเรนหันไปมองข้างหน้าก็พยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ของใหญ่จริง ๆด้วย”

เหล่าผู้กล้าจึงเริ่มเดินแตกแถวกันอย่างที่เห็น

รินเดลวิ่งไปจัดการมอนสเตอร์ข้างล่างโดยไม่สนใจของใหญ่ที่ว่า เพื่อเธอลับสายตาเหล่าผู้กล้าที่เหลือไปเพียงครู่หนึ่งก็เกิดเสียงตุบตับ ๆ ดังจากแถวนั้น คาดว่ามอนตรงนั้น น่าจะมีไอเทมให้ประมาณหนึ่งแต่ว่านั่นก็ไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา

ส่วนอามิสผู้หวาดกลัวและเกลียดการต่อสู้หยุดยืนกับที่ไม่กล้าเดินต่อไปกว่านี้ จนมาโรต้องมาลากเด็กหนุ่มออกมาจากตรงหลังพุ่มไม้

“แง้ ก็ผมกลัวอ่าคับ” เสียงงอแงและลากยาวซะจนมาโรอดรนทนไม่ไหวพยายามลากผมเปียยาวของเด็กหนุ่มออกมา

“อย่าตุ๊ดนักเลยน่าสาวน้อยยังไม่ทันจะออกโรงกันเลย”

“แต่ผมไม่อยากลงโลงนี่ครับปล่อยผมของผมเดี๋ยวนี้น้า!”

“ฉันบอกออกโรงไม่ใช่ลงโรง! โวร๊ะ!”

ทันใดนั้นเองมอนสเตอร์ก็ปรากฏตัวออกมาอย่างรวดเร็วจนทุกคนจับความเคลื่อนไหวไม่ทัน

ระบุมอนสเตอร์

กระต่ายป่า (Hare)

อาวุธ: มือเปล่า ประเภท: Hunter, Thief

ลักษณะพิเศษ: ความเร็ว

ไอเทมที่ได้:หนังกระต่ายป่า, เนื้อกระต่าย, ลูกตา

กระต่ายป่าเป็นมอนสเตอร์นักล่าและเป็นนักขโมยตัวยงมีการเคลื่อนไหวรวดเร็วเป็นเลิศ อาศัยอยู่ตามปาดิบชื้นและอุดมสมบูรณ์ ลักษณะมีขนปกคลุมสีน้ำตาลเข้มใบหน้าดุ กรงเล็บมือและเท้ายาวประมาณ 3เซนติเมตร ฟันแหลมคม อาหารของมันคือการล่าเนื้อสัตว์พวกสัตว์ปีกหรือเศษซากเนื้อสัตว์ที่เหลือ เกลียดการกินพืช มีนิสัยดุร้าย ขี้โมโห ขี้ขโมย

“โว้ว ลูกตาด้วย”มาโร ซึ่งเป็นหนังสือความรู้ทั่วไปนั้นจะมีประโยชน์ก็เวลานี้เอง เปิดหน้าหนังสือตัวเองให้อามิสดูมอนสเตอร์ที่เพิ่งวิ่งเฉียดผ่านพวกเขาไปอามิสมองดูข้อมูลแล้วเบ้ปาก

“เป็นตัวที่ไม่น่ายุ่งด้วยเลยอ่าครับ...”

“ต้องยุ่งแล้วนาทีนี้”ฟรอเตอร์รีบชักดาบยาวออกมาฟันออกไปข้างขวาลำตัว เพราะรู้สึกถึงการจู่โจมของกระต่ายป่าที่เคลื่อนตัวออกมาจากพุ่มไม้ข้างหลักเขาว่าต่อ “มันมีสมบัติอยู่ เห็นไหม?”

