All Blog
|
2006-2-1, 2, 5, 6 และ 7
Reese Witherspoon ในความคิดเห็นของรีส ในฐานะแม่ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ดารา หรือผู้หญิงสวยๆออกมาประกาศ หรือพูดว่า ไม่สนใจในสิ่งที่คนรุ่นก่อนๆทำเอาไว้ให้เป็นแบบอย่าง และไม่อยากทำตาม (เช่น การเข้าเรียนเพื่อการศึกษาที่สูงขึ้น, การใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง) แต่กลับบอกว่า... การทำอะไรโง่ๆนั้นน่ารักดี ดาราเมื่อพูดหรือกระทำสิ่งใด ก็มักมีคนเลียนแบบอย่าง ถึงแม้ตัวเองไม่โง่ แต่การแกล้งหรือแสดงอะไรโง่ๆออกไป ไม่ว่าทางการกระทำหรือคำพูด มันเป็นการสื่อสารที่ผิด ที่มีผลทำให้ผู้หญิงวัยรุ่นจำนวนมากพยายามทำตาม ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆจากผู้หญิงที่สวยและน่ารัก...ชอบเป็นการส่วนตัวด้วยค่ะ Reese has gone on the record saying she's sick of the trend among young women to act as if it's cute to be stupid. "It's a new movement among young women that it's cute to be dumb. I have a little girl, and when I see her looking at those starlets (ดารา) who are pretending to be dumb, I think that's terrible. Our mothers and our grandmothers and the women that came before us fought so hard to overcome the stereotype of women being not smart enough to vote, not smart enough to receive higher education or to have great jobs. And to single-handedly (อย่างบุกเดี่ยว) go out in a very public way and say, 'You know what, I don't really care about what they achieved. I'm just going be stupid and that's cute.' I don't think it's a good message for young women." ที่มา Oprah Winfreys Show สืบเนื่องจากเมื่อวาน อยากจะขอพูดถึงชาวยิว เพราะมีเรื่องที่น่าเอาแบบอย่าง หลายครั้งเราถูกทำให้เข้าใจผิด ในข้อกล่าวหาที่ว่า ชาวยิวเมื่อไปอยู่ที่ไหนก็มักจะแย่งงานคนท้องถิ่นทำหมด กอบโกยเอา กอบโกยเอา ส่วนคนท้องถิ่นก็ได้แต่อิจฉาตาร้อน ทำไมมันเป็นอย่างนั้น ความจริงก็คือ...เป็นความจริงที่เราน่าจะรู้มานานแล้ว...จะได้ทำตามอย่าง จะได้ประสบความสำเร็จทั้งอาชีพการงาน และก็เงินทอง ฐานะทางเศรษฐกิจที่ทุกคนปรารถนาครอบครองด้วย ความจริงก็คือ...