"เสือใจสิงห์" นิตย์ สุริยะ ฉายาชาวยุทธ์ สว่าง สวางควัฒน์ ข้อมูลจาก ข่าวสด นี่ก็เป็นฉายานักมวยเก่าร่วมสมัยกับ ว่อง เลือดชาวสวน อีกคนหนึ่ง ซึ่งสมควรบันทึกไว้ให้ปรากฏ แทนที่จะปล่อยให้ลบเลือนไปกับกาลเวลา นิตย์ สุริยะ ผู้มีชื่อจริงๆ ว่า นิตย์ สุริยะวงศ์ เกิดที่กรุงเทพฯ ในครอบครัวฐานะดี เรียนจบ ม.6 จากร.ร.วัดบวรนิเวศ แล้วเรียนจบนักเรียนช่างไฟรุ่นที่ 3 เคยรับราชการมียศเป็นจ่าอากาศโท หัดมวยครั้งแรกกับครูเอนก สวนรัตน์ หัวหน้าคณะวงศ์มีฤทธิ์ และขึ้นชกในรุ่น 57-60 ก.ก.(เฟเธอร์เวตขึ้นไป) ชนะคู่ต่อสู้ติดๆ กันถึง 6-7 คน จนได้รางวัลขันน้ำพานรอง โดยชนะ ไอ้หมัดเดียวสำราญ ศิษย์ผล หรือ ศรแดง คนเดียวกัน นิตย์ สุริยะ เป็นมวยทรหด น้ำใจเหี้ยมหาญและขยันฟิตซ้อมมาก ร่างกายจึงแกร่งกร้าวแรงดีตลอด เคยชนะ หมีดำเปงสูน เทียมกำแหง แบบพลิกคำวิจารณ์ครั้ง เสมอกันครั้ง แพ้คะแนนสดใส นฤภัย 2 ครั้ง แพ้คะแนน ประยุทธ อุดมศักดิ์ และแพ้ อุสมาน ศรแดง ไฟต์หลังนี่สู้กันสะบั้นหั่นแหลกดุเดือดเป็นประวัติการณ์ นิตย์ได้รางวัลถึง 5,500 บาท และได้รับฉายาว่า เสือใจสิงห์ ตั้งแต่นั้นมา นิตย์เริ่มตกตอนแพ้ประยุทธ อุดมศักดิ์ แบบหมดทางสู้ แล้วโดนสมเดช ยนตรกิจ เอาหมัด ซ้ายฟ้าผ่า ถลุงเสียจอดสองหน บอบช้ำหนัก ครั้งหลังสุดแพ้น็อก สุรเดช ทรงกิติรัตน์ มวยต่ำชั้นกว่า จึงเลิกชกมวยตามคำแนะนำของแพทย์สนาม เมื่อสิบกว่าปีก่อน นิตย์ในวัยกว่า 70 เคยปรากฏตัวที่สนามมวยลุมพินีและเปิดเผยว่าได้ไปใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่หลังจากนั้นแล้วคนในวงการมวยก็ไม่มีใครทราบข่าวคราวเจ้าของฉายา เสือใจสิงห์ อีกเลย   Create Date : 28 มีนาคม 2553     0 comment Last Update : 28 มีนาคม 2553 13:32:06 น.     Counter : 1377 Pageviews.   Share Tweet

"หลานยักษ์สุข" สรศักดิ์ ส.ลูกบุคคโล คอลัมน์ ฉายาชาวยุทธ์ สว่าง สวางควัฒน์ ข้อมูลจาก ข่าวสด เป็นฉายาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งได้มาจากคนดังรุ่นก่อนที่ตนมีส่วนเกี่ยวข้อง อาจจะโดยรูปแบบลีลาการชกที่ละม้ายคล้ายคลึงกันหรือโดยความเป็นญาติทางใดทางหนึ่ง หากจะสรุปว่าเป็นฉายาประเภทขอโดยสารความดังก็ไม่ผิด เช่น ให้ฉายา ชาญชัย ส.ธรรมรังสี ว่า พุฒ 2 และเรียก รัตนพล ส.วรพิน ว่า เขาทรายน้อย เป็นต้น หลานยักษ์สุข ก็เป็นฉายาที่ได้มาเพราะเขาเป็นหลานชายแท้ๆ ของ สุข ปราสาทหินพิมาย อดีตยอดมวยเอกนามกระเดื่องสมัยเวทีราชดำเนินยังไม่มีหลังคาเมื่อ 50 ปีก่อนโน้น เขา-คนนี้ คือ สรศักดิ์ ส.