Korea Trip Diary: Day 1- 2 (W Hotel Seoul, Yeoju Premium Outlet, etc) ทริปไดอารี่ ตะลุยเกาหลีมาแล้วจ้า…. บล๊อกนี้จะเล่าในส่วนของวันที่ 1 และ 2 นะคะ ซึ่งสถานที่เด่นๆก็คือ W Hotel Seoul โรงแรมสุดหรูบนเขา และในวันที่  2 เราก็ไปตะลุยช้อปปิ้งกันจ้า ทริปนี้ต้องขอขอบคุณทาง Bisous Bisous มากๆเลยค่ะ ที่พาไปกินเที่ยวช้อปกันแบบสุดๆ จุดประสงค์หลักของทริปคือ การเข้าร่วมงานเปิดตัวคอเลคชั่นใหม่ “Pink Martini” ซึ่งเราจะเล่าในบล๊อกถัดไปนะคะ [Continue reading →]   Create Date : 13 พฤศจิกายน 2555     Last Update : 13 พฤศจิกายน 2555 16:54:55 น. Counter : 4268 Pageviews.   Share Tweet

Kirari in Korea > Day 2 : Shop 'n Pop! at Garosugil ย่านแฟชั่นสุดชิค สำหรับวันที่ 2 ของทริปสีชมพูกับ ETUDE วันนี้ช่วงเช้าเราไปเยือนย่านฮิปของที่เกาหลี นั่นคือ Garosugil Street ที่ย่าน Shisa-dong ค่ะ ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยช้อปน่าช้อปไปเสียทุกร้าน Garosugil เป็นภาษาเกาหลีที่หมายถึง ถนนที่เต็มไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ ต้นไม้สองข้างเลยล่ะ เป็นต้น Ginkgo หรือต้นแปะก๊วยค่ะ ถ้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคงสวยน่าดูเลยล่ะ โรแมนติกกกก ช็อปที่สองข้างถนนนี้จะเป็นแนว Gallery และค่อนข้างยูนิค มีสไตล์ ราคาสูงพอควร ถนนเส้นนี้ไม่ยาวค่ะ ไม่ถึงกิโลเลยล่ะ แต่เดินได้เป็นวันๆ มันน่าเข้าไปหมดจริงๆ นอกจากมีร้านเสื้อผ้า รองเืท้า กระเป๋า เก๋ๆแล้ว ก็ยังมีร้านคาเฟ่น่ารักๆ หรือ ร้านคาเฟ่ทั่วไปแต่พอมาเปิดที่นี่ก็ตกแต่งในสไตล์อาร์ททำให้น่าเข้าไปหมดเลยล่ะ ร้านเครื่องสำอางร้านนี้เราก็ชอบมากค่ะ เป็นแบรนด์ที่ LG ทำออกมา แล้วได้ใจแก๊งค์สาวเราทุกคนเลย "too cool for school" Review: too cool for school แบรนด์เกาหลีสุดน่ารัก ด้วยคอนเซพท์ เครื่องเขียนวิชาศิลปะ และที่หัวมุม เราก็พบกับช็อปสุดโปรด FOREVER 21 ร้านสวยและใหญ่มาก มีหลายชั้นค่ะ ช็อปกันมันส์เลยล่ะ เพราะว่าถูกกว่าไทย เยอะมากเหมือนกัน ยิ่งตอนนี้จัดเซลล์ด้วย บางตัวซื้อมาราคาเซลล์ 200 - 300 บาท แต่ที่ไทยเพิ่งวางขายในราคา 680 - 990 ก็มีค่ะ ส่วนพวกเดรสมีปัญหาว่าไซส์ S หมดตลอด T T เลยอดไปหลายรุ่น เหลือ M-L อ่า เดรสที่นี่ตัวนึงก็ประมาณ 600 กว่าบาทค่ะ ที่ไทยจะ 1,190 (ซื้อบ่อยจนจำได้แระ) ส่วนพวก accessory ราคาไม่ห่างกันมาก เพราะมันไม่ได้แพงอะไรค่ะ พวกเราแฮปปี้กับราคาและร้านนี้มาก มาวันนี้แล้วยังไม่สะใจ เลยนั่งรถกลับมาอีกรอบ ในวันที่ 3 กันเลยล่ะ (แหม..