“ส...สมบัติ?” อามิสร้อง แล้วเห็นไว ๆว่า เจ้ากระต่ายป่ามันถือสมบัติเอาไว้จริงเป็นหินสีน้ำเงินแวววาวก้อนขนาดเท่าฝ่ามือ

การถือสมบัติไว้ของมันดูจะมีช่องโหว่ให้อีกฝ่ายจัดการมันได้ไม่ยากก็จริงแต่การเคลื่อนไหวรวดเร็วและคล่องตัวเช่นนี้ทำให้เห็นว่าแม้มีสมบัติในมือก็ไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการต่อสู้ของกระต่ายป่าประเภทนี้เลย

“สมเป็นขโมยกำหินนั่นซะแน่นเชียวนะ” คาเรนพูดอย่างผ่อนคลายท่าทางชิวซะจนฟรอเตอร์ต้องออกปากเตือน

“ผู้ใหญ่ถ้าไม่ไหวล่ะก็ถอยไปอยู่ข้างหลังกับเจ้าอามิสเถอะตรงนี้ข้าจัดการเอง” น้ำเสียงเบื่อหน่ายมากกว่าจะเป็นห่วงผู้ใหญ่บ้านหรี่ตามองแล้วพยักหน้า

“อื้ม ไม่อ่ะข้าจะช่วยเจ้าเอง”

“ห๊ะ!?”

“อีกอย่างอามิสไม่ได้หลบตรงนั้นนี่นาจะให้ข้าไปหลบอยู่กับใครมิทราบ”

“อ้าว เจ้าอามิสหายไปไหนเนี่ย?” ฟรอเตอร์หันไปมองทางด้านหลังกลับไม่พบหนุ่มน้อยเลยอามิสเองแม้จะหลบตรงไหนก็มองเห็นได้ง่ายเพราะผมยาวสีฟ้ากับชุดคลุมรุ่มร่ามนั่นที่ปิดไม่มิดแต่ตอนนี้กลับไม่มีวี่แววของเขา

ฟรึบ!

เจ้ากระต่ายป่าโจมตีผู้บุกรุกทันทีแต่หาได้ทำให้หนึ่งหนุ่มหน้านิ่ง กับหนึ่งชายชราสะดุ้งไม่

สิ่งที่มันใช้โจมตีคือดาบยาวที่ได้จากการไปขโมยมานั่นเองฟรอเตอร์ปะทะกับมันตอบด้วยดาบที่เสียบไว้ข้างลำตัว รวดเร็วจนแทบจะมองไม่ทัน

เกร๊ง ๆ ๆ

เสียงปะทะกันดังสนั่นในตอนนั้นเอง คาเรนที่ถอยห่างออกมาจากการโจมตีปะทะกันกระทันหันพูดขึ้นมาด้วยภาษาที่ไม่คุ้นเคย

“ผู้ใหญ่ นั่นทำอะไรน่ะ?” ฟรอเตอร์หันไปถามระหว่างต่อสู้

“ข้าคุยกับเจ้ากระต่ายป่าอยู่ไงนี่ข้าทำตัวเป็นประโยชน์แล้วน้าเจ้าผมบ็อบ” ผู้ใหญ่พูดยิ้มแหย่ ๆ

นี่ถ้าเป็นเวลาปกติคาเรนคงโดนพี่ผมบ็อบจับทึ้งหนวดแบบไม่เกรงใจแล้ว หวังว่าการพูดคุยกันจะเกิดประโยชน์อะไรบ้างก็แล้วกัน

“แล้วมันว่าไง”

“มันบอก ถ้าพวกเราไม่ออกไปจะเผาป่าให้เหี้ยนเลย” ผู้ใหญ่ตอบหน้านิ่ง

“ชิบหายและ...”ฟรอเตอร์รำพึงคนเดียว ก่อนจะตะโกน “แล้วคนอื่น ๆล่ะ หายไปไหนกัน เราต้องรีบออกมาก่อนที่มันจะเผาเราให้เหี้ยนไปด้วย”

ปึก!

เจ้ากระต่ายป่าหยุดชะงักสิ่งที่มันโดนเขวี้ยงมาโดนหัวแบบจังๆคือสันหนังสือเล่มหนา คงไม่ต้องถามว่าใครปามา

ผู้ใหญ่ไงจะใครล่ะ...

มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาจัดการคาเรนแทน

เวลาเดียวกันนั้น อีกฝั่งหนึ่งของผู้กล้าสาวที่แตกแถวจากกลุ่ม

เจี๊ยกๆๆๆๆๆๆ

การปะทะกันระหว่างลิงจ๋อขี้ขโมย(ทำไมในนี้ขโมยเยอะจริง) กับสาวน้อยนักเก็บขยะ ก็ได้เปิดฉากมาสักพัก

เป้าหมายของเจ้าลิงคือปกป้องของที่ขโมยมา

เป้าหมายของหญิงสาวคือขโมยของที่มันขโมยมาอีกที... ไม่สิ พูดแบบนนั้น ดูไม่ดีเอาซะเลย

เรียกว่าพวกนั้นเป็นไอเทมที่ดรอปถ้าจัดการเก็บมันสำเร็จน่าจะดีกว่าแต่ทว่า ความหมายไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก...

