Group Blog
 
All blogs
 

น้ำแข็งกับนาฬิกาทราย


นานมาแล้ว โลกเป็นเพียงวัตถุทรงกลมเรียบ ๆ เปล่า ๆ ไม่มีอะไรอยู่เลย
นอกจากน้ำแข็งก้อนใหญ่ กับ นาฬิกาทรายเรือนยักษ์ที่มีปลายเปิด สามารถปล่อยทรายออกได้อย่างเดียว
น้ำแข็งกับนาฬิกาทรายเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็กร่วมทุกข์ร่วมสุข จนทั้งคู่เติบใหญ่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว
ความงดงามของน้ำแข็งทำให้นาฬิกาทราย แอบชื่นชมหลงใหล แต่ทุกครั้งที่พยายามแสดงความสนิทสนมใกล้ชิด
ความเย็นชาจากน้ำแข็งก็ทำให้นาฬิกาทรายต้องผิดหวังทุกทีไป
วันหนึ่งนาฬิกาทรายทะเลาะกับน้ำแข็งอย่างรุนแรงถึงขั้นแตกหัก นาฬิกา ทราย ร้องไห้เสียใจ
หนีไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่านาฬิกาทราย กับน้ำแข็งก็ยังไม่คืนดีกัน ต่างคนต่างอยู่คนละซีกโลก
จนมาวันหนึ่งเกิดแผ่น ดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้โลกจะต้องแตกออกเป็นสองส่วน น้ำแข็งรู้ดีว่าถ้าโลกแตกเป็นสองส่วนแล้ว
ก็คงไม่ได้เจอกับนาฬิกาทรายตลอดกาล แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่ น้ำแข็ง จึงเลือกที่จะอยู่นิ่งๆแทนที่จะออกตามหานาฬิกาทราย
ดวงจันทร์โคจรผ่านมา น้ำแข็งจึงถามว่าอีกซีกโลกเป็นอย่างไรบ้าง ดวงจันทร์บอกว่า นาฬิกาทรายกลับมาไม่ทัน เพราะโลกกำลังจะแยก
จึงปล่อยทรายออกมาปกคลุมรอยแตกของโลก เพื่อยึดไว้ไม่ให้แยกออกจากกันโดยหวังว่าจะได้กลับมาพบน้ำแข็งอีก ทันทีที่รู้
น้ำแข็งก็รีบออกตามหานาฬิกาทราย...... สายเกินไป ทรายกำลังจะหมดจากตัวนาฬิกาแล้วเมื่อน้ำแข็งมาถึงก็ได้ยินเพียงคำพูดสุดท้าย
จากปากของนาฬิกาทราย "ฉันรักเธอ" ความเย็นชาที่มีในตัวน้ำแข็ง หมดลง ทันที
น้ำแข็งจึง เริ่มละลาย
ในขณะที่ทรายเม็ดสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นดิน น้ำแข็งกลายเป็นน้ำทะเลที่อ่อนโยนคอยโอบอุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์ อยู่คู่กันมาจนทุกวันนี้




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2551 15:23:39 น.
Counter : 268 Pageviews.  

เด็กน้อยกับสุนัขพิการ

เด็กน้อยกับสุนัขพิการ
เจ้าของร้านตอกป้ายติดไว้เหนือประตู มีข้อความว่า มีลูกสุนัขขาย
นี่เป็นวิธีดึงดูดเด็กเล็ก ๆ ได้อย่างดี
เด็กผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวใต้ป้ายแผ่นนั้น และถามว่า
ลูกหมาที่ขายราคาเท่าไรครับ
" มีหลายราคา ตั้งแต่ 30 ไปจนถึง 50 เหรียญ " เจ้าของร้านตอบ
หนูน้อยล้วงเข้าไปในกระเป๋าและควักสตางค์ออกมา
ผมมีอยู่ 2 เหรียญกว่าเอง ขอผมดูพวกมันหน่อยได้ไหมครับ
จ้าของร้านยิ้มแล้วผิวปาก
เจ้าเลดี้วิ่งออกมาจากเฉลียงข้างร้านพร้อมกับลูกสุนัขขนฟูอีก 5 ตัว
หนึ่งในนั้นเดินตามมาช้า ๆ หนูน้อยสนใจลูกหมาตัวนี้ทันที
เห็นได้ชัดว่ามันเดินลากขาเหมือนเป็นหมาพิการ
" หมาตัวเล็ก ๆ นั่นเป็นอะไรครับ "
เจ้าของร้านบอกว่าสัตวแพทย์ตรวจตรวจเจ้าลูกหมาตัวนี้แล้วพบว่า
มันไม่มีสะโพก มันจะต้องเดินขากะเผลก และจะพิการไปตลอดชีวิต
เด็กชายตื่นเต้นขึ้นมาทันที " ผมขอซื้อลูกหมาตัวนี้ได้ไหมฮะ "
เจ้าของร้านตอบว่า " อย่าเลย หนูคงไม่อยากได้ลูกหมาตัวนี้หรอก
แต่ถ้าหนูอยากได้จริง ๆ ล่ะก็ ฉันจะยกให้ "
หนูน้อยเริ่มไม่พอใจ เขาจ้องหน้าเจ้าของร้านพร้อมกับชี้นิ้วพูดว่า
" ผมไม่ต้องการให้คุณยกมันให้ผมฟรี ๆ
หมาตัวนี้มีค่ามากเท่ากับตัวอื่น ๆ ทั้งหมด
และผมก็จะจ่ายให้คุณเต็มราคาด้วย แต่ผมจะให้คุณไปก่อน 2 เหรียญ
และจะผ่อนให้เดือนละ 50 เซ็นต์จนกว่าจะครบ "
เจ้าของร้านยังค้านอีกว่า
" หนูไม่อยากได้ลูกหมาตัวนี้หรอก มันวิ่งไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้
และเล่นกับหนูเหมือนกับลูกหมาตัวอื่น ๆ ก็ไม่ได้ "