ก็วันนี้มีเวลาช้อปที่ร้านนี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ยังไม่สะใจ) หลังจากนั้นก็ต้องรีบนั่งแท๊กซี่บึ่งกลับโรงแรมค่ะ เพราะบ่ายนี้เราต้องออกไป ปาร์ตี้ PINK PLAY concert กัน แต่ก่อนอื่น แวะเติมพลังกันที่ร้านอาหารจีนใกล้ๆ โรงแรมกันก่อน เราสั่งเต้าหู้ทรงเครื่อง อร่อยมาก จานใหญ่สะใจ พอมาถึงโีรงแรมแล้วก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า หน้า ผม มีเวลากันเกือบๆชั่วโืิมงค่ะ วันนี้ช้อปไปไม่เยอะมาก แต่มีแต่ของถูกใจล่ะ ในช่วงเย็นเราก็ไปสนุกสนานกันที่ ETUDE PINK PLAY concert ค่ะ ภาพบรรยากาศงานแป้งอัพไว้พักนึงแล้ว ใครยังไม่ได้ดู กดลิ้งค์ด้านล่างได้เลย Kirari in ETUDE HOUSE Pink Play concert 2011 หลังจากเลิกงานก็กลับโรงแรมมาเปลี่ยนชุดเพื่ออกไปดินเนอร์มื้อค่ำกันต่อค่ะ แน่ล่ะ...วันนี้จัดอีกมื้อด้วยบูลโกกิ หลังจากนั้นเราก็แยกกันเป็นกลุ่มเล็กๆ เดินเล่นช้อปปิ้งกันต่อ บ้างก็กลับห้องนอน เรา เบลล์ กับวีวี่ เดินเล่นกันบริเวณโรงแรมค่ะ ย่านนี้เป็นย่านกลางคืนของแท้ กลางใจกรุงโซลก็ว่าได้ จึงเต็มไปด้วยผับ บาร์ และศิลปินอิสระข้างทาง บริเวณถนนที่เงียบและสะอาดช่วงกลางวัน เต็มไปด้วยขยะ ใบปลิวเกลื่อน สกปรกมากๆ คนก็แน่นไปหมด คนเมาที่นี่น่ากลัวมาก เพราะเมาไม่ได้สติกันจริงๆ วีวี่บอกว่า ผับที่นี่อย่าได้เข้าไป เพราะโดนลากไปกอดไปจูบกันได้ง่ายๆ เรียกว่าเถื่อนอ่ะ คือในมุมของเค้า ผู้ชายจะคิดว่าผู้หญิงที่มาในสถานที่แบบนี้ ก็พร้อมที่จะไปกับเค้าน่ะ แรงป่ะล่ะ เดินๆอยู่ก็เห็นแบบนั้นจริงๆ หน้าผับมี ผู้หญิงเมาๆ โดนลากไปเหอๆ น่ากลัว... ตอนเดินกลับโรงแรม ต้องผ่านหน้าผับอีกทีที่คนเยอะมาก แล้วมันมืดๆ เลยไม่กล้าเดินผ่าน ยอมเดินอ้อมไปอีกทาง เอาปลอดภัยไว้ดีกว่า... ก่อนนอนแวะนั่งพักกันที่ Baskin Robbins ที่นี่ราคาพอๆกับไทย แถมลูกใหญ่มากกกกก สะใจจริงๆ และแล้ววันนี้ก็จบลงแบบเต็มอิ่มทั้งวัน กว่าจะได้นอนวันนี้ก็ตีสองแน่ะ ถึงเตียงปุ้ป สลบค่อก Zzzz ในวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะ เราจะพาไปชิมที่ร้านบุฟเฟ่ต์ดังที่คนต่อคิวรอ กันยาวมากก จะน่าทานแค่ไหนติดตามชมตอนหน้าค่ะ Previous Diary Kirari in Korea > Day 1 : กิน เที่ยว ช้อป ในแบบ Girl's style เอาใจสาวๆ Special Thanks: ขอบคุณ ETUDE HOUSE สำหรับทริปเก๋ๆ อาหารเริ่ดๆ และทุกๆอย่างตลอดทริปค่ะ เป็นทริปที่ประทับใจมาก และขอบคุณพี่ตั๊ก PR ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีเสมอมา <3 ขอบคุณมากๆค่า   Create Date : 02 ตุลาคม 2554     Last Update : 2 ตุลาคม 2554 13:40:54 น. Counter : 5806 Pageviews.   3 comment Share Tweet