“แฮก ๆ”

รินเดลหอบอย่างหนัก ไม่ใช่เพราะพวกลิงเก่งอะไร แต่เพราะโดนรุมสามต่อหนึ่งงานนี้เลยหนักสักหน่อย แถมอาวุธที่เธอใช้จะไม่ยอมใช้ของมีคมเด็ดขาดด้วยจึงใช้แค่มือเปล่าเป็นอาวุธเท่านั้นแน่นอนว่าสู้เจ้าพวกลิงสามตัวที่มีอาวุธเป็นของมีคมไม่ได้

มันเหนื่อยตรงต้องมาคอยหลบไม่ให้โดนนี่แหล่ะ

ปึก!!

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นสันหนังสือเล่มใหญ่ลอยมากระแทกตรงท้ายทอยเจ้าลิงตัวหนึ่งเข้าเป้าขนาดนี้มันเลยลงไปนอนกองกับพื้นแบบช่วยไม่ได้

“อ๋าข้ามีประโยชน์แบบนี้สินะ... ห๋า! เจ้าอามิส!”

มาโรที่โดนเด็กหนุ่มผมสีฟ้าปาออกไปแบบไม่รู้ซึ้งถึงคุณค่าของเขานั้นกำลังกระทืบเท้าโวยวาย อามิสเดินออกมาจากพุ่มไม้แล้วเกาแก้ม

ก็แหม มันก็ต้องใช้แก้ขัดไปก่อนเนอะมีดก็ใช้ไม่เป็น อาวุธอะไรก็ไม่มี

“น่าๆ คุณมาโรมันช่วยไม่ได้นี่ครับ คุณรินเดลกำลังแย่นะครับ” เด็กหนุ่มว่า

“...”รินเดลหันไปมองทั้งสองที่เพิ่งมา อามิสหันไปเห็นจึงโบกไม้โบกมือให้

แม้รินเดลจะไม่ถนัดการใช้อาวุธมีคมเช่นเดียวกับอามิสแต่ทักษะการเอาตัวรอดที่เธอมีมาตั้งแต่เกิดนั้นเป็นเลิศเธอจัดการลิงตัวที่สองด้วยการใช้สันไม้เท้ากระแทกเข้าหน้ามันอย่างจัง

เหลือเจ้าลิงตัวสุดท้าย

มันเตรียมพร้อมก่อนจะเข้าโจมตี...

“ถ้าผู้ใหญ่ไม่ทำแบบนั้น ป่านนี้ก็จัดการมันเสร็จไปแล้วนะครับ”

“อ๊า ไม่ ๆ โทษข้าเรอะข้าอุตส่าห์ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจให้มันมาทางข้า นายจะได้ระเบิดท่าไม้ตายใส่มันยังไงล่ะ”

“ห๋า?”

อืม...

ฟรอเตอร์ก็ฟรอเตอร์เถอะถึงก็งงเลยทีเดียว นี่คาดหวังว่าเค้าจะระเบิดท่าไม้ตายอลังการว่างั้น?

“แต่ข้าก็ต้องผิดหวังเพราะจริง ๆแล้วแกนี่ไม่มีท่าไม้ตาย น่าอับอายจริง” คาเรนทำหน้าเอือมพลางส่ายหน้าเล่นเอาชายหนุ่มเกือบพุ่งตัวเข้าชาร์ตผู้ใหญ่บ้านอาจจะมีการปะทะกันอีกรอบไปแล้วถ้ารินเดลไม่มาขวางให้

“นี่... ใจเย็นดิ ฉันได้ของมาเยอะแยะเลยนะ...จะดูไหม” รินเดลผู้หน้านิ่งตลอดศก หันมาคุยด้วยแบบไม่มีที่มาที่ไป

คงจะอยากคุยด้วยจริงๆล่ะมั้งสายตาเธอเป็นประกายเล็กน้อย (ตาเล็กมาก ๆแต่ก็เห็นประกายล่ะนะ)

“เธอถอยไปเลยนะแล้วนี่... ตอนแรกจะให้ช่วยกันแบกสัมภาระจำเป็นมาที่นี่ ไหนบอกว่าเป็นผู้หญิงแรงน้อยแบกไม่ไหวไง? นี่เรียกว่าแรงน้อยรึไง?”ชายหนุ่มว่าแล้วชี้ไปที่ถุงไอเทมมากมายที่รินเดลจัดการกวาดมาทันทีที่จัดการพวกลิงได้สำเร็จไอเทมนั้นมีวัตถุดิบมากมาย ที่ทั้งนำไปใช้ได้และนำไปใช้ไม่ได้ ของมีค่าและของไม่มีค่า

แต่ของไม่ได้เยอะธรรมดาเยอะจนนำมาใส่ถุงกระสอบใหญ่ได้จนเต็ม แล้วต้องลากกลับไปจนกว่าจะถึงหมู่บ้าน

ความจริงก็คือ รินเดลเป็นผู้หญิงที่แรงถึกมากกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการได้

ฟรอเตอร์หรี่ตามองเธอ“นั่นคือ ข้ออ้างเพราะเธอขี้เกียจสินะ...”

...

“อื้ม”

ยอมรับมันง่าย ๆแบบนี้เลยเรอะ!?

“แหะ ๆคุณรินเดลนี่ตลกจังนะครับ ทำไมพวกเราไม่กินขนมปังก่อนล่ะครับเหนื่อยแย่เลย”หลังจากจบการต่อสู้ที่อามิสเลี่ยงได้จะเลี่ยงเลยนั้น เขาก็อารมณ์ดีและเดินอ่านหนังสือ(มาโร)ตลอดทาง พลางคอยแจกเสบียงให้เพื่อนร่วมทีมไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ทำหน้าระรื่นไปอีกน้าสาวน้อย”คาเรนหันมาหัวเราะ

“เรื่องที่รินเดลทำนี่มันตลกตรงไหนมิทราบ”มาโรที่โดนอามิสเปิดอ่านไปเพลิน ๆ เอ่ยแล้วหาวขึ้นมา

“แบบนั้นมันขี้เกียจเลยไม่ใช่หรอ”

“คุณรินเดลอาจจะเหนื่อยก็ได้นะครับ”อามิสพูดออกไปแบบซื่อ ๆจึงโดนมาโรเขกหัวให้ทีหนึ่ง

“เหนื่อยอะไรก็เห็นแม่คุณนั่นขี้เกียจทั้งวันไม่ใช่หรอ! ข้าเคยเห็นไปนอนอยู่ตรงกองขยะก็มีนะ”

ทุกคนต่างก็หยุดเดินพร้อมกันแล้วหันไปมองรินเดลที่ลากถุงเดินไปเรื่อย ๆแบบไม่สนใจใคร

“จ...จริงหรอคร....”

“ตามนั้นฉันก็เคยเห็น” คาเรนเสริม

“อืม” ฟรอเตอร์รู้ แต่ก็ไม่ได้อยากจะพูดนัก...

ตอนนี้เหล่าผู้กล้าแห่งหมู่บ้านเปร่ากำลังเดินออกมาจากป่านารินที่ขโมยเยอะชะมัด... บรรยากาศกำลังชื้นตามแบบที่ควรจะเป็นและตะวันเริ่มตกดินแล้วพวกเขากลับหมู่บ้านเพื่อนำสมบัติที่ดีที่สุดที่ได้มาไปให้โลเรนสมบัติพาซวยที่เริ่มทำให้หมู่บ้านไม่สงบสุข

ชาวบ้านต่างนั่งรอเหล่าผู้กล้ากลับมาจนค่ำและแล้วพวกเขาก็กลับมาพร้อมไอเทมมากมายในถุงกระสอบนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านต่างพากันเฮฮาดีใจหลังจากคนทั้งหมู่บ้านกำลังซวยหนักเพราะคำสาปปริศนา

“อะแฮ่มๆ” เอ็ดเวิร์ดโฆษกประจำหมู่บ้านเจ้าเก่าเดินมาตรงกลางวงชาวบ้านและเหล่าผู้กล้าที่เพิ่งจะกลับมาในตอนนี้โลเรนเองถูกล่ามโซ่ไว้กับเสาบริเวณกลางหมู่บ้าน ทำท่าตบยุงอย่างเบื่อหน่าย

“ทุกท่านครับและตอนนี้เหล่าผู้กล้าของเราจะนำสมบัติให้โลเรน เรามาดูกันสิครับว่าเราจะหลุดพ้นจากความซวยนี้ได้ด้วยสมบัติเหล่านี้หรือไม่?”

