สวัสดีคะ ขอแนะนำตัวก่อนเลยนะคะ ชื่อบีคะ โดยส่วนตัวบีเป็นคนชอบอ่านมาตั้งแต่เด็กๆๆแล้วคะ  พ่อกับแม่ก็สนับสนุนในเรื่องการอ่าน ตอนเด็กๆ ถ้าบีอยากได้ของเล่นสักชิ้น ขอแล้วขออีก ก็ไม่ค่อยจะได้แต่ถ้าเป็นหนังสือ ไม่เคยปฏิเสธเลยคะ บ้างครั้งพ่อกับแม่ก็ซื้อหนังสือมาฝากซะด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูน หนังสือพัฒนาความรู้ต่างๆ

                 โดยตอนเด็กๆ ก็เริ่มจากหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ มหาสนุก ก่อนคะ และ บีเชื่อว่าเด็กๆหลายคนน่าจะชอบนะคะเพราะว่าอ่านง่ายแล้วก็สนุกอีกด้วย เอาเป็นว่าบีอ่านจนติดเลยคะ แบบว่าอ่านทุกเล่มที่มีวางจำหน่ายเลยคะ ประมาณว่าเข้าร้านหนังสือทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้  จนกลายเป็นสะสมหนังสือไปโดยไม่รู้ตัวเลยคะ

                  พอบีโตขึ้นมาอีกหน่อยช่วงมัธยมคะ ช่วงนั้นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ตอนแรกบีเองก็ยังไม่รู้จักหรอกคะว่า หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นนี่หน้าตาเป็นยังไง จนมีเพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกัน แนะนำให้อ่าน หลังจากนั้นก็ติดงอมแงมเลยคะ  ภาพการ์ตูนสวยเนื้อหาก็สนุกดี ช่วงนั้นทั้งยืมเพื่อนอ่าน เช่าจากร้านหนังสือการ์ตูน ตอนนั้นราคาค่าเช่าเล่มละ3บาทคะ ซึ่งบีเองก็เช่าเค้าอ่านอยู่หลายเดือนเหมือนกัน แต่พอคิดไปคิดมา เราเสียค่าเช่าหนังสือเดือนนึงก็หลายบาทอยู่นะ ทำไมเราไม่ซื้อเป็นของตัวเองเลยละ เช่าเค้าอ่านเราก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ 

                 เมื่อคิดได้อย่างนั้น บีก็ตรงไปที่ร้านหนังสือเลยคะ ซึ่งเป็นร้านประจำของพ่อคะ บีก็เลือกอยู่นานว่าจะเอาเล่มไหนก่อนดีนะ มีเยอะแยะไปหมด ชักตาลายแล้วซิ เอางี้แล้วกัน ดูภาพหน้าปกเป็นหลัก ถ้าเล่มไหนภาพสวยก็เอาเล่มนั้นละกันจะได้ไม่ต้องคิดมาก จากนั้นตามด้วยชื่อคนแต่งหรือคนวาด

                  เล่มแรกที่ซื้อราคา30บาทคะ เรื่องจังหวะร็อคดนตรีรัก ของอ.ชิโจ มายู จำได้ว่าซื้อเก็บสะสมเป็นชุดจนถึง17เล่มจบเลยคะ (แต่หนังสือชุดนี้บีเอาไปให้เพื่อนยืมอ่านตอนม.ปลาย แล้วเพื่อนบอกว่าแม่เก็บทิ้งลงถังขยะหมดแล้ว ตอนแรกที่ได้ยินก็ตกใจ ยืนนิ่งอยู่พักนึงเลยคะและไม่รู้ด้วยความที่เป็นเด็กยังคิดไม่ได้ว่าต้องให้เพื่อนชดใช้ซื้อคืนให้ หรือว่าใจดีตอนนั้นเลยบอกเพื่อนไปว่า "ไม่เป็นไร"   แล้วก็กลับมานั้งเศร้าเสียดายอยู่คนเดียว ถือซะว่าเป็นบทเรียนราคาแพงที่ให้คนอื่นยืมหนังสือเราก็แล้วกันเนาะ)  

                    ซึ่งหนังสือชุดนี้บีค่อยๆเก็บเงินค่าขนมที่พ่อกับแม่ให้ ซื้อเองทีละเล่มคะ จนครบ ตอนนั้นรู้สึกภูมิใจมากคะ เพราะพ่อกับแม่สอนว่าจะซื้ออะไรแม่ไม่ว่าแต่ต้องเก็บเงินซื้อเอง ขอบอกตามตรงนะคะว่าค่าขนมที่ได้ในตอนนั้นวันละ20บาท ผ่านมาก็ 20ปีแล้ว พูดแบบนี้เหมือนตัวเองแก่ขึ้นมาเลยคะ555 จากนั้นบีก็ซื้ออ่านเก็บสะสมมาเรื่อยๆคะ แล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนจากหนังสือการ์ตูนที่มีรูปภาพ เป็นหนังสือนิยายที่มีแต่ตัวหนังสือคะ ซื้อเพราะอยากลองอ่านดู หน้าปกสวย และที่สำคัญราคาถูกที่สุดในบรรดาเล่มที่บีเล็งๆๆไว้ (ข้อนี้สำคัญมากคะ เพราะว่าเรายังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง ใช้เงินเก็บจากค่าขนมเท่านั้นคะ)

