สุดยอดนักวิทยาศาสตร์จอมขโมยไอเดีย?

มันได้กลายเป็นที่ชัดเจนว่ามาตรฐานการศึกษาในปัจจุบัน ได้ล้างสมองเราผ่านโรงเรียนมัธยม แต่มีบางสิ่งที่ซ่อนเร้นที่ไม่พบในตำราคุณ  บางที่คนที่คุณเคยรักอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณเคยคิด

.................................................................
# 5 Galileo Galilee กาลิเลโอ กาลิเลอิ
.................................................................

กาลิเลโอ เป็นนักดาราศาสตร์อิตาเลียน นักฟิสิกส์ และนักคณิตศาสตร์ หากคุณถามนักเรียนว่าสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ของกาลิเลโอคืออะไร ก็คงไม่พ้น "กล้องโทรทรรศน์"  แต่ในความจริงเขาไม่ได้คิดค้นกล้องโทรทรรศน์เป็นคนแรก

แล้วใครละเป็นคนคิดก่อน?

ในปี ค.ศ. 1609 กาลิเลโอได้ยินเรื่องราวสิ่งประดิษฐ์ของ Lippershey ที่ได้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ เขาก็ได้รีบเร่งสร้างกล้องโทรทรรศน์ในแบบเดียวกันขึ้นมาตามแบบฉบับของเขา ซึ่งออกมาได้ไม่แตกต่างจากของ Lippershey

กล้องโทรทรรศน์ของ Lippershey

แปลกที่ กาลิเลโอ ไม่เคยจดลิขสิทธิในผลงานเขา แต่ชื่อเสียงของเขาก็กลายเป็นตัวแทนผู้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ ขณะที่ชื่อของ Lippershey ได้หายไปจากตำราเรียนของคุณ

 ท้ายที่สุดด้วยอานิสงส์ของ กล้องโทรทรรศน์ Lippershey นี้ทำให้ชื่อของกาลิเลโอได้เป็นชื่อของดวงจันทร์ดวงที่สี่ ของดาวพฤหัส  แต่ชื่อของ Lippershey กลับกลายเป็นแค่หลุมบนดวงจันทร์ (Lippershey's Crater) ที่ไม่มีใครรู้จัก

.............................................................................
# 4 Alexander Fleming  อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง
.............................................................................

เซอร์ อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง เป็นนักชีววิทยาและนักเภสัชวิทยาชาวสก็อตแลนด์เขาเป็นผู้ค้นพบเชื้อราชนิดหนึ่งชื่อว่าเพนนิซิลเลียม (Penicilliam) ซึ่งต่อมาได้นำมาสกัดเป็นยาเพนนิซิลลิน (Penicilin)

ตามตำนานเดิมกล่าวว่า  พ่อของเฟลมมิ่ง ได้เคยช่วยเด็กจมน้ำคนหนึ่ง พ่อของเด็กคนนั้นเลยขอบคุณโดยการให้ทุนการศึกษาแก่เฟรมมิ่ง จนที่สุดเฟรมมิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์  ครั้งนึงเขาได้ช่วยชีวิต Winston Churchill นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในสงครามโลกครั้งที่สอง จากโรคปอดบวม ซึ่งเรื่องแปลกคือว่าเด็กชายที่พ่อของเฟลมมิ่งได้ช่วยชีวิตก็คือ Winston Churchill นั่นเองช่างน่าอัศจรรย์อะไรเช่นนี้

แล้วใครละเป็นคนค้นพบก่อน?

จริงๆแล้ว ชนเผ่าแอฟริกาเหนือได้ใช้ยาปฏิชีวนะเป็นพันๆ ปีแล้ว จนกระทั่งใน ค.ศ. 1897 Ernest Duchesne นักฟิสิกส์ ชาวฝรั่งเศษ จากโรงเรียนการแพทย์ทหาร ในลียง ทำการทดลองใช้รา penicillum รักษาไทฟอยด์ในหมูทดลอง ซึ่งช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ได้ถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งเนื่องจากเขายังเด็กอายุแค่ 23 ปี แล้วยังเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียง ผลงานของเขาจึงไม่มีใครสนใจ เขาตายอีก 10 ปีต่อมาด้วยโรคระบาด ที่สามารถรักษาให้หายด้วยการค้นพบของเขาเอง

สำหรับอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิงหลังจากที่เขาได้พบว่ารา penicillum สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้แล้วนั้น เขาก็มิได้สนในจะนำสิ่งที่เขาค้นพบไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับมวลมนุษยชาติ ซึ่งในขณะที่นักวิทย์อย่าง Howard Florey, Norman Heatley, Andrew Moyer และ Ernst Chain นำผลการทดลองที่ได้นั้นร่วมกันผลิตยา เพนนิซิลิน เพื่อที่จะมาใช้รักษาโรคอย่างจริงจัง

.............................................
#3. Alexander Graham Bell
..............................................