ลูกบุคคโล ผู้มีชื่อและนามสกุลจริงว่า ชื่น จาดพิมาย เกิดที่ อ.พิมาย โคราช เมื่อ พ.ศ.2494 พ่อเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของยักษ์สุข เมื่อเรียนจบ ป.4 แล้วก็เริ่มหัดมวยกับอาสุข ตระเวนชกแถวบ้านสิบกว่าครั้งไม่แพ้ใคร อาสุขจึงตัดสินใจส่งมาอยู่กับ ประเสริฐ สุขใจธรรม หัวหน้าคณะ ส.ลูกบุคคโล ที่สนิทคุ้นเคยกัน เพราะแกเคยมาพักอาศัยฟิตซ้อมตั้งแต่สมัยที่ยังชกมวยอยู่ เจ้าชื่นจึงกลายเป็นสรศักดิ์ ส.ลูกบุคคโล ไม่เพียงแต่เป็นหลานชายและลูกศิษย์เท่านั้น สรศักดิ์ยังเป็นมวยหมัดหนักลีลาการชกก็ถอดแบบมาจากยักษ์สุขผู้เป็นอา คือ บุกตะลุยเดินหน้ามีสถิติการชกไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง ที่สำคัญๆ เคยชนะธนูน้อย ทวีเกียรติ กิตติชัย ลูกปอน้ำมันฝาง เดช ศรีโสธร แสนทนง เกศสงคราม และ อิศรชัย อิสสระภาพ และเคยแพ้หาญ ศิลาทอง, มงคลเดช พิทักษ์ชัย, วิสันต์ ไกรเกรียงยุค เป็นต้น สรศักดิ์ได้ครองแชมป์จูเนียร์เวลเตอร์เวต ลุมพินี โดยคว่ำ ประยุทธ ศุภราช (ขวัญประเทศ ส.ยิ่งเจริญ) ยกสี่, ชนะคะแนน แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์, แพ้คะแนน ศรนักรบ เกียรติวายุภักษ์ แล้วเสียแชมป์แพ้น็อก แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ยกแรก ต่อมาได้ชิงแชมป์รุ่นเดียวกันที่ว่างของเวทีราชดำเนิน ชนะคะแนน บุรีรัมย์ สวนมิสกวัน, แพ้คะแนน สะท้านฟ้า ส.ประทีป พลิกล็อก 20-1, น็อก สีชัง สาครพิทักษ์ ยกสี่, ได้รับการติดต่อให้ไปป้องกันแชมป์กับ สะท้านฟ้า ส.ประทีป ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนพ.ย.2517 สรศักดิ์แพ้คะแนนเอกฉันท์เสียตำแหน่งไป กลับมาชกอีกไม่กี่ครั้งก็เลิกชกแขวนนวมไป เพราะมวยใหญ่รุ่นเดียวกันมีตัวน้อย สามถึงสี่เดือนถึงได้ชกที เอาดีได้ยาก ถึงวันนี้...หลานยักษ์สุข-สรศักดิ์ ส.ลูกบุคคโล อายุ 56 ปี และปักหลักทำมาหากินอยู่ที่เมืองพิมาย บ้านเกิดไม่เคยมีข่าวว่าเข้ามายุ่งเกี่ยวในวงการมวยอีกเลย   Create Date : 28 มีนาคม 2553     0 comment Last Update : 28 มีนาคม 2553 13:30:27 น.     Counter : 1582 Pageviews.   Share Tweet

"เสือศอกตรอกสาเก" หลาว เลิศฤทธิ์ คอลัมน์ ฉายาชาวยุทธ์ สว่าง สวางควัฒน์ ข้อมูลจาก ข่าวสด คำนี้ใช้จุดเด่นและถิ่นที่อยู่ของเขาเองผนวกกันเข้า ตั้งเป็นฉายาของนักมวยคนหนึ่ง ซึ่งมีศอกเป็นอาวุธร้ายประจำตัว และมีพื้นเพถิ่นฐานอยู่แถวตรอกสาเก หลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ นักมวยคนนั้นคือ หลาว