Kirari in Korea > Day 1 : กิน เที่ยว ช้อป ในแบบ Girl's style เอาใจสาวๆ ปีนี้เป็นอีกปีที่ได้ไปเที่ยวเกาหลี แต่พิเศษยิ่งกว่าทุกปี เพราะไปกับแก๊งค์สาวๆ รวม 7 คน ซึ่งแต่ละคนก็ชอบอะไรคล้ายๆกัน ทริปนี้จึงเน้นไปทาง Lifestyle ของสาวชอบกิน เที่ยว ช้อป (หนักๆ) แบบพวกเรา สองครั้งก่อนที่เราได้ไปเกาหลี เราซื้อเป็นแพคเกจไปค่ะ ครั้งแรกเป็นทริปเน้นเที่ยว อีกทริปเป็นทริปเน้นกินและเที่ยว แต่สองครั้งที่ผ่านมา เรารู้สึกเฉยๆกับเกาหลีมากๆ อาหารก็ไม่เห็นอร่อย...ที่เที่ยวก็เฉยๆ อาจจะมีที่ชอบมากๆก็แค่ฟาร์มแกะแทควัลยอง ซึ่งปีก่อนพี่ๆที่ไปมาบอกว่า แกะเหลืออยู่ไม่กี่ตัว แป่ว.....แต่ผิดกับทริปนี้ เป็นทริปเกาหลีที่เราชอบ และรู้สึกว่าอยากไปแบบนี้อีก ปีหน้าต้องไปอีก สนุกและแฮปปี้กับการกินเที่ยวครั้งนี้สุดๆค่ะ ทริปนี้เราไปกับทาง ETUDE HOUSE ค่ะ เน้นหลักที่กิจกรรม PINK PLAY concert ซึ่งจัดในช่วงเย็นของวันที่ 2 ส่วนเวลาที่เหลือ แล้วแต่พวกเรากันเลย... เพราะฉะนั้น ทริปนี้จึงอิสระสุดๆ อยากไปไหน อยากกินอะไร ได้ตามใจคิดเลยล่ะ... Day 1 เราออกเดินทางโดยสายการบิน Asiana OZ742 ออกเดินทางในคืนวันพฤหัสที่ 1 Sep ในวันนี้เราเหนื่อยสุดๆเลยล่ะ เพราะช่วงเย็นมีพรีเซ็นท์งาน เสร็จแล้ว ก็รีบวิ่งกลับคอนโดไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วบึ่งไปสนามบิน เพื่อนร่วมทริปครั้งนี้ค่ะ ทราย เบลล์ พี่ตูน พี่มด เช่ ก่อนขึ้นเครื่องก็ไปถล่ม Duty Free กันมาพอกรุบกริบ แล้วก็แวะไปทานขนมกันก่อนขึ้นเครื่องค่ะ ปิ๊งป่อง...ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ทริปนี้นั่งคู่กับน้องเบลล์ นอนกับน้องเบลล์ตลอดทริป พอกลับมาแล้วก็คิดถึงเหมือนกัน ผ่านไป 5 ชั่วโมง เราก็ถึงอินชอนแล้วล่ะ 3 วันต่อจากนี้เราอยู่แต่ในกรุงโซลค่ะ หลังจากนั้นเราก็เจอกับไกด์สาวสุดฮาของทริปนี้ เรียกได้ว่าเป็นไกด์เฉพาะกิจ ให้กับทาง ETUDE เท่านั้นค่ะ น้องวีวี่ อายุเพียง 23 แต่กำลังจะขึ้นป.เอกแระ เก่งชะมัดเลย ฮาแตกตลอดทริปกับสาวอะไรเอ่ยคนนี้มากๆ ^ ^ ถามอะไรเอ่ยมาทีไร ตอบไม่ได้ทู้กกกทีอ่ะ = =' วีวี่พาพวกเราไปเช็คอินที่โรงแรม Seokyo ซึ่งอยู่กลางย่านเที่ยวเลยล่ะ ทาง ETUDE Korea จัดการเรื่องโรงแรมทั้งหมดให้กับสื่อต่างชาติ ทุกชาติเลยพักที่นี่เหมือนกันหมดเลยค่ะ พอถึงโรงแรมก็จัดการเปลี่ยนรองเท้าพร้อมลุย!!! ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ร้านต่างๆยังไม่เปิดบริการเลยค่ะ ปกติเค้าจะเปิดช่วง 11:00 เราเลยเดินเล่นบริเวณรอบโรงแรม ทุกอย่างเงียบมาก แต่พอเปลี่ยนเป็นช่วงค่ำๆ เราแทบจำบริเวณรอบรร.ไม่ได้เลย คนเยอะสุดๆ และเราก็นั่งพักจิบกาแฟกันที่ร้าน Coffee Bean เห็นวีวี่เรียกว่าคอฟฟี่เบเน่ อย่างกรีนทีแก้วเ็ล็กของเราแก้วนี้ก็ 300 บาทค่ะ แพงมากๆเลย ไปกัน 6 + 1 ค่ากาแฟและขนมหมดไป 4 พันบาท = =' เม้าท์มอยกับไปพอสมควรพอใกล้ 11 โมงปุ้ป เราก็เดินหาอะไรทานกันค่ะ เมนูแนะนำจากทางพี่ตั๊กวันนี้เป็น บูแดจีแก ค่ะ อาหารชนิดนี้มีตำนาน... เดิมเป็นอาหารของทหารที่เอาทุกอย่างที่ทางครอบครัวส่งมาให้ มาต้มรวมๆกัน เป็นหม้อไฟร้อน ในหม้อนี้จึงมีหลากหลายมากๆ และพอใส่มาม่าเข้าไปก็ยิ่งอร่อย หม้อนี้ถูกปากเราเหมือนกันนะ หมดข้าวไป 2 ถ้วยเลย แฮะๆ หลังจากเติมแบตกันแล้วก็ไปลุยที่ Myeongdong (มยองดง) ย่านที่มาเกาหลีแล้วต้องมา ฮ่าๆ รวมแหล่งเครื่องสำอาง เสื้อผ้า เครื่องประดับ เพียบบ เป้าหมายหลักที่แรกของพวกเราคือ... H&M ค่ะ ตึกใหญ่กลางมยองดงเลยล่ะ มีหลายชั้นค่ะ เราได้เสื้อสูท และกางเกงเข้าชุด พร้อมกับเครื่องประดับมาพอสมควรเลย ราคาไม่แพงค่ะ เสื้อสูทกับกางเกง ไม่ถึง 4000 บาท ได้คัตติ้งดีมาก ผ้าดีมากค่ะ อันนี้เล็งมาตั้งแต่อยู่ไทยแล้วล่ะ ไปถึงก็เดินกวาดหา เค้าตั้งดิสเพลย์เป็นตัวโชว์พอดี 59,000 won หรือประมาณ 1,800 บาทค่ะ ส่วนกางเกงเข้าชุดก็ไม่แพงเช่นกัน 39,000 won หรือ 1,200 บาทค่ะ ถ้าไปช้อปที่ฮ่องกงคงถูกกว่านี้เยอะเลย เรทน่าไปมาก พวกเครื่องประดับก็ ซื้อมาด้วยค่ะไม่แพงเลยแหละ พวกกิ๊บต่างๆ เช่นกิ๊บผีเสื้อที่ฮอตๆตอนนี้ ก็ 180 บาทเอง แต่ไม่ได้ซื้อมาเพราะมันเหลือแต่สีขาวและดำ ไม่ค่อยเข้ากับผมเรา (อยากได้สีน้ำตาลอ่ะ) นอกจากนั้นก็เดินไปช้อปแหลกตามช้อปเครื่องสำอางค่ะ ตอนนี้ ETUDE เพิ่งเปิดตัว Nymph ไปหมาดๆ ทุกช้อปจึงจัดดิสเพลย์เน้นนิ้มพ์ เป็นพิเศษค่ะ เรารีวิวไว้แ้ล้วจ้า ลองเข้าไปอ่านได้ Review: ETUDE Nymph #1 Aura Volumer และ BB cream #4 ความลับหน้าฉ่ำเด้งในแบบเกาหลี ช้อปๆๆๆๆ ช้อปอีทูดี้ หรือคนเกาหลีจะเรียก เอติ๊ด หรือ เอติ๊ดู มี 7 สาขาเฉพาะเมียงดงค่ะ ถือว่าเยอะมากๆๆๆ ไปซอยไหนก็เจอ แต่ของที่อยากได้หมดตลอดเลยล่ะ คงต้องมาซื้อที่ช้อปไทยต่อไป ช้อปไปช้อปมาเพลิน