เบลล์ชายผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์เป็นคนแรก แต่เป็นเรื่องแปลกที่ชีวิตเขากลับแวดล้อมอยู่กับคนหูหนวก ซึ่งภรรยาของเขาเป็นคนหูหนวก, แม่ของเขาก็หูหนวก แปลกจังที่เขากลับได้ชื่อว่าเป็นผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์เป็นคนแรก

แล้วใครละเป็นคนประดิษฐ์ก่อน?

ในค.ศ. 1860, ชาวอิตาลีชื่อ Antonio Meucci ได้สาธิตให้เห็นถึงการทำงานของโทรศัพท์ แม้ว่าเขาจะเรียกมันว่า "teletrofono," (ชื่อแปลกตามสไตล์อิตาเลี่ยน) จากนั้นอีก 11 ปีต่อมาเขาได้นำมันไปจดลิขสิทธิซึ่งเป็นเวลา 5 ปีก่อนหน้าที่เบลล์จะประดิษฐ์โทรศัพท์ เขายื่นจดสิทธิบัตรชั่วคราวในสิ่งประดิษฐ์ของเขา  พอปี ค.ศ.1874 เขาไม่มีเงินต่ออายุสิทธิบัตรของเขาเพราะเขาป่วยและยากจน ตอนนั้นต้องเสียค่าธรรมเนียม $10

สองปีหลังจากนั้น เบลล์ก็จดทะเบียนสิทธิบัตรโทรศัพท์ของเขา  แล้วก็แน่นอน Meucci ก็ต้องฟ้องร้องซิครับ โดยส่งต้นฉบับร่างจริงส่งไปยังห้องปฏิบัติการที่ Western Union แต่เกิดหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เบลล์ทำงานอยู่ที่นี่หรือไม่? แล้วต้นฉบับร่างจริงมันหายไปไหน? และในที่สุด  Meucci ได้ตายไปอย่างอนาถา และหายไปจากบันทึกของประวัติศาสตร์

 ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่ เบลล์จะอยากได้โทรศัพท์ไปทำไม ก็ในเมื่อทั้ง แม่และเมียเป็นคนหูหนวก

...........................................................
#2. Albert Einstein อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
............................................................

หนึ่งในบุคคลที่เป็นไอดอล ในวงการวิทยาศาสตร์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งนิตยสารไทม์ ยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญที่สุดในศตวรรษ  ผู้ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพ  แน่นอนถ้าคุณได้ยินชื่อ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์  คุณต้องตอบว่าเขาเป็นคนค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพ ซึ่งจะมากับสูตร E=mc2 

แล้วใครละเป็นคนคิดก่อน?

Marie Curie กำลังคุยกับกับ Poincaré  ใน ค.ศ. 1911

"Henri Poincaré" แน่นอนในยุคนั้น  Poincaré เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าในสัมพันธภาพ (relativity) ในปลายศตวรรษที่ 19 และมีแนวโน้มเป็นคนแรกที่นำเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพอย่างเป็นทางการ
 ลองคิดดูซิว่าถ้าคุณเป็นไอน์สไตน์ และคุณต้องการที่จะเขียนผลงานวิจัยเกี่ยวกับ สัมพันธภาพ (relativity) คุณจะต้องรู้จักหรือศึกษาผลงานของผู้เชี่ยวชาญคนสำคัญในเรื่อง สัมพันธภาพ (relativity) เสียก่อนใช่ใหม ถ้าคุณตอบว่า ใช่ แต่ไม่ใช่สำหรับ ไอน์สไตน์

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้ออกบทความที่สร้างชื่อให้กับเขาเล่มนึงคือ Electrodynamics of Moving Bodies (เวลาของเราไม่เท่ากัน) ซึ่งก่อนหน้านั้น Poincaré ได้ตีพิมพ์หนังสือผลงานกว่า 30 เล่ม และเอกสารกว่า 500 หน้า  แต่ถ้าเราหยิบเอกสารของ ไอน์สไตน์ ขึ้นมาดู คุณแทบจะไม่เชื่อว่า Poincaré ไม่ได้รับการอ้างอิงแม้แต่นิดเดียวในบรรณานุกรม เชิงอรรถ (footnote) หรือแม้กระทั่งอ้างอิงแหล่งที่มา ทั้งหมดในเอกสารของเขา

จริงเหรอ? ไม่ต้องอ้างอิงแหล่งที่มาซักที่

อย่าพึ่งสรุป บางทีเอกสารผลงานของเขา อาจไม่มีแหล่งที่มาใดๆ เพราะเขาไม่ต้องอ่านตำราฟิสิกส์อื่นๆ เพราะบางทีเขาฉลาดมากเกินมนุษย์อยู่แล้ว  แต่จากการแฉของ Peter Galison ในหนังสือ Einstein's Clocks,  Poincaré's Maps: Empires of Time  ในอดีตไอน์สไตน์ได้ตั้งกลุ่มเนิร์ดเล็กๆ ชื่อว่า The Olympia Academy ซึ่งกลุ่มนี้จะร่วมกันถก หารือเกี่ยวกับผลงานของนักวิทย์ต่างๆ ซึ่งผลงานของ Poincaré เป็นหนึ่งในหัวข้อที่กองทัพเนิร์ดของเขาถกกันในกลุ่ม

บางทีไอน์สไตน์ อาจจะไม่เคยอ่านเอกสารอื่นใด ความรู้เหล่านั้นอาจจะมาจากการถกกันในกลุ่ม จึงไม่เคยอ่านหนังสือหรือเอกสารของ Poincaré ก็เลยไม่ต้องอ้างอิงหรือไม่รู้จะอ้างอิงอะไร

.........................................................
# 1 Thomas Edison โธมัส เอดิสัน
..........................................................

โธมัส เอดิสัน เจ้าของฉายา “พ่อมดแห่งเมนโลพาร์ก” เจ้าของสถิติ มีสิทธิบัตรมากที่สุดในโลก มีจำนวนถึง 1,093 สิทธิบัตรที่เป็นชื่อของเขา มันเป็นสิ่งที่เขาคิดเองขึ้นมาทั้งหมดเลยหรือ แอบขโมยผลงานของใครมาบ้างรึเปล่า เรามาลองศึกษากรณีนี้ดู

เรารู้จักเอดิสันในฐานะผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ เครื่องฉายภาพยนต์ ไฟฟ้า และอีกเป็นร้อยเป็นพันอย่างที่จะบรรยาย แต่คราวนี้เราจะพูดถึงแค่ “หลอดไฟ”

แล้วใครละเป็นคนคิด?

เราทุกคนรู้ว่าเอดิสันใช้ประโยชน์และเอาประโยชน์จากคนยากจน อย่างสุดยอดนักวิทยาศาสตร์อย่าง Nikola Tesla แต่มีแค่คนเดียวเหรอ มีคนอื่นอีกบ้างป่าว
ก่อนหน้านั้นมีหลายคนที่วุ่นวายอยู่กับความคิดที่จะสร้างหลอดไฟอย่าง (Jean Foucault, Humphrey Davy, JW Starr, และอีกหลายคนที่ไม่ได้บันทึกลงในตำราเรียน), แต่คนนี้ Heinrich Goebel เป็นคนแรกที่คิดหลอดไฟขึ้นมาในปี ค.ศ. 1854 เอดิสันพยายามขอซื้อลิขสิทธิจาก Heinrich Goebel เพราะเห็นว่า Goebel เก็บสิทธิบัตรไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแต่ Goebel ก็ไม่ยอมขาย ซึ่งเอดิสันคิดว่าเอาไปให้ตนไปใช้ประโยชน์กับมวลมนุษย์ซะยังดีกว่า
หลังจากนั้นไม่นาน Goebel ก็เกิดตายอย่างปริศนา เอดิสันก็จัดการซื้อสิทธิบัตรจากภรรยาหม้ายของ Goebel ทันที (แหงล่ะก็เล็งไว้แล้วนี่) แถมยังซื้อมาถูกสุดๆ ราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมาก

ด้วยความเป็นนักฝันและไม่พอใจอะไรเพียงเท่านี้ หลอดไฟของบริษัทเอดิสันไม่น่าพอใจสำหรับการพาณิชย์ แต่ตรงข้ามกับบริษัท Swan United Electric Light Company ของ Joseph Swan ที่มีความก้าวหน้าในการผลิตหลอดไฟเป็นอย่างมาก (ใช้คาร์บอนแท่งเป็นใส้หลอด แล้วไล่อากาศภายในออกเป็นสูญญากาศ) ก็เลยจารกรรมข้อมูลของบริษัท Swan ซะเลย เป็นคดีความอยู่พักนึง เอดิสันก็เลยคิดว่าลำบากนักก็จัดการควบรวมให้เป็นบริษัทลูกซะเลย แล้วซึ่งรู้จักกันในชื่อ Ediswan ใน ค.ศ. 1883 ผลก็คือเอดิสันได้ครอบครองสิทธิบัตรอีกจำนวนมากมาย
เท่านั้นยังไม่พอเมื่อได้ครอบครองสิทธิบัตรของบริษัท Swan แล้ว ก็จัดการขายบริษัท Swanทิ้ง แล้วตั้งบริษัทใหม่คือ Edison Company แน่นอน Swan ได้เงิน แต่เอดิสันยังได้เหล่ายอดนักวิทยาศาสตร์จากบริษัท Swan อีกกระบุงโกย และที่สำคัญยังมีชื่อบรรจุลงในตำราเป็นผู้ประดิษฐ์หลอดไฟเป็นคนแรกอีกด้วย เยี่ยมไปเลยป๋า

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิ, กูเกิล, แคร็ก




Create Date : 16 สิงหาคม 2555
Last Update : 16 สิงหาคม 2555 22:31:15 น.
Counter : 12767 Pageviews.

7 comment
รวมภาพประหลาดบนดาวอังคาร ร่องรอยเอเลี่ยน?

รวมรวมภาพแปลกบนดาวอังคารที่คุณอาจไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งขณะนี้มีทฤษฎีที่ได้รับความนิยมมากเกี่ยวกับดาวอังคารที่ว่า เมื่อล้านปีมาแล้วมีอารยธรรมบนดาวอังคารแล้วจู่ๆ ก็เกิดหายไป ทั้งน้ำ ทั้งชั้นบรรยากาศซึ่งมันเป็นเรื่องแปลก มันเกิดอะไรกับดาวอังคาร ซึ่งวันนี้จะมาตามหาร่องรอยอารยธรรมดาวอังคาร ด้วยอัลบัมภาพความละเอียดสูงจาก University of Arizona  

รูปจำลองที่คาดว่าเป็นดาวอังคารเมื่อล้านปีที่แล้ว

แต่ปัจจุบัน.......

มาดูรูปเหล่านี้แล้วมาวิเคราะกันว่า มันเกิดจากธรรมชาติ หรือ อารยธรรมมนุษย์ดาวอังคาร เชิญทัศนา...

ภาพนี้แจ๋ว

เอามาแต่งให้ดูดีขึ้นหน่อย

ฐานทัพมนุษย์ดาวอังคาร?

 

ยังแปลกได้อีก

ภาพดาวอังคารก่อนเกิดเหตุการณ์

หลังจากนั้นอีกล้านปี

ภาพจากนาซ่า แดงๆ ไร้สิ่งมีชีวิต

ภาพหลังจากเอาสีแดงออกแล้ว ทำไมนาซ่าต้องเอาภาพสีแดงออกมาให้เราดู

หลายคนบอก "ก็ดาวอังคารเป็นดาวสีแดง ไม่ใช่ดาวสีเขียว ดูกล้องโทรทรรศน์ไม่โกหก"

จริงดิ? บางอย่างคุณอย่าพึ่งเชื่อทุกสิ่งจากนาซ่า บางสิ่งต้องการคำอธิบาย อย่างภาพนี้คือ ภาพการประชุมสรุปภายในของนาซ่า ก่อนที่จะนำภาพออกสู่สาธารณชน 

ภาพจากจุดเดียวกัน ที่นาซ่าเผยออกสู่สาธารณะ

ท้องฟ้าสีฟ้าแสนสวยหายไปใหน?

ซิดนี่ย์สีแดง แห้งแล้ง ไร้ชีวิต....ฮา

อันนี้เด็ดจาก marsrover



ดูๆ ไปเหมือนนี่ป่าว

ภาพปริศนาส่งท้าย ถ่ายจากอวกาศเหมือนกันมันคืออะไร

เฉลย มันคือ




Create Date : 11 สิงหาคม 2555
Last Update : 11 สิงหาคม 2555 11:41:57 น.
Counter : 48332 Pageviews.

49 comment
1  2  3  

jo guevara
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



New Comments