Modern Luxury Style ผ้าม่าน @ VIVE พระราม 9 Infinity Design จะพาไปชมผลงานการตกแต่งบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่ 3 ชั้นโครงการ VIVE พระราม 9 บนทำเลกรุงเทพกรีฑา ในสไตล์ Modern Luxury Style ด้วย ผ้าม่าน (Curtain) และ ม่านม้วน (Roller Blinds) โทนสีดำ ดูเท่และทันสมัยด้วยม่านไฟฟ้า วีเว่ พระราม 9 (VIVE Rama 9) บ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่ 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 68 ตร.วาขึ้นไป จาก Land&Houses ดีไซน์ใหม่สไตล์ Modern Japanese ที่มีแนวคิดการออกแบบ Natural Intervention Concept รวมถึงยังมี Identity Living Concept กับห้องนอน 3 แบบ 3 สไตล์ ตอบโจทย์คนในครอบครัวที่อาจมีความชอบและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ในราคาเริ่มต้น 28 ล้าน* (ก.ย.65)   บ้านเดี่ยว 3 ชั้น @ VIVE พระราม 9   บ้านที่เราจะพาไปชมการตกแต่งจะเป็นแบบบ้าน MJ พื้นที่ใช้สอย 324 ตร.ม.ขนาด 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3 คัน ซึ่งก่อนที่เราจะไปดูมุมต่างๆ ภายในบ้าน เราอยากให้ดูภาพ Before-After ล่างนี้ นอกจาก ผ้าม่าน (Curtain) จะช่วยในเรื่องของการกันแสงแดดแล้ว ยังทำให้บรรยากาศภายในห้องให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นอีกด้วย   Before & After @ VIVE พระราม 9   เมื่อเปิดประตูเข้าบ้านมาที่ชั้น 1 จะเจอกับห้องทำงานกันก่อนเลย เป็นการตกแต่งสไตล์ Modern Luxury มากๆ โดยมีการกรุหินอ่อนและซ่อนไฟอย่างสวยงาม ส่วนโทนสีห้องนั้นเน้นเป็นโทนสีดำ   มุมทำงาน @ VIVE พระราม 9   สำหรับบานประตูใหญ่ตกแต่งด้วย ม่านม้วน แบบกรองแสง (Roller Blinds Sunscreen) สามารถมองเห็นกันได้ทั้ง 2 ด้านในเวลาที่แตกต่างกัน ในเวลากลางวันสามารถมองเห็นวิวสวนภายนอกได้เลยค่ะ ส่วนคนภายนอกจะมองไม่เห็นภายใน และในเวลากลางคืนจะตรงกันข้ามกัน   อ่านต่อ : 8 ไอเดียตกแต่งห้องด้วย “ม่านม้วน”   มุมทำงาน ตกแต่งด้วยม่านม้วนแบบกรองแสง @ VIVE พระราม 9   ม่านม้วน (Roller Blinds) ที่ใช้ตกแต่งใบผ้าสีเทาดำ และชุดอุปกรณ์สีดำ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศห้อง ซึ่งวัสดุจะเป็น Polyester 25%, PVC 75% ที่แสงส่องผ่าน 5% และกรองแสงได้ 95%มีความหนาอยู่ที่ 0.88 mm.   