ชาวยิวมีทัศนคติ และความคิด ยกย่องให้เกียรติการศึกษามาก มากในความหมายที่ว่า ไม่ใช่เรียนแค่เอาใบปริญญา ไม่ใช่แค่พอผ่านๆ แต่เรียนอะไร เรียนให้รู้จริง และลงมือทำ และใช้ให้ชำนาญ พวกเขาจึงไม่ได้เรียนแล้วพับความรู้ส่งคืนครูอาจารย์ พวกเขานำมาใช้ในการทำงาน ในชีวิตประจำวัน แล้วนายจ้างคนไหนจะไม่อยากได้คนมีฝีมือมีความรู้อย่างนี้มาทำงานด้วย รู้แบบนี้ก็ทำให้รู้สึกว่า คนขี้เกียจ คนไม่สนใจเรียน ผลสุดท้ายก็จบลงที่ความอิจฉา ไม่ใช่เพราะคนอื่นเขาเป็นซุปเปอร์มนุษย์ เกิดมาก็กินข้าวได้เองโดยไม่ต้องการพ่อแม่ ทุกคนเท่าเทียมกัน แต่แตกต่างที่อีกคนนั้น เขาเลือกและทำในสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ให้ผลตอบแทนระยะยาว ทางเศรษฐกิจก็เรียกว่า การลงทุนที่คุ้มค่า คนเรามีสมอง มีเวลา มีความสามารถ บางคนลงทุน...ใช้ทุกอย่างที่มีเอาไปเล่นหวย เล่นไพ่ ดื่มเหล้าเมา คุยเล่นทั้งวัน รอบุญหล่นลงมาทับ รอรัฐบาลช่วย รอคนอื่นมาให้.... ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่าง สมัยนี้คนไทยด้วยกันเอง...(ส่วนมาก)...ก็ไม่ได้มองคนที่เงิน เงิน เงินอีกแล้ว ถ้าใครไม่รู้ ไม่สามารถ ไม่มีประสบการณ์ อาจจะอดได้ทำงานดีๆ ที่พูดมายืดยาว ก็เพราะตัวเราเองจะต้องกลับตัวกลับใจเสียใหม่ มัวแต่สนุกอยู่ที่ต่างประเทศแบบเรื่อยเปื่อยไร้เป้าหมายไม่ได้...จึงคิดได้ว่า...จะต้องกลับไปเรียนต่อเอาปริญญาโทมาให้ได้....มันก็ยากนะ แต่มันจะนำมาซึ่งสิ่งที่ตัวเราต้องการนั้นคือ ความภาคภูมิใจในตัวเอง และโอกาสในการทำงานที่ดี อยากมีส่วนพัฒนาประเทศและสังคม...เป้าหมายคือ ประเทศไทย ขอบคุณ และขอยกย่องชาวยิวอย่างจริงใจ...ด้านการศึกษา วันนี้มีโอกาสได้ฟังคำบรรยายพิเศษ ซึ่งก็พิเศษจริงๆ เรื่องของวีรบุรุษ ผู้มีส่วนช่วยชีวิตชาวยิวส่วนหนึ่งให้รอดตายจากการฆ่าร้างเผ่าพันธุ์ของกองทัพนาซีเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่สอง ที่พิเศษก็เพราะท่านผู้นี้เป็นคนสวีเดน และแบบอย่างของการกระทำดีก็น่าประทับใจ การฆ่าหรือฆาตกรรมมนุษย์ด้วยกันเองเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย โดยเฉพาะการฆ่าคนบริสุทธิ์ที่ไม่มีทางต่อสู้ น่าดีใจที่ยังมีคนเข้มแข็ง คนที่ไม่กลัว คนที่รักผู้อื่น และปรารถนาจะช่วยเหลือให้รอดจากอันตราย เราทุกคนควรเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ โลกเราดำรงอยู่ได้ เรามีทุกวันนี้ เพราะคนดีเข้มแข็งกว่าคนชั่ว สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม อ่านได้ที่นี่ค่ะ Raoul Wallenberg และ Raoul Wallenberg 2 การได้มีโอกาสหาประสบการณ์ชีวิตในต่างประเทศ อาศัยอยู่บ้านคนอื่น อยู่กับคนแปลกหน้า ทำให้รู้ว่า บ้านที่แท้จริง บ้านที่เหมาะกับตัวเรา มันไม่ได้มีอยู่หลายที่ มันมีที่เดียว ที่อื่นเรามาอยู่ชั่วคราว บ้าน คือ สถานที่ที่เราปรารถนาอยากจะอยู่ที่นั้นไปนานๆ ตลอด ใครจะว่าบ้านเราก็ชั่ง เรารักและภูมิใจ ยังไม่มีบ้าน ขอไปสร้างบ้านก่อนค่ะ เอาสวยๆแบบน่ารัก น่าอยู่...