Free counters!
Group Blog
 
All Blogs
 

รามเกียรติ์บนฝาผนัง

ภาพที่แสดงเป็นตอนๆบนฝาผนัง
ภาพห้องที่๑-๙
ตอนท้าวชนกฤษีทำพิธีขุดนางสีดาแล้วลาพรตพานางสีดากลับเข้าเมืองมิถิลา ป่าประกาศหาคู่ให้นางสีดาไปจนทั่วพระรามยกศรได้และเสร็จการอภิเษกสมรสแล้ว พระรามได้พานางสีดากลับอโธยา ระหว่างได้รบชนะอสูร ได้รับ
การถวายศรจากอสูร
ภาพห้องที่๑๐-๑๓
ตอนกระบือทรพีเกิดในฝูงทรพา เมื่อฆ่าทรพาผู้เป็นพ่อแล้ว ก็กำเริบเสิบสานเที่ยวท้าเทวดาจนกระทั่มาท้ารบกับพญาพาลีและให้ไปรบกันในถ้ำพญาพาลีฆ่าทรพีแล้วโกรธสุครีพจึงขับไล่ออกจากเมืองขีดขิน
ภาพห้องที่๑๔-๒๐
ตอนท้าวทศรถให้ตั้งกระบวนแห่พระรามมาเพื่อราชาภิเษก นางกุจจีค่อมทูลยุยงนางไกยเกษีมเหสีรองขอเอาพระพรตผู้บุตรแทนพระรามเตรียมการบวชเป็นฤษี เพื่อรักษาคำสัตย์ของพระบิดาที่ได้ประทาไว้แก่นางไกยเกษี ท้าวทศรถเสียพระทัยเสด็จสวรรคต เสร็จถวายพระเพลิงแล้วพระพรต พระสตรุดกับสามชนนีตามพระรามกับพระลักษณ์กับนางสีดาออกเดินป่า ล่วงเข้าไปในสวนยักษ์ชื่อ พิราพ
ภาพห้องที่๒๑-๒๔
ตอนยักษ์ชิวหารักษาเมืองลงกา ถูกทศกัณฐ์ข้างด้วยจักรลิ้นขาดตาย นางสำมนักขาเป็นน้องทศกัณฐ์เป็นม่ายไปรังครวาญนางสีดาถูกพระลักษณ์ลงโทษหนีมาฟ้องพญาขร พญาฑูษณ์และตรีเศียรพี่ชายทั้ง๓ต่างออกรบกับพระราม
จนถูกฆ่าตายหมด ทศกัณฐ์ทราบถึงความงามของนางสีดาจึงให้มารีจแปลงเป็นกวางทองมาล่อพระราม และลักพานางสีดาไปเมืองลงกา
ภาพห้องที่๒๕-๒๘
ตอนหนุมานถวายตัวแล้วพาสุครีพมาเฝ้าพระราม และตอนสุครีพกับพญาพาลีรบกัน จนพญาพาลีรู้ว่าเป็นศรพระนาราบณ์จึงยอมตาย พระรามเผาศพแล้วสึกจากฤษี พระลักษณ์มาเตือนกองทัพขีดขิน หนุมานลักท้าวมหาชมพู
พานนำมาเฝ้าพระราม
ภาพห้องที่๒๙-๓๓
ตอนพระรามให้หนุมาน องคต ชมพูพาน ออกสำรวจทางไปลงกาและสืบเรื่องนางสีดา สามทหารพบพญานกสัมพาทีพีนกสดายุและหนุมานฆ่าผีเสื้อสมุทรผู้รักษาด่านทางน้ำเมืองลงกาแล้วเที่ยวค้นหานางสีดา
ภาพห้องที่๓๔-๓๙
ตอนทศกัณฐ์ลงสวนเกี้ยวนางสีดา และนางสีดาผูกคอตายหนุมานเข้าช่วยแก้ไขแล้วทูลถวายแหวนกับผ้าสไบ หนุมานหักสวนแล้วถูกอิทรชิตจับได้ลงโทษต่างๆ หนุมานเผาลงกา ทศกัณฐ์จึงให้เทวดามาสร้างเมืองให้ใหม่ สามทหารกลับมาเฝ้าพระรามๆประทานผ้าสรงแก่หนุมาน
ภาพห้องที่๔๐-๔๓
ตอนทศกัณฐ์ฝันร้ายพิเภกทำนายว่าจะตายหมดทั้งโครตให้ส่งนางสีดาคืน ทศกัณฐ์โกรธขับพิเภกออกจากเมืองลงกานิลนนท์จับพิเภกได้พามาเฝ้าพระรามๆจึงให้ทหารสำแดงฤทธิ์ให้ดู หนุมานจับศุกสารณ์ซึ่งทศกัณฐ์ใช้มาสอดแนมได้ถวายพระราม หนุมานได้ความชอบ ทศกัณฐ์แลงเป็นฤษีชื่อกาลสิทธิมาหลอกให้พระรามยกทัพกลับ
ภาพตอนที่๔๔-๔๕
ตอนทศกัณฐ์สั่งให้นางเบญจกาย บุตรีพิเภกแปลงเป็นนางสีดาทำเป็นตายลอยน้ำไป เพื่ออุบายตัดศึก พระลงสรงน้ำพบศฑก็เข้าใจว่เป็นนางสีดา หนุมานขอพิสูจน์ด้วยการเอาศพไปเผาไฟ นางเบญจกายถูกลงโทษจึงสารภาพความจริง พระรามให้พานางเบญจกายไปส่งยังเมืองลงกา





