จักรพรรดินีเมียงซอง จักรพรรดิดินีเกาหลี
เมียงซอง จักรพรรดินีผู้รักชาติแห่งอณาจักรเกาหลีละครเกาหลี เรื่อง เมียงซอง จักรพรรดินีที่โลกลืม เป็นละครเกาหลีที่มีการค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์
ที่ดำเนินเรื่องราวได้ดีในระดับหนึ่ง
ข้อมูล ของวีรสตรีแห่งเกาหลีนางนี้ น่าสนใจไม่น้อย
จึงอดไม่ได้ที่จะนำมาแบ่งปันความรู้ ให้แก่ผู้สนใจ ได้รับทราบกัน...
(จะได้บรรยากาศมาก หากเลื่อนลงไปคลิ๊ก play วีดีโอประกอบเรือง)
...................................................
สมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซอง (명성황후 )
เกิดในปี 1851 หรือก่อนการเสด็จพระราชสมภพของรัชกาลที่ 5 ราวๆ 2 ปี
หลายคนเรียกท่านว่าราชินีมิน เพราะ มีพระนามเดิมว่ามินจายอง
พระนางเกิดในสกุลมิน ตระกูลขุนนางที่ไม่มีอำนาจมากนัก และเป็นเหตุผลหนึ่ง
ที่มีการเลือกพระนางให้เป็นมเหสีของพระเจ้าโกจง(고종) เพราะคิดว่า
พระนางคงไม่สามารถสร้างอิทธิพลทางการเมืองได้มากมายนัก
เนื่องจากบิดาและมารดาเสียชีวิตตั้งแต่ทรงพระเยาว์
พระเจ้าโกจง และจักรพรรดินีเมียงซอง แห่งราชวงศ์โชซอนอย่างไรก็ดีเมียงซองกลับเป็นราชินีผู้เฉลียวฉลาด ทรงเป็นราชินีที่ไม่นิยมความหรูหราฟุ่มเฟือย และไม่นิยมการจัดเลี้ยงในราชวัง แต่ทรงชื่นชอบการอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
การปกครองบ้านเมือง รวมทั้งทรงศึกษา ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์และปรัชญาศาสนาด้วยตนเอง
จนภายหลังมีบทบาทปกครองประเทศควบคู่กับพระเจ้าโกจง
การขึ้นสู่อำนาจของพระองค์สร้างความไม่พอใจแก่ แทวอนกุน
พระราชบิดาของพระเจ้าโกจงผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทน
ในช่วงที่พระเจ้าโกจงยังทรงพระเยาว์ เพราะโดยปกติแล้วหากพระโอรสขององค์ชายคนใด
ได้ขึ้นครองราชย์ก็มักจะมีการโอนตำแหน่งกษัตริย์แก่พระราชบิดาเสมอ
มีไม่กี่ครั้งที่พระโอรสจะครองราชย์ด้วยตนเอง รวมทั้งครั้งนี้ที่แทวอนกุนไม่ได้ขึ้นครองราชย์
นักวิชาการบางท่านมองว่าเหตุก็องค์ชายแทวอนมองว่าโอรสที่ขึ้นครองราชย์ค่อนข้างไร้สติปัญญา
(จากการสืบสายพระโลหิตที่ใกล้ชิดกันระหว่างองค์ชายแทวอนและพระชายา)
น่าจะควบคุมได้ไม่ยาก ยังผลให้ แทวอนกุนนั้นมีอิทธิพลในราชสำนักสูงมาก
อย่างไรก็ดีเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซอง ออกช่วยว่าราชการ
จึงเกิดความพอใจ เพราะนโยบายการปกครองและมุมมองระหว่างทั้งสองพระองค์
ที่แตกต่างกันอย่างมาก และนำไปสู่แย่งชิงอำนาจกันตลอดรัชกาลของพระองค์
กล่าวคือองค์ชายแทวอนต่อต้านการเข้ามาของต่างชาติอย่างสุดโต่ง
และดำเนินนโยบายปิดประเทศอย่างเข้มข้นจนถึงกับต้องทำสงครามกับรัสเซีย ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ
และสามารถนำพาเกาหลีรอดพันจากวิกฤติการณ์เหล่านั้นมาโดยตลอด
ขณะที่สมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซอง ค่อนข้างเป็นผู้ที่มีหัวทันสมัย
มองว่าเกาหลีจำเป็นต้องพัฒนาตามแบบตะวันตกและต้องการเปิดประเทศ
องค์ชายแดวอน หรือแทวอนกุนการต่อสู้อย่างรุนแรงระหว่างขุนนางอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง กับราชินีหัวก้าวหน้าเข้มข้นขึ้นในปี 1873 ซึ่งแทวอนกุนถูกร้องเรียนจากขุนนางแช อิกยอน และยังถูกขุนนางตระกูลมินของจักรพรรดินีเมียงซอง
