กว่าจะได้ที่ดิน (มือสอง)

จากการกลับมาบ้าน มานั่งนับตัวเลขในใจก็พบว่ายังๆไง ก็คงต้อง ขายคอนโดเก่าเพื่อมาซื้อ และจำเป็นต้องกู้เพราะถ้าจะสร้างบ้านจำเป็นต้องเป็นเจ้าของที่ดินก่อน ไม่เหมือนการซื้อบ้านมือสองเพราะงบต้องบานปลายแน่ๆ เลยลองหาความรู้เพิ่มเติม สอบถามเพื่อนๆพี่ๆเลยได้ข้อสรุปดังนี้ การจะกู้ซื้อที่พร้อมปลูกบ้าน ตัดทิ้งได้เลยเพราะยอดเงินไม่พอ แถมเจ้าของคงไม่รอเรื่องยื่นบ้านไหนจะต้องไปตกลงหาบริษัทรับก่อสร้างอีกจึงจำเป็นต้องมีเงินมาซื้อที่ก่อน จากที่ว่ามาได้ความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่เชี่ยวชาญการเป็นหนี้มากแนะนำพนงธนาคารแห่งหนึ่งมาให้ว่า สามารถกู้ซื้อที่ดินเปล่าได้ (โดยปกติต้องมีบ้านพร้อมที่ดิน) และดอกเบี้ยสามารถลดลงได้หากมีการก่อสร้างบ้านในอนาคต ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องใช้ยุทวิธีไปตายเอาดาบหน้าก่อน เพราะอย่างน้อยได้ที่แล้วบ้านมันจะขึ้นเมื่อไหร่ก็ช่างมัน แต่ถ้าปล่อยมันหลุด ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่

ระหว่างนี้พยายามศึกษาความรู้เพิ่มเติมเรื่องบ้านอย่างบ้าตาย นอนไม่หลับเกือบทุกคืน ฝันแต่เรื่อง บ้านๆๆๆๆๆ ฮวงจุ้ยเอย ทิศทางเอยดูมันหมดทุกสิ่งทุกอย่าง และเป้าหมายต่อมาก่อนเซ็นสัญญาซื้อที่ดินคือ “แบบบ้าน” เพราะขนาดพื้นที่มีผลต่อแบบบ้านมากๆ แต่ก็จินตนาการไว้คร่าวแล้วว่าจะออกมาแบบไหน ส่วนถูกใจแฟนหรือเปล่า ก็ช่างมันเถอะ 555ไว้ค่อยไปต่อรองเรื่องอื่นๆเอาละกัน กลับมาในเรื่องแบบบ้าน คงไม่มีใครเชี่ยวชาญไปกว่า สถาปนิก เมื่อพูดถึงสถาปนิก คงนึกถึงน้องชายของ รุ่นพี่ผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ที่เคยแต่งคอนโดให้ เนื่องมาจากเคยชอบแบบบ้านมันมากๆ และเป็นที่ดินรูปทรงคล้ายๆกัน จากการที่พยายามลองถามอยากได้แบบบ้านมาปลูก ก็พบปัญหาอยู่ว่า แบบบ้านในมุมมองสถาปนิกคล้ายๆ ภาพวาดศิลปะ เค้าเองคงไม่ค่อยอยากให้ใครเหมือน เลยละความพยายามตรงนี้ไป แถมน้องอธิบายว่าการเขียนแบบก่อสร้างเองมีปัญหามากมาย ในเรื่องเซ็นแบบ ขอใบอนุญาติ ปัญหาผู้รับเหมาบลาๆๆๆๆๆ และประเด็นสำคัญคือ การหนีงาน และการบานปลาย (ซึ่งมั่นใจว่าเยอะแน่)จากการแนะนำของน้องชายสถาปนิก จึงแนะนำให้ไปใช้บริการของ บริษัทรับสร้างบ้าน(ซึ่งเคยได้ยินแต่ไม่เคยไปดูเลย) หลังจากนั้นเลยได้พาแฟนไปดูบริษัทแรกเลยไกล้ๆบ้าน