เลิศฤทธิ์-มวยรุ่นแบนตั้มเวตที่ฮอตที่สุดในช่วงปี 2500 หลาว เลิศฤทธิ์ หรือ ประสงค์ แสนสะอาด เกิดในกรุงเทพฯ ย่านตรอกสาเก เมื่อปี 2476 ชาวบ้านแถวริมคลองหน้าวัดมหรรณพ์ เรียกเขาว่า ไอ้แป๊ะ เริ่มหัดมวยเมื่ออายุ 16 จาก ครูอุ้นนรา เก่งปานสิงห์ แห่งค่าย เลิศฤทธิ์ ที่ตั้งอยู่ในซอยนั้นพอดี สถิติการชกโชกโชนมากทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เคยเป็นแชมป์แบนตั้มเวตราชดำเนินสองสมัย เป็นคู่รักคู่แค้นกับ สิงห์ห้าววิทยา ราชวัตร สไตล์การชกจัดเป็นมวยไทยประเภท ครบเครื่อง คนหนึ่ง ที่เด่นที่สุดคือลูกศอก ฉายา เสือศอกตรอกสาเก เกิดขึ้นตอนที่หลาว เลิศฤทธิ์ ชกกับ ชมเชย นภาพล ที่ลุมพินี เขาโดนนักมวยลูกทัพฟ้าถลุงเอาแทบแย่จะไปมิไปแหล่อยู่แล้ว แต่ยกสี่กลับตีศอกเอาชมเชยสลบคาที่ให้นับสิบไปราวปาฏิหาริย์ เผอิญวันนั้น เฒ่าปีศาจโลเป ซาเรียล ที่พา เลียว เอสปิโนซ่า มาป้องกันแชมป์ภาคฯ รุ่นแบนตั้มเวตกับ โผน กิ่งเพชร (โผนแพ้คะแนน) นั่งดูอยู่ด้วย เห็นว่ามวยไทยไม่ยี่เจ้ย จึงท้าทายให้หลาวชกกับเลียวแบบ ฟรีสไตล์ ผลก็คือ หลาวเตะเลียวขาลากยอมแพ้ในยกที่สาม เลียวขอล้างอายชกกันใหม่ในแบบสากลบ้าง ตอนนั้นหลาวเพิ่งชกสากลมาหนเดียว จึงโดนเลียว เอสปิโนซ่า ผู้มีดีกรีเป็นรองแชมป์โลกถลุงเอาจบเห่ในยกที่สอง เป็นอัน เจ๊า กันไป หลาว เลิศฤทธิ์ มีลักษณะเป็น เพลย์บอย มาแต่เด็ก กิน เที่ยว เล่นการพนัน เอาทุกอย่าง บั้นปลายชีวิตเมื่อเลิกชกมวยแล้วเขาจึงลำบาก กลายเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน แม้จะเคยได้รับการช่วยเหลือจากวงการมวยหลายครั้งแต่ก็ไม่ดีขึ้น แล้วในที่สุดเขาก็เสียชีวิตไปในสภาพคนอนาถาที่โรงพยาบาลกลาง เมื่อปี 2534   Create Date : 28 มีนาคม 2553     0 comment Last Update : 28 มีนาคม 2553 13:28:10 น.     Counter : 1908 Pageviews.   Share Tweet

"หมัดมะพร้าวห้าว" ว่อง เลือดชาวสวน ฉายาชาวยุทธ์ สว่าง สวางควัฒน์ ข้อมูลจาก ข่าวสด คำนี้เป็นฉายาของนักมวยรุ่นเก่า ซึ่งกลายเป็นอดีตกาลนานกว่า 50 ปีมาแล้ว แต่มันฟังดูเท่ และบ่งบอกภาพลักษณ์ผู้เป็นเจ้าของได้ชัดเจนยิ่งนัก ที่สำคัญมันเป็นฉายาจำเพาะของหนึ่งเดียวคนนั้นจริงๆ ไม่มีนักมวยรุ่นหลังคนใดมาซ้ำซ้อนได้อีกเหมือนกับบางฉายาจึงสมควรบันทึกไว้ในฐานะตำนานหนึ่งแห่ง ฉายาชาวยุทธ์ เสียด้วยเลย เจ้าของฉายานี้ คือ ว่อง เลือดชาวสวน นักมวยกำปั้นหนัก ผู้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เข้ามาขายกำปั้นในเมืองหลวงตั้งแต่สมัยเวทีราชดำเนินยังไม่มีหลังคาภายใต้การอุปการะของ ราชาบาร์โบ๊ส เชาวน์ ฉวีวงษ์ หัวหน้าคณะ บาร์โบ๊ส ค่ายมวยชื่อดังย่านกล้วยน้ำไทสมัยโน้น แต่เจ้าตัวขออนุญาตพิเศษที่จะขึ้นสังเวียนในยี่ห้อเดิม เลือดชาวสวน เพื่อเตือนรำลึกถึงถิ่นเก่าที่ให้กำเนิดทั้งชีวิตจริงและชีวิตนักมวยแก่เขามา ว่อง เลือดชาวสวน เคยประจัญบานกับนักมวยแถวหน้ายุคนั้นแทบทุกคนไม่ว่า อุสมาน ศรแดง สมิง เกศสงคราม หรือศิษย์พันธ์ ยอดศรจันทร์ ฯลฯ ว่องเป็นมวยหมัดหนัก ว่ากันว่าใครโดนเข้าแล้วเหมือนถูกทุบด้วยลูกมะพร้าวทั้งเปลือกเลยทีเดียว แถมใจสู้ทรหดยิ่งนัก ครั้งหนึ่งเขาชกมวยรอบรุ่น 6 หงษ์ทอง กับ ซิยิ่นกุ้ย ประสิทธิ์ ส.ส. เกิดสวนหมัดกันอีท่าไหนไม่รู้ ว่อง ถึงกับแขนหัก แต่เขายังกัดฟันสู้จนครบ 5 ยก แล้วเสมอกันไปอย่างโชกโชน เป็นผลให้ต้องพักการชกไปนานถึง 6 เดือน และนี่เองคือที่มาของฉายา หมัดมะพร้าวห้าว อันเลื่องลือแห่งยุทธจักรนักสู้ของเขา ว่อง กลับขึ้นสังเวียนหลังจากนั้นโดยทุบเอา ไอ้จุก พิชัย ศิษย์ผล หามลงมายกสาม อีกทีเสมอกับ ยอด ยอดใจเพชร ทั้งที่ชกซ้ายได้หมัดเดียวเพราะหมัดขวาที่เจ็บยังไม่หายสนิท ว่อง เลือดชาวสวน ได้เสื้อสามารถรอบ 4 อัศวินเมืองใต้ ของเวทีหาดใหญ่โดยชนะ เสือขาวสมิง เกศสงคราม พลิกล็อกในรอบชิงชนะเลิศ แต่ชกกันอีกครั้งที่ราชดำเนินว่องกลับโดนสมิงถลุงจอดในยกที่ 4 ช่วงหลัง ว่องโดน จอมสมิงพราย ศักดิ์ชัย นาคพยัคฆ์ เตะเอาย่ำแย่ที่หาดใหญ่ หวนกลับเข้ากรุงอีกที ก็ชกแพ้ คล่อง ภู่ภิญโญ จึงเปิดกลับไปแล้ว เดินสายชกมันเรื่อยไปทั้งที่ร่างกายทรุดโทรมเพราะขาดการฟิตซ้อมบำรุง จึงแพ้รูดมหาราชกลายเป็นบันไดให้นักมวยรุ่นหลังเหยียบไต่ไปสู่ความมีชื่อเสียงหลายต่อหลายคน ในที่สุด...ชีวิตของ ว่อง เลือดชาวสวน ก็ถึงอวสาน เขาเกิดทะเลาะกับนักเลงเจ้าถิ่นแห่งอำเภอสวี ชุมพร เลยโดนทุบหัวตายด้วยขวานผ่ามะพร้าวทั้งที่ยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ คงเหลือแต่ฉายาสุดเก๋...หมัดมะพร้าวห้าว ปรากฏอยู่ในตำนานจนทุกวันนี้   Create Date : 28 มีนาคม 2553     0 comment Last Update : 28 มีนาคม 2553 13:26:54 น.     Counter : 1693 Pageviews.   Share Tweet

"ไอ้ปากหมา" ธนูน้อย ทวีเกียรติ ฉายาชาวยุทธ์ สว่าง สวางควัฒน์ ข่าวสดรายวัน คำนี้ ถ้าฟังผิวเผินอาจรู้สึกคล้ายหยิบเอาจุดด้อยของเขาขึ้นมาประจานกัน แต่โดยเจตนาของผู้ตั้งฉายาคงเพื่อเน้นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากกว่า ซึ่งจะยกเว้นไม่ได้เลยสำหรับนักมวย เจ้าของฉายา "ไอ้ปากหมา" ธนูน้อย ทวีเกียรติ ผู้โลดแล่นอยู่บนสังเวียนเลือดเมื่อสามทศวรรษก่อน มีชื่อจริงว่า "ประโยชน์ สังข์โกมล" ประโยชน์ เกิดที่สุรินทร์ เมื่อปี 2482 เรียนจบชั้น ม.6 จากร.