สนับสนุนจนองค์ชายแทวอน ถูกสั่งให้วางมือจากการเมือง และเป็นผลให้สามารถลดบทบาท
แทวอนกุนได้สำเร็จ ขณะที่เมียงซองกลับมีอำนาจที่มั่นคงขึ้นและดูจะมีอำนาจอย่างมั่นคงหลังในปี1876
พระนางได้ให้กำเนิดพระโอรสที่ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท
และกษัตริย์องค์สุดท้าย ของเกาหลีในกาลต่อมา
อย่างไรก็ตามในยุคนี้ญี่ปุ่นกลายเป็นชาติที่มีอิทธิพลขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจครั้งใหญ่ภายใต้ยุคฟื้นฟูสมัยเมจิในปี1868
โดยมีการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ การเมืองและการศึกษาจากตะวันตกอย่างเข้มข้น
ญี่ปุ่นใช้เวลาเพียง 30 ปีก็สามารถสร้างระบบเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ไปพร้อมกับการมีกองทัพบก
และกองทัพเรือที่เข้มแข็ง ขณะที่เกาหลีเองยังดำรงตนเป็นอณาจักรแห่งฤษี
และเปิดรับความเจริญจากภายนอกน้อยมาก เนื่องจากไม่ต้องการให้ชาติตะวันตก
เข้ามาแทรกแซงตนเองอย่างที่ประเทศจีนในขณะนั้นถูกคุกคามอย่างรุนแรง กรุงโตเกียวปี 1890หลังการพัฒนาประเทศครั้งใหญ่ญี่ปุ่นเริ่มต้องการพัฒนาตนเองตามแบบชาติจักรวรรดินิยมในยุโรป และเริ่มคิดจะครอบครองเกาหลีก่อนที่จะรุกเข้ายึดครองจีนในระยะต่อไป แรงผลักดันภายในประเทศที่สำคัญ
เกิดจากการที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศขนาดเล็ก มีขนาดเพียง 1 ใน 23 ส่วนของประเทศจีน
มีพื้นที่การเกษตรเพียงร้อยละ 18 ของพื้นที่ทั้งประเทศและมีทรัพยากรน้อยมาก
การเติบโตของกลุ่มบรรษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หรือที่เรียกรวมว่ากลุ่มไซบัสสุ
ได้มีส่วนผลักดันให้ญี่ปุ่นต้องออกรุกรานประเทศเพื่อบ้านอย่างเกาหลีและจีน เพราะต้องการทรัพยากร
ตลาดระบายสินค้า และที่นาสำหรับชาวนารุ่นใหม่ของประเทศที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว
ภายใต้นโยบายการเพิ่มประชากรเพื่อการเป็นมหาอำนาจ
ญี่ปุ่นเริ่มส่งราชทูตมายังเกาหลีในปี 1873 แต่ถูกเกาหลีปฏิเสธ ดังนั้นในปี 1876
ญี่ปุ่นจึงส่งกองเรือรบสมัยใหม่ 6 ลำเข้าโจมตีเกาหลีที่เกาะกังฮวา เอาชนะกองทัพเกาหลี
และเข้าปิดล้อมชายฝั่งเมืองปูซาน บีบให้พระเจ้าโกจงทำสนธิสัญญากังฮวา
เพื่อให้เกาหลีเปิดเมืองท่าค้าขายกับตน แบบเดียวกับที่สหรัฐฯเคยทำกับญี่ปุ่นในปี 1854
หลังจากนั้นเป็นต้นมาญี่ปุ่นจึงเริ่มมีอิทธิพลต่อเกาหลีมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อกรณีดังกล่าว
ส่งผลให้จักรพรรดินีเมียงซอง และพระเจ้าโกจง ตระหนังถึงความเกรียงไกรของญี่ปุ่น
และพยายามเรียนรู้ด้วยการส่ง คิม กวางจิบ ไปยังญี่ปุ่นเพื่อเรียนรู้การพัฒนาสู่การเป็นประเทศมหาอำนาจ
ของญี่ปุ่น หลังจากได้รับรายงานกลับมานั้นพระนางก็พยายามโน้มน้าวขุนนางสายอนุรักษ์นิยมในเกาหลี
ให้ยอมเปิดประเทศค้าขายกับตะวันตก และพัฒนาประเทศตามอย่างตะวันตก
แต่ก็ได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากขุนนางสายอนุรักษ์นิยมที่ส่วนใหญ่เป็นบัณฑิตขงจื้อ
รวมทั้งตัวของแทวอนกุนที่เริ่มกลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้งเพื่อต่อต้านอิทธิพลของญี่ปุ่น
ถึงแม้ว่าจะถูกต่อต้านแต่ท้ายที่สุดพระนางก็ทรงปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่
ทรงตั้งทบวงใหม่ 12 ทบวง เปิดการค้ากับตะวันตก และทรงปฎิรูปกองทัพเกาหลี