นั่นคือบริษัท L (ขออนุญาติไม่บอกชื่อนะครับ)แฟนผมถูกใจแบบบ้านบริษัทนี้ที่สุดเนื่องมากจาก แบบสวย (ในความคิดที่สวยผมว่าแบบมันทันสมัย ใช้พวกหินกรุ ระแนงไม้ หน้าต่างบานใหญ่ๆ เหมือนพวกบ้านโครงการแพงๆเลย เซล์ก็ใช้ได้ครับ เสียอย่างเดียว “แพง” ตรมตกประมาณ 20,000 บาทหลังจากมาบริษัทแรกทำให้รู้ว่า แบบบ้านสวยๆไม่สามารถลงบ้านผมได้ครับ กับ sizeบ้านที่อยากได้เนื่องจาก บ้านถ้าจะเอาสวยๆ ต้องเป็นในลักษณะ หน้ากว้าง หลังสั้นคือสี่เหลี่ยมด้านยาวต้องติดกับถนน แต่ของผมเป็นที่ดินหน้าแคบ ไอ้แฟนผมก็ดั้นจะดื้อ จะยัดเอาแบบบ้านหน้ากว้างใส่ให้ได้ ถึงขนาดจะปรับลดเสกลบ้านซึ่งภายหลังจากผมคิดได้ ไม่แนะนำเด็ดขาดเลยครับ เนื่องจากการออกแบบสถาปนิกจะคำนึงถึงทุกอย่างไว้แล้ว การที่คุณเปลี่ยนแบบเยอะๆอาจทำให้การใช้งานผิดเพี้ยนมาก เช่น ช่องทางเดินแคบมาก กลับมาถึงรูปทรงที่ดินจึงเป็นสาเหตุที่ว่า หลังมุมได้เปรียบ เพราะจะทำทางเข้าด้านไหนก็ได้ ส่วนตัวผมไม่วอรี่ครับเนื่องมาจากผมชอบความเป็นส่วนตัว หน้าบ้านขอเล็กๆพอเพราะไม่อยากโชว์ใครมากขอในบ้านสวยๆดีกว่า ด้วยเหตุฉะนี้ผมเลยเฉยๆกับ บริษัท L หลังจากนั้นไม่กี่วัน ผมได้มีโอกาสพาแฟนไปดูอีก 2บริษัท ได้แก่บริษัท R กับ บริษัท C และค่อนข้างผิดหวังกับบริษัท R เนื่องมากจากราคาแพง ออกแบบไม่สวย แถมพท จำนวนมากหมดไปกับ ระเบียง (ค่าก่อสร้างพทบ้านกับระเบียงมันไม่เท่ากันนะ ยิ่งระเบียงมากยิ่งถูก) ส่วนบริษัท C นี่แบบบ้านน้อยครับ ท้ายสุด มาเจอบริษัท S ที่ปกติเคยขับผ่านบ่อยๆแต่ไม่เคยคิดจะเข้า เนื่องมาจาก ขนาดบ้านตัวอย่าง ขอสำนักงานใหญ่ยังดูเก่า โบราณไม่สวย แล้วบ้านจริงจะสวยได้ไง ตอนเข้าไปก็ดูเงียบๆ โชว์รูมไม่หรู เซลล์ก็ไม่อยู่ 555 จะขายกันไหมเนี่ย และแล้วผมก็ไปจ๊ะเอ๋กับแบบบ้านหลังนึง ซึ่งที่ถูกใจคือ ถูก เมื่อเทียบกับขนาดและพทใช้งานจริง(ราคาโปร 4.57ล้าน กับ 303ตรม)พอว่ากันที่แบบถูกใจแล้วจึงขอรายละเอียดคร่าวๆกลับไปศึกษา พอพาแฟนมาดูอีกรอบ ก็ตามไสตล์เดิม คือเจ๊แกเฉยๆเพราะมันไม่ค่อยมีของตกแต่ง ทรงบ้าน สีในโบรชัวดูโบราณๆ ซึ่งผมก็เข้าใจแหละแต่ส่วนตัวคิดว่า มันเป็นส่วนที่ตกแต่งกันได้ เช่น เลือกสีสวย ใส่หินกรุในอนาคตแต่ตอนนี้ขอพออยู่อาศัยได้ก่อนเนื่องจากงบไม่ค่อยจะมี และมั่นใจเรื่องของราคาที่มันบานปลายเยอะแน่ๆ จากพอที่หาแบบบ้านที่ลงที่ดินที่จะซื้อได้แล้วจึงรีบเดินเรื่องขอกู้เพื่อที่จะซื้อที่ดินนี้ โดยขั้นตอนโดยปกติ ธนาคารจะต้องใช้สัญญาจะซื้อจะขายก่อน แต่ในเมื่อผมยังไม่รู้จะได้ยอดมาซื้อหรือเปล่าหรือยอดประเมินที่ได้ไม่รู้พอไหม เลยต้องขอผิดขั้นตอนโดยการร่างสัญญาปลอมขึ้นมา(ใส่ราคาเยอะกว่าความจริง และลายเซ็นผู้ขายไม่ใช่) ในเรื่องสัญญานี่ระวังนิดนะครับคิดกันเองก่อนทำ แล้วรีบยื่นให้แบ๊งเลย ราคาที่ยื่นไป คือ ราคา 4.2 ล้าน แต่ผมซื้อจริงที่ 3.56ล้านรวมโอน หลังจากรอแบ๊งค์ approved จึงได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนหาราคาหมู่บ้านที่ใกล้เคียงเพื่อจะมั่นใจว่าได้ของถูก และก็ไม่ผิดหวัง ในขนาดที่ดินพอๆกัน บ้านแถวนั้นขายในราคา 6-8ล้านบาทโดยเฉลี่ยและดันมีหลังนึงตั้งขาย 18ล้าน บนพท 100ตรว(ผมกับแฟนยังตลก ตั้งไปได้ยังไง บ้านก็เก่ามากๆ สงสัยเผื่อต่อเยอะ) หลังจากใจตุ้มๆต่อมๆ ประมาณ 2สัปดาห์พนงโทรมาบอกรอเรื่องซักพัก คืนนั้นเอง 20.00น เป๊งก็ได้รับ SMS เข้ามาว่า ธนาคารอนุมัติสินเชื่อแล้วค่ะกรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่สาขาที่ท่านติดต่อได้เลยค่ะ โอ้วววววว เป็น SMS ที่ตื่นเต้นมากเลยนี่ผมจะได้เป็นหนี้ครั้งแรกในชีวิตแล้วใช่ไหมเนี่ย หลังจากนัน้ผมก็รอวันรุ่งขึ้นถึงยอดเงินที่จะได้รับอนุมัติ สรุปว่าธนาคารอนุมัติมาที่ 2,798,000 บาท หรือคิดกลับ หากให้ที่ 80% เท่ากับธนาคารประเมินให้100% ที่ 3.6 ล้าน นั่นทำให้ผมสบายใจว่าผมไม่ได้ซื้อแพง เพราะอย่างน้อยๆผมเคยได้ยินมาว่า ธนาคารมักจะประเมินราคาที่ดินให้ต่ำเมื่อได้คำตอบธนาคารละว่าอนุญาติให้เป็นหนี้ได้ผมก็รีบไปวางเงินจองก่อนที่นี้จะหลุดไปเป็นของคนอื่นโดนก่อนจะวางเงินจองก็มีปัญหาเล็กๆคือ นายหน้าบอกขนาดที่ดินกว้าง 14เมตรแต่ผมไปวัดจากการนับอิฐบล๊อก แล้วเอามาบวกๆ กัน ได้แค่ 12เมตรกว่า เอ ผมว่าผมก็ไม่ตกเลขนะทำไมหยไปตั้ง 2เมตร หายแค่ 10เซนยังพอว่า ผมเลยต้องขอรังวัดก่อนจะทำสัญญาซื้อขาย โดยให้นายหน้าหาเจ้าหน้าที่มารังวัดให้ ซึ่งเรียกค่ารังวัด แบบไม่เป็นทางการมา 6000 บาท เราก็ไอ้หยา เสียเงิน 6000 บาทเพื่อดูของและยังไม่ได้ซื้อเอาไงดี (แถมเป็นรังวัดนอกรอบ ถ้าจะต่อคิวแบบราชการต้องรอ 2เดือนซึ่งคงไม่มีใครรอ ) ด้วยกาละฉะนี้ด้วยความงกอันเป็นที่ตั้ง จึงขอให้นายหน้าช่วยหาคนมาถางหญ้าให้หน่อย