อันนี้เลือกได้ อันนี้จริงๆก็ยอมรับ มันเป็นแบบนั้น ก็รู้ตัวหมด เหตุผลก็คือ ไม่มีใครพยายามศึกษาเรา อ่านเรา เขาก็เลยไม่มีทางรู้จักเราดีหรอก จริงๆนะ...คนเราส่วนใหญ่ชอบอะไรง่ายๆ...เราไม่อยากเป็นคนที่ง่ายเกินไป เพราะมันน่าเบื่อ และมันไม่น่าสนใจ อีกอย่าง...เราก็สนใจคนประเภทลึกลับ อ่านยากด้วย แต่เฉพาะคนที่นิสัยดีๆเท่านั้น ไม่ใช่เพราะรับคนนิสัยเสียไม่ได้ แต่แม๊...ไม่มีเวลามากขนาดนั้นนี่ค่ะ ส่วนความเรียบร้อย อันนี้เป็นมาตั้งแต่เกิดคงจะได้มั้ง เพราะพ่อแม่ก็ชมว่าเป็นเด็กเรียบร้อยมาโดยตลอด ครูบาอาจารย์ก็ชม ญาติพี่น้องก็ชม เพื่อนๆก็ชม น้องๆก็ชม คนต่างชาติที่ตัวเองรู้จักก็ชม...มีพยานยืนยันเยอะแยะไปหมด ก็ชอบนะ ชอบมาก มันดีต่อจิตใจน่ารัก...น่ารัก สรุปแล้ว ไม่มีอะไรเสียหาย พูดตรงๆก็เข้าขั้นคนที่ดีมากคนหนึ่งทีเดียวนะ...จะบอกให้ ผู้หญิงที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่าง เผชิญความลำบาก อดทน ฝ่าฟัน และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง มีเสน่ห์ มีความสุข โดยไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งผู้ชายเสมอไป เป็นผู้หญิงที่ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นผู้หญิงที่ทำให้ผู้หญิงด้วยกันรู้สึกภาคภูมิใจ มีหลายคนแนะนำ...เรา...ให้หาแฟน แต่งงานซะ ยอมรับว่าอายุก็เกินสามสิบมาหนึ่งปีแล้ว ถ้าอยู่ที่เมืองไทยก็จัดเข้าประเภท ขึ้นคาน สำหรับเราคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติก็คุณโอปรา อายุห้าสิบแล้ว ก็ยังโสด...มันก็มีกำลังใจ เพราะผู้หญิงเก่งๆ ดีๆหลายคนก็เลือกที่จะอยู่คนเดียว แบบมีความสุข หมายถึง โสด...ไม่ใช่เพราะจีบผู้ชายไม่เป็น ไม่ใช่ขี้อาย ไม่ใช่คนตายด้าน แต่คิดดีแล้ว เลือกแล้ว ว่ามีความสุขแบบเดี่ยวๆเหมาะกว่า ความรักเป็นเรื่องธรรมดาทุกคนต้องมี...รักน่ะ...รักได้...สนับสนุน รักแล้วก็ใช่ว่ามันจะจบลงที่ตรงนั้น มันยังมีอะไรตามมาอีกเยอะ...หมายถึง ภาระและความรับผิดชอบน่ะค่ะ ถ้าเตรียมตัวรับทุกสิ่งที่แถมมาให้พร้อมกับความรักแล้ว แบบทำใจได้...ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ ขอแสดงความยินดี...เดี๋ยวจะตามไปทีหลังนะ 2006-1-22, 23, 24, 25 และ 28
คงจะจริง...ถ้าเมืองไทย เหมือนประเทศสวีเดน และประเทศสวีเดนเหมือนเมืองไทย...เมื่อดูภาพนี้แล้วอาจรู้สึกเฉยๆ และก็ไม่ได้หมายความว่า ของเขาดีกว่าของเรา สิ่งที่แตกต่างกัน ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบแข่งขันกันได้ มีเอาไว้ให้ชื่นชม คนไทยรักเมืองไทย...เราคือคนนั้น John Lennon/ Paul McCartney มาร์ก ทเวน วิธีใส่ความรักในใจ... โดยการบอกกับตัวเองทุกเช้าวันใหม่ว่า ตัวเราจะให้วันนี้และจนถึงจุดสิ้นสุดของวัน เริ่มต้นที่ความรัก และจบลงที่ความรักเสมอๆตลอดไป ผลที่ควรเกิด... เมื่อดำเนินไปด้วยความรัก คือ...คนที่เป็นศัตรูกลายเป็นมิตร คนที่เคยหัวเราะเยาะ หรือดูถูก กลายเป็นคนที่ชื่นชมและชื่นชอบในตัวเรา ทุกๆสิ่งจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเพียงแค่พูด...ลงมือทำ...คือ หนทางที่นำไปสู่การสร้างให้เกิดขึ้นจริง ฉันรักผู้อื่นก่อน และพวกเขาก็รักฉันตอบ ฉันขอบคุณทุกๆวันด้วยความรัก ฉันเปลี่ยนมามองหาสิ่งที่ดีในตัวของผู้อื่น และฉันก็พูดชมเชยด้วยใจจริง ฉันหยุดมองหาสิ่งที่ไม่ดีของผู้อื่น และพวกเขาก็เริ่มไม่มองหาจุดเสียในตัวของฉันเช่นกัน ความรักทำให้ฉันมีความสุขมากขึ้นทุกๆวัน (ที่มา Today Is Your Day To Win) หลายคนที่มีโอกาสได้ดูแลตัวเอง และอาศัยอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ความรักเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ เป็นตัวเชื่อมให้คนอยู่ร่วมกันได้ และมีความสุข อย่างกับตัวเอง...ทำงานกับฝรั่ง อาศัยอยู่กินกับพวกเขา ถ้าไม่รัก ไม่ชอบกันแล้วก็คงอยู่กันไม่ได้นาน แต่ที่อยู่ได้นานก็เพราะความรักทำให้เป็นมิตรต่อกันค่ะ ไม่ใช่เขามาชอบเรา แต่เราทำให้เขาชอบ เอาชนะใจเขา ตัวเราก็สบายในที่สุด หมายถึงสบายใจน่ะค่ะ ส่วนงานก็ยังต้องทำอยู่เหมือนเดิม อย่างคนไทยที่มาอยู่สวีเดน ก็มีเหตุผลร้อยแปดแตกต่างกันไป แต่ส่วนลึกๆที่เหมือนๆกันคือ ทำเพื่อพ่อแม่ ทำเพื่อลูก ทำเพื่อสามี ทำเพื่อภรรยา ทำเพื่อคนรัก ทำเพื่อตัวเอง...และอีกมากมาย...แต่สรุปแล้วเกิดจากความรักเป็นสำคัญ ทำให้หลายๆคนเสียสละได้ ยอมลำบาก ยอมอดทนได้ และมีความสุขไปด้วยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนมีความรัก มันไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง ต้องเอาความรักมาใส่ที่ใจ และที่สมองของเราก่อนค่ะ มาลองทำกันดู...พูดดังๆว่า...ฉันมีความรัก ฉันมีความรัก, ฉันสามารถเอาชนะใจคนอื่นได้ ฉันสามารถเอาชนะใจคนอื่นได้...โอม...เพี้ยง สุดท้าย ยิ้มหวานๆให้ตัวเองด้วยค่ะ ใช่แล้ว...เรามีความสุขที่ตัวเราให้สิ่งที่ดีกับตัวเอง เป็นการขอบคุณ เป็นการให้กำลังใจ และเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยตัวเอง ความเห็นแก่ตัว คือการทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ไม่ใช่ความสุข คนที่เห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนที่รักตัวเอง ถ้าอยากรู้ว่า...รัก...