:: เบคอนรีวิว :: ไปนอนเล่นที่กาญจน์ ตอนจบ ที่ Lake Heaven Resort สวรรค์น้อยๆ ที่ลอยน้ำได้
เย็นนี้พอมีเวลา
เลยมาอัพบล็อคกับทริปกาญจน์เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ต่อดีกว่า เดี๋ยวไฟจะหมดอดทำให้จบไปก่อน
จริงๆ ท่านที่คอยตามอ่านใน BP ก็คงเห็นไปแล้ว รอบนึง
วันนี้มาแบบกระชับๆ หน่อยละกัน
=========================================
หลังจากตื่นนอน.. แล้วไปแวะชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว.. เก็บข้าวเก็บของ เช็กเอาท์จาก อินจันทรี ก็ย้ายก้น ไปนอนที่ใหม่ครับ
L a k e H e a v e n Resort & Park สวรรค์น้อยๆ กลางน้ำ
ตามมาดูกันเลย
เลค เฮฟเว่น ...ตั้งอยู่ที่ อ.ศรีสวัสดิ์ ครับ ..
ระยะทางจากแผนที่บอกเอาไว้ว่าราว 70 กิโล จากตัวอำเภอเมืองก็ถึง
ขับรถไปตามทาง มีป้ายบอกเป็นระยะ... ถนนลาดยาง เป็นเลนสวนกัน ทำความเร็วได้พอสมควร คาดคะเนแล้วคิดว่าถ้าฝนไม่ตก ราวๆ 45 นาที ก็น่าจะถึงได้
สถานที่ตั้งนั้นเป็นอ่างเก็บน้ำ หรือมองแล้วคล้ายๆ เป็นทะเลสาบบริเวณหลังเขื่อนศรีนครินทร์
เมื่อขับรถ ไปจนถึงทางเข้าเขื่อน จะเจอทางแยกตัว Y เบี่ยงซ้ายขึ้นสันเขื่อน ... เราก็เบี่ยงขวา ขึ้นเขาต่อ อีกราว 10 กว่ากิโล
ก็จะเจอทางเข้ารีสอร์ท...ระหว่างทางมีฝนโปรยปรายนิดหน่อยให้พอชุ่มฉ่ำ ในใจก็นึกว่า ...ตกมันเข้าไป ตกไปให้หมด พอถึงรีสอร์ทแล้ว ช่วยฟ้าใสด้วยเถอะ ... ลูกช้าง อยากกระโดดน้ำใจจะขาด
เบค่อน : ปะป๋า.... เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย ...นี่ ค่อนรอจนเบื่อแล้วนะ ..ขับช้าเจงๆ ปะป๋า : ... - -' ทางโค้งเฟ้ย ค่อน ...แกจะให้ปะป๋า เหยียบ 120 เข้าโค้งรึไง เบค่อน : ..ดริฟ สิ ป๋า... แบบ โตเกียว ดริฟ อะ ไม่เคยดูเหรอ... ปะป๋า : ไม่เคยดูเฟ้ย ... ( ผลักมันตกเขา เลยได้มั้ยเนี่ย ) เบค่อน : คิดอะไรอยู่ในใจอะป๋า ... ปะป๋า : เปล๊าาาาา !!! เบค่อน : เสียงสูง เชียวนะ ป๋า...
ในรูปนี้เป็นวิวที่ถ่ายจาก จุดชมวิวของเขื่อนศรีนครินทร์ครับ แวะชมวิวตอนขากลับ ....
Lake Heaven จะตั้งอยู่ด้านขวามือ ไกลลิบๆ ในภาพ
ขับด้วยความเร็วเต่า ในที่สุดก็ถึงทางเข้าแล้ววววว.....จากถนนใหญ่ จะมีทางลงไปตรงบริเวณริมน้ำ ซึ่งเป็นที่ตั้งของรีสอร์ท ขับลงไปประมาณ อึดใจ ได้
เราต้องจอดรถตรงที่จอดริมน้ำ แล้วจึงขนของเดินไปลงแพได้ ... ที่จอดเป็นแบบโอเพ่น แอบสงสารรถเหมือนกันเจอแดดแบบเต็มๆ ..
ที่ Lake Heaven นั้นมีที่พักสองแบบคือแบบแพลอยน้ำ ที่เรียกว่า แพศรีชงโค ( แบบที่ผมพัก )นอนได้ 2-3ท่าน ต่อหลัง
และมีแพแบบครอบครัวใหญ่หรือแบบหมู่คณะ อยู่ด้วยเหมือนกัน เห็นอยู่ 2 - 3 หลัง
นอกจากนี้ยังมีบ้านพักแบบ บนบก โดยสามารถเข้าไปดูราคาและ ชนิดห้องพักได้ที่ เว็บไซท์ของรีสอร์ทได้เลยครับ
แต่มาเที่ยวแบบนี้ มันก็ต้องนอนแพสิ ถึงจะได้อารมณ์
อากาศดีมากครับ ...ถึงรีสอร์ทราว บ่าย 2 ไปถึงนี่ร้อนใช้ได้...แม้ฟ้าจะไม่ค่อยเปิดเท่าไหร่
สูดหายใจลึกๆ เข้าเต็มปอด.... อากาศบริสุทธิ์แบบนี้แหละ ที่ยอมขับรถออกจากเมืองใหญ่มาตามหา
หลังจากเช็กอินรับกุญแจ เราก็แบกกระเป๋า อุปกรณ์ยังชีพต่างๆ ... เดินไปหาแพน้อยกลอยใจของเรากันเลย
สำหรับแพศรีชงโคนั้นมีทั้งหมด 8 หลังครับ วางตัวทอดยาวเรียงไปกับริมน้ำ
แต่จะมีหลังสุดท้าย ที่ไปวางอยู่หน้าหลังที่ 7 ทำให้หลังที่ 7 จะโดนบังวิวอยู่พอสมควรครับ ....
ดังนั้นหากใครจะไปพักแนะนำให้จองห้องเบอร์ 3 - 5 ครับ วิวน่าจะดีที่สุด ...ลงเล่นน้ำ รวมทั้งเล่นอุปกรณ์เครื่องทางน้ำได้สะดวกสุด
ตอนแรกผมก็จองแพเบอร์ดังกล่าวไว้ แต่เพราะคราวนี้ผมเลื่อนวันเดินทาง ห้องถูกจองไว้แล้ว ...ทำให้ต้องมาอยู่ห้องเบอร์ 8 ซึ่งอยู่ริมสุด
วิวก็พอโอเคระดับหนึ่งครับ จะมีแพใหญ่ที่จุได้หลายคนมาบังวิวด้านซ้าย อยู่นิดหน่อย ซึ่งพอรับได้ ....
มาดูในห้องพักครับ
ภายในห้องพัก เบอร์แปดนั้น...โดยรวมสะอาดครับ ภาพรวมยังถือว่าใหม่อยู่พอสมควร
สิ่งอำนวยความสะดวกก็ตามภาพเลยครับ มีทีวี มีพัดลมให้ ( ไม่มีแอร์นะครับ ) มีน้ำเปล่าให้สองขวด ... ไม่มีตู้เย็น
...โดยเราสามารถสั่งน้ำแข็งใส่กระติกจากครัวของรีสอร์ทมาได้ครับ ราคาไม่แพง เท่าไหร่...
เตียงนอนที่ถูกจัดเข้ามุม นอนสบายดีครับ นุ่มกำลังดี
ที่ประทับใจก็น่าจะเป็นห้องน้ำครับ ถือว่าสะดวกสบาย ได้มาตรฐานระดับนึงเลยครับ มีส่วนอาบน้ำแบบเป็นประตูเลื่อนป้องกันห้องเปียกได้อย่างดี มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย ...ใครไปหน้าหนาว คงไม่ต้องกลัว
..ส่วนน้ำ นั้นบางท่านที่เคยไปบอกว่าแพหลังท้ายๆ น้ำจะไหลไม่ค่อยแรง แต่วันที่ผมไปนั้น แรงปกติดีครับ ... ซึ่งทางรีสอร์ทอาจจะปรับปรุงตรงจุดนี้แล้ว ( หรือช่วงที่ผมอาบน้ำ ไม่ค่อยมีคนใช้น้ำรึเปล่า ก็ไม่ทราบ )
วันที่ไปนั้นอากาศดีครับ ... แม้ไม่มีแอร์แต่กลางคืนไม่ร้อนเลย ลมพัดเข้าห้องตลอด เย็นสบาย หลับปุ๋ย ...
แน่นอนว่า บรรยากาศดีๆ แบบนี้ หน้าบ้านก็มี เก้าอี้และโต๊ะ ไว้นั่งรับลมด้วยเช่นกัน
วันที่ผมไป ห้องที่วิวดีๆ 3 - 5 ที่ผมบอก ถูกจับจองโดยชาวต่างชาติสะ 2 และคนไทย อีก 1 ครับ คาดว่าคงมาอยู่หลายวัน ... เห็นนั่งๆนอนอ่านหนังสือ กันหน้าแพตัวเอง
บางส่วนก็ลงเล่นน้ำกันหน้าบ้าน ดังที่เห็นในรูปนั้นแหละครับ ...สวมชูชีพ แล้วหย่อนตัวเองลงน้ำหน้าบ้านนั้นแหละ หรือใครว่ายน้ำแข็งๆ ก็ถอดเสื้อ แล้วโดดตูม ลงน้ำได้เลย...
เบค่อน : ...ปะป๋า พูดอะไร ยาวจังเลย ... นี่ ค่อนลงเล่นน้ำได้ยังอะ ปะป๋า : ลงไปเลย ค่อน ...ไม่มีใครห้าม ระวัง ไอ้เข้ นะ ที่นี่..มีอยู่หลายตัว เห็นว่าชอบกินแกะอ้วนๆ ด้วย เบค่อน : - -' ตายละ ..ยังไม่ได้ทำประกันชีวิตเลย ... นี่เราอยู่ ป่าอเมซอนตั้งแต่เมื่อไรอะ ป๋า
ผมล้อเล่นนะครับ.... เดี๋ยวจะมีคนเชื่อจริงๆ ... อากาศร้อนๆ แบบนี้ ...เจอวิวแบบนี้ ..ใครเล่าจะรอช้า ว่าแล้วก็ กระโดดลงน้ำ กันเลย
ใครมาพักที่ Lake Heaven ... ที่นี่มีอุปกรณ์ เครื่องเลนทางน้ำให้เล่นอยู่หลายอัน ซึ่งสามารถเล่นได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ...ยกเว้น พวกที่ต้องใช้ เครื่องยนต์ เช่นพวก เจตสกี .. หรือลาก บานาน่าโบท อันนั้น ต้องสอบถามราคากับเจ้าหน้าที่ต่างหาก....
แทมโบลีนยักษ์ ( เค้าเรียกอย่างนี้เปล่าหว่า ) พระเอกของที่นี่ครับ ทุกคนที่ไป คงต่างจับจ้อง และพร้อมจะเข้าไปทักทายเจ้านี่อย่างไม่ขาดสาย ... ขึ้นไปกระโดดๆๆๆ สนุกมาก
กิจกรรมอีกอย่างที่ผมเล่นทั้งสองวันที่ไปพักคือ พายคายัคครับ
วันแรกที่ไปถึงก็พายไปรอบนึง.... ตอนแรก จะพายกันไปให้ถึงเกาะกลางน้ำ ในรูปไกลๆ นู้นๆ
แต่อากาศไม่ค่อยเอื้ออำนวย อยู่ดีๆ ฝนตกปรอยๆ แถมช่วงเย็น น้ำจะคลื่นแรงมากครับ
พอรุ่งเช้าอีกวัน.... น้ำในทะเลสาบ เรียบ สงบ เลยไปแก้มือพายไปถึงอีกฝั่ง
สรุปว่าไปถึงครับ แถมได้เหงื่อพอใช้ได้เลย
บ่ายวันนั้น หลังจากพายคายัคเสร็จ ก็ลงเล่นน้ำครับ ... ผ่อนคลายและสนุกใช้ได้ ถ้าไปกับเพื่อนเยอะๆ คงจะมันส์ไปอีกแบบ หลังจากเล่นจนหนำใจ ตัวเริ่มเปื่อย ...แกะสามตัว เริ่มพองน้ำ 555
ก็ขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเล่นหน้าห้องครับ ... อยากให้เวลาผ่านไปช้าๆ มาก ...นั่งเล่นกีต้าร์ รับลม ...ชิลล สุดๆ
เย็นนี้ มีนัดที่ส่วนห้องอาหารของรีสอร์ทซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบริเวณเคาเตอร์เช็คอิน ...คนละฝั่งกับแพของผม
ขณะกำลังจะเดินไป ...ก็ได้พบกับช่วงเวลาที่ Lake Heaven วิวสวยที่สุดในช่วง 2 วัน 1 คืน ที่ผมไปครั้งนี้
เป็นช่วงก่อนอาทิตย์จะลับขอบฟ้า .... สาดแสงทองกระทบกับผืนน้ำด้านล่าง
... สวยงาม กว่าในรูปอีกครับ ...เป็นเวลาที่ไม่นาน แต่โรแมนติกมาก ไม่แน่ใจว่าถ้ากลับไปอีกครั้งจะได้เห็นแบบนี้มั้ย....
ถ้าใครได้มาช่วงหน้าหนาว อาจจะได้เห็นหมอกสวยๆ เหนือน้ำ เพิ่มอีกอย่าง
เลยได้ภาพช่วงพลบค่ำมาฝากหลายมุม หน่อยครับ
ถ่ายจากหน้าแพของตัวเองขณะเดินไปกินข้าวเย็น
จริงๆ สามารถให้เค้ามาเสิร์ฟอาหารที่หน้าแพก็ได้นะครับ
แต่ผมอยากไปเดินเล่นด้วยเลยไปกินที่ห้องอาหารดีกว่า
เป็นช่วงเวลาที่เหมือนสวรรค์ ดั่งชื่อของรีสอร์ทจริงๆ
มองย้อนกลับไปแพน้อยที่เรียงรายอยู่
อาหารเย็นไม่ได้ถ่ายมาครับ ... ค่อนข้างมืดแล้ว เลยขี้เกียจถ่าย คืนนั้น หลับสบาย ... เหนื่อยจากการเล่นน้ำ หัวถึงหมอน หลับพริ้ม
จะว่าไป เคยเปรยๆ เรื่องการเจอ พวกมาเป็นกรุ๊ปไว้เหมือนกัน
คืนนั้นช่วง 2 - 3 ทุ่ม มีกลุ่มนึง มาเป้นครอบครัว มาเข้าพัก แพใกล้ๆ แพของผมมาถึงพี่ท่านลองเครื่องเสียงก่อนเลย
... พระเจ้า ...
ใจคอจะร้องคาราโอแกะกันตั้งแต่มาถึงนั่นเลยรึ .... แต่โชคยังดีครับ ไม่นานนักเสียงก็เงียบไป.... แล้วครอบครัวแกะก็หลับอย่างเป็นสุข
ตื่นมาแต่เข้า
เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน ... อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วไปทานข้าวเช้า ไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกแล้ว เป็นข้าวต้ม + ขนมปัง ชา กาแฟ ...
วันนี้ ได้แวะไปเล่น ATV มาแป้บนึงด้วย รีสอร์ทจะมีสนาม ATV เล็กๆ ให้พอขับขำๆ สนุกๆ ได้ อยู่บริเวณด้านบน...
ซึ่งจะมองเห็นสนามตอนเราขับเข้ารีสอร์ทมา
หลังจากนั้น กากาศร้อนเหลือหลาย ....
เลยขอลงน้ำส่งท้ายก่อนกลับครับ
ส่วนเบค่อนและพี่น้องแกะ .. ขอตัวไปพายคายัค ชมวิว รอบๆ ... ดูหน้ามันสิ .... มีความสุขจริงๆ เวลาไม่ต้องไปโรงเรียนเนี่ย - -'
อาบน้ำอาบท่า แล้วก็ไปหม่ำๆ มื้อเที่ยง ก่อนกลับครับ....
อาหารโดยรวมที่นี่ รสชาติดี อร่อยใช้ได้ ...
จะมีก็มื้อก่อนหน้านี้ ยำทะเล กับต้มยำ ที่ผมว่าออก หวานมากไปหน่อย
ราคาก็ไม่แพงมากครับ
โดยรวมค่อนข้างประทับใจพอสมควร ... บรรยากาศดี หากมีโอกาสคงอยากมาพักให้นานกว่านี้
สำหรับท่านที่ต้องการความสงบอาจจะต้อง ลองถามเจ้าหน้าที่ว่าวันที่ไป นั้นเจอกรุ๊ปใหญ่ มาลงรึเปล่า ไม่งั้นอาจจะเซ็งนิดๆ เวลาเจอคนหมู่มาก หรือเลี่ยงไปวันธรรมดาน่าจะดีกว่า ... แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็แนะนำให้ลองไปดูครับ ...
//www.lakeheaven.com/
เดี๋ยวเราจะออกเดินทางกลับสู่กทม และแวะชม กองถ่ายหนังนเรศวรกันต่อ
โรงถ่ายนเรศวร หรือ พร้อมมิตร ฟิล์ม สตูดิโอ นั้น ตั้งอยู่ในค่ายสุรสีห์ ถ้าขับกลับจาก Lake Heaven จะอยู่ก่อนถึงตัวเมืองกาญจน์ราว 10 กิโล
ขับเพลินๆ เล่นเอาเลยทางเข้า ต้องไปกลับรถมาเข้าใหม่
เสียเงินค่าเข้าชม ท่านละ 100 บาทไทย
มีบริการรถกอล์ฟ พร้อมคนขับส่วนตัวด้วยเช่นกัน
ด้วยความยังหนุ่มยังแน่น - -' เลยเดินลุยเอาเอง
ปรากฏว่า
ร้อนตับแล่บ !!!
ฟ้าเข้มๆ ที่เห็น นั่น
แลกมาด้วย หงาดเหงื่อ ...ไหลเป็นน้ำตก
อย่าลืมพกร่มกันไปนะครับ
แม้อากาศจะร้อน แต่เจ้าหน้าที่ ที่ประจำตามจุดต่างๆ ก็พร้อมต้อนรับด้วยรอยยิ้มครับ
ทุกคนดูกระตือรือร้น และให้ข้อมูลดีทีเดียว
ถึงตอนนี้ ... แบทกล้องหมดแล้วครับ เลยขอปิดทริป เมืองกาญจน์ไว้แค่นี้ละกันครับ
เป็นทริปที่ หนีเมืองกรุง มาพักผ่อน ... ไม่ได้ไปไหนเลย เน้น แวะ ที่เป็นทางผ่านหลักๆ ซะมากกว่า
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทายครับ
และขอบคุณ พันทิป และห้องBP สำหรับพื้นที่อันอบอุ่น ให้แบ่งปันประสบการณ์ดีๆ เรื่อยมา
เร็วๆนี้ จะพาแกะไปเที่ยวอีก ...ไม่ขึ้นเหนือ ตามล่าสายไหมประจำปี ก็คงไปทะเล ตามล่าหมึกปิ้ง
รอชมกันละกันนะครับ
Create Date : 31 ตุลาคม 2551 |
|
20 comments |
Last Update : 31 ตุลาคม 2551 21:28:47 น. |
Counter : 25974 Pageviews. |
|
|
|
ภาพเซ็ทสวยมากๆ เลยค่ะคุณบอย
มีโอกาสก็อยากไปพักที่นี่เหมือนกันค่ะ