นั่นสิ…

“ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ใหญ่บ้านฉันขอเป็นคนมอบสมบัตินี้ให้กับเจ้าโลเรนนะ” คาเรนเดินออกมาอย่างสง่าพูดราวกับว่าตัวเองคือหัวหน้าทีม หรือให้ง่ายกว่านั้นคือได้สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมผู้กล้านั่นเอง

“หึ ทีเรื่องเอาหน้าแบบนี้ล่ะเอาเชียวนะผู้ใหญ่”ฟรอเตอร์สถบแล้วมองไปทางอื่น ในขณะที่คาเรนทำเป็นหูทวนลมแล้วเดินไปนำสมบัติที่ได้มาคืออัญมณีสีฟ้ายื่นไปให้โลเรนที่กำลังตบยุงอยู่

“อะไร? มีอะไรกับข้าอีกอ่ะ?”

“นี่ไงสมบัติที่เจ้าต้องการ...” คาเรนยื่นสมบัติให้เจ้าโลเรนจนชิดจมูกมันเหมือนจะบังคับให้มันรีบรับของนี่แล้วออกจากหมู่บ้านไปได้แล้ว

“อะไรของแกเนี่ยข้าไม่ได้รู้สึกอยากได้มันนะ”

“แต่นี่เป็นของมีค่าที่มีราคาแพงมากนะ”คาเรนว่า และเอ็ดเวิร์ดจึงช่วยเสริมเรื่องราคา

“ใช่ครับราคาเจ้าอัญมณีนี้ อยู่ที่ หนึ่งหมื่นสามพันเหรียญเนื่องจากสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำชุดเกราะ อาวุธเกรดดีได้แล้วยังนำมาเจียระไนทำเป็นเครื่องประดับได้ในราคางามอีกนะครับ”

“แล้ว?” โลเรนไม่ได้ฟังไอตะกี้เลยสักนิดจัดได้ว่าเป็นเนื้อหาที่น่าเบื่อและเกินความจำเป็นของเจ้าหีบสมบัติ คาเรนจึงยื่นอัญมณีชิดเข้าไปอีกจนโขกกับหัวมัน

“รับไปสิ...”

“รับอะไร นี่ ถ้าอยากให้ข้าเอามันจริง ๆล่ะก็ นี่ ๆ ๆ”โลเรนอ้าปากกว้างและชี้เข้าไปข้างใน

“อืม...ข้าเข้าใจแล้วล่ะ งั้นรับไปซะ” คาเรนเข้าใจและหย่อนอัญมณีสีฟ้าใสลงไปในปากโลเรน

ทุกคนต่างลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากโลเรนได้สมบัติไปมันจะออกจากหมู่บ้านไปเลยหรือไม่ หรือยังอยู่ที่เดิม

แต่ทุกอย่างก็ปกติแถมมาด้วย

“โอ้ไอ้นั่นที่ให้กินมันก็อร่อยดีนะ มีอีกปะ?”

“คุณโลเรนได้สมบัติแล้วนี่ครับ ไม่ไปหรอครับ?” อามิสยืนลุ้นตัวโก่งถ้าเจ้าสมบัตินี่มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นแบบนี้ ก็มีลุ้นว่าทุกอย่างอาจจะคลี่คลาย

“ไปไหนอ่ะ?” เจ้ากล่องสมบัติทำตีหน้าซื่อ “นั่นไม่ใช่ของที่ข้าอยากได้สักหน่อยแต่มันแค่อร่อย”

“งั้นเอาคืนมา”รินเดิลพุ่งตัวไปหาโลเรนไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเธอต้องการสมบัติเมื่อกี้คืนเพราะรู้ถึงประโยชน์สารพัดของมันขนาดนั้น

“แอ๊ฟฟ”โลเรนกระอัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้อัญมณีหลุดออกมา มันโวยวายใส่ “ทำไรฟะเนี่ยเดี๋ยวเกิดข้าตายขึ้นมาทำไง ทำใช้กันไหวไหม! แค่ก แค่ก”

ฟรอเตอร์ส่ายหน้าให้กับความไร้ประโยชน์ของสมบัติที่อุตส่าห์ไปเอามาแล้วหยิบถุงกระสอบมาเทของทั้งหมดที่อยู่ในนั้นออกมา

“งั้นแกลองกินพวกนี้ มีอะไรที่อยากได้ไหม”

มันชายตามอง แล้วพูดด้วยเสียงแปร่งๆ “ข้าว่าเอามันไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ยังจะดีกว่านะ”

“ฉันไง ฉัน”รินเดลยกมือขึ้น ทำหน้าตาย แววตาเป็นประกายในทันที

คนทั้งหมู่บ้านจึงหันมามอง

นี่อยากได้ของในกระสอบขนาดนั้นเลยจริงดิ? หากแต่ปล่อยให้ความเงียบคุขึ้นมาเช่นนี้นานเข้าเห็นทีจะไม่ได้เข้าเรื่องเสียที หนุ่มหน้าเข้มจึงกอดอกอย่างครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงขรึมอีกครั้ง

“แกลองกินเข้าไปก่อนเผื่อมีสิ่งที่อยากได้” น้ำเสียงแกมบังคับเสียมากกว่าถามความสมัครใจ นั่นทำให้โลเรนทำหน้านิ่วก่อนจะตอบรับอย่างเสียไม่ได้ เพราะกลัวใจหนุ่มตรงหน้าจะหันด้ามดาบมาหาเขา

“เอาจริงดิ ก็ได้ ข้ากินก็ได้”ซึ่งอุปสรรค์การกินในตอนนี้คือรินเดล ที่ดูจะหวงของในกระสอบมาก และไม่อยากให้มันไปแล้วไปลับในปากโลเรน

หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นยิ่งทำให้เหล่าผู้กล้าเงิบกันได้อีก

“ถุ้ยย!” 


เจ้าหีบทำหน้าบูด พร้อมกับการคายสิ่งที่เพิ่งเข้าปากมันไปอย่างต่อเนื่อง ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติที่รินเดลไปหามาได้ทั้งนั้น ทว่าตอนนี้อยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงเค้าเดิม แต่แย่กว่าเดิมเยอะ 


เมื่อสภาพของสมบัติที่น่าจะออกมาเหมือนเดิม กลับเหมือนอ้วกหรือกองอะไรสักอย่าง...

เพราะสิ่งที่ถูกคายออกมานั้นกำลังอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกเลย ด้วยสภาพเช่นนี้จึงเหลือที่จะรับได้บรรดาแม่บ้านของหมู่บ้านเปร่าฯจึงรีบมาเก็บกวาดไปทิ้งแทบจะทันทีโดยไม่ถามความเห็นของเหล่าผู้กล้าอีก

คาเรนยิ้มแสย่ะแล้วเริ่มพูดออกมาท่ามกลางความเงียบ และเงิบของทุกคน

“จำเป็นต้องคายออกมาแล้วเละถึงเพียงนี้เลยรึท่านโลเรนไม่ชอบของพวกนี้เลยหรืออย่างไร”

“ก็มันไม่อร่อยอ่ะ”

ประโยคนี้ทำให้เหล่าผู้กล้า

ยืนเงิบกันได้อีก...


----------------------------------------------------------------------------

ตอนต่อไป พบกับ


คำสาปปริศนา ที่ยังคงดำรงอยู่ในหมู่บ้านเปร่าฯ ตราบเท่าที่หีบสมบัติโลเรนยังคงอยู่


หากไม่ระมัดระวังคำพูดคำจาล่ะก็...


จะแย่เพราะปากเสียโดยไม่รู้ตัว ! นี่มันคำสาปอะไรกันนี่ !





Create Date : 03 เมษายน 2560
Last Update : 3 เมษายน 2560 18:32:14 น.
Counter : 1668 Pageviews.

1 comments
  
สวัสดีนะจ้ะ แวะมาเยี่ยมนะจ้าาา sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4057910 วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:17:38:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tsubaki_chiru
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]