ร.การช่างนครราชสีมา เริ่มหัดมวยตั้งแต่อายุ 15 ปี ตระเวนชกอยู่ทางภาคอีสานหลายครั้ง ก่อนจะถูกดึงตัวมาเข้าสังกัด "ทวีเกียรติ" ของร.อ.ประเสริฐ วัฒนวรนันท์ (ยศขณะนั้น) ซึ่งเคยเป็นกรรมการเทคนิคลุมพินี อยู่ระยะหนึ่งเขาจึงขึ้นชกมวยในนาม "ธนูน้อย ทวีเกียรติ" และรับราชการเป็นทหารที่กรมสรรพาวุธด้วย ธนูน้อย เป็นมวยเตี้ยล่ำ สีผิวออกไปทางเขมร ชกทรหดแบบเดินหน้าลุยลูกเดียว มีหมัดกับศอกเป็นอาวุธหากิน เตะขาเก่งมีจุดอ่อนอยู่ที่จมูก มักจะถูกศอกคู่ต่อสู้กระแทกบ่อยๆ จนดั้งจมูกบี้ลงกว่าปกติ บางครั้งนักข่าวเรียกเขาว่า "ไอ้บี้" ในขณะที่บางคนหยิบเอาริมฝีปากที่หนากว่าคนทั่วไปขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์ และเรียกเขาด้วยฉายาว่า "ไอ้ปากหมา" ปรากฏว่าฮิตกว่าคำแรกกระทั่งกลายเป็นฉายาติดตัวโดยอัตโนมัติ ธนูน้อยมีสถิติการชกโชกโชนรวม 300 ครั้งทีเดียว เกียรติประวัติที่สำคัญเขาได้เสื้อสามารถมวยรอบรุ่น "6 แผ่นดิน" ของสนามมวยชลบุรี โดยชนะน็อก ประวัติ พงษ์ไทย, ชนะ พงษ์สิงห์ ก.เจริญ, มิมิตร เลือดเมืองใต้ และแม้กระทั่ง พรศักดิ์ แหลมฟ้าผ่า ก็เคยโดนเขาเตะขาลากมาแล้ว แต่พอเจอกับ ไกรสมุทร จันทรพิษ "เสือร้ายบ้านไผ่" เขาโดนเตะจนแขนหัก แต่กัดฟันสู้จนครบ 5 ยก แล้วแพ้ไปเพียงคะแนน แต่ต้องหยุดพักรักษาแขนนานถึง 4 เดือน กลับมาอีกที ชนะใครต่อใครมาเยอะ ไม่ว่า ธานี พยัคฆโสภณ หรือ พันอนันต์ ลูกปัญญา เป็นต้น ต่อมาชกกับ อุดมเดช ศิษย์หิรัญ ครบ 5 ยกเป็นต่อ 10-1 แต่ถูกตัดสินให้แพ้คะแนน แฟนมวยโห่หันสนามแทบแตก ปรากฏว่ากรรมการผู้ห้าม น.ต.สะอ้าน ชำนิการ ยอมรับว่าชูมือผิด และแสดงสปิริตด้วยการขอลาออก สมัยนั้นยังไม่มีการผลิตกระเบื้องอย่างหนาตราช้างเหมือนทุกวันนี้ ด้วยเหตุที่เป็นทหารบก ธนูน้อยจึงถูกส่งเข้าชกชิงแชมป์ทบ.ทุกปี แต่แพ้รอบชิงมั่ง ตกรอบแรกมั่ง จนปี 10 จึงได้แชมป์ไลต์เวต ทบ. ชนะคะแนน พรสิงห์ ศรราม หนหลังสุดแพ้แตก สายชล พหลโยธิน เลยแขวนนวม เพราะอายุปาเข้าไปกว่าสามสิบปีแล้ว ปัจจุบัน ธนูน้อย หรือ จ.ส.อ.อาวุโส ประโยชน์ สังข์โกมล เกษียณอายุราชการแล้ว ทราบว่าลูกชายของเขาจบโรงเรียนนายร้อย จปร. ถึง 2 คน สร้างความภูมิใจให้คุณพ่อ ผู้เคยได้ฉายาว่า "ไอ้ปากหมา" เมื่ออดีตเป็นอันมาก   Create Date : 28 มีนาคม 2553     0 comment Last Update : 28 มีนาคม 2553 13:37:23 น.     Counter : 1463 Pageviews.   Share Tweet