ถึงกล้องมันจะพังไปแล้ว...แต่เมมโมรี่ก็ยังอยู่นะ
|
||||
★ VIE Hotel Bangkok - MGallery ตั้งแต่เจ้า Covid-19 มาก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย บังเอิญมีกิจกรรม Thailand Postcrossing Meetup พอดี ก็เลยจัดแจงแพคเป๋าทั้งเที่ยวทั้งเจอเพื่อนๆ แบบ New Normal กันซะหน่อย จังหวะดีมากที่บังเอิญไปเจอโปรโมชั่นพิเศษของโรงแรม VIE Hotel Bangkok ในราคาที่ดูน่ารักและคุ้มค่ามากๆ ก็เลยขอจัดซะหน่อย . . . แต่เดี๋ยวก่อนรีวิวครั้งนี้มีทั้งความปังและความพัง ดังนั้นอะไรที่มันดีมากเราจะขอชมแต่อะไรที่ไม่โอเคเราจะไม่ขออวย +555 . . . ปล. หากไม่อยากอ่านข้อเสียที่เรามา เจอมาจากประสบการณ์เข้าพักจริง แนะนำให้ข้ามไปเริ่มอ่านหลังรูปภาพแรกเลยกันได้เลยนะคะทุกคน : ) . . . ขอบ่นๆ เริ่มต้นด้วยความพังก่อนนะคะทุกคน เริ่มต้นหักคะแนนตั้งแต่การจอง ... จองง่ายมาก (หมายถึงกรอกฟอร์มจองนะ) แต่สำหรับการคอนเฟิร์มการจองและติดต่อกลับนั้นยากมาก เริ่มต้นไม่ดีนักกับการประสานงานด้วยการตอบกลับผ่านอีเมลเกิน 48 ชั่วโมง กรณีติดต่อใดๆ ไม่จะทางโทรศัพท์หรือ inbox เพจคือวนไปที่เดิมคือให้รออีเมล จ้าาาาาาา ... Type ที่จะจองเต็มจ้า ขนาดเช็คห้องว่างทางโทรฯและรีบส่งเมลจองละนะ เราค่อนข้างไม่โอเคมากในจุดนี้เพราะด้วยตัวโรงแรมที่วางตำแหน่งระดับ 5 ดาว และเป็นเครือ Accors ในระดับบนแบบ Luxury Boutique คือไม่โอเคเลย จากใจเราที่เคยนอนเครือนี้ตั้งแต่ Luxury แบบ SO Sofitel ในห้องราคาหลักหมื่นต่อคืน เชนระดับกลางอย่าง Novotel ไปจนถึงระดับน่ารักอย่าง ibis ซึ่งน้องเล็กเชนจิ๋ว การบริการที่เราได้คือยังคงเส้นคงว่าประทับใจทุกครั้งที่เข้าพักเลย . . . ความพังระดับ 2 คือการเชคอินที่ค่อนข้างช้ามากไม่ได้รอคิวใดๆ ช้าในคิวชั้นนี่แหละ ตามมาด้วยพังระดับ 3 คือเรื่องดินเนอร์ ซึ่งจริงๆเราได้สอบถาม ตั้งแต่ก่อนการเข้าพักแล้วว่าเริ่มกี่โมงและสิ้นสุดกี่โมง รวมถึงถามเมนูอาหารล่วงหน้าเนื่องจากมีการแพ้อาหารบางอย่าง รวมไปถึงเพื่อนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์บางอย่าง ซึ่งได้รับคำตอบว่า ห้องอาหารเปิดให้บริการตั้งแต่ 18.30 น. ถึง 22.00 น. แต่ครัวปิด 21.30 น. พร้อมทั้งได้รับการสอบถามว่าต้องการจะสั่งเมนูล่วงหน้าเลยหรือไม่ เราตอบปฏิเสธไปเพราะเผื่อเปลี่ยนใจค่อยไปเลือกตอนจะทานเลยดีกว่า *** ที่พังเริ่มจากตอนเช็คอินนี่แหละค่าทุกคน *** เนื่องจากเราถามซ้ำอีกรอบว่าสั่งได้ช้าสุดคือ 3 ทุ่มครึ่งใช่มั้ย ทางพนักงานแจ้งว่าใช่ค่ะ แต่ตอนนี้เราเหลือแค่รอบสองทุ่มครึ่ง รอบอื่นเต็มหมด เราก็หืมมม ... อะไรนะคะทำไมต้องจองรอบและทำไมถึงไม่แจ้งล่วงหน้าเลย ได้รับคำตอบมาว่าวันนี้แขกเยอะค่ะ แล้วคือแบบฮัลโหลมองบนในการจัดการนี้ ถามจริงว่าไม่มีรายชื่อแขกล่วงหน้าเลยหรอ? หรือว่าทุกคนเพิ่งวอคอินมาเช็คอินวันนี้โดยมิได้นัดหมาย? แล้วคือถ้าเราไม่ถามซ้ำเรื่องเวลาปิดครัวนี่เราจะทราบตอนไหนหรอคะ? . . . ในอีเมลก็แจ้งล่วงหน้าแล้วว่าเราจะมาเชคอินตอน 5 โมงเย็น ได้รับข้อเสนอที่ไม่น่ารักเลยสำหรับเราคือ คุณลูกค้าทานดินเนอร์วันพรุ่งนี้มั้ยคะ ทานตอนหลัง 6 โมงวันพรุ่งนี้จะให้เชคเอ้าท์เกิน 24 ชั่วโมงเป็นกรณีพิเศษ ฮัลโหล !! ไม่โอเคจ้า ไม่ได้อยากเชคเอ้าท์ช้า อิชั้นแค่อยากได้สิทธิ์ที่ดิฉันพึงมี สุดท้ายคือรับอาหารเวลาเดิม เพิ่มเติมคือเสิร์ฟให้ที่ห้อง ขอบคุณในจุดนี้ และขอบคุณทางฝ่ายครัวที่ทำ 1 เช็ทให้เพื่อนอิชั้นทานตอน 1 ทุ่ม เนื่องจากปัญหาทางด้านสุขภาพมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ อีกนิดเรื่องอาหาร เสียดายที่ไม่ได้นั่งทานที่ห้องอาหาร ขนาดมาถึงห้องพักตอนมาเสิร์ฟพอดี ยังเย็นและชืดเลยจ้า รสชาติอร่อยนะ แต่สงสารน้อง Apple Tartin เสิร์ฟมาคือไอติมละลายแล้ว +555 ปล.ระบบระบายอากาศในห้องดีมากค่ะ เพราะอิชั้นเชคเอ้าท์เกือบบ่าย 2 รถเข็นอาหารยังอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อคืนค่ะทุกคน // ยิ้มอ่อนนนนนนนน . . . ต่อมากันที่ ทำไมเราถึง Mention ว่าเชคอินช้า เนื่องด้วยห้องพักที่เราจอง รวมการเข้ารับบริการที่ Club Lounge: The Piano Bar เริ่ม Free flow + Canapes ซึ่งอิชั้นก็อยากทานอะไรกรุบกริบไงก่อนไปทำธุระต่อ สุดท้ายกว่าขั้นตอนเชคอินจะเสร็จ จะส่งคีย์การ์ดมาเพราะเป็นแบบล็อคชั้น ชิลได้ไม่ถึง 30 นาทีเลยมั้ง แถมของก็เริ่มหมดไม่ได้เติมแล้วด้วย +555 . . . . . . ฟาดไปเยอะมากก่อนจะถึงพาร์ทนี้ ... ดังนั้นตั้งแต่ตรงนี้จะเป็นการชมการอวยล้วนๆ จ้า เริ่มต้นด้วยทำเล เหมาะมากใกล้ BTS ราชเทวี เดินนิดเดียวเอง ไม่เรียกว่าไกลมาก เราพัก Executive Suite เป็นห้องมุมวิวดี๊ดีย์เห็นทั้งสถานีรถไฟฟ้าและตึกสวยๆ เลขที่ออกคือ "2205" อยู่ชั้น 22 จ้า ซึ่งชั้นสูงกว่านี้จะเป็นห้องแบบ Duplex และแบบ Penthouse แล้วนะคะทุกคน . . . และแน่นอนว่าด้วยความที่ห้องแบ่งเป็นโซนห้องรับแขกและห้องนอน วิวจากทางโซนโต๊ะทำงานและห้องรับแขกก็จะได้ประมาณนี้นะคะ ในเรื่องความพร้อมและสบายของห้องอันนี้เหมาะกับคำว่า 5 ดาว เตียงดีมากกกกก .... ฟินมากกกกก .... หมอนหลายใบเราชอบสุดๆ . . . ตามมาด้วยห้องรับแขกโซฟาคือเริศขั้นสุด นุ่มไปอีก นั่งก็ฟิน นอนกลิ้งก็สบาย ทางโรงแรมเค้าเคลมว่าผ้าไหมที่ใช้เป็นของ Jim Thomson จ้า น่าเสียดายที่ไม่มีชาของ Jim Thomson ด้วยอะ ไม่งั้นจะฟินยิ่งขึ้น มีกาแฟแคปซูลให้นะคะ กลิ่นกาแฟดีจริง เสียอย่างที่เรื่องตู้เย็นไม่เย็นเลย แหะๆ แต่ทีวีคือจัดเต็มนะ LCD TV มีให้ 2 ฝั่งเลยทั้งในส่วนของห้องรับแขก กับในบริเวณที่เป็นห้องนอน มีประตูกั้นโซนห้องทั้งคู่ โดยเราเลือกเปิดปิดได้ตามสบาย . . . มาต่อกันที่ห้องน้ำ อันนี้ชอบมาก นอกจากการแยกโซนเปียกแห้งจะดีมากแล้ว อ่างอาบน้ำคือดี Rain Shower คือดี แอบเสียดายที่กลิ่นพวกสบู่ แชมพู ไม่หอมเท่าที่ควร . . . และอย่างที่บอกไปว่าการจัดผังห้องค่อนข้างทำได้ดี ห้องน้ำไม่โป๊อย่างที่คิดเพราะจุดเชื่อมต่อระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ มีกระจกฝ้าสไลด์ให้ด้วยจ้า เปิดๆ ปิดๆ ได้ตามความพอใจ . . . ตัดภาพลงมาที่การลงมาทาน Complimentary Club Lounge ในส่วนของ Piano Bar จะอยู่ที่ชั้น 1 ใกล้กับ Lobby แหละจ้า รสชาติเครื่องดื่มคือดีถึงดีมากที่สุด House Wine คือดี เนื่องจากเราแพ้สับปะรดมี Cocktail ตัวนึงที่มีเบสผลไม้นี้ผสม จึงรีเควสว่างดใส่ แต่บาร์เทนเดอร์และพนักงานโซนนี้น่ารักแจ้งให้ทราบว่า มิกซ์เบสรวมเรียบร้อยแล้ว แต่จะทำแยกให้ใหม่เป็น Passion Fruite แทน . . . ในส่วนของ Canapes อร่อยนะคะแต่ของคาวหมดไว เพราะคนแน่นมากเสิร์ฟไม่พอและไม่ทัน ยิ่งไส้กรอกทอด และปอเปี๊ยะกุ้งคือแบบพอเติมปุ๊ปลูกค้าท่านก่อนหน้าโกยจ้าโกย ต่อคิวที่หลังก็อดไปตามระเบียบจ้า . . . ตัดมาที่อาหารดินเนอร์ที่เป็น 3 คอร์ส ของเราเลือก * ซีฟู้ดสลัด ... รสชาติโอเคเลย แต่อย่างที่บอกใดๆ คือเย็น และกุ้งเหมือนจะเด้งน้อยกว่าในปอเปี๊ยะที่ทานไปช่วงเย็นจ้า . . . ตามมาด้วยเนื้อแกะจ้า อันนี้คือดีนะถูกใจมากเชฟทำได้ดี ขนาดเป็น Medium Rare กลิ่นแรงๆไม่มีเลย เสียดายที่จานเย็นมาก ซอสเริ่มแห้งอะไม่ฉ่ำ ความอร่อยลดเยอะเลย . . . ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน Apple Tartin จ้า รสชาติไม่ขอวิจารณ์นะคะ เพราะไอติมมันละลาย ไหลไปโดนตัวแป้ง จนเริ่มแฉะ คือ แบบถ้าได้ทานตอนไม่ละลาย เทียบกับที่ทานเบเกอรี่ในช่วงเช้า ขนมปังคือทำได้ดีมาก รสชาติคงจะดีกว่านี้ละมั้งนะ แหะๆ . . . ปิดท้ายด้วยการรีวิวอาหารเช้า ... นับว่ามีความหลากหลาย จัดเต็มพอประมาณ สลัดควินัวร์คือดี พวกโยเกิร์ตก็ดี ครัวร้อนมีพวกไข่และก๋วยเตี๋ยว มีโจ๊กอุ่นร้อน อาหารไทยมีกะเพราและไข่เจียว วิวค่อนข้างดีเพราะห้องอาหาร La VIE อยู่ชั้น 11 ส่วนตัวชอบน้ำแอปเปิ้ลและน้ำส้มที่เสิร์ฟใหม่หลังจากน้ำเสารสหมด ชอบไลน์เบเกอรี่ที่มีแยมให้เลือกเยอะมาก แบบเนื้อผลไม้เต็มๆก็มี หรือจะเป็นในแนวแยมของดอยคำโครงการหลวงก็มาจ้า โอยย รูปสุดท้ายนี่โปรดมากครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 8 กันยายน 2563 เวลา:13:18:05 น.
|
เด็กหญิงกะหล่ำปลี
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ❤.°. ... ชอบฟังเพลง ❤.°. ... ก็เลยชอบเล่นเน็ตหาเพลงใหม่ๆฟัง :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: ❤.°. ... ชอบเดินทาง + รักการท่องเที่ยว ❤.°. ... ก็เลยทำให้ชอบโปสการ์ด :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: ❤.°. ... พอมันชอบซื้อโปสการ์ด ❤.°. ... ก็เลยทำให้ชอบถ่ายรูป ::: จะได้บันทึกเรื่องราวในแบบของเราเอง ::: ❤.°. ... ถ้ามีคนถามว่าเป็นคนยังไง ?? ❤.°. ... ก็จะชอบตอบว่า " เป็นคนแบบนี้ " :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: ❤.°. ... บ้านนี้เปิดประตูต้อนรับทุกคน ... ❤.°. ... ผ่านมาก็แวะมาเคาะประตูได้ ... :::::::::::: หมาที่เลี้ยงไว้ไม่ดุนะ ::::::::::::: ❤.°. ... หรือถ้าอยากได้มิตรภาพดีๆ ... ❤.°. ... ก็เปิดประตูเข้ามาได้เลย ... :::::: เพราะประตูแค่ปิดไว้แต่ไม่เคยล็อค :::::
Group Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |