32 weeks :: เมื่อครรภ์เป็นพิษต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด
ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี...แบบว่าตอนนี้ยังตั้งตัวไม่ถูกเลย เคยกังวลว่าต้องคลอดก่อนกำหนดแต่คนละเหตุผลกะสิ่งที่เกิดขึ้น จำได้ว่าวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม ไปงานแต่งงานเพื่อน วันนั้นมีความรู้สึกว่าเท้าบวม มือบวมมากแต่ก่อคิดว่าปกติเพราะเราท้องแก่แถมนั่งนาน พอวันอาทิตย์นัดเพื่อนกินข้าวตอนเย็น กลับมาบ้านเริ่มปวดหน้าอกก้อคิดว่าเป็นแค่กรดไหลย้อน เช้าวันอังคารตื่นมาเช้ามืด ทรมาณสุดๆ หายใจไม่ออก นอนต่อไม่ได้แต่สายๆ มันก้อหาย ตอนเย็นกลับมาเป็นอีก คราวนี้ปวดร้าวไปทั้งหลังเลย ไปเข้าห้องน้ำมีมูกสีน้ำตาลติดทิชชู่ออกมา กังวลเลยโทรหามิดไวฟ์เค้าบอกลองไปแช่น้ำร้อนดู แช่อยุ่ตั้งกะเที่ยงคืนจนถึงตี 4 ถึงกลับมานอนต่อได้ กลางดึกวันพุธ สามีหลับไปแล้วแต่เรานอนไม่ได้เลย ปวดหน้าอก ปวดหลัง พอเอนตัวลงนอนปวดหัวแบบจะระเบิด กินยาเท่าไหร่ก่อไม่หาย เอะใจ...ลองไปเข้าเน็ตดูดีกว่า อาการแต่ละอย่างไปตรงกะ pre-eclampsia หรือครรภ์เป็นพิษ เอาวะ ไม่รออะไรแล้วไปรพ.ดีกว่า ปลุกสามีตอนตีห้าให้ขับรถไปส่งรพ.ใกล้บ้าน พอไปถึงมิดไวฟ์ก้อให้ตรวจปัสสาวะ พอเค้าเห็นผลจากไอ่กระดาษเทสแค่นั้นล่ะ หน้าซีเรียสทันทีแล้วก้อเดินออกห้องไป กลับเข้ามาอีกทีำพร้อมมิดไวฟ์อีก 3 คน คนนึงมาตรวจความดัน คนนึงมาตรวจพุงอีกคนมาคุยด้วย บอกว่าโปรตีนในปัสสาวะเราสูงมาก ความดันก้อสูงต้องส่งไปรพ. King Edward ซึงเป็นรพ.ใหญ่ในเมือง เชี่ยวชาญเฉพาะสตรีและเด็ก ไอ้เราก้อเริ่มใจไม่ดีละ เค้าคงรู้ได้จากสีหน้าเรามั้ง เลยพยายามคุยปลอบใจบอกว่า ที่ต้องส่งไปน่ะเพราะเรายังท้องแค่ 32 วีค เค้าไม่พร้อมหากต้องทำคลอดอายุครรภ์ขนาดนี้ แต่นั่นคือเคสที่ร้ายแรงสุดๆ นะ เราอาจจะไม่ถึงขนาดนั้นก้อได้ ... มิดไวฟ์ที่นี่น่ารักมากก ใจดีสุดๆ แต่ละคน รุสึกเลยว่าเค้าแคร์ความรุสึกเรา จะพูดปลอบใจตลอดเวลา ตอนนั้นบวมมากๆ เค้าเจาะหาเส้นเลือดไม่ได้ ต้องโทรตามหมอมาเจาะให้ โดนเจาะไป 3 รู กว่าจะได้ เข็มใหญ่กว่าเข็มเย็บกระสอบอีกเพราะเป็นเข็มให้ยาลดความดัน (แต่ทนได้เพราะหมอหล่อมากก ฮ่าๆๆ) แล้วก้อโดน...เสียบสายสวนปัสสาวะ เจ็บจี๊ด...หลังจากนั้นก้อเป็นความรุสึกไม่สบายสุดๆ เค้าบอกยาที่ให้เราต้องจำกัดปริมาณของเหลว และต้องคำนวนปริมาณปัสสาวะตลอดเวลา และก้อโดนอีกเข็ม คราวนี้ที่สะโพก เป็นเสตอรอยด์เร่งการพัฒนาของปอดของลูกในครรภ์ เผื่อว่าต้องคลอดอีกนั่นแหละ...เตรียมตัว เจ็บตัวเส็ดก้อโดนหามขึ้นรถพยาบาลตอน 6.30
King Edward Memorial Hospital ตั้งอยุ่ในเมือง Perth ห่างจากเมืองที่ฟ้าอยุ่ไปประมาณ 50 กิโล แต่เพราะไปรถพยาบาลเลยใช่เวลาครึ่งชม.ก้อถึง สามีขับตามไปใช่เวลาชม.กว่าเพราะเป็นช่วงการจราจรติดขัดพอดี ถึงรพ.เค้าก้อส่งตัวขึ้นไปห้อง Birth Suite ฟังดูหรูช่ายมะคะ...หรูจริงๆ นั่นล่ะ มีืทุกอย่างอยุ่ในนั้นเลย ย้ายเตียงเสร็จหมอก้อเข้ามารุม บอกว่าอาการของเรามีวิธีเดียวที่จะรักษาให้หายคือต้องคลอดรก เพราะตอนนี้รกเริ่มเสื่อมทำให้ร่างกายของเราเกิดอาการความดันสูง ซึ่งอันตรายมากสำหรับหญิงตั้งครรภ์ หากปล่อยไว้แล้วชักอาจเสียชีวิตได้ คลอดรกก้อคือคลอดลูกนั่นเอง...ฟังแล้วน้ำตาไหลเลยค่ะ หมอรีบปลอบใหญ่บอกว่าเด็กคลอดก่อนกำหนดที่นี่มีตั้งกะ 23 วีค ลูกเราตั้ง 32 วีคเทียบกะลูกคนอื่นแล้วจ้ำม่ำกว่าเยอะเลย พอสามีมาถึงหมอก้อไปอธิบายให้สามีฟังว่าต้องผ่าคลอดนะ แต่อยากรอให้ถึงวันเสาร์ อยากให้เสตอรอยด์อีกเข็มก่อน แต่เรื่องคลอดธรรมชาติคงไม่ได้แน่นอน เพราะความดันสูงมาก เวลาเบ่งคลอดจะเป็นอันตราย วันนั้นทั้งวันมีมิดไวฟ์ 2 คนดูแลตลอดเวลา ตรวจความดันทุก 20 นาที เจาะเลือดทุก 3 ชม. (ซึ่งทรมาณมากแต่ละที เพราะหมอต้องเจาะหลายครั้งกว่าจะหาเส้นเลือดเจอแต่ละเส้น) มิดไวฟ์ที่นี่น่ารักอีกแล้ว ปลอบเราอยุ่ตลอดเวลา ยิ่งตอนผลอัลตร้าซาวด์ออกมาแล้วปรากฎว่าลูกเราน้ำหนักน้อยไปตั้ง 400 กรัม ทำเอาเราตั้งคำถามกะตัวเอง เราทำอะไรผิด? เค้าก้ออธิบายให้เรารู้สึกดีว่า ไม่ใช่ความผิดของเราหรอก ไอ่โรคนี้มันจะเกิดก่อเกิดหาสาเหตุไม่ได้ (ที่ลูกน้ำหนักน้อยเป็นเพราะรกส่งอาหารไปให้เค้าไม่ได้นั่นเอง) แต่ลูกก้อแข็งแรงดี ดิ้นอยู่ตลอด สะอึกโชว์ด้วย 555+
นอนรออยุ่ในห้องไปจนถึงประมาณทุ่มกว่า หลับไม่ลงเลย ทรมาณกะไอ่สายสวนปัสสาวะเนี่ยด้วยแหละ แล้วก้อโดนเช็คความดันทุก 15 นาที นอนหลับได้ก้อสุดๆ แหละ มิดไวฟ์เปลี่ยนกะไป 2 รอบ คนใหม่เข้ามาแทน แต่ถึงจะเปลี่ยนมิดไวฟ์ใหม่แต่ก่อใจดีเหมือนเดิม แล้วก้อมีหมอผู้หญิงเข้ามา คุณหมอบอกตอนนี้รอผลเลือดอยู่ ยังให้คำตอบอะีไร วางแผนอะไรไม่ได้ คุณเธอก้อออกห้องไป อีก 20 นาทีเข้ามาใหม่ บอกได้ผลเลือดแล้วเราจำเป็นต้องผ่าคลอดในอีก 30 นาที อ้าวเฮ้ย!!! ไหนว่าจะรอจนถึงวันเสาร์ไง ... ความรุสึกตอนนั้นทั้งกลัว เครียด โกรธ หงุดหงิด ไม่เข้าใจ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกะเราด้วย สามีก้อดี๊ด๊าไป ดีใจได้เจอลูกเร็ว ไอ้เรานั่งเงียบ มิดไวฟ์มาฉีดยา เปลี่ยนเสื้อผ้า คุยด้วย แต่ตอนนั้นสมองมันปิดตายไปชั่วคราว บอกตรงๆ ถ้าตอนนั้นไม่มีสายระโยงระยางห้อยอยุ่รอบร่างกายคงอาละวาดแล้ววิ่งหนีไปแล้ว ก่อนเข้าห้องผ่าตัดก้อเป็นห้องดมยา สามีโดนจับแยกไปเตรียมตัวอยุ่อีกห้อง แพทย์วิสัญญีมาคุยด้วยอธิบายว่าต้องทำงั้นทำงี้ ไม่ได้ฟังอีกนั่นแหละ ตอนนั้นไม่ต้องบล๊อกหลังก้อชาแล้วค่ะ จำได้ว่าเค้าคุยเล่นกะเราตลอดเพื่อให้เราผ่อนคลาย แต่เราได้แต่ยิ้มๆ ตอบ มิดไวฟ์ก้อมาถามตลอดเป็นไงมั่ง รุสึกยังไง ความรุสึกกลับมาตอนเค้าจิ้มเข็มเข้าหลังค่ะ จ๊ากกก...หนึ่งที แล้วก้อจ๊ากกก...อีกรอบนึงตอนยาเข้า แล้วเค้าก้อเข็นเราเข้าห้องผ่าตัด ขึ้นเขียง ตอนนั้นกังวลแหละ เพราะไม่เคยมีประสบการณ์บล็อกหลังมาก่อน ไม่รุว่าประสาทสัมผัสเราจะยังอยุ่หมด แค่ไม่เจ็บเ่ท่านั้น โดนจับโดนอะไรมันยังรุสึกตลอดเลยง่ะ แล้วยังงี้เวลาเค้ากรีดไม่เจ็บเหรอฟระ!! หมอกั้นผ้าตรงช่วงอกแล้วเค้าก้อคุยเล่นอะไรกันไม่รุ ช่วงนั้นสามีเข้ามานั่งข้างๆ พอดี ก้อเลยมีเพื่อนคุยเรื่อยเปื่อย ผ่านไปไม่ถึง 15 นาที รู้สึกว่าหมอกดลิ้นปี่ จุกง่ะ อึดอัด...แล้วก้อได้ยินเสียงแง้วๆ เหมือนลูกแมวร้อง อ้าวเฮ้ย....ออกมาแล้ว !! น้ำตามันมาจากไหนไม่รู้ ทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ ดีใจมากกก แบบงงๆ อ่านะ ลูกตัวเล็กมากก แต่ร้องเสียงดัง คราบไขเต็มตัวไปหมดแต่ที่เห็นได้ชัดมาแต่ไกลเลยคือ จมูกค่ะ ... โด่งมาแต่ไกล ฮ่าๆ แต่ก้อไม่ได้แตะลูก เพราะเค้าต้องรีบเอาลูกไปเช็คแล้วหมอต้องเย็บแผลให้เราด้วย สามีก้อลังเลไม่รุว่าจะอยุ่กะเราดีหรือจะตามลูกไปดี ก้อเลยบอกไปอยุ่กะลูกเหอะ ถ่ายรูปมาด้วย อยากเห็น...ผลปรากฎว่าลูกแข็งแรงดี หายใจได้เองไม่ต้องเสียบท่อ น้ำหนักน้อย ตัวเล็กแต่มาบำรุงข้างนอกเอาได้
หมอใช้เวลาเย็บแผลอยุ่ครึ่งชม.ได้ เพราะต้องเย็บหลายชั้น หลังจากนั้นทั้งหมอทั้งมิดไวฟ์ก้อมาแสดงความยินดีกะเราก่อนย้ายไปวอร์ดพิเศษ ใช้เวลา่อยุ่วอร์ดพิเศษ 2 คืน แล้วก้อโดนย้ายไปห้องเดี่ยวอีก 2 คืน เพราะต้องโดนมอนิเตอร์ตลอด ความดันยังไม่ปกติ ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ได้หลับได้นอนดีอีกนั่นแหละ โดนตรวจเลือด ตรวจความดันทุกชม. มิดไวฟ์จะมาถามเรื่องแผลตลอดเวลา อยากได้ยาแก้ปวดไหม เวียนหัวไหม และำพาเราลงไปหาลูกด้วย อ้อ...ได้มีโอกาสลองใช้เครื่องปั๊มนมแบบไฟฟ้าด้วยค่ะ สนุกดี น้ำนมเยอะมาก ลูกออกมาวันที่ 4 ก้อปั๊มนมได้ 2 ออนซ์กว่าแล้ว ฮ่าๆ อย่างที่เคยเล่าให้่ฟังในบล็อกก่อนว่ารพ.ที่นี่เึ้ค้าไม่ให้ญาติเฝ้าน่ะค่ะ สามีเลยต้องลางานไปกลับบ้าน-รพ. ทุกวัน หน้าที่สำคัญของเค้าคือล้างที่ปั๊มนม และลงไปส่งนมให้ลูกที่ห้องเนอสเซอรี่ ตอนนี้กลับมาอยุ่บ้านแล้ว แต่ลูกยังต้องอยุ่เนอสเซอรี่ไปอีกจนกว่าจะครบกำหนดคลอดจริงๆ (ประมาณเดือนครึ่ง) วันพรุ่งนี้จะเข้าไปถอดไหมพร้อมกะเช่าเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าจากรพ.มาด้วย ปั๊มมือมันไม่ทันใจอ่ะ อยากให้ลูกได้กินนมเราเยอะๆ ถึงจะต้องเข้าเมืองไปส่งนมให้ลูกทุกสอง-สามวันแต่มัมมี่ก้อจะสู้นะจ้ะ วันนี้จะไปรับคุณยายที่สนามบินแล้วพรุ่งนี้จะเข้าไปหาหนู รักลูกที่สุดในโลกเล้ยยย William John Gully Born :: 25th August, 2011 Weight :: 1,470 grams Height :: 40 cm. Head measurement :: 29 cm.
Create Date : 30 สิงหาคม 2554 |
|
45 comments |
Last Update : 30 สิงหาคม 2554 10:25:02 น. |
Counter : 10437 Pageviews. |
|
|
|