ถึงตอนนี้ หนูน้อยจึงนั่งลงและถกขากางเกงให้เจ้าของร้านเห็น
ขาข้างซ้ายที่ลีบเล็ก และมีเหล็กแท่งใหญ่พยุงเอาไว้
เขาเงยหน้ามองเจ้าของร้านและพูดนุ่ม ๆ ว่า
" นี่ไงครับ ผมเองก็วิ่งไม่ได้เหมือนกัน
และลูกหมาตัวนี้ก็คงต้องการใครสักคนที่เข้าใจมัน "




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2551 13:45:51 น.
Counter : 306 Pageviews.  

เม็ดทรายกับไม้ถูพื้น

เม็ดทรายกับไม้ถูพื้น
ไม้ถูพื้นหนุ่มอันหนึ่ง ถูกไล่ออกจากบ้านของเจ้าของเก่า เพราะพวกเขาได้ซื้อเจ้าเครื่องดูดฝุ่นมาเป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลความสะอาดแทนมัน
มันเสียใจมาก ออกเดินทางไปเรื่อย จนถึงบ้านของนางฟ้าผู้หนึ่ง
นางฟ้าเห็นมันเข้าจึงได้ถามขึ้นว่า "เจ้าจะเดินทางไปไหนหรือ เจ้าไม้ถูพื้น"
"ข้าหมดประโยชน์แล้ว ข้าทำงานได้ไม่ดีเท่าเครื่องดูดฝุ่น ไม่มีใครต้องการข้าอีก ข้าจะไม่อยู่ที่หมู่บ้านนี้แล้ว"
นางฟ้าได้ฟังก็รู้สึกสงสาร และคิดที่จะช่วยเหลือไม้ถูพื้นหนุ่ม จึงได้เอ่ยปากออกไปว่า
"เจ้าไม่ต้องเสียใจไปหรอก มาอยู่กับข้าก็ได้ ข้าจะมอบหมายงานให้เจ้าทำเอง"
"จริงๆหรือ ท่านเป็นนางฟ้าผู้ใจดีจริงๆ ข้าอยากกลับไปทำงานเป็นผู้ดูแลความสะอาดเหมือนเดิม" ไม้ถูพื้นหนุ่มกล่าวด้วยความยินดี
"ข้าจะมอบหมายให้เจ้าเป็นผู้ดูแลความสะอาดพื้นบ้านของข้า ให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา หากเจ้าหยุดทำงานเมื่อไหร่ ข้าจะเสกให้เจ้ากลายเป็นเศษไม้ในทันที"
ไม้ถูพื้นหนุ่มได้ยินดังนั้นก็รีบรับคำโดยไม่ลังเล "ขอรับ ข้าจะทำงานมิให้ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียว"
พื้นบ้านของนางฟ้าไม่ได้มีเศษขยะและฝุ่นละอองมากมายเช่นบ้านเจ้าของเก่าของมัน จะมีก็แต่เหล่าเม็ดทรายเม็ดเล็กๆ ที่ชอบเข้ามาวิ่งเล่นภายในบ้านเป็นประจำ
สร้างความรำคาญใจให้กับเจ้าไม้ถูพื้นหนุ่มอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเม็ดทรายเหล่านั้นทำให้พื้นบ้านสกปรกอยู่ตลอดเวลา
หากแต่เจ้าไม้ถูพื้นก็ยังไม่ย่อท้อ ยังคงตั้งใจทำงานของมันอย่างขยันขันแข็ง วิ่งไล่กวดเม็ดทรายเล็กๆเหล่านั้นให้ออกจากบ้านจนครบทุกเม็ด และทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน
วันหนึ่ง เจ้าไม้ถูพื้นได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเม็ดทรายเม็ดหนึ่ง เม็ดทรายเม็ดนี้เป็นเม็ดทรายที่ร่าเริง แต่บางคราวก็ดื้อรั้น ไม่ยอมเชื่อฟังใครง่ายๆ
หล่อนเพิ่งเข้ามาในบ้านของนางฟ้าเป็นครั้งแรกตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆว่ามีไม้ถูพื้นหนุ่มมาเป็นผู้ดูแลบ้านคนใหม่ หลังจากที่ไม้ถูพื้นอันเก่าของนางฟ้าได้ถูกเสกให้กลายเป็นเศษไม้ไป เนื่องจากนิสัยเกียจคร้าน