เป็นอย่างไร ต้องเลิกเห็นแก่ตัว แล้วหันมายอมรับความจริง ถ้าตัวเราทำดี ก็ชื่นชมว่าดี ถ้าตัวเราทำผิดก็ตักเตือน และรับโทษหรือผลของความผิดนั้น การให้ของขวัญกับตัวเอง ไม่ได้หมายความว่า เมื่อถึงเวลาที่ตัวเราทำผิดพลาด แล้วจะวิ่งหนี แล้วทิ้งสิ่งที่ไม่ดีให้คนอื่นชดใช้...คงไม่ใช่ เพราะเราเชื่อว่า คนที่รักตัวเองอย่างถูกต้อง และตั้งใจให้สิ่งที่ดีกับตัวเอง ไม่เคยรักตัวเองจนตาบอด มองไม่เห็นจุดเสีย ที่ต้องแก้ไข ดังนั้น เหตุผลอันสำคัญที่ตัวเราให้ของขวัญกับตัวเอง ก็เพราะตัวเราเป็นคนดี เมื่อทำผิดแล้วรับผิด อดทน เผชิญปัญหาและแก้ไขด้วยความกล้าหาญ จริงใจต่อผู้อื่น และทำทุกอย่างด้วยความรักออกมาจากหัวใจ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ยิ้มดีใจ เมื่อได้รับของขวัญได้อย่างไรกัน...เอ๋ย ความสุข ความสุข ความสุข เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา และได้มาครอบครองที่สุด เพราะมันสมบูรณ์ มันที่สุด และมันก็ดีต่อสุขภาพ ใครมีความสุข ใครยิ้ม ใครสดชื่นแจ่มใส ก็พลอยทำให้ร่างกายสบาย จิตใจสบาย และทุกๆอย่าง สบาย...สบาย...ง่าย...ง่าย ตามไปด้วย อะไรที่มันขัด มันเกิน มันอาจไม่เข้าท่า เข้าทาง มันก็อาจลงตัว เหมาะสม เหมาะเจาะ ดูดีไปหมด ก็ได้ อย่างแก้วยิ้มสีเหลืองสดใส กับดอกไม้สีเหลืองสวยๆ มันบอกถึงความสุข มันมีความหมายที่ดีมากๆ เริ่มต้นที่ความรัก ที่ไม่ใช่เพียงแค่รอให้คนอื่นมารักเรา แต่เรารักตัวเรา และคนอื่นก่อน ง่ายๆสบายๆไม่แพงด้วยนะ ขอให้มีความสุขกันถ้วนทั่ว...ไชโย...ไชโย ซามูเอล อะมาลู วันนี้ฉันตั้งเป้าหมายโดยผ่านมุมมองของการแยกแยะ และชี้ชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่ฉันต้องการจริงๆ ฉันตั้งใจจะลงมือทำทุกอย่างเพื่อทำให้เป้าหมายสำเร็จลุล่วง ฉันสนุกกับขั้นตอนการตั้งเป้าหมาย และขั้นตอนการทำให้เป้าหมายที่มีคุณค่าเหล่านั้นสำเร็จ ฉันตั้งเป้าหมายที่ดี ที่ถูกต้องเหมาะสม 2006-1-9, 18, 19 และ 21
จึงตั้งใจมองหาคำพูดที่ดี ที่สร้างสรรค์ และนำมาแบ่งปันกับหลายๆคน การหาคำพูดที่ดี ไม่ใช่หาได้ง่ายๆและไม่ใช่เป็นสิ่งที่ยากเกินไปเช่นกัน แต่ทุกอย่างก็เริ่มต้นจากการค้นหา ใช่ว่าตัวเองจะยอมรับไม่ได้กับคำพูดที่ไม่ดี แต่เพราะตัวเรามีสิทธิ์เลือก และรับอะไรก็ได้ที่ตัวเราชอบ และเหมาะสม เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนอยู่แล้ว เราจึงควรใช้สิทธิ์นั้นให้เต็มที่ด้วย ดังนั้นคำแรกที่มีพลัง คือคำว่า...