iPad mini

iPad mini (ไอแพด มินิ) เริ่มขายที่ iStudio ศุกร์ 16 พ.ย. นี้

[13-พฤศจิกายน-2555] สำหรับท่านที่รอการเปิดจำหน่ายของ iPad mini (ไอแพด มินิ) จาก iStudio ล่าสุด มีข่าวออกมาครับว่า iStudio จะวางขาย ipad mini (ไอแพด มินิ) ในวันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายนนี้

โดยเว็บไซต์ siampod ได้รายงานว่า สำหรับ iPad mini (ไอแพด มินิ) ที่จะมาจำหน่ายในช่วงแรก จะมีเฉพาะรุ่น Wi-Fi เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนรุ่น Wi-Fi + Cellular จะต้องได้รับการอนุมัติจาก กสทช. ก่อนครับ เนื่องจาก iPad mini (ไอแพด มินิ) รุ่น Wi-Fi + Cellular นั้น จะวางจำหน่ายผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย 3 ค่ายหลักในไทย นั่นก็คือ AIS, Dtac และ Truemove H นั่นเองครับ

นอกจากนี้ หน้าแฟนเพจ iStudio by UFicon ได้โพสราคาทั้ง ราคา ipad mini, iPad 2 และ ราคา iPad 4 (ไอแพด 4) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ iStudio by copperwired ได้ยืนยันแล้วว่า iPad mini (ไอแพด มินิ) มาแน่ 16 พ.ย.นี้ครับ

iPad mini (ไอแพด มินิ) เตรียมจำหน่ายศูนย์ไทย ทั้ง AIS Dtac และ Truemove H ต้นธันวาคมนี้

[8-พฤศจิกายน-2555] ถึงแม้ว่า ในตอนนี้ iPad mini (ไอแพด มินิ) จะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแบบออนไลน์ บน Apple Store Thailand ประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาแล้วก็ตาม แต่เนื่องจาก ผู้ที่สั่งซื้อ ipad mini แบบออนไลน์ จำเป็นจะต้องรอสินค้าประมาณ 2-3 สัปดาห์ ทำให้ชะลอการซื้อ iPad mini (ไอแพด มินิ) ไว้ก่อน และรอการเปิดจำหน่าย iPad mini (ไอแพด มินิ) อย่างเป็นทางการจากผู้ให้บริการในไทยอีกที

ล่าสุด โพสต์ทูเดย์ รายงานครับว่า iPad mini (ไอแพด มินิ) จะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จากผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ราย ทั้ง AIS, Dtac และ Truemove H ช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่ง iPad mini (ไอแพด มินิ) ที่ผู้ให้บริการจะเปิดจำหน่ายนั้น จะมีแต่รุ่น Wi-Fi + Cellular เท่านั้นครับ เนื่องจากจะต้องขายเครื่อง พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ส่วนราคา จะเป็นราคาที่เท่ากับบน Apple Store ดังนี้ครับ

-> iPad Mini 16GB Wi-Fi ราคา $329 (ราคาไทย 11,200 บาท)
-> iPad Mini 32GB Wi-Fi ราคา $429 (ราคาไทย 14,200 บาท)
-> iPad Mini 64GB Wi-Fi ราคา $529 (ราคาไทย 17,200 บาท)
-> iPad Mini 16GB Wi-Fi + Cellular ราคา $459 (ราคาไทย 15,200 บาท)
-> iPad Mini 32GB Wi-Fi + Cellular ราคา $559 (ราคาไทย 18,200 บาท)
-> iPad Mini 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา $659 (ราคาไทย 21,200 บาท)

อัพเดทคลิปวิดีโอโปรโมท iPad mini (ไอแพด มินิ) จาก Apple Subtitle ภาษาไทย thai โดยทีมงาน techmoblog ครับ ซึ่งภายในคลิปจะกล่าวถึง แนวคิดการออกแบบ iPad Mini (ไอแพด มินิ) พร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถใช้งานได้เทียบเท่ากับ iPad ขนาดปกติ แม้ว่าขนาดหน้าจอจะเล็กลง รวมไปถึงคุณสมบัติต่างๆ ของ iPad Mini ทั้งกล้อง FaceTime กล้องด้านหลัง และแนะนำ Smart Cover บน iPad mini ครับ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากคลิปวีดีโอนะครับ

รีวิว iPad mini (ipad mini review)

[31-ตุลาคม-2555] มาแล้วครับ กับบทความ รีวิว iPad mini (iPad mini review) แท็บเล็ตขนาด 7.9 นิ้วตัวแรกจาก Apple ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยจุดเด่นของ iPad mini (ไอแพด มินิ) นั้น ไม่ได้อยู่ที่ตัวเครื่องขนาดเล็ก ถือได้พอดีมือเท่านั้น แต่ราคาของ iPad mini (ไอแพด มินิ) ยังถือว่า น่าสนใจไม่แพ้กัน และกลายเป็นคู่แข่งของแท็บเล็ตราคาประหยัดหลายๆ รุ่นในตลาด ณ ตอนนี้อีกด้วย แม้ว่า iPad mini (ไอแพด มินิ) จะมีราคาที่สูงกว่าเล็กน้อย แต่เรื่องคุณสมบัติ ฟีเจอร์ และการใช้งานนั้น ทาง Apple มั่นใจว่า ดีกว่าอย่างแน่นอนครับ

เริ่มต้นบทความ รีวิว iPad mini (ipad mini review) ด้วยสเปค iPad Mini กันก่อน ดังนี้ครับ

- หน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล (163 ppi)
- ระบบประมวลผลแบบ Dual-core processor (Apple A5 chipset) ซึ่งเป็นซีพียูเดียวกับ iPad 2
- RAM ขนาด 512MB
- หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16GB, 32GB และ 64GB
- กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
- กล้องด้านหลัง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ไม่มีแฟลช
- มีรุ่นรองรับเครือข่าย 3G และ 4G
- น้ำหนัก 308 กรัม

iPad mini : การออกแบบ

iPad mini (ไอแพด มินิ) มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดเดียวกับ iPad 2 นั่นเอง หรือจะเรียกง่ายๆว่า iPad Mini คือ iPad 2 ย่อส่วน แต่สามารถใช้งานได้เทียบเท่า iPad ขนาดใหญ่ครับ ส่วนความละเอียดพิกเซลต่อนิ้ว หรือ ppi นั้น อยู่ที่ 163ppi เท่านั้น เมื่อเทียบกับแท็บเล็ตคู่แข่งอย่าง Nexus 7 หรือ Kindle Fire HD (216ppi) หรือ Nook color (243ppi) ถือว่า iPad mini มีค่า ppi ที่ค่อนข้างต่ำ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานมากเท่าที่ควรครับ

ด้านหลังตัวเครื่อง เป็นวัสดุเดียวกับ iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั่นก็คือ anodized aluminum โดย iPad mini รุ่น Wi-Fi จะมีลักษณะเป็นผิวเรียบธรรมดาๆ แต่ถ้าเป็นรุ่น Wi-Fi + Cellular จะมีแถบสัญญาณสีดำ คาดด้านบนตัวเครื่อง เช่นเดียวกับ iPad ขนาดใหญ่ ส่วนลำโพงนั้น ได้เปลี่ยนจากตำแหน่งในด้านหลัง ที่มีแค่ช่องเดียว มาอยู่ท้ายเครื่องในด้านล่างแทน

ปุ่ม Home ในตำแหน่งด้านหน้าตัวเครื่องนั้น ยังมีลักษณะเหมือนเดิม และมีเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น ไม่มีปุ่มเมนูแบบ capacitive button เช่นเดียวกับแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ

สำหรับ iPad mini รุ่น Wi-Fi นั้น ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นผิวเรียบๆ ครับ ไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตอื่นๆ

ส่วนด้านขวา มีปุ่มปรับเสียง และปุ่มปิดเสียง/ล็อคการหมุนของหน้าจอครับ ซึ่งสีของปุ่มนั้น เป็นสีเดียวกับตัวเครื่อง

ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นช่องสำหรับหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตรงกลางตัวเครื่อง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง

พอร์ตการเชื่อมต่อด้านล่าง มีการเปลี่ยนใหม่ครับ เป็นพอร์ตแบบ Lightning connector ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับที่ใช้บน iPhone 5 ส่วนด้านข้างนั้น เป็นลำโพงครับ

กล้องด้านหลัง เป็นกล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่า เป็นความละเอียดที่กำลังดีสำหรับผู้ที่ชอบแท็บเล็ตที่มีกล้องถ่ายรูปแบบชัดๆ และสามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดที่ 1080p เลยทีเดียว แต่กล้องด้านหลังบน iPad mini นั้น ไม่มีไฟแฟลชครับ