ตามแนวทางของตะวันตก และทรงส่งทหารระดับหัวกะทิไปศึกษาวิชาการทหารสมัยใหม่ที่จีนและญี่ปุ่น
การปฎิรูปดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่กองทัพบางส่วนรวมถึงตัวของแทวานกุน
ที่พยายามล้มล้างอำนาจพระนางในปี 1881 โดยมีเป้าหมายที่จะ ยกเอาโอรสคนที่สาม
ของ แทวานกุนขึ้นครองราชแทนพระเจ้าโกจง แต่การก่อกบฏครั้งนั้นถูกพระนางปราบได้
ขณะที่แทวานกุนไม่ถูกลงโทษเพราะความเป็นพระราชบิดาของพระเจ้าโกจง การพัฒนากองทหารสมัยใหม่เกาหลี ชุดขุนนางแบบต่างๆของเกาหลีในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 191882 กลุ่มทหารเก่าที่ไม่พอใจการพัฒนากองทหารใหม่ก่อการจราจล เข้าบุกบ้านของผู้บัญชากรกองทหารสมัยใหม่พระญาติของราชินีมิน แทวานกุนเข้าสั่งการกองทหารดังกล่าว
สั่งให้โจมตีกรุงโซลและบุกเข้าพระราชวัง และบุกสถานทูตจีนและญี่ปุ่น โดยคณะทูตของญี่ปุ่น
ต้องรีบหนีออกนอกประเทศรอดพ้นการถูกสังหารอย่างหวุดวิด กองกำลังญี่ปุ่นให้การอารักขาคณะทูตญี่ปุ่นเพื่อหลบหนีกองกำลังของแทวันกุนออกนอกประเทศ ราชินีมินและพระเจ้าโกจงต้องเสด็จหนีออกนอกวัง พระนางทรงขอความช่วยเหลือจากจีนให้ส่งทหารเข้าแก้ไขสถานการณ์ จีนโดยหลี่หงจาง
อัครมหาเสนาบดีคู่พระทัยของพระนางซูสีไทเฮา ส่งทหาร 4500 นายเพื่อปราบปรามทหาร
ของแทวานกุนจนสำเร็จ โดยแทวานกุนถูกจับส่งไปจีน
หลังเหตุการณ์สงบพระเจ้าโกจงถูกบีบให้เซ็นสนธิสัญญาชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ญี่ปุ่น
พร้อมยอมให้ญี่ปุ่นส่งกองทหารเข้าประจำการในเกาหลีและกรุงโซล โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องคน
และผลประโยชน์ของตน แต่หลังจากที่พระนางทรงทราบก็ได้แก้ไขด้วยการให้สิทธิจีน
ทำการค้ากับเกาหลีมากขึ้นพร้อมอนุญาติให้จีนเข้าตั้งกองทหารในเกาหลีเพื่อคานอำนาจญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังส่งพระญาติไปเยือนซานฟรานซิสโกในปี 1883
ในปี 1884 ได้เกิดกลุ่มนักปฏิรูปหัวก้าวหน้าที่ต้องการพัฒนาเกาหลีตามแบบตะวันตก
คนกลุ่มนี้ปฏิเสธการมีอำนาจของจีนและต้องการยุติบทบาทของจีนในเกาหลี พระนางพยายามที่จะประนีประนอมกับนักปฏิรูปเหล่านี้ แต่ก็ไม่ทันการณ์ กลุ่มนักปฏิรูปได้ก่อรัฐประหารนองเลือด
เข่นฆ่ากลุ่มที่ไม่เห็นด้วยในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน พร้อมขอให้ญี่ปุ่นเข้าช่วย
อย่างไรก็ดีก่อนที่เรื่องจะรุกลาม จีนได้ช่วยปราบปรามการก่อกบฏครั้งนี้จนเป็นผลสำเร็จ
ในด้านเศรษฐกิจ พระทรงทรงพัฒนาระบบการทำฟาร์มปศุสัตว์ตามแบบสหรัฐตั้งแต่ปี 1883
โดยพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์เพื่อทดลองปลูกพืชจากสหรัฐฯ และนำเข้าวัวจากสหรัฐฯ
เพื่อทดลองเลี้ยงในฟาร์มดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นยังทรงพัฒนาระบบโทรคมนาคมของชาติด้วยการ
วางสายโทรเลขระหว่าง จีน เกาหลี และญี่ปุ่นในปี 1883-1885 และทรงเปิดการค้ากับต่างชาติเต็มที่
ในปี 1888 พร้อมทั้งมีการสร้างเงินตราขึ้นใช้เพื่อส่งเสริมการค้า
..........................คลิ๊กเลย คลิ๊กเล๊ย......................................
tatick kris : ตาติ๊ก....ขออนุญาต บันทึก ไว้ ณ ที่แห่งนี้ ด้วยน้ะครับ
เรื่องนี้ ที่เพิ่งฉายจบทางช่อง 3 ใช่ไหม?
เคยดูบ้าง ตอนประมาณบ่ายสองเศษ
ราชินีแสดงดี สวยด้วยครับ