ฉันเป็นสาวห้าวมาตั้งแต่เด็กๆ พอลองกลับไปอ่านไดอารี่ช่วงอายุ12-13จะเจอประโยคว่า ไม่อยากมีประจำเดือน อยากตัดมดลูกทิ้ง แล้วก็ ไม่อยากใส่ยกทรงร้อนจะตายอยู่แล้ว จำได้ว่าเรื่องชุดชั้นในเป็นเรื่องที่ทำให้ทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรงไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงทุกคนใส่สายรัดแบบนั้นไปได้ยังไงกันแถมเมืองไทยอากาศแบบนี้จะมีฟองน้ำดันทรงไปเพื่ออะไร ยังมีอย่างอื่นที่ไม่สมเป็นผู้หญิงอีกฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าผู้ชายหล่อ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ที่มีแต่คนกรี๊ดในโรงเรียนพระเอกละคร หรือนักร้องฝรั่ง ผู้ชายทุกคนดูเหมือนกันไปหมด พี่เก่งเวลายิ้มน่ารักมาก สูง แถมเป็นประธานนักเรียนอีก พี่วีเท่อ่ะสายตาเวลาเตะบอลนี่สุดๆ ถึงได้ยินคนอื่นชมใครด้วยประโยคดังเช่นข้างบนฉันก็ไม่เคยเข้าใจว่าทำไม ในทางกลับกันฉันรู้ว่าผู้หญิงที่น่ารักเป็นอย่างไร เวลาได้เห็นเพื่อนผู้หญิงหน้าหวานๆเรียบร้อย แล้วจะมีความสุข เวลามีปัญหาอะไรก็อยากเข้าไปช่วยฉันรู้สึกว่าพวกเธอน่าทะนุถนอม พอขึ้นม.2 ก็เริ่มมีคนที่เป็นแฟนกันแต่ไม่ว่าใครจะไปจีบใครหรือโดนใครทิ้ง ฉันก็รู้สีกว่ามันไกลตัวเหลือเกิน แต่ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็คงมีผู้ชายที่เป็นรักครั้งแรกเข้ามาเหมือนที่บรรดาเพื่อนมีกัน ว่าแต่...ผู้ชายนี่มีดีตรงไหนเหรอ... ผิดคาด จนจะเรียนจบม.3อยู่แล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันยังไม่ได้ชอบใครแล้วก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าผู้ชายหล่อนี่เป็นยังไง จำได้ว่าตอนนั้นกำลังนั่งๆนอนๆอยู่ที่บ้านเพิ่งสอบไฟนอลเสร็จ รอแค่ไปรับผลการเรียนอย่างเดียว เพื่อนๆเริ่มวางแผนไปเลี้ยงส่งกันเพราะบางคนจะออกไปเรียนต่อที่อื่นอันที่จริงฉันเองก็จะไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาพอขึ้นม.4เหมือนกัน ฉันกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟา จะว่าไปม.ต้นก็เร็วเหมือนกันตอนแรกอยากเข้าวงโยฯมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้า(ซ้อมหนักมากแถมดำ) คิดไปคิดมาก็มีหลายอย่างที่ไม่ได้ทำ เอาแต่เรียนให้มันรอดไปวันๆ เออ..สุดท้ายแล้วไม่เห็นมีรักครั้งแรกนี่ ฉันลุกขึ้นมานั่ง หรือว่าเราพัฒนาการช้า? จนตอนนี้ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าผู้ชายเท่ๆเป็นยังไงจะให้ไปชอบใครได้ไง หรือว่าจริงๆแล้ว... เราไม่ได้ชอบผู้ชาย? เหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาในหัวมันก็มีความเป็นไปได้ เพราะฉันเคยอ่านเจอว่าคนที่เป็นเพศที่สามบางคนก็เป็นแบบนี้คือมารู้ตัวเพราะไม่สนใจเพศตรงข้ามเลย ฉันไม่เคยมีอคติอะไรกับเพศที่สามและคิดว่าทุกคนควรได้รับการยอมรับไม่ว่าจะชอบเพศอะไรทำให้ฉันไม่ได้ตกใจหรือเสียใจที่ตัวเองไม่ชอบผู้ชายรู้สึกดีเสียอีกที่สุดท้ายก็ไขปริศนาได้ ปัญหาต่อมาคือแล้วฉันเป็นเพศที่สามแบบไหนล่ะ ทอม:ถึงฉันจะไม่หวาน แล้วก็ชอบสาวน่ารักๆแต่ก็ไม่ได้อยากแต่งตัวแมนๆ ยังชอบไว้ผมยาว ชอบสีชมพูอยู่ งั้นคงไม่ใช่ เลสเบี้ยน:ผู้หญิงที่ชอบเพศเดียวกันแต่ยังอยากเป็นผู้หญิงเหรอ...นี่แหละ! ขอเรียนตามตรงว่าตอนนั้นฉันไม่ได้คิดเลยว่าถ้าพ่อแม่รู้เข้าจะเป็นยังไงความรู้สึกของสังคมฯลฯ ไม่มีความกลัวหรืออยากปฏิเสธตัวเองเลยอาจเป็นเพราะฉันเชื่อในสิทธิของเพศที่สามแต่ต้น ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร ออกจะดีใจเสียอีกที่ในที่สุดก็ได้ค้นพบตัวเอง ฉันเลยตัดสินใจค้นหาตัวเองต่อไปเริ่มจากการสำรวจว่าชอบผู้หญิงแบบไหน จะได้เอาไปใช้ได้เวลาหาแฟนที่ผ่านมาฉันจะประทับใจผู้หญิงที่เรียบร้อยน่ารักแต่บางทีอาจมีคนแบบอื่นๆที่เป็นสเป็คก็ได้ ฉันเลยเปิดทีวีดูช่องเดินแบบดูคนสวยเยอะๆอาจจะรู้อะไรมากขึ้นก็ได้ มีทั้งนางแบบฝรั่งแล้วก็นางแบบเอเชียเดินบนแคทวอล์คแต่ละคนก็สวยต่างกันไป บางคนออกหวานๆ บางคนสวยแบบเฉี่ยวๆฉันดูไปก็นึกตามไปว่าถ้าให้เลือกเป็นแฟน จะเอาคนไหนดี เวลาผ่านไปประมาณ 10นาทีฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆ มีอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นเพราะยังไม่เจอสาวถูกใจเลยรวบรวมสมาธิในการดูให้มากกว่าเดิม แต่ยังไงความรู้สึกนั้นมันก็ไม่หายไป นางแบบทุกคนสวยและเซ็กซี่มากแต่ฉันนึกภาพตัวเองออกเดทกับพวกเธอ จูงมือเดิน หรือสวีทกันไม่ออก มันแค่ไม่ใช่ฉัน สุดท้ายฉันก็ปิดทีวี แกอาจจะยังไม่เคยมีรักครั้งแรกแต่ที่แน่ๆแกไม่ได้ชอบผู้หญิงว่ะ ฉันบอกตัวเอง เวลาที่เป็นเลสเบี้ยนทั้งหมด:15นาที มองย้อนกลับไปที่เรื่องนี้ทีไรรู้สึกขำทุกที นอกจากความจริงที่ว่าฉันโตช้าแล้วนิสัยให้ความสำคัญกับเสรีของปัจเจกชน(Liberal)แบบไม่ค่อยแคร์สังคมก็ยังถูกสะท้อนออกมาด้วยจนถึงตอนนี้ก็ยังอยากให้การมีเพศที่สามเป็นเรื่องปกติของเมืองไทยและทั่วโลก(สนับสนุนการแก้กฎหมายให้เพศเดียวกันแต่งงานกันได้ค่ะ) สุดท้ายฉันก็ไม่ได้เป็นเลสเบี้ยนหรือเพศที่สาม หลังจากเหตุการณ์นี้2-3เดือนฉันก็ได้เจอคนที่จะมาเป็นรักครั้งแรก และคนที่ชอบทุกคนก็เป็นชายแท้ แต่รักครั้งแรกน่ะทุลักทุเลกว่าการค้นหาตัวเองครั้งนี้อีก
Create Date : 16 เมษายน 2559 |
|
2 comments |
Last Update : 16 เมษายน 2559 20:45:47 น. |
Counter : 1722 Pageviews. |
|
 |
|