เล่มนี้ บีอ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากคะ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับนิยายที่ไม่มีภาพประกอบเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น  อ่านแล้วใช้จินตนาการล้วนๆคะ บีจะเป็นประเภทที่อินกับหนังกับซีรี่ย์ และนิยายมากเลยคะ ประมาณว่า เธอสุขฉันสุข เธอทุกข์ฉันทุกข์ หัวเราะร้องไห้ได้แบบเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ประมาณนี้เลยคะ(ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนเรารึเปล่านะ) แต่สนุกดีคะ รู้สึกว่าจะเกิดความชอบขึ้นมาซะแล้วสิคะ

                     นอกจากนิยายแล้ว บียังสนใจหนังสือประเภทอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น จิตวิทยาการพัฒนาตนเอง จิตวิทยาความรัก(แนวนี้จะเยอะหน่อย เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าใจความรักสักเท่าไหร่555^_^)   แนวกำลังใจ ข้อคิด เตือนใจ แนวสืบสวน เรื่องลึกลับ เรื่องจริง ประวัติศาสตร์ ตามกระแส "แนวนี้เป็นบางครั้งคะ อย่างตอนที่ มีข่าวว่าโลกจะแตก 2012 หรือข่าวที่พบศพเด็กที่วัดจำนวนมาก แล้วเค้าเอามาทำเป็นหนังสือ บีก็ซื้อมาอ่านคะ เพราะอยากรู้ อยากเข้าใจให้มากขึ้น ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงนะ ประมาณว่าอยากหาความจริง วิญญาณนักสืบเข้าสิงอะไรประมาณนั้น555"  แล้วก็ยังมีหมวดสุขภาพ การบริหารธุรกิจต่างๆ  

                     สรุปแล้วบี อ่านทุกแนวเลยคะ อยู่ที่ว่านะตอนที่บีไปร้านหนังสือแล้วเจอเรื่องไหน น่าสนใจ แล้วบีกำลังสนใจเรื่องนั้นอยู่รึเปล่า หรือว่าอยากหาความรู้เรื่องอะไรเพิ่มเติม บีก็จะค่อยๆๆเลือก และอ่านตรงสารบัญคะ ว่ามีหัวข้ออะไรบ้าง น่าสนใจรึเปล่า ถ้าหากมีหลายเล่มที่น่าสนใจ บีจะเลือกเพียง 1เล่มที่อยากอ่านจริงๆคะ  เพราะเราคนงบน้อย ค่อยๆซื้อทีละเล็ก ทีละน้อยจากเงินที่ตัวเองเก็บ 

                   บีรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่เก็บเงินซื้อเอง และทำให้เรารู้จักคุณค่าของหนังสือเล่มนั้นที่เราซื้อมาด้วยคะ ว่าเราต้องดูแลรักษาดีๆๆนะ กว่าจะได้มาไม่ใช่ง่ายๆเลย บีจึงดูแลรักษา หนังสือทุกเล่มของบีอย่างดีเลยคะ เล่มไหนที่เค้าไม่ห่อปกมาให้ บีก็ห่อเอง หนังสือของบีทุกเล่มจะใช้ที่ขั้นหนังสือตลอด จะไม่มีการพับที่หน้าหนังสือเลย เวลาอ่านบีก็จะระวังมากเป็นพิเศษ "ไม่ใช่อะไรนะคะ แค่กลัวหนังสือจะเก่าจะขาดเท่านั้นเองคะ"

                ตอนที่บีเรียนอยู่ บีชอบเอาหนังสือดีๆ ไปแนะนำและแบ่งปันให้เพื่อนที่โรงเรียนอ่านคะ ให้เค้ายืม( ในกรณีนี้นี่ได้คืนบาง ไม่ได้คืนบาง ต้องทำใจคะ) หรือไม่ก็ชวนเพื่อนเข้าร้านหนังสือซะเลย  และแล้วเพื่อนของบีในตอนนั้น ก็ชอบอ่านหนังตามบีไปด้วยเลย ซึ่งบีเองก็รู้สึกว่า อ่านหนังสือก็ดีกว่าไปทำอย่างอื่นที่ไร้สาระนะ หลังจากที่ บีเรียนจบ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงานอยู่คนละที่ จึงไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอกันสักเท่าไหร่ แต่บีก็ยังชอบสรรหาหนังสือมาอ่านอยู่เรื่อยๆ ตามความสนใจ 

                  บีจึงอยากแบ่งปันหนังสือดีๆ ที่บีได้อ่าน และแชร์ประสบการณ์ที่บีได้จากหนังสือแต่ละเล่ม ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่า ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของบี กับ เพื่อนๆทุกคนที่รักหนังสือเหมือน บีคะ  ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ บีพึ่งเขียนเป็นครั้งแรก แต่มาจากใจล้วนๆ ผิดถูกอย่างไร ต้องขออภัยด้วยนะคะ^_^

Book lovers by.bee