 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 17:29:12 น.
Counter : 567 Pageviews.  

เลนส์เม้าท์อะไรใช้เล่นแมนนวลดี

เลนส์โดยทั่วไปไม่ว่ายี่ห้อก็ตามมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แสงผ่านได้มากที่สุดและคมที่สุด ทั้งนี้เพื่อเป็นจุดขายให้กับยี่ห้อของตน แต่อย่างไรก็ตามเลนส์ที่ให้ความสว่างมากมักสัมพันธ์กับเส้นผ่าศูนย์ของกระจกที่มาทำเลนส์และเลนส์ที่ดีมักจะแก้ความคราดของสีและความคราดเส้นตรงในทุกมุมมองของเลนส์ ความสดใสของภาพ การขจัดการพร่ามัวเนื่องจากแสงที่ย้อนเข้ามา เลนส์ที่ดีมักมีความสามารถดังกล่าว แต่ความน่าเชื่อถือต่อเลนส์ที่มียี่ห้อเดียวกับกล้องจะดีกว่าแม้ในความเป็นจริงผู้ผลิตอิสระจะสามารถทำคุณภาพไม่แพ้หรือดีกว่าก็ตาม สรุปก็คือจะใช้เลนส์ยี่ห้ออะไรก็ได้ตามความพอใจทั้งด้านความมีชื่อเสียง ด้านกำลังทรัพย์ รวมทั้งรูปลักษณ์ของตัวเลนส์และวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ในท้องตลาดมีกล้องหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งเดิมเป็นกล้องฟิล์มรุ่นแรกมักเป็นเกลียวที่ใช้ข้อต่อเปลี่ยนเลนส์ขนาดต่างๆ เช่น m42 , t-moumt , m39 เป็นต้น ต่อมาก็พัฒนาขึ้นเป็นเขี้ยวเฉพาะยี่ห้อเพื่อจำกัดเฉพาะกลุ่มที่รักยี่ห้อใดๆโดยเฉพาะ ซึ่งตระกูล k ของ pentax จะได้รับความนิยมสูงสุดมีกล้องหลากหลายยี่ห้อใช้เขี้ยวเดียวกับกล้องpentax เลยทำให้มีผู้ผลิตเลนส์ให้กับตระกูลนี้มาก ความนิยมอาจมาจากผลพวงกล้องที่ใช้เกลียวตัว pentax เองก็เป็นผู้นำและนี่คืออนิสงค์ แต่อย่างไรก็ตามทั้ง nikon และ canon ก็เป็นผลิตเลนศ์และกล้องทีมีชื่อเสียงอยู่ในลำดับต้นๆ จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้ผลิตร่วมเทคโนโลยี่ เพราะมีผู้ใช้ที่ยึดมันในคุณภาพของยี่ห้อที่มากพอที่จะยืนอยู่ในตลาดได้ จนมายุคดิจิตอลที่สามารถให้เห็นภาพโดยทันทีที่ถ่ายเสร็จ เลนส์มีการพัฒนาให้มีความคมชัดสูง มีความสามารถในการโฟกัสภาพได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งก็ให้ความสะดวกดีรวมทั้งภาพที่ได้ก็ชัดเจนแจ่มใส เหมาะกับคนที่ต้องการภาพรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องเสียเวลาศึกษากลไกของกล้อง ขนาดของแสงที่เหมาะสม ฯ แต่สำหรับคนที่ใฝ่รู้ทางด้านกล้องหรือผู้ที่คุ้นเคยกับการปรับตั้งกล้องเองความสามารถของกล้องเหล่านั้นเป็นส่วนเกินที่ไม่เหมาะแก่การเรียนรู้หรือความเพลิดเพลินกับจิตนาการเพื่อให้ได้ภาพตามที่ปราถนา