ม่านม้วน สีดำ @ VIVE พระราม 9   ต่อกันด้วยมุมนั่งเล่นที่มาในโทนสีดำอีกเช่นกัน ที่คาดว่าน่าจะถูกอกถูกใจของวัยรุ่นหลายๆ คนเลยล่ะ โดยในมุมนี้จะตกแต่งด้วย ผ้าม่าน 2 ชั้น มีผ้าม่านกันแสงทึบๆ เพื่อไม่ให้แสงส่องเข้ามากวนใจเวลาดูทีวี และมีผ้าม่านโปร่งช่วยกรองแสง   มุมนั่งเล่นตกแต่งด้วยผ้าม่าน 2 ชั้น @ VIVE พระราม 9   เพื่อให้แมทช์กับบรรยากาศของห้องที่บิวท์อินมาดำสนิท ทางทีม Decorista จึงแนะนำให้ตกแต่งด้วย ผ้าม่าน (Curtain) สีดำไปด้วยเลย ทำให้ดูมีความนิ่งขรึม คลาสสิค ดูหรูหรา ไม่ได้ดูเศร้า หม่นหมองอย่าที่คิดเลย   อ่านต่อ : 10 ไอเดียการตกแต่งห้องนอนโทนสีดำ   มุมนั่งเล่น ตกแต่งด้วยผ้าม่าน สีดำ @ VIVE พระราม 9   ต่อมาเดินขึ้นมาที่ชั้น 2 ตกแต่งในแบบ Modern Luxury Style ที่สะท้อนความหรูหราและทันสมัย ในขณะเดียวกันยังอบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น ที่จะทำให้การพักผ่อนในทุกวันดูดีมีสไตล์ และใช้หินอ่อนที่มาพร้อมดีเทลลวดลายสวยงามตามธรรมชาติ รวมถึงวัสดุสแตนเลสโทนสีทองที่มีความมันวาว เพื่อช่วยเพิ่มมิติความหรูหราจากการสะท้อนของแสงเงา   อ่านต่อ : 10 ไอเดีย การตกแต่งห้อง Modern Luxury Style   ชั้น 2 ตกแต่งสไตล์ Modern Luxury Style @ VIVE พระราม 9   ชั้น 2 นี้จะมีหน้าต่างบานประตูใหญ่ๆ ที่สามารถออกไปปาร์ตี้ด้านนอกได้อยู่ 2 จุด ซึ่งจะตกแต่งด้วยผ้าม่าน 2 ชั้น ที่มีทั้งผ้าม่านกันแสงและผ้าโปร่ง จัดรูปแบบการตกแต่งและใช้งานให้เป็นแบบแยกกลาง เพื่อความสวยงาม และสามารถเดินเข้า-ออกได้อย่างสะดวก   มุมนั่งเล่นชั้น 2 ตกแต่งด้วยผ้าม่านกันแสง+ผ้าโปร่ง @ VIVE พระราม 9   ผ้าม่านกันแสงที่ใช้ตกแต่งมุมนั่งเล่นชั้น 2 นี้ จะเป็นผ้าม่านดิมเอาท์ (Dimout) สามารถกันแสงได้ถึง 90-95% ซึ่งเป็นผ้าทอ 3 ชั้นที่มีการทอเส้นด้ายสีดำแทรกกลางเพื่อให้เกิดความทึบแสง โดยเนื้อผ้าจะมีความนุ่มและทิ้งตัวได้สวย   มุมนั่งเล่นตกแต่งด้วยผ้าม่าน Dimout @ VIVE พระราม 9   ชนิดของ ผ้าม่าน (Curtain) ทางทีม Decorista เลือกเป็น ผ้าม่านจีบ (Pleated Curtains) รูปแบบผ้าม่านให้ความรู้สึกเรียบง่าย ดูดี สวยงาม ลงตัวกับผ้าม่านทุกเฉดสี ตัวผ้ามีการจับหัวผ้าม่านด้านบนเป็นจีบเล็กๆ 3 จีบ ดูเป็นเอกลักษณ์ มีลอนผ้าที่สวยงาม   อ่านต่อ : 10 ไอเดียตกแต่งห้องสวยด้วย “ผ้าม่านจีบ”   มุมนั่งเล่นตกแต่งด้วยผ้าม่านจีบ @ VIVE พระราม 9   ในการใช้งานผ้าม่านทั้งผ้าทึบและผ้าโปร่ง เรามี ด้ามจูงอะคริลิคใส ทำให้ไม่รู้สึกเกะกะสายตาเวลาที่มองเห็น มีความแข็งแรง คงทน เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิด-ปิด ผ้าม่าน เพื่อไม่ให้มือสัมผัสกับผ้าม่านโดยตรง   อ่านต่อ : ด้ามจูงผ้าม่าน…จำเป็นต้องมีหรือไม่ ?   