ทุกคนมีสิทธิ์เลือก จงใช้สิทธิ์ และต่อสู้เพื่อสิทธิ์นั้น แม้บางครั้งมันไม่ง่ายก็ตาม มาฝึกฟังสิ่งที่ดีๆ แล้วความคิดของเราก็จะดีไปด้วย มันไม่ใช่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด แต่คือการใช้กฎของการแทนที่ ถ้าตัวเราเหมือนแก้วน้ำ ถูกเติมเอาไว้ด้วยน้ำโสโครก ก็จัดการเทมันทิ้ง แล้วเติมน้ำดีๆลงไปแทน ก็เหมือนกัน คนเราถูกเติมความคิดด้วยการรับฟัง ไม่ใช่แค่ทางสายตา การฟังอะไรไม่ดี เข้าหู บางครั้งมันก็เข้าไปที่ใจ และที่หัว การจะเอาสิ่งไม่ดีออก ก็คือการรับฟังสิ่งที่ดีๆเข้ามา พูดสิ่งดีๆกับตัวเอง ฟังสิ่งดีๆจากคนอื่น แล้วเก็บมันเอาไว้กับตัวนานๆ จนของเน่าๆ ไม่ดีทั้งหลายมันไหล และสลายไปจากตัวเรา การเป็นคนแง่บวก เกิดจากการฝึกฝน ทำบ่อยๆ สำหรับตัวเรา...ไม่ได้เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด...แต่มีความคิดอยากจะเป็น...คนแง่บวก...ก็ต้องทำมันให้เกิด เราก็ตั้งใจมาเปลี่ยนแปลงบล็อกของตัวเอง ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่เพราะอยากทำค่ะ สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนคือความเชื่อ ความศรัทธาในพระเจ้า เพราะนำมาซึ่งความสันติสุขในจิตใจ...อาเมนค่ะ สงสารตัวเองที่มัวแต่สงสารตัวเอง เพราะมันยิ่งทำให้เศร้า และหมดกำลังใจ ต่อไปสงสารได้ แต่เชียร์ให้ลุกขึ้นสู้เร็วๆ เพราะผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้มันแตกต่าง การสู้ทำให้เราภาคภูมิใจในตัวเองมากๆ ส่วนการยอมแพ้ ทำให้สงสารตัวเองมากขึ้นไปอีก และทำให้ประเมินตัวเองต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ตัวเราก็สู้ทุกวัน แต่บางวันมันไม่มีเรื่องให้สู้หรอกนะ มันมีเรื่องให้สนุก และหาประสบการณ์กับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆให้กับตัวเอง ก็ที่ผ่านมา มันกำลังยุ่ง เข้าใจหน่อยนะค่ะ แต่ก็ยังเป็นห่วง เป็นใย นี่...มันหน้าหนาวแล้ว รู้หรือเปล่า ข่าวคราว เลยหายเงียบไป ก็มัน...เย็น เอารูปมาให้ดู แล้วคิดถึงกันใหม่ ขอขอบคุณ ที่ยังตามเป็นห่วงเป็นใย รักค่ะ รักทุกคน รู้หรือเปล่า ปากหวานด้วยนะ พูดหยาบไม่เป็น นี่...แล้ว อย่าลืมทักทายกันบ้าง ก็เพราะมีความเป็นห่วงเป็นใย ส่วนอนาคตที่เมืองไทย ยังอยู่ในขั้นตอนหาคำตอบให้กับตัวเอง แต่ที่ชอบคือนอนขี้เกียจอยู่ที่บ้าน พอเงินไม่มี โดนกดดัน เดี๋ยวคำตอบมาแน่นอน ว่าจะทำอะไร ที่แน่ๆตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้อะไรทำนองนั้น พรปีใหม่ที่ขอ ขอกับเพื่อนรัก ขอให้เขาได้ไปเมืองไทย แล้วเราจะเป็นเจ้าบ้านต้อนรับ นี่ล่ะคือสิ่งที่ต้องการจริงๆ |
ใสที่สุด
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] แต่ตัดสินใจเชื่อพระเจ้า ตอนอายุ 17 ปี ผ่านมาหลายฤดูกาล หลายปี อยากขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ ทุกเหตุการณ์ในชีวิต ทั้งสุข ทุกข์ บนเส้นทางสายนี้ที่ตัดสินใจเลือกแล้ว Thailand, Bangkok Sweden, Stockholm |