นั่นคือการใช้กล้องในลักษณะการปรับตั้งเองตามใจ เลนส์ที่เป็นอัตโนมัติตั้งได้ไม๊ คำตอบคือ ได้ แต่อารมณ์มันต่างกัน การได้ปรับคลิ๊กที่ f-stop มันอารมณ์แมนวลชัดๆ เสียแต่กล้องไม่ทำปุ่ม shutter แบบกล้องฟิล์มมาไม่งั้นอารมณ์ที่ได้จะเต็มรูปแบบเลย ทีนี้เรามาว่ากันเรื่องmount ของ lens manual รุ่นเก่าที่เราจะนำมาใช้กับกล้องดิจิตอล ซึ่งในตลาดกล้อง dslr ในไทยก็มีไม่กี่ยี่ห้อเช่น Nikon Canon Sony Pentax Samsung Fuji Olympus ฯ ซึ่งเลนส์รุ่นเก่าต่างๆสามารถนำมาใช้กับกล้องดังกล่าวได้ บ้างก็ต้องผ่านอแดปเตอร์ความเหมาะเจาะก็ขึ้นกับระยะข้อกำหนดของกล้องแต่ละยี่ห้อซึ่งมีระยะชัดทีจุดโฟกัสจนถึงวัสดุรับแสงที่แตกต่างกันที่เรียกว่า"Register" และเลนส์ที่ใช้กับกล้องยี่ห้อใดที่มี register มากจะสามารถใช้กับกล้องที่มี register น้อยได้อย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ ปรับระยะได้ตั้งแต่ใกล้สุดจนถึงอินฟินิตี้ได้ถูกต้องตามระยะที่ระบุไว้ที่กระบอกเลนส์และคุณภาพที่ได้ก็ไม่สูญเสียเนื่องจากไม่ต้องผ่านชิ้นแก้วที่อแดปเตอร์ ในทางกลับกันกล้องที่มี register มากหากจะใช้เลนส์ทีมี register น้อยจะจะต้องสูญเสียคุณภาพไป เนื่องจากต้องผ่านชิ้นแก้วที่อแดปเตอร์ แล้วที่นี้จะเลือกเลนส์ที่ใช้กับการเล่นแมนนวลก็ต้องเลือกเอาที่มี register ที่มากเอาไว้ก่อนเพื่อคุณภาพมาดูว่าเลนส์เมาท์ในตลาดเมืองไทยมีอะไรบ้างก็มี Nikon Canon Pentax Sony Olympus ที่มีให้เห็นกันอย่างชัดเจน แล้วก็ register ตามลำดับดังนี้ 46.5 , 42 , 45.46 , 44.6 , 46 ส่วน M42 นั้น 45.46 จะเห็นได้ว่า เลนส์ที่มี register ที่มากสามารถหาท่อมาต่อเพิ่มความยาของกระบอกเลนส์ได้ง่ายกว่า ค่า register น้อยที่ต้องตัดกระบอกเลนส์ให้สั้นหรือไม่ต้องตัดกระบอกเลนส์ก็ต้องใช้ชิ้นเลนส์ไว้ที่อแดปเตอร์ซึ่งจะทำให้คุณภาพที่เสียไปส่วน register ของกล้องที่เปลี่ยนไปก็ Canon จากFD=42 เป็นEOS=44 ส่วน Olympus จาก 46 เป็นระบบ4:3 มีระยะ register ที่ 38.58 ข้อดีของตัวกล้องที่มีระยะ register น้อยคือสามารถรองรับการใช้เลนส์ต่างยี่ห้อได้กว้างกว่าแต่มีข้อแม้ว่า"กล้องใดที่มีตัวคูณมากจะถ่ายภาพแบบมุมกว้างได้น้อยกว่ากล้องที่มีตัวคูณน้อย" ทีนี้คงพอจะมองออกว่าควรจะเลือกเลนส์อะไรเพื่อใช้กับการถ่ายแบบแมนนวล คำตอบคงไม่พ้น Nikon ใช่ม๊ะ