ด้ามจูงอะคริลิค @ VIVE พระราม 9   ขึ้นมาที่ชั้น 3 โซนด้านหน้าจะเป็นห้องนอนใหญ่แบบ Duplex รูปแบบใหม่ ที่มีฝ้าเพดานสูงพิเศษ 3.2 ม. อีกทั้งยังมีชั้นลอยในตัว และมีห้องน้ำ ห้องแต่งตัวครบฟังก์ชัน ใช้ชีวิตสบายๆ พักผ่อนได้เต็มที่ในห้องเดียว   ห้องนอน Duplex @ VIVE พระราม 9   พื้นที่โปร่ง โล่ง สบาย แบบ Double Volume สูง 3.2 ม. แบบนี้ต้องเป็น ผ้าม่านสั่งตัด เท่านั้น ถึงจะได้ผ้าม่านที่ทำความกว้างและความสูงได้พอดีกับพื้นที่แบบนี้ ที่ผ้าม่านสำเร็จรูปไม่มีจำหน่ายอย่างแน่นอน ด้วยขนาดที่ไม่พอดีอาจจะทำให้บ้านสวยๆ ของเราหมดราคาได้   อ่านต่อ : ชัวร์จริงหรอ? ผ้าม่านสั่งตัด ประเมินราคาได้ โดยไม่ต้องดูพื้นที่จริง   ห้องนอนตกแต่งด้วยผ้าม่านสั่งตัด @ VIVE พระราม 9   ซึ่งโถงเพดานสูงๆ Double Volume ใช้ด้ามจูงจะค่อนข้างลำบาก แต่จะใช้เชือกดึงก็ธรรมดาเกินไป ทางทีม Decorista จึงตกแต่งด้วย ผ้าม่านไฟฟ้า เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย และตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการใช้งานของคนรุ่นใหม่ ดูคูลและเท่ห์ในสไตล์โมเดิร์น   ห้องนอนตกแต่งด้วยผ้าม่านไฟฟ้า @ VIVE พระราม 9   โดย รางม่านลอนมอเตอร์ รุ่นที่เราใช้เป็นมอเตอร์ที่มีตัวกระจายสัญญาณภายในตัว สามารถควบคุมการทำงานของมอเตอร์ผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต โดยการเชื่อมต่อผ่านระบบไวไฟหรือสัญญาน 4G, 5G  นอกจากนี้แล้วยังสามารถควบคุมสั่งการด้วยเสียงผ่าน Alexa หรือ Google Home ได้อีกด้วย   ห้องนอนตกแต่งด้วยผ้าม่านไฟฟ้า @ VIVE พระราม 9   ควบคุมมอเตอร์ให้ทำงานเปิด-ปิดผ้าม่าน โดยรีโมท ซึ่งสามารถเลือกเปิด-ปิดผ้าม่านพร้อมกัน หรือหยุดในระยะที่เราต้องการได้ แต่ไม่แนะนำให้กดแบบต่อเนื่อง ให้เว้นช่วงสักระยะหนึ่งแล้วค่อยกดต่อ เพื่อให้มีจังหวะมอเตอร์ทำงานได้ทัน   รีโมทผ้าม่านไฟฟ้า @ VIVE พระราม 9   ห้องนอนใหญ่นี้จะตกแต่งห้องแบบ Modern Luxury Style เหมือนกับห้องอื่นๆ แต่เลือกตกแต่งโทนสีดำเป็นบางจุดที่ไฮไลท์เท่านั้น ให้ดูโดดเด่นและหรูหรา เว้นให้มีผนังขาวๆ ไว้ให้บรรยากาศดูสบายๆ ทำให้บรรยากาศภาพรวมของห้องดูอบอุ่น สบาย ๆ ได้มากยิ่งขึ้น   ห้องนอนคุมโทนสีเทา-ดำ @ VIVE พระราม 9   ห้องนอนใหญ่ถึงแม้จะตกแต่งห้องด้วย ผ้าม่าน (Curtain) แบบ Dimout ก็สามารถกันแสงได้ดีไม่แพ้ Blackout เมื่อปิดผ้าม่านแล้วก็แทบจะไม่มีแสงส่องมากวนใจเวลานอนเลย แต่ต้องเลือกสีผ้าเข้มๆ ด้วยนะ หากชอบโทนสีอ่อนที่กันแสงเยอะๆ ต้องเลือก Blackout   ผ้าม่าน Dimout กันแสงอย่างดี @ VIVE พระราม 9   โดย ผ้าม่าน (Curtain) ที่เราใช้ตกแต่งทั้งหลังนี้จะผ้า Dimout มี Texture คล้ายลายเพชร เมื่อมีแสงไฟตกกระทบจะมีประกาย เนื้อผ้ากึ่งเงาดูหรูหรา โทนสีดำ ในคอลเลคชั่น GABLE สามารถกันแสงได้ LEVEL 3 : ประมาณ 90-95% มีส่วนผสมของ Polyester 100% ทอแน่น 3 ชั้น และมีความหนาของผ้าถึง 260 แกรม   และยังได้รับการรับรองตามมาตรฐาน OEKO-TEX Standard 100 จากแบรนด์ VC ซึ่งจะเป็นหนึ่งในผ้าม่านคอลเลคชั่นพิเศษ The Chosen Collection ที่ทาง Infinity Design เราคัดสรรมาไว้ด้วย   ผ้าม่านคอลเลคชั่น GABLE จากแบรนด์ VC @ VIVE พระราม 9   เดินขึ้นมาต่อกันที่ชั้นลอย ซึ่งมีเฉพาะห้องนอนใหญ่เท่านั้น โดยพื้นที่ตรงนี้สามารถทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์เช่น มุมทำงาน ดูหนัง หรืออ่านหนังสือก็ได้ และบานหน้าต่างเล็กๆ นั้นตกแต่งด้วย ม่านม้วน แบบกรองแสง (Roller Blinds Sunscreen) สีดำ แต่ถ้าอยากให้มืดสนิทแนะนำเป็นแบบ Blackout   ชั้นลอยตกแต่งด้วยม่านม้วน @ VIVE พระราม 9   นอกจากเราจะตั้งใจตกแต่งห้องด้วยผ้าม่าน ให้ออกมาสวยงามและใช้งานได้ตามเหมาะสมของหน้างานแล้ว เรายังใส่ใจรายละเอียดหลังติดตั้งเสร็จอีกด้วย โดยการรีดผ้าให้เรียบเนี๊ยบ พร้อมดูดฝุ่นที่เกิดจากการติดตั้งในครั้งนี้ ให้ห้องของเพื่อนๆ สะอาดพร้อมอยู่เลยค่ะ ดูรายละเอียดขั้นตอนการบริการของพวกเราได้ที่ Infinity Design Way   Create Date : 21 สิงหาคม 2566     0 comment Last Update : 21 สิงหาคม 2566 9:02:54 น.     Counter : 25 Pageviews.   Share Tweet

8 Tips ชวนแต่งห้องนอนสไตล์ Gothic ลึกลับแต่สง่างาม   6 JULY 2023 DECORATION TIP BY TAWAN 8 Tips ชวนแต่งห้องนอนสไตล์ Gothic ลึกลับแต่สง่างาม เมื่อพูดถึงสไตล์ Gothic เพื่อนๆ คงนึกถึงสไตล์การตกแต่งชวนสยอง น่ากลัว มีแต่สีขาวและดำ ทำให้ใครหลายคนไม่กล้าที่จะหยิบยกสไตล์นี้มาใช้ แต่ภายใต้ความน่ากลัวนั้น มีความสง่างามซ่อนอยู่ จะเป็นยังไง วันนี้ Infinity design จะพามาดูกัน     สไตล์ Gothic คืออะไร ? การตกแต่งสไตล์โกธิคจะให้ความรู้สึกหรูหรา มีรูปทรงหลังคาโค้งแหลม ผนังที่เปิดกว้าง มีส่วนสูงมากเป็นพิเศษ มีการใช้กระจกสีต่างๆ  เน้นโทนสีเข้ม เช่น ดำ น้ำตาล ที่ทำให้ดูสวย หรูหรา ลึกลับ และรู้สึกถึงความสง่างาม    โครงสร้างแบบโกธิค มีอะไรบ้างนะ?   1.พื้น โดยส่วนใหญ่นิยมเป็นพื้นไม้  ลามิเนตปิดผิวลายไม้ หรือ กระเบื้องยางปิดผิวลายไม้ เพราะการตกแต่งสไตล์นี้ จะเน้นการใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติให้ได้มากที่สุด โดยพื้นไม้สำเร็จรูปที่แนะนำให้เลือกใช้จะเป็น ไม้ SPC สี Dark Elm, ไม้ SPC สี Sorrel Oak , พื้นไม้ปาเก้ สี Dark Walnut ในส่วนของไม้จริงแนะนำให้ใช้เป็นไม้เนื้อแข็งในการปูพื้น เพราะสามารถช่วยรองรับน้ำหนักได้มาก โดยไม้ที่แนะนำ ได้แก่ ไม้วอลนัท, ไม้มะฮอกกานี, ไม้เชอร์รี่ และไม้ไทเกอร์   2.ฝ้าเพดาน ด้วยโครงสร้างที่มีหลังคาทรงโค้งแหลม ทำให้ฝ้าเพดานภายในมีลักษณะเป็นทรงโค้งมีสัน (Ribbed Vaulting) โดยเราจะทำให้เพดานโดดเด่นขึ้นโดยการปรับแต่งบริเวณ สัน (Rib) ให้เป็นไม้แทน เพื่อตัดกับเพดานที่เป็นปูนหรืออิฐ อีกวิธีที่แนะนำ คือ การติดบัวฝ้าเพดาน หรือ หล่อบัวให้ติดกับตัวสันไปเลย ในกรณีที่ฝ้าเพดานเป็นระนาบปกติ แนะนำให้ใช้เป็นฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบ และติดบัวฝ้าเพดานเพิ่มเข้าไป เพิ่มลูกเล่นโดยการติดระแนง หรือแผ่นไม้เพิ่ม การเลือกโคมไฟ (Chandelier) แนะนำให้ใช้โคมไฟแบบ Candle Chandeliers, Crystal Chandeliers  และ Tiffany Chandeliers ก็จะเสริมให้ฝ้าเพดานมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น     3.วัสดุหลัก ใช้วัสดุหลักจากแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติ ได้แก่   หนัง (Leather) หนังที่แนะนำให้ใช้ คือ หนังฟอกฝาด (Vegetable Tanned) และ หนังที่ถูกเคลือบปิดด้วย Waxed (Oil Pull Up) เป็นส่วนประกอบในการตกแต่ง สีที่แนะนำ คือ สีน้ำตาลโทน Mocha, Carob, Hickory, Pecan, Walnut, Syrup, Umber และ Penny นำมาใช้ปิดผิวโซฟา หรือตกแต่งในส่วนอื่นๆเช่น กรุหัวเตียง ใช้เป็นพรม เป็นต้น   ไม้ (Wood) สำหรับไม้ที่ใช้ประกอบกับเฟอร์นิเจอร์ โดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นไม้ปาติเกิล (Particle Board) และไม้ MDF ในส่วนของสี จะขึ้นอยู่กับ Mood and Tones ของห้องนั้นๆด้วย ที่แนะนำคือ ไม้สีวอลนัท สามารถเข้าได้กับสีที่หลากหลาย   กระจกสี (Stained glass) สำหรับกระจกสี หากจะติดให้สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ แนะนำให้ติดเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นการตกแต่งเท่านั้น โดยการติดแซมกับกระจกสีใสธรรมดา ให้เป็นลวดลายต่างๆ หรือ เจาะผนังหรือเพดานให้เป็นช่องทรงกลมหรือทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆ เพื่อติดกระจกดังกล่าว   โลหะ (Metal) สำหรับงานโลหะ ในปัจจุบันมีสีให้เลือกหลากหลาย ที่แนะนำให้ใช้จะเป็น สีนิเกิ้ลเงา สีนิเกิ้ลด้าน สีเงินรมดำ สีนิเกิ้ลรมดำ สีดำ และสีเหลืองรมดำ การใช้โลหะในการตกแต่ง จะทำให้ภาพรวมของห้องออกมาหรูหรามากยิ่งขึ้นอีกด้วย         4.โครงสร้าง นิยมการใช้ซุ้มโค้งแหลม, เพดานโค้งแหลม, ค้ำยัน, หน้าต่างกว้างและสูง แต่ไม่จำเป็นต้องหยิบยกทุกอย่างที่เป็นสไตล์นี้มาใส่ในงานออกแบบ สามารถนำเอาบางส่วนมาใช้ได้โดยการตัดลวดลายบางส่วนออก ให้เหลือเพียงจุดเด่น เพื่อให้งานออกแบบมีความทันสมัยม ากยิ่งขึ้น         ของตกแต่งที่เลือกใช้ แบบไหนโกธิค?   5.ผ้าม่าน แนะนำให้ใช้ผ้าม่านแบบจีบ แนะนำให้ติดแบบรางโชว์ ในส่วนของรางใช้เป็นรางไม้ หรือ ไทเทเนียม ผ้าม่านใช้เป็นผ้าดิมเอาท์ จะให้ลอนผ้าที่สวยงาม  ในส่วนของสีที่แนะนำจะเป็น สีโทนเข้ม อาจเพิ่มลูกเล่นในส่วนของลายผ้า หรือเลือกผ้าที่มีความเงา การเลือกใช้ผ้าโปร่งสีต่างๆนำมาตกแต่ง ก็สามารถช่วยทำให้พื้นที่ตกแต่งดูโดดเด่นขึ้นได้ ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาทีม Decorista ในการเลือกผ้าม่านให้เข้ากับสไตล์การตกแต่ง เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการตัดสินใจ       6.ผนัง/วอลเปเปอร์ แนะนำให้ใช้เป็นวอลเปเปอร์แบบแพทเทิร์นลายคลาสสิค หรือผนังลอฟท์ (Loft) ก็สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ อีกหนึ่งทางเลือกอาจติดเป็นวอลเปเปอร์สีพื้น แต่เพิ่มกิมมิคโดยการติดเป็นบัวผนังแทน ข้อดีของการติดวอลเปเปอร์คืออสามารถปิดรอยขรุขระ, บดบังความไม่เรียบร้อยของผนัง สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด    7.เฟอร์นิเจอร์ แนะนำให้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจ  เสริมการตกแต่งด้วย Sculpture decorative สไตล์วินเทจ หรืออาจะเป็นแนวของสะสมต่างๆ เช่น ปกอัลบั้มวงดนตรีแนวพังค์ร็อค รูปภาพวินเทจ และอื่นๆ  8.โทนสี แนะนำให้ใช้เป็นโทนสีเข้ม เช่น สีแดงเข้ม เชอร์รี่ สีม่วง สีเบอร์กันดี ดำแดง สีน้ำตาล สีน้ำตาลแดง เลือดแดง สีดำ สีน้ำเงิน ทอง เงิน เป็นต้น แต่ถ้าไม่อยากให้ภายในห้องดูมืดเกินไป อาจจะใช้เป็นผนังสีขาว และใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นโทนสีเข้มแทน     Create Date : 18 สิงหาคม 2566     0 comment Last Update : 18 สิงหาคม 2566 13:08:06 น.     Counter : 37 Pageviews.   Share Tweet

10 ประโยชน์ของ “น้ำยาปรับผ้านุ่ม” ที่มีมากกว่าความหอม น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นไอเท็มสำคัญในการซักผ้าที่ขาดไม่ได้ แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่านอกเหนือจากกลิ่นหอมและช่วยทำให้ผ้านุ่มแล้ว  ยังมีประโยชน์อีกมากมายหลายอย่าง และวันนี้ทาง Infinity Design ก็ได้รวบรวม 10 ประโยชน์ของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีมากกว่าความหอม มาไว้ที่นี่แล้วค่ะ 1.