หมดไปเยอะเหมือนกัน แล้วผลงานในช่วง 3 ชั่วโมงก็ได้มา เท่านี้จ้ะ... ตกเย็น เราก็เดินไปทานเนื้อย่างเกาหลีกันค่ะ ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรม เดินไป ไม่ไกลเลยล่ะ ร้านนี้ดังและหรูใช้ได้เลยค่ะ ชื่อร้านว่า Bulgogi Brothers คนเยอะมาก ตอนเราไปยังไม่ค่ำเท่าไหร่ เลยได้ที่นั่งเลย แต่พอตอนทานเสร็จ ออกมาจากร้านถึงกับตกใจ คนล้น รอคิวเยอะ มาแล้วค่ะเนื้อหลักของเมนูนี้...แพงใช่ย่อยเลย จานนึงก็ 3,000 บาทค่ะ มีเนื้ออยู่ 3 แบบ แต่เมนหลักคือชิ้นนี้แหละ ที่นี่พนักงานจะมาคอยย่างให้ และตัดให้เป็นชิ้นๆค่ะ เราสั่งบิบิมบับของโปรดมาด้วย ชามหม้อดินใหญ่มาก แบ่งๆกับคนอื่นทานด้วย ยังรู้สึกว่าเยอะจัง ทานได้ 2-3 คนเลยล่ะ แ่ต่รสชาติเฉยๆค่ะ ยังสู้หลายๆร้านที่ทานมาไม่ได้ แต่เนื้อเนี่ยที่นี่สุดยอดดด หลังจากอิ่มกันแล้วก็นั่งแท๊กซี่ไปที่ Dongdeamun ทงแดมุน กันต่อ ย่านนี้เค้าเป็นตึกๆค่ะ ประมาณประตูน้ำ หรือแพลตตินั่มบ้านเรา ตึกที่น่าเดินสุดคงเป็น Doota เป็นร้านที่เหล่า Young designer มาเปิดร้านกัน แต่ก็น่าแปลกที่ดีไซน์ก็ซ้ำๆกันแทบทั้งนั้น แถมเดรสบางตัวเราเห็นที่เมียงดง มาเห็นที่นี่ด้วย แต่ที่นี่ตัดเย็บดีกว่า พร้อมกับราคาที่แพงกว่าเท่าตัว นั่งแท๊กซี่มาหลายรอบในวันนี้ เค้าขับได้แย่สุดๆค่ะ แท๊กซี่ไทยที่ว่าขับแย่แล้ว ชิดซ้ายไปเลย แท๊กซี่เกาหลี ถ้าเรียกเองตามทาง ขับได้เรียกว่า ทุเรศเลยแหละ ออกตัวหลังติดเบาะ เบรคหัวทิ่ม เลี้ยวหักศอก แพงก็แพง มารยาทการขับรถไม่มี แต่ก็นั่งมาตลอด 3 วันอ่ะนะ ฮ่าๆ จะอ้วกทุกทีที่นั่งเลยอ่ะ มีแค่ครั้งเดียวที่ขับดีคือ ขากลับจากงาน Pink Play ในวันที่ 2 ค่ะ เพราะว่าเป็นการเรียกแทกซี่ผ่านบริษัท ขับดีเป็นพิเศษ นิ่มมาก ประมาณลีมูซีน ตกดึก เราก็มาเซอร์ไพรส์วันเกิดล่วงหน้าน้องเบลล์กันที่ Paris Baguette เป็นร้านขนมปังของเกาหลี แต่ชื่อฝรั่งเศสมาเลยล่ะ คนแน่นร้านตลอด ด้วยความที่ร้านน่านั่ง และราคาไม่แพง ขนมปังและเครื่องดื่มที่นี่อร่อยใช้ได้เลยค่ะ แก้วก็น่ารัก ส่วนเค้กก็น่ารักๆทั้งนั้น ไม่แพงเลยล่ะ เรานั่งกันจนปิดร้านค่ะ หลังจากนั้นคิดว่าเราจะนอนกันแล้วใช่มั้ยคะ... ยังค่ะ เรายังจะไปต่อ ฮ่าๆ พลังงานเหลือแหล่มากเลย เราเดินเล่นรอบๆโรงแรมนี่แหละค่ะ สุดยอดไปเลย มีผับ บาร์เพียบ แต่ไม่กล้าเข้ากัน เพราะวีวี่ไกด์สาวเราเตือน และห่วงมากๆ อย่าไปใกล้พวกนี้ เพราะคนเกาหลีเวลามาผับ เค้าถือว่าพร้อมที่จะเสียตัว ดังนั้น เค้าฉุด ลากไปเลย แล้วคนที่นี่เมากันไม่ธรรมดา