สำหรับคุณสมบัติของกล้อง iSight บน iPad mini (ไอแพด มินิ) ได้แก่ รูรับแสงขนาด ƒ/2.4, มีระบบ Face detection ตรวจจับใบหน้า และระบบ Auto focus นอกจากนี้ ยังมี hybrid infrared filter ซึ่งเป็นฟิลเตอร์แบบเดียวที่ใช้บนกล้อง DSLR ราคาแพงอีกด้วย

ส่วนกล้องด้านหน้า เป็นกล้องแบบ FaceTime HD ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 720p นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งาน FaceTime ผ่านเครือข่าย 3G หรือ 4G ได้อีกด้วยครับ

สำหรับน้ำหนักของ iPad mini (ไอแพด มินิ) นั้น อยู่ที่ 308 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi หรือ 312 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ซึ่งแม้ว่า จะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว อย่าง Nexus 7 แต่น้ำหนักกลับเบากว่าครับ ส่วนความหนาของตัวเครื่องนั้น อยู่ที่ 7.2 มิลลิเมตรเท่านั้น เทียบกับ Nexus 7 (10.45 มม.) ถือว่า iPad mini บางกว่ามากทีเดียว

iPad mini : เปรียบเทียบความละเอียดของหน้าจอ กับ iPad รุ่นพี่

อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นครับว่า iPad mini นั้น มีความละเอียดอยู่ที่ 1024 x 768 พิกเซล เท่านั้น เมื่อเทียบกับแท็บเล็ตคู่แข่งอย่าง Nexus 7 ถือว่า ละเอียดน้อยกว่ามาก เนื่องจาก Nexus 7 นั้น มีความละเอียดอยู่ที่ 1280 x 800 พิกเซล แต่ถ้าเทียบในเรื่องของความสบายตาแล้ว จริงอยู่ที่หน้าจอที่มีความละเอียดสูงกว่า จะอ่านได้สบายตากว่า แต่ก็ถือว่า ไม่ได้มีผลต่อการใช้งานมากครับ

mini บางกว่ามากทีเดียว

iPad mini : Smart cover

สำหรับอุปกรณ์เสริม iPad mini (ไอแพด มินิ) อย่าง Smart Cover นั้น มีความเหมือนกับ Smart Cover บน iPad รุ่นใหญ่ตรงที่ สามารถพับได้ 3 ตอนเหมือนกัน และเมื่อเปิดแผ่นพับออก หน้าจอก็สว่างเองอัตโนมัติ แต่ความแตกต่างของ Smart Cover บน iPad mini กับ Smart cover บน iPad รุ่นใหญ่ อยู่ตรงที่ด้านข้างตัวเครื่องครับ

จะเห็นได้ว่า ขอบที่เป็นเหมือนบานพับของ Smart cover บน iPad mini นั้น จะไม่ใช่เหล็ก 2 อันแยกกันแบบ Smart cover ของ iPad 2 หรือ The new iPad อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นแบบเดียวกับแผ่น Smart cover เลยนั่นเอง ซึ่งข้อดีของแผ่น smart cover แบบนี้ก็คือ ไม่ทำให้ตัวเครื่องเป็นรอยขณะแป๊กติดกับตัวเครื่องครับ ท่านใดเคยใช้ Smart cover กับ iPad 2 หรือ The new iPad จะเห็นว่า เมื่อดึงเข้าดึงออกบ่อยๆ จะเกิดรอยเล็กๆ ที่ตัวเครื่อง แต่แผ่น Smart cover แบบนี้ จะไม่เกิดรอย เนื่องจากไม่ใช่เหล็ก ปะทะกับเหล็กนั่นเอง

iPad mini : ทดสอบการใช้งานแบตเตอรี่

Apple ได้เคลมความสามารถของแบตเตอรี่บน iPad mini ไว้ตั้งแต่ตอนเปิดตัวแล้วว่า สามารถใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้ เว็บไซต์ theverge จึงได้ทำการทดสอบโดยการใช้งานอย่างหนักทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น เช็คอีเมล ท่องเว็บ, เล่นเกม, ฟังเพลง หรือแม้แต่ดูวิดีโอ และได้ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจครับ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่า แบตเตอรี่จะหมดลงแต่อย่างใด ซึ่ง theverge คอมเมนต์ว่าใช้งานได้ถึงวันถัดไปเลยครับ

iPad mini : บทสรุปการใช้งาน

เว็บไซต์ theverge ให้ความพึงพอใจต่อ iPad mini ในเรื่องของ Ecosystem ครับ นอกจากนี้ ยังชื่นชมว่า iPad mini (ไอแพด มินิ) เป็นแท็บเล็ตที่ดี ทั้งในเรื่องของการออกแบบ ความทนทานของวัสดุที่ใช้ในการผลิต รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่รองรับการใช้งานได้ยาวนานด้วยนั่นเอง แต่สิ่งที่ทาง theverge ไม่ประทับใจต่อ iPad mini นั้น ก็คือ ความละเอียดของหน้าจอครับ รวมไปถึงราคา ที่ยังอยู่ในระดับที่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่โดยรวมแล้วถือว่า ดีครับ

ต้นฉบับบทความรีวิว : theverge.com

[24-ตุลาคม-2555] เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ กับ iPad mini (ไอแพด มินิ) ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือตรงกับเวลาประมาณเที่ยงคืน ตามเวลาในประเทศไทยนั่นเอง โดยงานนี้ จัดขึ้นที่ โรงละคร San Jose’s California Theatre ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกาครับ แน่นอนว่า เต็มไปด้วยบรรดาสื่อมวลชนที่เข้าร่วมงานกันอย่างมากมายทีเดียว

นอกจากภายในงาน จะมีการเปิดตัว iPad Mini (ไอแพด มินิ) แล้ว ยังได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่นๆ หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น MacBook Pro retina หน้าจอ 13 นิ้ว, New iMac, New Mac Mini และ iPad 4 (ไอแพด 4) ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงของ The new iPad (iPad 3) ที่มีการเปลี่ยนมาใช้พอร์ตการเชื่อมต่อที่เล็กลงนั่นเอง แต่ก่อนที่เราจะไปโฟกัสกันที่ผลิตภัณฑ์อื่น มาดูคุณสมบัติของ iPad mini (ไอแพด มินิ) กันครับ

iPad mini (ไอแพด มินิ) หน้าจอ 7.9 นิ้ว ใช้ชิป Apple A5 แบบ Dual-core processor และกล้องด้านหลัง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

และด้านบนนี้ก็คือ สเปคของ iPad mini (ไอแพด มินิ) นั่นเองครับ โดย iPad Mini (ไอแพด มินิ) นั้น มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดเดียวกับ iPad 2 และแน่นอนครับว่า ไม่ใช่หน้าจอแบบ Retina display อย่างแน่นอน โดยเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตหน้าจอ 7 นิ้วยี่ห้ออื่นๆ พบว่า iPad mini (ไอแพด มินิ) มีพื้นที่การใช้งานที่ใหญ่กว่าถึง 35%

ชิปเซ็ทที่ใช้บน iPad mini นั้น เป็น Apple A5 ซึ่งเป็นชิปเซ็ทตัวเดียวกับที่ใช้บน iPad 2 ครับ

สำหรับวัสดุที่ใช้ผลิต iPad mini (ไอแพด มินิ) นั้น เป็น aluminium unibody แบบเดียวกับ iPhone 5 (ไอโฟน 5) นั่นเอง ส่วนความหนาของตัวเครื่องนั้นอยู่ที่ 7.2 มิลลิเมตร บางกว่า iPad 23% และหนัก 0.68 ปอนด์ เบากว่า iPad 53% ครับ จะเห็นได้ว่า ความบางของ ipad mini ขนาดเท่าดินสอเท่านั้นเอง

กล้องด้านหลังแบบ iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ไม่มีไฟแฟลช โดยเป็นเลนส์ทั้งหมด 5 ชิ้น รูรับแสงขนาด f/2.4 ที่ช่วยให้ภาพที่สว่าง และคมชัด มีระบบ Autofucos นอกจากนี้ ยังมี hybrid infrared filter ซึ่งเป็นฟิลเตอร์แบบเดียวที่ใช้บนกล้อง DSLR ราคาแพง อีกทั้งยังสามารถบันทึกภาพวิดีโอขนาด Full HD 1080p ได้ ส่วนกล้องด้านหน้า FaceTime นั้น ความละเอียดระดับ HD ครับ

ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อนั้น เป็นแบบ Lightning connector ซึ่งมีขนาดเล็กลงกว่าพอร์ตแบบเดิม และเป็นพอร์ตแบบเดียวกับ iPhone 5 (ไอโฟน 5) ด้วยนั่นเอง

เหมือนกับ The new iPad (iPad 3) และ iPad 4 (ไอแพด 4) ครับ เมื่อ iPad mini (ไอแพด มินิ) สามารถรองรับเครือข่าย LTE ได้ ส่วน Wi-Fi นั้น เป็นแบบ dual-band (2.4GHz and 5GHz) ที่ช่วยให้อัตราการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 150 Mbps ครับ

iPad mini มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 6 ที่มีความสามารถในการรองรับโปรแกรม Siri เหมือนกับ The new iPad และ iPad 4 (ไอแพด 4) นอกจากนี้ ยังรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ Facebook และ Twitter โดยสามารถอัพเดทข้อความผ่าน Facebook หรือ ทวีตข้อความจาก Twitter จากการสั่งงานผ่าน Siri

นอกจากนี้ iPad Mini ยังรองรับ Smart Cover ซึ่งเป็นเทคโนโลยีกับ Smart Cover บน iPad 2, The new iPad (iPad 3) และ iPad 4 (ไอแพด 4) นั่นเอง มีให้เลือกทั้งหมด 6 สีคือ สีเทาเข้ม สีเทาอ่อน สีชมพู สีเขียว สีฟ้า และสีแดง

ราคา iPad Mini (ราคา ไอแพด มินิ)

iPad Mini (ไอแพด มินิ) มีให้เลือก 2 สีคือ สีขาว White & Silver และสีดำ Black & Slate และมีให้เลือก 2 แบบคือ รุ่นที่รองรับ Wi-Fi และรุ่นที่รองรับ Wi-Fi + Cellular ส่วนราคา ipad mini เป็นดังนี้ครับ

-> iPad Mini 16GB Wi-Fi ราคา $329 (ราคาไทย 11,200 บาท)
-> iPad Mini 32GB Wi-Fi ราคา $429 (ราคาไทย 14,200 บาท)
-> iPad Mini 64GB Wi-Fi ราคา $529 (ราคาไทย 17,200 บาท)
-> iPad Mini 16GB Wi-Fi + Cellular ราคา $459 (ราคาไทย 15,200 บาท)
-> iPad Mini 32GB Wi-Fi + Cellular ราคา $559 (ราคาไทย 18,200 บาท)
-> iPad Mini 64GB Wi-Fi + Cellular ราคา $659 (ราคาไทย 21,200 บาท)

ติดตาม ราคา iPad mini เครื่องศูนย์ เครื่องหิ้ว มาบุญครอง อัพเดททุกสัปดาห์ ได้ที่นี่

วันวางขาย iPad Mini (ไอแพด มินิ) : เปิด Pre order 26 ต.ค.และขายอย่างเป็นทางการ 2 พ.ย. นี้ !!

iPad mini (ไอแพด มินิ) เปิดพรีออเดอร์วันแรก ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ ก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งในวันที่ 2 พฤศจิกายนนั้น จะมีวางจำหน่ายเฉพาะรุ่น Wi-Fi ส่วนรุ่น Wi-Fi + Cellular นั้น จะวางจำหน่ายในอีก 2 สัปดาห์ถัดไปครับ

ส่วนรายชื่อประเทศที่วางจำหน่าย iPad mini ได้แก่ ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เบลเยี่ยม, บัลแกเรีย, แคนาดา, สาธารณเช็ก, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ฮังการี, ไอส์แลนด์, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ลิกเตนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์, โปรตุเกส, เปอโตริโก้, โรมาเนีย, สิงคโปร์, สโลวาเกีย, สโลเวเนีย, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา

และล่าสุด iPad mini (ไอแพด มินิ) ได้เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการบน Apple Store Thailand ประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในช่วงแรก จะสามารถสั่งซื้อได้เฉพาะรุ่น Wi-Fi เท่านั้น ส่วนรุ่น Wi-Fi + Celllar จะเปิดจำหน่ายประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ครับ




Create Date : 25 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2555 18:26:23 น.
Counter : 7527 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปริ้นเตอร์เสีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
25 พฤศจิกายน 2555
All Blog