ผมแวะซื้อเชือกฟาง เอาไปวัดเอง แม่ม เลยจะผิดจะถูกก็ตัวเองนี่แหละ จะได้ไม่ต้องไปโทษใครทีหลัง เพราะถ้าไม่รังวัด ผมคงไม่สามารถซื้อได้ เนื่องจากระยะ12 เมตรเมื่อนับระยะร่นผมคงไม่สามารถสร้างหลังที่ชอบได้แน่นอน วันนัดรังวัดที่ก็มีเรื่องแปลกๆให้ผมตกใจเล่น เพราะทางเข้าที่ถูกขวางด้วยกอไม้กอเบ้อเร้อ แถวฝนเจ้ากรรมดันมาตก ระหว่างที่คนงานของนายหน้าถางกอไม้เพื่อจะเข้าไปยังที่แปลงนี้ครั้งแรกผมลองอธิฐานบอกเจ้าที่หากมีจริงช่วยแสดงบางสิ่งให้เห็นหน่อย ไม่ถึง 1 นาทีฝนก็หยุดตก (ซึ่งในใจก็นึกถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว ) ผมถึงกับขนลุกและแฟนผมก็อัญเชิญลงมาจากรถ (พี่แกรอคนถางเสร็จ ค่อยลง วันหลังสงสัยต้องปูพรมแดง)และมาบอกว่าได้อธิฐานเหมือนๆกัน ถึงกับอึ้งกันทั้งสองฝ่าย พอใช้เชือกฟางวัด ระยะหน้าที่ดินกลับได้ 14เมตรพอดี ผมก็อาไรหว่า วัดมาตั้ง2ครั้ง คนละวัน วัดยังไงก็ได้ 12เมตรทำไมวันนี้ได้ 14ฟระ หรือว่ามีอะไรมาบังตา ข้อดีเมื่อได้เข้ามารู้สึกว่าที่ร่มเย็นมาก บ้านข้างๆก็พอไหวดีข้าง อีกข้างนึงเป็นบ้านที่ผมให้ฉายาว่า อาบังเนื่องมาจาก เห็นมีมุสลิมใส่หมวกอยู่ (แถมติดรูปเค้าใน google earth อีก) เป็นบ้านที่ติดด้านขวาแต่เนื่องจากเป็นบ้านเก่า บ้านเค้าต่ำกว่าถนนประมาณ 50cm ซึ่งที่ดินที่ผมยืนอยู่สูงกว่าถนนประมาณ 10 cm เลยต่างระดับกันพอควร หลังจากถูกใจที่ละทุกอย่างโอเคผมเลยทำสัญญามัดจำ และนัดวันโอนค่อนข้างห่างไปอีกเดือน จะได้มีเวลาทำอย่างอื่นไม่รู้จะรีบจ่ายดอกไปทำไม

ในระหว่างรอโอนผมก็ได้นั่งคิดปรับปรุงแบบบ้านให้เหมาะแกความฝันของผมและแฟนผมซึ่งส่วนมากมักจะไม่ค่อยไปด้วยกันซักเท่าไหร่ ความต้องการของเธอมันประมาณคฤหาสน์ราคา 20 ล้านทุกอย่างต้องดูไฮโซ ไอ้ของผมนี่คิดแค่จะจ่ายยังไงให้หมดหนี้ไวๆ 555 แล้วเราก็คิดสวนทางกันบ่อย ทะเลาะ งอนกันประจำจนเธอเริ่มจะปลงๆ ปล่อยให้ผมทำตามใจ ส่วนตัวผมก็พยายามตามใจเธอเท่าที่พอไหว เพราะบางอย่างมันก็ไม่ไหวจริงๆ หุหุ



Create Date : 14 สิงหาคม 2557
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2557 16:49:36 น.
Counter : 754 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมีนมเย็น
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



สิงหาคม 2557

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog