: ถึงป่วย.. แต่ก็ยังเขียนบล๊อคได้






Photo by MM









หยุดเขียนบล๊อคไปสามวัน เพราะป่วย เนื่องจากอาหารเป็นพิษ

วันนี้เลยถ่ายรูปตู้ปลา โดยอยากจะสื่อ "ปลาใหญ่กำลังกินปลาเล็ก"

เหตุผลก็จากเอนทรีก่อนได้พูดถึงจีน แล้วมีคอมเม้นท์เข้ามาถามถึงเรื่อง AEC - ASEAN Economic Community

อยากจะบอกสั้นๆว่า "คนรู้จริง เขาไม่พูด" ส่วน "คนพูด ไม่รู้จริง" แต่นั้นไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ คงทำนองว่า รู้แต่พูดไม่หมด

เอ...ทำไม? คุณMM ถึงกล่าวเช่นนั้น??


พูดถึง AEC แล้ว กลุ่มที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด ก็คือ กลุ่มที่มีความพร้อมทางด้าน เงิน และ สมอง

ในบรรดา10ชาติของอาเซียน ผู้ที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คงหนี้ไม่พ้นสิงคโปร์

ต่อไป คนสิงคโปร์จะไปตั้งบริษัทหรือถือหุ้นใหญ่ในประเทศต่างๆได้เกิน50%อย่างสบายขึ้น โดยไม่ต้องติดข้อกฎหมายเรื่อง nominee


แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึง นั้นก็คือ...

กลุ่มทุนจากทั่วโลกจะแปลงร่างในคาบสิงคโปร์ แล้วเข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนรวมถึงการเทคโอเวอร์กิจการที่มีชื่อและมีอนาคตต่างๆ

ที่หนีไม่พ้นก็คือจะเกิดการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในธุรกิจแต่ละประเภท เข้าทำนองใครดีใครอยู่ ใครเงินหนา ใครฉลาดกว่า ก็จะกุมตลาดได้มากกว่า

ถึงแม้สิงคโปร์เขามีคนน้อย แต่เขาไม่ได้ส่งคนไปทำงานเหมือนกับที่คนในอาเซียนคิด เขาจะส่งระดับผู้บริหารไปกำหนดนโยบายแทน

ถ้าถามว่า ดีมั๊ย?แบบนี้ ก็ต้องยอมรับความจริงว่า มันควรจะเกิดขึ้นและเป็นมาตั้งนานแล้ว

นี้ขอพูดในฐานะของนักธุรกิจ ไม่ใช่ในฐานะคนเป็นลูกจ้างในทุกระดับนะ

เมื่อหันมามองไทยเรา จากตลาด60ล้านคนก็จะกลายเป็น600ล้านคน

กลุ่มทุนขนาดใหญ่ก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างแน่นอน

ส่วนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจะได่รับผลประโยชน์เฉพาะกับคนที่มีมุมมองในหลายมิติเท่านั้น

ในอีก2ปีข้างหน้า ถ้ายังไม่เตรียมตัวรับมือกับคู่แข่งที่เขามีความพร้อมทุกอย่าง ก็อย่าหวังว่าจะหากินกันสบายเหมือนเดิมได้เลย

ไอ้โฆษณาชวนเชื่อทั้งหลาย คงจะใช่ไม่ได้ผลอีกต่อไป ซึ่งถ้าไม่ดีจริงหรือเก่งจริง... ไม่นานเดี๊ยวก็ไป








สุดท้าย.... อยากสารภาพตามตรงว่า ฉันนั้นรอเวลานี้มานานแล้ว อิอิ!


คำถามทิ้งท้ายประจำวันนี้คือ ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับคำว่า "โอกาสย่อมเป็นของผู้ฉลาดกว่าเท่านั้น"





อุ๊ยเกือบลืม!! ขอฝากถึงพวกที่หาแด๊กจากเงินภาษีโดยหัก 30%-40%จากวงเงินจัดซื้อจัดจ้างของงบประมาณแผ่นดิน

เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยอย่างนี้ซะทีหว่า!!!!















เอ..ว่าแต่ ทำไมช่วงนี้ ธนาคารถึงได้ขยันปล่อยเงินกู้แต่กับเฉพาะรายใหญ่ๆหน้าเดิมๆกันจังกว่า!!!!!

ทำให้นึกถึงเรื่องเล่าในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่2.. ความแตกต่างระหว่างชาวเยอรมันกับชาวยิว
เมื่อคนยิวเป็นเจ้าของสถาบันการเงินต่างๆ
ในยามที่คนเยอรมันเข้าไปฝากเงิน แต่พอบทจะขอกู้ ยากฉิบเป๋ง
แต่กับคนยิวด้วยกัน กู้เท่าไหร่ขอให้บอก ถึงเมื่อกู้ไปแล้วขาดสะภาพคล่องและกำลังจะล้ม เดี๊ยวพวกเข้าไปซับซิไดซ์เอง ไม่ต้องห่วง
นั้นจึงเป็นสาเหตุของการเกลี่ยดชาวยิวในสมัยนั้น ใครอยู่เยอรมันลองถามคนเก่าๆทีนะ เรื่องนี้จริงหรือเปล่า????


free counters




 

Create Date : 20 กันยายน 2555
25 comments
Last Update : 20 กันยายน 2555 23:39:29 น.
Counter : 1187 Pageviews.

 

แบบนี้คนไม่ค่อยฉลาดอย่างตาลจะไปยืนที่ไหนล่ะเนี่ย โลกข้างบนช่างหมุนไปไวแท้

 

โดย: ยัยน้ำตาลเปรี้ยว 20 กันยายน 2555 22:25:49 น.  

 

^

รีบมากรอกใบสมัคร MM Holding Company บัดนาว! เดี๊ยวส่งไปเรียนภาษาที่อังกฤษ
กลับมาแล้ว ต้องทำงานชดใช้ทุนด้วย อิอิ!

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 20 กันยายน 2555 22:32:57 น.  

 

ขอให้คุณ MM หายไวๆ นะคะ

แล้วถ้าในมุมประชาชนทั่วไปคุณ MM มีคำแนะนำอย่างไร
ในการปรับตัวครั้งนี้คะ จะเป็นปลาเล็กอย่างไรให้อยู่รอด

ประเด็นที่คุณ MM ว่าไว้เรื่องต่างชาติสวมเสื้อสิงคโปร์
ตรงกับประเด็นที่ผู้บรรยายทิ้งปริศนาไว้เลย

 

โดย: Saori_Chubby Chic 20 กันยายน 2555 22:53:20 น.  

 

คุณMMถึงตอนนั้น คนไทยจะต้องซื้อสินค้าการเกษตร
ในราคาที่ต่างชาติกำหนดหรือเปล่าล่ะ กลัวจะได้ซื้อข้าว
หอมะลิ ถุงละ500/5ลิตร (ตามบ้านนอกที่ทำนาทุกวันนี้ยังซื้อได้20ลิตรอยู่นะ)

 

โดย: ละครซอ 20 กันยายน 2555 23:08:16 น.  

 

^

ผุ้บรรยายที่คุณไปฟังนะ เขาคงไม่อยากพูดทั้งหมดหรอกครับ
เพราะยิ่งถ้ารู้มาก รู้ลึก ก็ยิ่งไม่อยากพูด ...นั้นเพราะอะไร?
ก็เพราะ ถ้าคนทำธุรกิจฉลาดกันหมด แล้วต่อไปจะหากินลำบากนะซิ
ด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจ คนในภาครัฐจะไปรู้ลึกเท่าภาคเอกชนได้อย่างไร
เมื่อไม่รู้ลึกแล้วจะไปกำหนดนโยบายเชิงยุทธศาสตร์มันจึงไม่ค่อยถูกทาง
พวกนักธุรกิจเอกชนที่เก่งและฉลาดทั้งหลาย เลือกที่จะเงียบกันนะครับ

สำหรับลูกจ้างเอกชนนั้นก็ควรปรับตัว ปรับค่านิยม ปรับวัฒนธรรมการทำงาน ปรับเปลี่ยนทัศคติ เรื่องภาษาจำเป็นอย่างยิ่ง

แต่สำหรับข้าราชการ(บางคน) ก็สบายตามเดิม เช้าชามเย็นชาม แด๊กตามน้ำอีกต่างหาก 555555++


 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 20 กันยายน 2555 23:10:19 น.  

 

ละครซอ

^

สินค้าทางการเกษตรมีหลากหลาย บางตัวของเราสู้ได้สบาย บางตัวเราสู้ไปก็มีแต่แพ้ เพราะสู้ราคาไม่ได้

ส่วนข้าวหอมมะลิ ต่อไปก็จะเหมือนกับอะไหล่รถญี่ปุ่น
มีทั้งหอมมะลิแท้ หอมมะลิเทียมแท้ หอมมะลิเทียมแท้ๆ ฮ่าๆ

อย่าหวงเรื่องราคาเลยครับ ยิ่งแข่งขัน ผลประโยชน์ก็จะตกกับผุ้บริโภค

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 20 กันยายน 2555 23:24:47 น.  

 

ก็มีผู้บรรยายในเครืออมตะ พูดแบบคุณ MM เลย
ปรับตัวไป คงต้องฝึกภาษาเพิ่มอีกเรื่อยๆ
ตอนนี้กำลังจะตายเพราะอุดมการณ์ตัวเอง

ขอบคุณค่ะ

 

โดย: Saori_Chubby Chic 20 กันยายน 2555 23:28:27 น.  

 

แล้วศึกนัดนี้ใครจะชนะเนอะ อย่างน้อยขอให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ละกัน หรือส่วนใหญ่คุณ MM ได้ประโยชน์ อิอิ

 

โดย: Saori_Chubby Chic 21 กันยายน 2555 0:00:11 น.  

 

Saori_Chubby Chic

^

เห็นคุณไปคอมเม้นท์ในบล๊อคก่อนของผม เรื่องรถไฟความเร็วสูง

อยากบอกว่า ทำไมไทยเราถึงเลือกที่จะสร้างเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ก่อน

ทั้งทีจีนเขาอยากให้เราสร้างเส้นทางกรุงเทพ-หนองคายก่อน เพราะว่าจะได้เชื่อมกับลาวได้

ไทยเราคงคิดว่า ถ้าลื้ออยากให้อั๊วสร้างเส้นทางนั้น
ลื้อก็เสนอเงื่อนไขพิเศษมาให้อั๊วซิ!
หรือไม่ก็มาลุงทุนเองเหมือนกับที่ทำกับลาว... ฮ่าๆ ฉลาดจริงๆไทยเรา

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 21 กันยายน 2555 0:03:21 น.  

 

อ้าวว ก็เขียนบอกตามข้างบนแล้วนะครับว่า "ฉันนั้นรอเวลานี้มานานแล้ว" อิอิ!

ต่อไป เลิกเสียทีกับคำว่า "งานง้อคน"
ทีนี้ละ "คนต้องง้องาน"

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 21 กันยายน 2555 0:10:35 น.  

 

ชื่นชอบคุณMM จังเลยค่ะ พอได้อ่านบล็อคของคุณแล้วรู้สึกว่าต้องกระตือรือร้นมากขึ้นกว่านี้อีกจริงๆ สถานการณ์ในอนาคตอันใกล้ก็คงเหมาะกับคำว่า "โอกาสย่อมเป็นของผู้ฉลาดกว่าเท่านั้น"



มีคำถาม ดิฉันอยู่ต่างประเทศ แต่อยากไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้สำหรับอนาคต รบกวนคุณMM แนะนำด้วยนะค่ะ
ระหว่างซื้อ บ้านเดี๋ยว หรือ คอนโดมิเนียม
สำหรับสถานที่บริเวณที่จะซื้อ ควรจะซื้อระหว่าง จังหวัดชลบุรี หรือ กรุงเทพฯ ใกล้กับ BTS หรือ MRTดีค่ะ เพราะคิดว่าอนาคตก็คงต้องอยากกลับบ้านเกิดค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับข้อมูลที่แนะนำนะค่ะ

 

โดย: Ooy1_chan 21 กันยายน 2555 8:34:31 น.  

 

Ooy1_chan

^

โห......คุณนี้เก่งจริงๆ บังเอิญว่าถามถูกคน มาเป็นลูกค้าในโครงการของผมดีกว่า 5555
ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ชาวต่างชาติทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะคนญี่ปุ่น อิอิ!

อืมม.. จากคำถามข้างบนของคุณ ขอตอบโดยไม่ใช้คำถามถามกลับนะครับ
ถ้าจะซื้อไว้ก่อนโดยจะกลับมาอยู่ในยามแก่เถ้า ก็ควรเป็นบ้านเดี่ยวในโครงการคุณภาพ ที่มีการบริหารจัดการของนิติบุคคลที่ดี
ถ้าซื้อแล้วหาผู้เช่าคุณภาพเช่นชาวต่างชาติได้ด้วยก็ยิ่งดีมาก
แต่ถ้าซื้อทิ้งไว้เฉยๆ อันนี้ไม่แนะนำ เพราะไหนจะต้องเสียค่าบำรุงรักษาบ้านและไหนจะค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายให้กับนิติบุคคลไปฟรีๆอีก

แต่ถ้าซื้อเพื่อการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าในช่วงแรก ก็ควรเป็นคอนโดฯ และก็ต้องอยู่ในทำเลที่ดี เช่นอยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าทั้งหลาย ผลตอบแทนที่ได้ในระยะต้นจะคุ้มค่ามากกว่าการซื้อบ้านเดี่ยว
ส่วนในระยะยาว ราคาคอนโดฯจะมีมูลค่าเพื่มขึ้นมากกว่าบ้านเดี่ยวด้วย

วันนี้.. กรุงเทพฯน่าเบื่อจะตาย ฝนตกนิดรถติดเป็นตังเม

อย่าลืมชวนคนญี่ปุ่นมาเป็นลูกค้าในโครงการTomorrow Cityของผมนะคร๊าบบบบ

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 21 กันยายน 2555 9:20:30 น.  

 

ได้ไอเดีย ดีดีแระ ขอเวลาตั้งตัวก่อนนะค่ะ เป้าหมายของ อ๋อย ยังระบุเวลาไม่ได้นะค่ะ แต่ยังไงต้องทำให้ได้ค่ะ

ขอขอบคุณสำหรับขอมูลอีกครั้ง หากมีเรื่องดีก็นำมาเขียนแจ้งแบบนี้อีกนะค่ะ

 

โดย: Ooy1_chan 21 กันยายน 2555 12:02:51 น.  

 

Ooy1_chan

^

ตามไปที่บล๊อคของคุณ เห็นเขียนเกี่ยวกับเงินออมในแต่ละเดือน ดีจังครับ

ทีนี้ถ้าลองนำเงินออมนั้นมาบริหารจัดการอย่างชาญฉลาดโดยให้พอกพูนขึ้นปีละ20% โดยเริ่มจากเงินต้น1ล้านบาทนี้ละ
ลองดูนะ ว่าเมื่อเวลาผ่านไป จำนวนเงินที่งอกขึ้นมาจะเป็นเท่าไหร่?


เงินต้น .. 1,000,000 บาท
ปีที่1 ... 1,200,000 บาท
ปีที่2 ... 1,440,000 บาท
ปีที่3 ... 1,728,000 บาท
ปีที่4 ... 2,073,600 บาท
ปีที่5 ... 2,488,320 บาท
ปีที่6 ... 2,985,984 บาท
ปีที่7 ... 3,583,180 บาท
ปี่ที่8 ... 4,299,816 บาท
ปีที่9 ... 5,159,780 บาท
ปีที่10 .. 6,191,736 บาท

ปีที่11 .. 7,430,083 บาท
ปีที่12 .. 8,916,099 บาท
ปีที่13 . 10,699,319 บาท
ปีที่14 . 12,839,183 บาท
ปีที่15 . 15,407,020 บาท

ปีที่16 . 18,488,424 บาท
ปีที่17 . 22,186,108 บาท
ปีที่18 . 26,623,330 บาท
ปีที่19 . 31,947,996 บาท
ปีที่20 . 38,337,596 บาท


ปีที่21 ... 46,005,115 บาท
ปีที่22 ... 55,206,138 บาท
ปีที่23 ... 66,247,365 บาท
ปีที่24 ... 79,496,839 บาท
ปีที่25 ... 95,396,206 บาท

ปีที่26 ... 114,475,447 บาท
ปีที่27 ... 137,370,536 บาท
ปีที่28 ... 164,844,643 บาท
ปีที่29 ... 197,813,572 บาท
ปีที่30 ... 237,376,287 บาท

ปีที่31 ... 284,851,544 บาท
ปีที่32 ... 341,821,853 บาท
ปีที่33 ... 410,186,223 บาท
ปีที่34 ... 492,223,468 บาท
ปีที่35 ... 590,668,162 บาท

อืมม เห็นหรือยังครับ เวลาผ่านไปๆ รวยเลยทีนี้ 5555+

ส่วนวิธีการบริหารเงินต้นให้เพิ่มขึ้นปีละ20%นั้นไม่ยากอย่างที่คิด และไม่มีความเสี่ยงใดๆ ก็เหมือนเส้นผมบังภูเขานั้นแหละ!
แต่ขอสงวนไว้สำหรับผู้ที่เข้ามาคอมเม้นท์ในบล๊อคของผมเพียงเท่านั้น อิอิ!

มาเม้นท์บ่อยๆนะครับ

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 21 กันยายน 2555 12:20:46 น.  

 

ถ้าจะถามคุณ MM ถึงการบริหารเงิน 20 % แต่ละปี
ต้องทำอย่างไร
แล้วถ้าเปลี่ยนตัวเลขเหลือ 100,000 กับที่ดินเปล่า
จะมีการบริหารจัดการอย่างไรคะ

คุณ MM น่าจะลองทำเกมส์แล้วให้เพื่อนๆ ในบล๊อคทำการบ้านการออมเงินสำหรับผู้สนใจเนอะ เก็บไว้ในเเบงค์อย่างเดียวดอกเบี้ยต่ำมาก

 

โดย: Saori_Chubby Chic 21 กันยายน 2555 13:43:40 น.  

 

^

อืมม ได้ซิ! 100,000บาทก็ได้
ส่วนที่ดินเปล่าจะให้มันงอกเงย คงต้องเลือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่กระแสน้ำมันกัดเซาะแล้วมั๊งครับ ฮ่าๆ ขำๆนะ

แล้วถ้าเขียนบอกวิธีไป เดี๊ยวคนอ่านจะฉลาดกันหมด มันจะดีเหรอครับ สำหรับคนที่คอมเม้นท์นะดีแล้ว

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 21 กันยายน 2555 14:35:26 น.  

 

คุณ MM เปิดคอร์สสอนเลย
เเต่เรากลัวว่า 100,000 จะไม่พอกับค่าเรียนกับคุณ MM นี่สิ
เเล้วเราจะเอาทุนที่ไหนมาเพิ่ม 20 % กัน

 

โดย: Saori_Chubby Chic 21 กันยายน 2555 15:00:38 น.  

 

^

คุณลองคิดวิธีที่จะบริหารเงิน100,000บาท ให้งอกเงยเพิ่มขึ้น20%ต่อปี หรือเท่ากับ20,000บาท/365วัน
ก็เท่ากับเพิ่มขึ้นเพียง55บาทต่อวันโดยประมาณเท่านั้น
ลองดูนะว่าจะมีวิธีไหนบ้าง? และเมื่อถึงสิ้นปีแล้ว จะต้องรวมเงินต้นเป็น120,000บาท

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 21 กันยายน 2555 15:16:16 น.  

 

จะลองนำไปทำเป็นการบ้านดูค่ะ

 

โดย: Saori_Chubby Chic 21 กันยายน 2555 15:18:07 น.  

 

^

อืมม...นั้นละ เป็นวัตถุประสงค์ตามเจตนารมย์ที่จขบ.ต้องการเห็นและอยากให้เป็น
ถ้าคุณหัดทำการบ้านบ่อยๆๆและฝึกคิดให้มากๆ ผลดีก็จะตกแก่ตัวคุณเอง
และเมื่อคุณแตกฉานแล้ว คุณก็จะรู้ทันทีว่า นี้มันคือเส้นผมบังภูเขาจริงๆ

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 21 กันยายน 2555 15:26:28 น.  

 

ปรับตัว และเตรียมใจ :)

 

โดย: xyz IP: 219.137.56.112 21 กันยายน 2555 20:50:52 น.  

 

^

อืมม นั้นคือสิ่งที่ต้องกระทำสำหรับคนเป็นลูกจ้าง

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 21 กันยายน 2555 21:07:27 น.  

 

โหขนาดนั้นเชียว ยังไงก่อหายป่วยไวๆหน่า

 

โดย: ยัยน้ำตาลเปรี้ยว 21 กันยายน 2555 22:12:14 น.  

 

หายปุ๊ป จะหนีตามกันไปหรือเปล่า?

 

โดย: MM (ongchai_maewmong ) 21 กันยายน 2555 22:18:37 น.  

 

^.^ โทดน่ะคร่าขัดข้องทางอาชีวะเล็กน้อย แวะมาตอนตาลยังอัพไม่เป๊ะทุกทีเยยย

 

โดย: ยัยน้ำตาลเปรี้ยว 24 กันยายน 2555 15:51:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


MM Story
Location :
Singapore / Bangkok / Sapporo - Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




free counters
New Comments
Group Blog
 
 
กันยายน 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
20 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add MM Story's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.