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2553 10:52:57 น.
Counter : 540 Pageviews.  

รู้เรื่องรามเกียรติบนผนังรอบโบสถ์พระแก้วฯ

เพื่อให้การดูชมจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติได้อย่างมีอรรถรส ควรจะรู้เรื่องราวความเป็นมาของภาพในแต่ละห้องซึ่งแสดงถึงเหตุการณ์ต่างๆในการดำเนินเรื่อง มาเริ่มดูกัน
ต้นเรื่องของรามเกียรติ์ บนผนังประตูฉนวนทิศใต้ด้านขวาพระอุโบสถ มีอสูรตนหนึ่งชื่อนนทุกมีหน้าที่คอยล้างเท้าเทวดากับนางฟ้าที่จะเข้าเฝ้าพระอิศวรอยู่ ณ.เชิงเขาไกรลาส มาเป็นเวลาช้านาน มักถูกเทวดาและนางฟ้าหยอกล้อด้วยการเขย่าศีรษะเล่นเป็นประจำจนผมร่วงศีรษะล้านเลี่ยน นนทุกมีความ
แค้นใจมาก จึงไปขอพรจากพระอิศวร ขอให้นิ้วเป็นเพชรมีฤทธิ์ชี้ผู้ใดให้ตายได้ทันที พระอิศวรไม่ทราบสาเหตุก็ประทานให้ไป นนทุกจึงใช้นิ้ววิเศษชี้เทวดานางฟ้าล้มตายลงมาก จนไม่มีใครกล้าเข้าเฝ้าพระอิศวร จึงพากันไปร้องทุกข์ต่อพระนารายณ์ให้ช่วยปราบนนทุก เพราะแม้แต่พระอิศวรก็ไม่กล้าทำอะไรแก่นนทุกพระนารายณ์จึงทรงแปลงร่างเป็นสาวงามชื่อสุบรรณอัปสร ลวงล่อให้นนทุกลุ่มหลง ชวนฟ้อนรำดยให้รำตามนาง พอได้โอกาสนางแปลงก็เอานิ้วชี้เข้าตัว นนทุกกำลังเพลินก็ทำตาม เป็นเหตุให้ล้มลง นางแปรงก็กลับเป็นพระนารายณ์ขึ้นเหยียบอกนนทุกไว้ พลางเงื้อพระแสงตรีจะฆ่าเสีย นนทุกเห็นดังนั้นก็ตกใจและเจ็บใจที่เสียรู้ จึงกล่าวคำท้าให้สู้กัน
ซึ่งหน้า พระนารายณ์จึงตรัสท้าให้นนทุกไปเกิดใหม่ในโลกมนุษย์ ให้มีสิบหน้ายี่สิบมือเรืองฤทธานุภาพ ส่วนพระองค์จะอวตารตามลงไป มีสองมือจะปราบให้ได้ แล้วตัดเศียรนนทุกด้วยพระแสงตรีนนทุกได้กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นทศกัณฐ์พญายักษ์ครองเมืองลงกา ได้มาลักนางสีดาไปไว้ในสวนขวัญ ส่วนพระนารายณ์แบ่งภาคอวตารลงมาเป็นพระรามวีระกษัตริย์ผู้ทรงเกียรติแห่งกรุงอโยธยา ผู้สามีได้ติดตามทำศึกสงคราม
ขับเคี่ยวกันเพื่อชิงนางสีดาคืน

ยังมีต่อ




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2553 14:39:18 น.
Counter : 264 Pageviews.  

Flash Manual

วันนี้มาคุยเรื่องแฟลชที่ให้แสงสว่างแทนแสงอาทิตย์กัน ในบรรดาแสงเทียมธรรมชาติที่เล็กกระทัดรัดและราคาถูกเมื่อเทียบกับต้นกำเนิดแสงเทียมทั้งหลาย และแสงแฟลชยังมีข้อได้เปรียบเรื่องอุณหภูมิ
ของแสงใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์ตอนเที่ยงคือประมาณ๕๕๐๐องศาเคลวิล และค่าความสว่างของแฟลชสัมพันธ์กับระยะทางคูณกับขนาดของหน้กล้อง ซึ่งเรียกว่า Guide Number เป็นตัวบอกความสามารถในการส่องสว่างโดยแต่ละตัวของแฟลชแต่ละรุ่นจะต้องระบุค่าGuide Numberเสมอไม่ว่าแฟลชอัตโนมัติหรือแบบแมนนวล ในที่นี้เราจะกล่าวถึงแฟลชระบบแมนนวลเท่านั้นเพื่อให้เข้าใจความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพเพื่อเป็นพื้นฐานในการใช้แฟลช มาดูว่าGuide Numberให้ประโยชน์อะไรแก่เรา มันบอกความสัมพันธ์ระหว่างรูหน้ากล้องที่ใช้กับระยะทางที่ถ่ายภาพแล้วได้แสงพอดี เขียนเป็นสูตรง่ายๆดังนี้ GN=A x L นั่นคือ GN=Guide Number , A=ขนาดรูรับแสง , L=ระยะทางของวัตถุที่ต้องการถ่าย
ตัวอย่าง แฟลชตัวหนึ่งมีGN=10 ต้องการถ่ายแบบที่ระยะ ๕ เมตร จะต้องเปิดรูหน้ากล้องเท่าใด
วิธีทำ A=GN/L จะได้ ๑๐/๕ = ๒ เพราะฉนั้นต้องเปิดรูรับแสงเท่า F2
ค่าGNนี้มีค่าแตกต่างตามค่าของASAของฟิล์มหรือความไวเซ็นเซอร์ที่เราตั้งไว้
สมมุติว่า แฟลชบอกค่า GN=10 ที่ASA100 ถ้าเราใช้ฟิล์ม๒๐๐ ค่าGNของแฟลชจะเปลี่ยนไปเป็น๒๐ทันที ที่เปลี่ยนเพราะว่าเราฟิล์มที่ไวแสงขึ้นสามารถรับแสงที่น้อยกว่าได้ดีขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าเราใช้ฟิล์ม๕๐ ค่าของGNก็จะลดลงเหลือ ๕ เท่านั้น ระยะที่ใช้ถ่ายก็จะเปลี่ยนไปหรือขนาดหน้ากล้องก็จะเปลี่ยนไป
มาดูตัวอย่างเดิมแต่เป็นASA200 ที่ระยะถ่ายเท่าเดิมจะต้องใช้รูรับแสง A=20/5 เท่ากับ F4
ทีนี้มาดูที่ASA50บ้าง จะต้องใช้รูรับแสงเท่าใด A=5/5 เท่ากับ F1.0
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าค่าGNมีความสัมพันธ์กับความไวแสงของฟิล์มอย่างมีนัยสำคัญ และค่าGNยิ่งมาก แสดงถึงความสามารถที่จะถ่ายภาพที่ASAต่ำๆซึ่งให้ความคมชัดได้สูงเกรนละเอียดหรือนอส์ยต่ำได้ดีหรือ
สามารถถ่ายวัตถุได้ไกลกว่า




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2553 3:17:54 น.
Counter : 425 Pageviews.  

ถ่ายระบบแมนนวลแสนสนุก

กล้องDSLRเกือบทุกตัวในปัจจุบันจะมีระบบมากมายให้เลือกใช้เพิ่มเติมจากกล้องฟิล์มก็ระบบWBซึ่งในกล้องฟิล์มจะต้องใช้ฟิลเตอร์แก้กันตามชนิดของแสง ระบบวัดแสงที่มีในกล้องดิจิตอลก็มีให้เลือกวัดได้หลายแบบ มีถ่ายวิดีโอได้ด้วย การเลือกตั้งค่าความไวแสงASAได้ตามใจชอบ ในขณะที่กล้องฟิล์มจะต้องพกฟิล์มหลายๆขนาดASAตามสภาพแสงที่ต้องการถ่าย ฯ ยังมีอีกเยอะที่เป็นข้อได้เปรียบของกล้องดิจิตอลยิ่งรุ่นใหม่ความสามารถก็ยิ่งมีมากเป็นการพัฒนาเพื่อไล่รุ่นเก่าออกจากตลาดเป็นทั้งการพัฒนาการทางเทคโนโลยี่และผลทางการค้าควบคู่กันไป ซึ่งก็เป็นผลดีแก่คนใช้ที่ได้ของที่มีประโยชน์ใช้สอยสูงในราคาที่จูงใจ ในที่นี้เราจะไม่สนใจส่วนที่ให้มามากมายเกินกว่าการถ่ายภาพโดยใช้ความรู้การถ่ายภาพด้วยความสามารถจากคนเป็นผู้กำหนดขนาดรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ส่วนกล้องทำหน้าที่บันทึกภาพไปเหมือนกับกล้องฟิล์มที่เคยปฎิบัติกัน เป็นความสนุกที่ได้ใช้ความรู้เกี่ยวกับการถ่ายภาพมาใช้งานและสามารถเห็นผลได้จากการตรวจภาพจากreviewเป็นตัวเช็ค ความรู้ในการถ่ายหลักๆที่ต้องการใช้ก็คือเรื่องขนาดของแสงกับขนาดของรูรับแสงร่วมกับความไวแสงของตัวรับแสง ซึ่งมักเป็ปัญหากับมือใหม่หรือผู้ที่ชอบถ่ายภาพแบบระบบอัตโนมัติ แล้วการกำหนดขนาดรูหน้ากล้องกับขนาดความเร็วจะรู้ได้อย่างไรหลายคนคงอยากจะรู้ ที่จริงแล้วผู้ผลิตสินค้ามักต้องการให้ใช้สินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อความพอใจสุดๆเช่นกันกล่องฟิล์มที่บรรจุฟิล์มจึงมักพิมพ์ค่าการตั้งล้องไว้เสมอ ซึ่งเป็นค่าอ้างอิงซึ่งเราอาจอาจดัดแปลงไปใช้ค่าอื่นๆที่ให้ผลเมื่อถ่ายภาพแล้วจะไม่อันเดอร์หรือโอเวอร์เกินไป พูดไปอาจจะงงขอยกตัวอย่างกล่องฟิล์มASA100ที่ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆ กำหนดให้ใช้F=8 ,speed=1/250(ดุจากข้อเขียนหัวข้อsunny 16) เราต้องการถ่ายคนซึ่งต้องการความชัดที่ตัวแบบเท่านั้น หากใช้ตามคำแนะนำความชัดของวัตถุด้นหลังภาพที่ไม่ต้องการก็จะติดมาเป็นการแย่งความสนใจของภาพทำให้แบบไม่เด่น ก็ต้องใช้Fให้ต่ำลงเช่นF4หรือF2.8เพื่อลดความชัดหรือละลายฉากหลังเพื่อเน้นแบบให้เด่นขึ้น(ซึ่งยังมีวิธีการอีกมากนอกจากวิธีดังกล่าว)สมมุติว่าใช้F2.8แล้วความเร็วชัตเตอร์จะเท่าไร ลองไล่ว่าจาก2.8 , 4 , 5.6 , 8 จะห่างกัน 3 stop ฉะนั้นเมื่อเพิ่มความกว้างของรูหน้ากล้องก็ต้องเพิ่มความเร็วลง 3 stopเช่นกันคือ 1/250 , 1/500 , 1/1000 ,1/2000 นั่นคือความเร็วชัตเตอร์ที่ใช้คือ 1/2000 นั่นคือรูหน้ากล้องและความเร็วชัตเตอร์คู่ใหม่คือ F2.8กับspeed=1/2000 และความเร็วชัตเตอร์สูงๆยังสามารถหยุดสิ่งที่เคลื่อนไหวเร็วๆได้ดีด้วย เช่นรถยนต์วิ่ง ม้าแข่ง นักบาสเก็ตบอล ฟุตบอลฯ ทีนี้มาดูว่าถ้าเราต้องการถ่ายวิวที่ต้องการความคมชัดมากก็ต้องใช้Fสูงๆเช่นF16หรือF22 สมมุติว่าใช้F22 จะใช้speedเท่าไรมาลองไล่ดู F8 , F11 , F16 , F22 จะพบว่ารูหน้ากล้องแคบลง 3 stop เราก็ต้องลดความเร็วลง 3 stop เช่นกัน 1/250 , 1/125 , 1/60 , 1/30 นั่นคือต้องใช้speed=1/30 ฉนั้นคู่สัมพันธ์ใหม่คืฮF22และspeed=1/30 นี่เป็นตัวอย่างเล็กน้อยที่เป็นพื้นฐานในการถ่ายภาพเพื่อ
ให้ได้ภาพที่รับแสงขนาดพอดี ส่วนเรื่องถ่ายภาพอย่างไรให้สวยงาม บางครั้งเป็นเรื่องความชอบส่วนตัว แต่ที่หนีไม่พ้นก็หลักการทางศิลป์ที่ว่าด้วย หลักการของสี หลักของมิติของภาพ ฯ นอกจากนี้ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆเพื่อ
หลุดพ้นจากกฎเกณฑ์เก่าๆซึ่งอาจซ้ำซากจำเจสำหรับบางคนและต้องแสวงหาอะไรที่แปลกใหม่เพื่อการพัฒนาซึ่งอาจเป็นที่ยอมรับหรืออาจไม่มีใครยอมรับก็ได้ ทุกสิ่งในโลกย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอๆจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 10 พฤษภาคม 2553 12:45:03 น.
Counter : 372 Pageviews.  

1  2  3  4  

ไอร้อนแรง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กลิ่นปากแรง-ปากเหม็น
Free Image Hosting



จำนวนเข้าชม
ทุก blog รวม หน้า


Google


: Users Online
Friends' blogs
[Add ไอร้อนแรง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.