Group Blog All Blog
|
นกน้อยวัยรุ่นใน Ladybird นกน้อยวัยรุ่นใน Lady bird วัยรุ่น วัยแห่งฮอร์โมนที่พลุ่งพล่าน หัวเลี้ยวหัวต่อแห่งชีวิต ภาพยนตร์ coming of age สุดวายป่วง แต่แฝงเรื่องราวน่าสนใจเรื่องนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ 1. ตัวตนจริงที่เห็น เป็นอยู่ และความต้องการ คริสทีน 'เลดี้เบิร์ด' แม็คเพียร์สัน เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ ความสัมพันธ์ของเธอกับคนในครอบครัว ก็ไม่ค่อยจะดีนัก แต่เธอมีความฝัน เธอฝันอยากเป็นลูกคุณหนู มีบ้านหลังใหญ่ๆ มีชีวิตที่สุขสบายกว่านี้ ทุกครั้งที่เธอเดินผ่านบ้านหลังใหญ่เธอมักจะคิดฝันไปไกลว่า ถ้าเธอมีบ้านแบบนี้เธอจะทำอะไรบ้างนะ? เธอเป็นนักเรียนในโรงเรียนคาทอลิคในเมืองที่เธออาศัยอยู่ โรงเรียนที่แบ่งแยกหญิงและชายให้เรียนต่างห้องต่างที่ กฎระเบียบต่างๆ ที่มีเปรียบเหมือนกรอบในการดำเนินชีวิตของคนเราที่ต้องปฏิบัติตาม เธอไม่เชื่อในพระเจ้า ไม่ศรัทธาในคำสอนสักนิด เธอร่วมแสดงงานละคนในงานโรงเรียน แต่ก็ได้บทไม่ถูกใจเธอสักเท่าไร เธออิจฉาเพื่อนที่ได้บทดีกว่า แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดเกลียดเพื่อนไปเลย ซึ่งจริงๆ แล้ว เธอก็คงยินดีกับเพื่อนไม่น้อยเช่นกัน ชีวิตของเธอดำเนินไปด้วยความเบื่อหน่าย ประกอบกับความไม่พอใจในหลายๆ อย่าง เธอคบเพื่อกลุ่มใหม่เพื่อนคูลๆ ที่คิดว่าจะทำให้ชีวิตเธอสนุกกว่านี้ เธอเริ่มโดดเรียน เธอโกหกเพื่อนใหม่ว่า เธอเป็นลูกคุณหนูอยู่บ้านหลังใหญ่ จนกระทั่งเพื่อนใหม่จับได้ว่าเธอโกหกแล้วรู้ว่าเธอเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนนึงเท่านั้น ดีที่เพื่อนก็ไม่ได้เลิกคบเธอ ยังพากันไปไหนมาไหนด้วย แต่แล้วก็เป็นเธอนี่ละที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับที่ตรงนี้ แล้วเธอก็กลับไปหาเพื่อนสนิทจริงๆ ของเธอ เธอยังคงดิ้นรนที่จะออกไปตามฝันของเธอ ถึงขนาดขโมยเอกสารของอาจารย์ทิ้งเพื่อจะได้โกงคะแนนสอบ เพื่อให้ได้เกรดดีๆ เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่างเมือง เหมือนที่บางครั้งเราก็ทำอะไรโง่ๆ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ จริงมั้ย? 2. ความสัมพันธ์ในครอบครัวบ่มเพาะความรู้สึก ครอบครัวชนชั้นกลางที่พ่อแม่ต่างคนต่างทำงาน ควบคุมค่าใช้จ่าย แต่ก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกๆ ของตนเอง เลดี้เบิร์ดรู้แค่เพียงว่าพ่อแม่รักเธอ พี่ชายรักเธอ แฟนของพี่ชายก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับเธอ แต่เธอสัมผัสความรักเหล่านั้นไม่ได้ ไดอะล็อคที่สำคัญและแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์แม่ลูกได้ดีที่สุด คือ ตอนลองชุดงานพรอม แม่เธอขัดเธอว่าชุดแดงไป ไม่เหมาะ แต่เลดี้เบิร์ด พึงพอใจชุดนี้ เธอถามแม่ว่า แม่ชมเธอบ้างไม่ได้เหรอ สักครั้งก็ยังดี แต่แม่เธอบอกว่า อยากให้เธอเป็นเธอที่ดีกว่านี้ เธอตอบว่า ถ้านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอจะเป็นได้แล้วล่ะ? เลดี้เบิร์ดรู้สึกว่าแม่รักเธอ แต่ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองเป็นที่ยอมรับของแม่ แม่ไม่เคยชื่นชมเธอ แม่มักจะมีคำดุด่าว่ากล่าวเธอสารพัดแม้แต่ตอนที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย เธอมีปมในใจว่าที่เป็นแบบนี้เพราะเธอไม่เก่ง ไม่เหมือนพี่ชายที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัย ความน้อยเนื้อต่ำใจแสดงออกมาในรูปแบบความก้าวร้าว เกเร เลดี้เบิร์ดสนิทกับพ่อมากที่สุด ความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อเป็นความเข้าใจกัน พ่อไม่เคยว่าเธอแรงๆ เคารพการตัดสินใจและให้ความช่วยเหลือลูกสาวอย่างสุดความสามารถ ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยคำชมเชยในปริมาณที่พอเหมาะโดยเฉพาะจากคนที่เรารัก การดูแลเอาใจใส่ด้วยความเข้าใจ ซึ่งจะไม่ทำให้เค้ารู้สึกแปลกแยก ถ้าไม่นับเรื่องความดื้อรั้นและการเป็นกบฏเล็กๆ ของเลดี้เบิร์ด เธอเป็นเด็กดีเลยทีเดียว เธอไม่ค่อยโดดเรียน ร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียนเสมอแม้จะไม่ชอบ เป็นเพื่อนที่ดีของจูลี่ เป็นลูกสาวที่น่ารักของครอบครัว 3. ชีวิตในกรอบของคนรอบข้าง โอเนล แฟนคนแรกของเลดี้เบิร์ด เป็นเด็กหนุ่มในครอบครัวที่ดี มีบ้านหลังใหญ่ ครอบครัวใหญ่และดูเชื่อมั่นในศาสนา แต่สิ่งที่เป็นปัญหาของโอเนลคือ การเป็นเกย์ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเป็นเพศที่สามสี่ห้า เพราะเราก็เชื่อว่าไม่ว่าเค้าจะเป็นเพศอะไรก็เป็นคนดีได้ทั้งนั้น แต่สิ่งที่โอเนลกังวลคือ การยอมรับตัวตนของเค้าของคนในครอบครัว แม้เลิกกันไปแล้วแต่โอเนลก็ยังมาไหว้วานขอให้เลดี้เบิร์ดไปเป็นคู่เดทในช่วงวันรวมญาติ แสดงให้เห็นว่า บางทีสิ่งที่ทำให้เพศที่สามสี่ห้า ไม่ยอมรับความจริง อาจเป็นเพราะคนในครอบครัว เราเห็นเรื่องแบบนี้บ่อยแม้ในปัจจุบันที่มีการเปิดกว้าง แต่ใช่ว่าทุกครอบครัวจะยอมรับได้ แม้เลดี้เบิร์ดจะให้กำลังใจเค้า ขอให้เค้าพูดความจริงกับครอบครัว แต่หากพูดไปแล้วมันไม่เป็นไปอย่างที่คิด ชีวิตเค้าจะเป็นอย่างไรต่อไป? 4. ทิฐิและการยอมรับตัวตน ในท้ายสุดของเรื่อง เลดี้เบิร์ดได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างเมืองจริงๆ เมืองที่ใหญ่โตกว่า เจริญกว่า และน่าจะทำให้เธอมีความสุขได้มากกว่า แต่แลกมากับการที่เธอทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรง เธอเสียใจมาก แม่ของเธอก็เสียใจมากเช่นกัน การแสดงออกถึงความไม่พอใจของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน แม่ของเลดี้เบิร์ด เลือกที่จะเก็บความโกรธแล้วเงียบใส่ ไม่มีการดุด่าว่ากล่าวใดๆ ที่เธอสมัครมหาวิทยาลัยต่างเมือง เลดี้เบิร์ดง้อและขอโทษแม่ของเธอมาตลอด เธอขอให้แม่ของเธอดุด่าว่ากล่าวเธออย่างไรก็ได้ ขอเพียงให้แม่ของเธอยอมพูดกับเธอเท่านั้น ความโกรธ ความเสียใจของคนที่รักกัน แท้จริงแล้วไม่ใช่การที่เราตะโกนด่าทอกันด้วยคำหยาบคาย เสียดสี หรือทำร้ายกันด้วยคำพูด แต่เป็นการที่เราไม่พูดอะไรกันเลยสักคำมากกว่า จนวันสุดท้ายที่เธอจะต้องเดินทาง แม่ของเธอก็ยังไม่ยอมใจอ่อนพูดกับเธอดีๆ เธอเดินเข้าสนามบินด้วยความเสียใจ โดยมีพ่อของเธอตามไปส่ง แม่ของเธอถือทิฐิไว้ไม่ยอมปล่อย แต่เมื่อจะขับรถออกจากสนามบิน แม่ของเธอกลับเปลี่ยนใจแล้วเลี้ยวรถกลับมาที่เดิม จอดรถโดยไม่สนใจว่ามันจะถูกที่หรือไม่ วิ่งเข้าไปในสนามบินเพื่อบอกลาลูกสาวด้วยความรัก แต่แม่เธอกลับเจอแต่พ่อคนเดียวเท่านั้น ส่วนลูกสาวไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แม่ร้องไห้โดยไม่อายทันที เสียใจกับการกระทำตัวเองที่ผ่านมาที่ถือทิฐิไว้เนิ่นนานจนสายเกินไป ครั้นเมื่อเลดี้เบิร์ดเดินทางไปถึงเมืองใหม่ เธอใช้ชีวิตตามปกติแบบเด็กสาววัยรุ่นทั่วไปแล้ววันนึงเธอก็คิดถึงสิ่งที่เธอคุ้นเคยแต่ไม่เคยชอบใจมาตลอด นั่นคือ "โบสถ์" "พิธีกรรมทางศาสนา" เธอเดินเข้าโบสถ์ได้ยินเสียงเพลงสวดมนต์ วินาทีนั้น เธอคิดถึงที่ที่ตัวเองจากมาทันที คำพูดของเลดี้เบิร์ดที่บอกเล่ากับเครื่องตอบรับเป็นสิ่งที่บอกได้ว่า เธอเห็นแล้วว่า เมืองที่เธอเคยอยู่แต่ไม่เคยพอใจนั้นเงียบสงบและสวยงามเพียงใด เธอเห็นวิวเดิมที่เคยเห็นกับแม่ก็จริง แต่มอผ่านด้วยเลนส์ใหม่ที่ไม่ใช่เลนส์เด็กวัยรุ่นเหมือนตอนนั้น เธอคิดถึงมัน คิดถึงเมืองที่เคยอยู่ คิดถึงที่ที่จากมา และคิดถึงแม่ด้วย เธอกล่าวขอบคุณแม่ ขอบคุณความรักของแม่ที่มีให้เธอมาตลอด ความรักที่เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันเป็นความรักแบบไหนกัน แต่ตอนนี้ที่เลดี้เบิร์ดโตขึ้นจากการได้อยู่คนเดียวนั้น ทำให้เธอยอมรับตัวตนของตัวเองจริงๆ ว่าเป็นใคร มาจากไหน และมันดีแค่ไหนในชีวิตที่ผ่านมาของเธอ ชีวิตคนเราไม่สามารถแยกจากสิ่งที่ทำให้เราเป็นตัวเราในทุกวันนี้ได้ พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน บ้านเกิด โรงเรียน และอื่นๆ ชีวิตเราที่ผ่านมาทั้งหมดส่งผลต่อตัวเราในทุกวันนี้ เราไม่สามารถหนีจากสิ่งเหล่านั้นหรือลบมันออกไปได้ทั้งหมด เราควรยอมรับในอดีต เรียนรู้ และก้าวเดินต่อไป เลดี้เบิร์ดที่เติบโตขึ้นจึงเป็นเลดี้เบิร์ดใน best version ดีที่สุด และดีกว่าคนที่เก่าที่เธอเคยเป็น เราชอบที่หนังเลือกที่จะจบแบบปลายเปิด ให้เลดี้เบิร์ดพูดกับเครื่องตอบรับข้างเดียวโดยที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอจะได้ยินคำพูดของเธอหรือไม่ ไม่รู้ว่าเธอจะได้เคลียร์ใจกับแม่ของเธอตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ซึ่งมันยิ่งไปย้ำกับการมีทิฐิของแม่ การมีทิฐิทะนงตัวอยู่บ้างก็เป็นสิ่งที่ดี แต่การมีทิฐิกับคนที่ตัวเองรักรังจะมีแต่การทำร้ายกัน ในชีวิตคนเรามีหลายครั้งที่เรายึดถือแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง จนเราลืมไปว่าความสัมพันธ์ทุกอย่างมันมีการพรากจาก จะจากกันสั้น หรือจากกันยาวแค่ไหนก็ไม่มีทางรู้ได้ ซึ่งเราหวังจริงๆ ว่า ในชีวิตจริงของเลดี้เบิร์ดตัวนั้น จะได้คุยกับคนที่เธอรักและรักเธอที่สุดแบบดีๆ สักที ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้...
|
สาวโสดผู้โดนเทตลอด
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] | ||||
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
AppleWi Home & Garden Blog ดู Blog
newyorknurse Health Blog ดู Blog
ซองขาวเบอร์ 9 Home & Garden Blog ดู Blog
bangkok107 Health Blog ดู Blog
ลุงแมว Travel Blog ดู Blog
สาวโสดผู้โดนเทตลอด Movie Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น