เมาจากที่นึง ก็จะไปต่ออีกที่นึง แล้วถนนตามทางนี่สกปรกมากๆ มีแต่กระดาษปลิวเต็มไปหมด เรายังงงเลยว่า นี่คือถนนที่เราเดินเมื่อเช้าเหรอเนี่ย ทำไมคนมันแน่น แล้วสกปรกแบบนี้ ตามทางก็มีร้านค้ามากมายค่ะ ราคาถูกกว่าตามย่านที่เราไปนิดหน่อย เดินเล่นกันสนุกสนานจนถึง ตี 1 แล้วก็กลับห้องนอน.... วันนี้จบแค่นี้ พรุ่งนี้จะพาไปเที่ยวย่าน Fashionista ที่คนเกาหลีชิคๆนิยมไปกัน จะเริ่ดแค่ไหน รออ่านตอนหน้าได้เลยจ้า... Special Thanks: ขอบคุณ ETUDE HOUSE สำหรับทริปเก๋ๆ อาหารเริ่ดๆ และทุกๆอย่างตลอดทริปค่ะ เป็นทริปที่ประทับใจมาก และขอบคุณพี่ตั๊ก PR ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีเสมอมา <3 ขอบคุณมากๆค่า   Create Date : 18 กันยายน 2554     Last Update : 18 กันยายน 2554 15:54:36 น. Counter : 2647 Pageviews.   10 comment Share Tweet

Yoshinoya ร้านข้าวหน้าเนื้อจากญี่ปุ่น...มาถึงไทยแล้ว เย่! เมื่อพูดถึงร้านข้าวหน้าเนื้อของญี่ปุ่น Yoshinoya เป็นร้านแรกๆที่เรานึกถึงเลยล่ะ ตอนที่เราเรียนที่ญี่ปุ่น ก็ไปทานบ่อยๆ ด้วยความที่มีสาขาเยอะมาก ไปย่านไหนก็มี ราคาไม่แพง อร่อยและที่สำคัญ รวดเร็วมากๆ และนอกจากที่ญี่ปุ่นแล้ว Yoshinoya ก็มีสาขาทั่วโลก มากกว่า 1,600 สาขา และปีนี้ก็เป็นปีที่ 112 ที่ได้เปิดบริการมา สุดยอดมั้ยล่ะ! สำหรับเมนูดังสุดๆคงหนีไม่พ้น Gyudon หรือข้าวหน้าเนื้อค่ะ แต่คนที่ไม่ทานเนื้อก็อย่าเพิ่งเมินหน้าหนีไป เพราะ Teriyaki (ไก่ย่าง) ที่นี่ก็สุดยอดค่ะ Yoshinoya มาเปิดสาขาที่ไทยแล้วด้วย สดๆร้อนๆไม่นานมานี้ที่ห้างสุดฮอต Central ลาดพร้าว ที่เพิ่งรีโนเวทใหม่ โดยอยู่ที่ชั้นใต้ดินค่ะ หากไปช่วงเที่ยงหรือเย็น ต้องรอหน่อยค่ะ คนเข้าคิวเยอะจริงๆ ดิสเพลย์หน้าร้านก็มีหลากหลายเมนูยั่วน้ำลาย รอพักนึงก็ถึงคิวเราแล้ว เย่... ภายในร้านช่างต่างจากที่ญี่ปุ่นมากมาย... สวยกว่าเยอะเลยล่ะ ที่ญี่ปุ่นเป็นร้านเล็กๆ ที่นั่งแบบบาร์ซะส่วนมาก เน้นเร็ว และใช้เนื้อที่สูงสุด มาดูเมนูกันค่ะ มีทั้งเมนูแบบแยกสั่ง (แบบญี่ปุ่น) หรือจะสั่งแบบเซ็ทที่คนไทยนิยมก็มีค่ะ แน่นอนว่าเซ็ทคุ้มกว่าล่ะ ในส่วนของเซ็ทก็จะแบ่งออกเป็น A และ B A จะมีซุป กับเครื่องดื่ม ส่วน B จะเป็นสลัด หรือกิมจิ และเครื่องดื่ม ซึ่งแพงกว่านิดหน่อย จานคอมโบ้น่าสนใจสุดๆค่ะ เมนูมีให้เลือกพอสมควรเลยล่ะ ตอนนี้หิวแล้ว...สั่งเลยแล้วกัน แต่ละเมนูรอไม่นานค่ะ 5 - 10 นาทีก็มาเสิรฟแล้วล่ะ จานแรกขาดไม่ได้ค่ะ Original Menu "Gyudon" จะเป็นเนื้อสไลด์ตุ๋นค่ะ นุ่มๆ หวานน้ำตุ๋นตามแบบกิวด้ง รสชาติไม่เพี้ยนจากญี่ปุ่น เราสั่งไซส์ปกติค่ะ 149 บาท แต่ถ้าอยากสั่งแค่ข้าวหน้าเนื้อเฉยๆ ก็มีโปรโมชั่น 99 บาทด้วยค่ะ มาต่อที่อีกจาน เป็น "Yakiniku Don" หรือข้าวหน้าเนื้อย่างค่ะ อร่อยหอมมาก สไลด์เนื้อบางและย่างกำลังพอดีๆ นุ่ม หอม อร่อยค่ะ เซ็ทนี้ 195 บาท และมาที่จานสุดคุ้ม Combo set มีทั้งไก่เทริยากิ และเนื้อตุ๋นค่ะ ไก่เทริยากิอร่อยเกินคาดค่ะ อยากจะสั่งเพิ่มอีกซักจานเลยล่ะ ชุดนี้ไม่มีเซ็ทค่ะ จานนี้ 185 บาท สั่งเพิ่มซุปมาอีก 25 บาทค่ะ ส่วนซุป ที่นี่มีให้เลือก 3 ซุป คือมิโสะ (เต้าเจี้ยว) โนริ (สาหร่ายทะเล) และ วากาเมะ (สาหร่ายญี่ปุ่น) เลยสั่งมาหมดเลย อร่อยหมดค่ะ ชอบมิโสะสุดล่ะ กินไปอร่อยไปพักนึงแอบเห็นหัวหน้าพ่อครัวชาวญี่ปุ่นคนนึงดุพนักงานคนไทย แบบไร้เสียง ตำหนิเค้าเรื่องการเช็ดช้อนส้อมค่ะ ตอนแรกก็งงๆว่าทำไรกัน หน้าพี่ยุ่นโหดมาก ชี้ไปที่ช้อนแล้วทำมือกากบาท แล้วเช็ดให้ดู ต้องถูแบบนี้ ค่อยนำลงถาดช้อนส้อมพร้อมใช้ พนักงานคนนั้นก็พยักหน้าแบบซีดๆไป ถือว่าเป็นเรื่องดีต่อผู้บริโภคอย่างเรานะ นอกจากได้อาหารที่สดใหม่ สะอาดแล้ว พวกช้อนส้อมและความสะอาดในร้านก็ยังได้รับการดูแลอย่างดีด้วย ส่วนพ่อครัวใหญ่คนนั้นก็เดินทั่วบริเวณครัว และมองสอดส่องเหมือนเรดาร์ตลอดเวลา ฮ่าๆ หน้าโหดมากมาย แต่ดีใจที่มีมาตรฐานที่ดีแบบนี้ค่ะ สรุปแล้ววันนี้อิ่มอร่อยในราคาไม่แพงเลยล่ะ ทุกอย่างเป็นราคา net ไม่มีบวกเพิ่มค่ะ ต่อจากนี้อยากทานข้าวหน้าเนื้อ หรือไก่เทริยากิอร่อยๆ ก็คงไม่ต้องไปไหนไกล มาแค่เซ็นทรัลลาดพร้าวก็ได้อิ่มอร่อยแบบญี่ปุ่นๆแล้วล่ะ...   Create Date : 18 กันยายน 2554     Last Update : 18 กันยายน 2554 11:41:02 น. Counter : 1856 Pageviews.   14 comment Share Tweet

[Eat] ร้านส้มตำมั้ยซ์ และ Beer Mansion @Mansion 7 กลับมาหาอะไรทานกันที่ Mansion 7 อีกแล้ว ครั้งก่อนเคยรีวิวไว้หลายร้าน ทั้ง ร้านข้าวแกงกะหรี่ "Nana" ร้านขนมจีน "เครื่องเส้น" ร้านอิซากายะแบบญี่ปุ่นๆ "飲んで飲んで (nonde nonde) " และมารอบนี้ ขอพาไปชิมอีก 2 ร้านค่ะ คือ ร้านส้มตำมั้ยซ์ และ ร้าน Beer Mansion เริ่มกันที่ร้านแรกก่อน ส้มตำมั้ยซ์ ร้านอาหารอีสาน เด่นที่มีส้มตำตามกรุ้ปเลือดค่ะ แต่เราไม่ค่อยสนใจอ่ะ สั่งแต่อย่างที่อยากทาน การเลือกใช้แก้ว หรือภาชนะแต่งร้านก็ดูอีสานดีค่ะ น่ารักดี เมนูแรกที่เลือกคือ ส้มตำไข่ยางมะตูม (เหมาะกับคนกรุ้ป B) ราคา 90 บาท ตอนมาเสริฟแอบงอนนะ ยางมะตูมเหรอ........ เกือบสุกแล้วนะนั่น เซ็งไปเล็กน้อย แต่ลองชิมแล้ว กรี๊ดดดด อร่อยแซ่บ เส้นมะละกอไม่เละ ไม่แข็งเกิน รสชาิดดีมากๆเลย แต่มันก็คือตำไทยปกติอ่ะ (ตำไทย 69 บาท แต่พอใส่ไข่เกือบสุกมา กลายเป็น 90 สุดยอดจริงๆ) เมนูต่อไป เนื้อเซอร์ลอยด์โคขุนโพนยางคำ ราคา 180 บาท เนื้อสไลด์บางๆ ไม่เหนียว รสชาดโอเคเลย อร่อยดีค่ะ ที่อยากชมอีกเรื่องคือ การใช้ผักตกแต่ง เค้าใช้พริกเป็นก้านรัดล่ะ สวยดูดีมากๆ อีกซักเมนูนึง ปีกไก่ทอด ราคา 120 ดูในรูปอาจจะไม่เห็นขนาดปีกไก่ คือสังเกตจากถ้วยน้ำจิ้มเล็กๆนั่นแล้วกัน ปีกไก่ไซส์นิ้วก้อยเรา สงสารไก่ ยังตัวเล็กอยู่แน่ๆ หรือใช้ไก่อะไรกันอ่ะ งงมาก ปีกเล็กขนาดนี้ เพิ่งเคยเจอร้านนี้ร้านแรก พูดถึงรสชาด อร่อยค่ะ อร่อยประทับใจทุกอย่าง แต่เทียบปริมาณแล้ว แพงมากทุกอย่างเช่นกัน ส่วนข้าวเหนียว อร่อยเทพมาก ทั้งหอม นุ่ม ต่างจากร้านอื่นๆที่เคยทานมา แต่ก็เสริฟมากระติ๊บจิ๋วๆอย่างที่เห็น 25 บาทค่ะ ไม่อิ่มชัวร์ ต้องจัดสอง สรุป กับข้าว 3 อย่าง ข้าวเหนียว 2 น้ำเปล่า 1 VAT 7% Service 10 % รวมแล้ว 521 บาทค่ะ เมนูในร้าน ยังเหลือที่ว่างในท้องอีกเยอะ เลยแว้บไปร้านที่เล็งไว้ทุกทีที่มา BEER MANSION ร้านนี้มืดๆหน่อย มีถังเบียร์วางหน้าร้าน บรรยากาศแนวๆบาร์สไตล์ยุโรป ตอนแรกที่ไม่ได้เข้าเพราะเห็นเค้าเปิดบอลกัน กลัวเสียงดังไม่ชิลเลยไม่เข้า วันนี้ก็เปิดนะ แต่อยากลองเลยเข้าซักครั้ง... เข้าไปแ้ล้ว บรรยากาศกลับโอเคเลยนะ เปิดบอล 2 จอแต่ปิดเสียง เพลงที่เปิดก็แดนซ์ๆหนึบๆหน่อย กำลังดี ชิลๆ มีชั้นสองด้วย ใครไม่กลัวเมาหัวทิ่มตกบันได ลองดูค่ะ แน่นอนมาร้านนี้ พลาดได้ไงกับเบียร์สดสุดอร่อยจากเบลเยี่ยม "Hoegaarden" เบียร์ยี่ห้อนี้เคยติดใจตอนที่ไปดื่มที่ร้าน HOB (House of Beer) ถ้าเทียบบรรยากาศ เราชอบที่นี่มากกว่านะ ฮอบมันหนวกหู ทั้งเสียงคน เสียงทีวี (เปิดช่องหนัง ไม่รู้คิดไง) แล้วโต๊ะมันเบียดกันไปหน่อย ที่นี่ชิลกว่าเยอะ ราคาสองร้านนี้พอกันค่ะ เบียร์ให้เลือกค่อนข้างเยอะ แต่เราสนเบียร์สด เลยดูแต่เมนูเด็ดแผ่นนี้ สั่งไปพักนึง โฮก็มาเสริฟแล้ว... แก้วละครึ่งลิตร สะใจ... (Pint ละ 220) อีกแก้ว ลองดู Stella Artois ที่ดังไม่แพ้กัน แต่เราว่าโฮหวานหอม อร่อยกว่าอ่ะ สรุปแ้ล้ว คงได้ไปอีกในวันที่อยากชิล   Create Date : 15 เมษายน 2554     Last Update : 15 เมษายน 2554 11:40:04 น. Counter : 2001 Pageviews.   10 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com