โลกในยุคปัจจุบันถือเป็นยุคที่มีการใช้เทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดโดยเฉพาะผู้คนที่พักอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ มีทั้งแบบที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการเดินทาง ช่วยในด้านของการสื่อสาร ฯลฯ ซึ่งเมื่อไม่นานนี้หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินกับคำว่า Smart City หรือโครงการเมืองอัจฉริยะ เป็นโครงการที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตของคนในเมือง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน พัฒนาระบบเมืองให้น่าอยู่ มีความทันสมัย ทำให้ในตอนนี้ Smart City จึงเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนจับตามอง
Smart City สำคัญอย่างไร ?
Smart City หรือเมืองอัจฉริยะ เป็นชื่อเรียกของระบบเมืองที่มีการใช้งานประโยชน์จากเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ ที่มีความทันสมัย โดยความสำคัญของ Smart City ก็คือ การนำเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมาปรับใช้ร่วมกับการใช้ชีวิตของผู้คนในเมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการจัดการเมืองให้มีความน่าอยู่ มีความทันสมัย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดสรรการใช้ทรัพยากรสำหรับเมืองอย่างคุ้มค่า พร้อมพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น
Smart City ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
ในการที่จะเรียกว่า Smart City หรือเมืองอัจฉริยะได้นั้น จะต้องมีองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาเมือง 5 ด้าน จึงจะสามารถเป็นระบบ Smart City ที่สมบูรณ์ได้ โดยจะมีหลักเกณฑ์ 5 หลักเกณฑ์สำคัญ ดังนี้
1.เป็นเมืองที่มีวิสัยทัศน์เป้าหมายในการพัฒนาเมืองอย่างชัดเจน
เมืองที่จะเป็น Smart City ได้ จะต้องมีวิสัยทัศน์ และเป้าหมายในการพัฒนาบ้านเมืองอย่างชัดเจน ว่าต้องการเมืองอัจฉริยะในรูปแบบใด
2.เป็นเมืองที่มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างละเอียด
พื้นฐานการสร้างเมือง Smart City ที่ดีจะต้องมีการกำหนดแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอย่างละเอียด เพื่อที่จะสามารถสร้างสิ่งที่ตรงกับวิสัยทัศน์ได้ตรงตามเป้าหมายที่วางแผนเอาไว้ได้
3.เป็นเมืองมีแผนพัฒนาระบบข้อมูลและความปลอดภัย (City Data Platform)
ในการพัฒนาเมืองในรูปแบบของเมือง Smart City จะมีพื้นฐานในการทำงานโดยใช้ข้อมูลที่จัดเก็บเอาไว้ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับภายในเมืองทั้งหมด เมืองที่จะเป็นเมืองอัจฉริยะจึงต้องมีระบบในการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ และมีความปลอดภัยที่สูง
4.ต้องเป็นเมืองที่มีระบบ Smart City 7 ด้าน อย่างน้อย 2 ด้าน ได้แก่
-
พลเมืองอัจฉริยะ (Smart People)
-
การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living)
-
การเดินทาง และการขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility)
-
เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy)
-
สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment)
-
พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy)
-
การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance)
5.เป็นเมืองที่พร้อมในการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน
เมืองที่จะเป็น Smart City จะต้องพร้อมในการวางแผนพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ในด้านการให้ความร่วมมือของภาครัฐ และภาคเอกชน ในด้านของการลงทุน การบริหารเศรษฐกิจของทั้งเมือง
ข้อดีข้อจำกัดของ Smart City
Smart City หรือเมืองอัจฉริยะ คือเทคโนโลยีที่ถือว่ามีความใหม่สำหรับผู้คนในยุคปัจจุบัน โดยจะมีการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาปรับใช้ร่วมกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้โครงการ Smart City มีทั้งข้อดี และข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่เหมาะกับทุกคนได้
ข้อดีของ Smart City
-
Smart City เป็นศูนย์รวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว
-
Smart City เป็นนวัตกรรมที่มีความยืดหยุ่นสูง เรียนรู้ได้ง่าย สามารถใช้งานได้ทุกคน
-
ช่วยพัฒนาระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีมากยิ่งขึ้น
-
ช่วยป้องกันความปลอดภัยชีวิตของผู้คนภายในเมืองระบบ Smart City ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
-
ช่วยส่งเสริมธุรกิจใหม่ ๆ ภายใต้เมืองสมาร์ทซิตี้ ให้มีโอกาสเติบโตได้มากขึ้น
-
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของหน่วยงานภาครัฐ
-
พัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมช่วยสนับสนุนการใช้งานพลังงานทดแทน
-
เสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเมือง ทำเป็นเมืองต้นแบบที่มีความทันสมัย
-
ลดภาระในการทำงานของผู้คนได้ภายในเมืองที่ใช้ระบบ Smart City ได้หลากหลายสายอาชีพ
ข้อกำจัดของ Smart City
-
Smart City เป็นนวัตกรรมที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ผู้ที่ไม่ได้ติดตามไม่สามารถปรับตัวได้ทัน
-
Smart City เป็นเทคโนโลยีที่ต้องมีการใช้งานในรูปแบบออนไลน์ อาจทำให้ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
-
ต้องการระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง มีความปลอดภัยสูง เพราะว่าการ Smart City จะต้องมีการรักษาข้อมูลที่มีความสำคัญ และมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานอยู่ตลอดเวลา
ตัวอย่างเทคโนโลยีที่ใช้ใน Smart City มีอะไรบ้าง ?