หล่อนจึงอยากมาดูให้เห็นด้วยตาตัวเองและอยากทำความรู้จักกับไม้ถูพื้นเจ้าระเบียบผู้นี้สักหน่อย
"นั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ" ไม้ถูพื้นหนุ่มว่า ขณะที่เม็ดทรายสาวกำลังเที่ยวเล่นในบ้านไปทั่วอย่างสบายอารมณ์
"เจ้านี่เองหรอ ไม้ถูพื้นอันใหม่ของนางฟ้า ยินดีที่ได้รู้จักนะ" เจ้าเม็ดทรายตอบกลับไป ด้วยนิสัยที่ชอบผูกมิตรกับทุกคนอยู่แล้ว
"ข้ามีหน้าที่ดูแลความสะอาดของบ้านหลังนี้ และขับไล่พวกเจ้าออกไป" ไม้ถูพื้นหนุ่มกล่าวพลางขยับตัวเข้าไปหมายจะเขี่ยเม็ดทรายเล็กๆเม็ดนั้นให้กระเด็นออกไปให้ไกลที่สุด
"เจ้าไม้ถูพื้นทุเรศ ข้าแค่อยากจะมาเห็นหน้าเจ้า เผื่อเราจะเป็นเพื่อนกันได้ก็เท่านั้น แต่เจ้ากลับทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน"
ไม้ถูพื้นหนุ่มได้ยินเช่นนั้ก็ตกใจเป็นอันมาก เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่เคยมีเม็ดทรายเม็ดไหนที่คิดเห็นกับเขาเช่นนี้มาก่อน นอกจากจะคิดเป็นศัตรูกันเท่านั้น
หากแต่ในใจก็ยังไม่คิดที่จะไว้วางใจอะไรง่ายๆ เพราะความผิดหวังจากเจ้าของเก่า ยังคงคอยตอกย้ำจิตใจ ไม่ให้มันไว้วางใจใครได้อีก
เจ้าไม้ถูพื้นหนุ่มจึงแสร้งทำหยิ่งยโส และไม่ใส่ใจกับคำพูดของเม็ดทรายสาว พร้อมทั้งยังก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
เม็ดทรายสาวแค้นใจในความหยิ่งยโสของไม้ถูพื้นหนุ่มผู้นี้ยิ่งนัก หล่อนจะต้องสั่งสอนเจ้าไม้ถูพื้นให้สำนึกให้จงได้
วันรุ่งขึ้น หล่อนได้เข้าไปเดินเล่นในบ้านนั้นอีก แม้ว่าเหล่าเพื่อนพ้องของหล่อนจะต่างพากันหน่ายหนีกันไปทีละเม็ดสองเม็ด ด้วยทนนิสัยของเจ้าไม้ถูพื้นผู้นี้มิได้
จนวันหนึ่ง เพื่อนของหล่อนก็ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปในบ้านของนางฟ้าอีก คงเหลือแต่หล่อนเพียงผู้เดียวที่ยังคงวนเวียนเข้าออกให้เจ้าไม้ถูพื้นได้มีงานทำอยู่ทุกวัน และแทบจะทุกเวลา
จนเจ้าไม้ถูพื้นอดสงสัยในการกระทำของหล่อนไม่ได้ จึงได้เอ่ยถามขึ้นว่า "ทำไมเจ้าถึงยังจะดันทุรังเข้ามาในบ้านหลังนี้อยู่ได้ เจ้าเม็ดทรายไร้ค่า เจ้าจงไปที่อื่นตามเพื่อนของเจ้าได้แล้ว ข้าไม่อยากจะมายุ่งวุ่นวายเพราะเจ้านักหรอกนะ"
"เจ้านี่ช่างไม่เห็นความสำคัญของคนอื่นเลยจริงๆนะ เจ้าไม้ถูพื้น การที่เจ้าได้มีงานทำอยู่ทุกวันนี้มิใช่เพราะข้าหรอกหรือ นี่หากข้าไม่เข้ามาที่บ้านนี้ทุกวัน ป่านนี้เจ้าคงจะกลายเป็นเศษไม้ไปแล้วเป็นแน่แท้"
เจ้าไม้ถูพื้นได้ฟังคำพูดของเม็ดทรายก็ยิ่งฉงน เพราะลืมคิดถึงข้อตกลงที่ได้ให้กับนางฟ้าเอาไว้ ว่าหากมันหยุดทำงานเมื่อไร มันก็จะถูกเสกให้กลายเป็นเศษไม้ในทันที
แต่ความรั้นในสมองก็ยังสั่งให้มันพูดออกไปว่า "ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเม็ดทรายไร้ค่าอย่างเจ้าหรอก ถึงไม่มีพวกเจ้า ข้าก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอันใดเลย"
"ตรองดูเถิด เจ้ากล่าวหาว่าคนอื่นไร้ค่า แล้วตัวเจ้าล่ะ หากมิได้ทำหน้าที่ถูพื้นแล้ว
เจ้าจะยังมีค่าอันใดอีกเล่า ข้าเองหากมิได้มัวเที่ยวเล่นอยู่เช่นนี้ ข้าคงได้ไปยู่ในแก้วเจียระไนเฉกเช่นเพื่อนอีกนับแสนของข้าไปแล้ว
หากแต่นี่ข้ามัวแต่เป็นห่วงว่าเพื่อนที่ไม่เคยเห็นข้าเป็นเพื่อนอย่างเจ้าจะต้องกลายเป็นเศษไม้
ไปอย่างเจ้าไม้ถูพื้นอวดดีอันเก่า ข้าจึงได้มาให้เจ้ารำคาญใจอยู่เช่นนี้ จงทำใจให้สบายเถิด ต่อไปข้าจะไม่ก้าวก่ายชีวิตเจ้าอีก
หากเจ้าต้องการเป็นเพียงเศษไม้แล้วไซร้ ข้าก็คงจะไม่มีอำนาจใดไปห้ามได้ ลาก่อน เจ้าไม้ถูพื้นที่มิเคยเห็นคุณค่าของข้า"
พูดได้ดังนั้นแล้วเจ้าเม็ดทรายก็หันหลังจากไป ทิ้งให้เจ้าไม้ถูพื้นได้ไตร่ตรองถึงประโยคอันยาวเหยียดที่มันได้ทิ้งเอาไว้ให้
แต่กว่าที่เจ้าไม้ถูพื้นจะคิดได้และร้องเรียกเจ้าเม็ดทรายให้กลับมาหาตนนั้นก็สายไปเสียแล้ว เจ้าเม็ดทรายหายไปจนลับตาทิ้งไว้เพียงบทเรียนอันเจ็บปวด ซึ่งแม้เจ้าไม้ถูพื้นจะคิดได้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว
เพราะไม่ว่าจะร้องเรียกสักเท่าใด เจ้าเม็ดทรายก็ไม่หวนคืนมาอีก แล้วคุณล่ะ เคยดูถูกเม็ดทรายเม็ดเล็กๆเหล่านั้นบ้างหรือไม่ ชีวิตคนเราก็เปรียบกับการต้องเอาไม้ถูพื้นไล่ถูทำความสะอาดเม็ดทรายหรืออุปสรรคในชีวิตออกไปทุกวัน
หลายคนรำคาญ และบ่นว่าเม็ดทรายเหล่านั้น หากแต่ลืมคิดไปว่า หากไร้ซึ่งเม็ดทรายเหล่านั้น ก็จะไร้ซึ่งบททดสอบที่จะทำห้ชีวิตประสบความสำเร็จต่อไปได้
จงจำไว้ว่า ไม่มีพื้นบ้านของใครที่สะอาดเอี่ยมอ่องตลอดไปหรอก จงหันกลับไปขอโทษเจ้า"เม็ดทราย"เสียเถิด.. "เจ้าไม้ถูพื้นน้อย" ก่อนที่ชีวิตเจ้าจะถูกสาปให้กลายเป็นเพียง"เศษไม้ไร้ค่า"




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2551 13:44:32 น.
Counter : 300 Pageviews.  

1  2  3  

kamahltew
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









***********************************************

คำคมประจำวัน


คุณถาพยังคงเป็นที่จดจำกันได้อีกนาน
หลังจากที่ลืมราคากันไปแล้ว

***********************************************
Friends' blogs
[Add kamahltew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.