นอกจากองค์ประกอบหลัก 7 อย่างที่มีความสำคัญในการสร้าง Smart City ได้แล้ว การที่โครงการ Smart City จะสามารถเกิดขึ้นจริงได้ ยังต้องอาศัยเทคโนโลยีหลัก 3 ประเภท คือ
-
สมาร์ทกริด (Smart Grid) คือโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่เป็นระบบที่สามารถทำงานด้วยระบบเซนเซอร์ และการควบคุมแบบอัตโนมัติ ที่มีประสิทธิภาพสูง มีความปลอดภัยสูง เพื่อรองรับการใช้งานของเมืองที่มีระบบ Smart City ที่จะต้องมีการส่งข้อมูลแบบ Real Time ตลอดเวลา
-
ระบบไอซีทีอัจฉริยะ (Smart ICT : Smart Information and Communication Technology) คือหัวใจสำคัญของ Smart City ที่ใช้เป็นแหล่งในการจัดเก็บข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลทุกอย่างในโครงการ Smart City
-
อาคารอัจฉริยะ (Smart Building) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตตามคอนเซปต์ Smart City Smart Life อาคารต่าง ๆ จะต้องมีระบบที่มีความอัจฉริยะที่ครบครันในทุก ๆ ด้าน
-
เทคโนโลยีแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย เป็นเทคโนโลยีที่ถูกใช้ในประเทศสิงคโปร์ ที่ใช้นวัตกรรมการกรองน้ำรูปแบบ Forward Osmosis (FO) ที่มีประสิทธิภาพในการกรองน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมให้กลายเป็นน้ำสะอาด
Smart City กับ IOT
IOT เป็นชื่อย่อมาจากคำว่า Internet of Things คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ สามารถรองรับผู้ใช้งานนับล้านได้ โดยจะหน้าที่หลักในการรับส่งข้อมูลต่าง ๆ ภายในโครงการ Smart City ทั้งหมด IOT จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อ Smart City อย่างมาก
ตัวอย่างการใช้งาน IOT ร่วมกับ Smart City ที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองได้ก็คือ
-
ใช้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมโดยใช้เซนเซอร์ได้แก่ เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ, เซนเซอร์วัดความชื้น, เซนเซอร์วัดแรงดันน้ำ, เซนเซอร์วัดก๊าซ เพื่อส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
-
ระบบในการบริหารจัดการจราจรที่ชาญฉลาด โดยการใช้เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดภายในเมืองที่ใช้ระบบ Smart City
-
ระบบการตรวจสุขภาพอัจฉริยะ สำหรับการตรวจสุขภาพเบื้องต้น เพื่อคัดกรองผู้ป่วย หรือผู้ที่มีความเสี่ยงโรคต่าง ๆ
-
ระบบแสงไฟอัจฉริยะ ที่จะสามารถควบคุมพลังงานแสงไฟบนท้องถนนได้อย่างเหมาะสม และส่งเสริมการประหยัดพลังงานของโครงการ Smart City
-
ระบบการจัดเก็บขยะอัจฉริยะ ในการตรวจเช็กปริมาณขยะภายในถังขยะ เพื่อแจ้งเตือนหน่วยงานต่าง ๆ ให้เข้ามาจัดเก็บขยะภายในถังได้อย่างรวดเร็ว
-
ระบบการตรวจจับไฟไหม้อัจฉริยะ โดยการใช้เซนเซอร์ตามพื้นที่ต่าง ๆ หรืออาคาร ที่มีความเสี่ยงของการเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้เซนเซอร์จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานดับเพลิงทันที
-
ระบบการตรวจสอบสะพานอัจฉริยะภายในเมือง Smart City โดยใช้เซนเซอร์ตรวจสอบสะพานในจุดเท่าเข้าถึงยาก เพื่อตรวจสอบความแข็งแรงของสะพาน แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ว่าสะพานยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ หรือมีความเสียหายใด ๆ
ตัวอย่างการเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของประโยชน์ของการใช้งาน IOT ร่วมกับ Smart City เท่านั้น ซึ่งการใช้งานระบบ IOT ยังมีบทบาทสำคัญกับ Smart City อีกหลายด้านมากทั้งในด้านความปลอดภัย และการใช้ชีวิตให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Smart City
Smart City มีเมืองไหนที่เริ่มใช้งานแล้วบ้าง ?
ในปัจจุบันมีหลายเมืองต่าง ๆ จากหลายประเทศที่พร้อมกับการใช้งาน Smart City หรือเมืองอัจฉริยะแล้วหลายประเทศ ยกตัวอย่างเช่น
-
เมือง Tokyo ประเทศญี่ปุ่น
-
เมือง Stockholm ประเทศสวีเดน
-
เมือง Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์
Smart City มีเมืองไหนในประเทศไทยบ้าง ?
Smart City เริ่มมีต้นแบบหลาย ๆ จังหวัดในประเทศไทยแล้วที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นเมืองอัจฉริยะ ได้แก่
-
จังหวัดภูเก็ต ต้นแบบเมืองอัจฉริยะ (Phuket Smart City)
-
จังหวัดเชียงใหม่ เมืองเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming)
-
จังหวัดระยอง โครงการวังจันทร์วัลเลย์ (Wangchan Valley)
-
จังหวัดขอนแก่น ขนส่งสาธารณะเปลี่ยนเมือง (Mobility Drives City)
สรุปเรื่อง Smart City
โครงการ Smart City นับได้ว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันมาก ช่วยส่งเสริมทั้งในด้านของความเป็นอยู่ให้สะดวกสบาย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ชีวิต และช่วยในด้านของระบบเศรษฐกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเชื่อว่าในเร็ว ๆ นี้ ในประเทศไทยของเราอาจจะมีหลายจังหวัดที่พร้อมก้าวเข้าสู่การเป็น Smart City ได้อย่างเต็มรูปแบบ