เช็ดตามพื้นผิวเพื่อลดฝุ่นด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ช้อนชา ในน้ำ 1 ลิตร จากนั้นนำผ้าชุบน้ำยาที่เตรียมไว้ แล้วบิดหมาด นำมาเช็ดตามจุดต่างๆ ที่มีฝุ่นเกาะ แต่ต้องระมัดระวังนะคะ ไม่ควรผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มมากจนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้พื้นเหนียวแล้วอาจทำให้เกิดคราบได้ง่ายค่ะ     น้ำยาปรับผ้านุ่มเช็ดตามพื้นผิวเพื่อลดฝุ่น 2. แผ่นหอมใส่ตู้เสื้อผ้าด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม นำทิชชู่หนาๆ หรือฟองน้ำมาชุบน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง หลังจากนั้นนำไปวางไว้จุดต่าง ๆ หรือจะนำไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า แค่นี้ก็จะช่วยให้มีกลิ่นหอมกระจายทั่วทุกจุด     แผ่นหอมใส่ตู้เสื้อผ้าด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม 3. ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มผสมน้ำแทนน้ำยารีดผ้า น้ำยารีดผ้าหมดกะทันหันจะทำยังไงดีนะ เพียงแค่นำน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 ถ้วยตวง แล้วนำมาฉีดแทนน้ำยารีดผ้า นอกจะทำให้ผ้าหอมแล้ว ยังช่วยลดรอยยับและคงรูปผ้าได้นานขึ้น   หากเพื่อนๆ กำลังประสบปัญหาเตารีดเป็นรอยไหม้ ทางเราก็มีวิธีการกำจัดง่ายๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่  4 วิธีอย่างง่าย…ทำความสะอาดหน้าเตารีดฉบับแม่บ้าน     น้ำยาปรับผ้านุ่มเช็ดตามพื้นผิวเพื่อลดฝุ่น 4. ลดขนสัตว์ติดเฟอร์นิเจอร์ด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม เบาะผ้าหรือโซฟาเป็นพื้นที่สะสมขนสัตว์ชั้นดี แต่สามารถขจัดปัญหานี้ได้เพียงแค่นำน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำสะอาด 1-2 ถ้วยตวง แล้วนำไปฉีดพ่นบนเบาะผ้าและโซฟาหลังจากดูดฝุ่นเสร็จ ซึ่งน้ำยาปรับผ้านุ่มจะช่วยให้ขนสัตว์เหล่านี้ติดเฟอร์นิเจอร์น้อยลงค่ะ     ลดขนสัตว์ติดเฟอร์นิเจอร์ด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม 5. ทำความสะอาดกระจกด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม ทราบหรือไม่ว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มสามารถเช็ดกระจกได้ด้วยนะ แถมไม่มีกลิ่นฉุนไม่แสบตาอีกด้วย โดยนำน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมกับน้ำเปล่าแล้วนำผ้าชุบน้ำที่เราเตรียมไว้แล้วบิดหมาด นำไปเช็ดกระจก เพียงเท่านี้ก็จะทำให้กระจกกลับมาใสเหมือนเดิม     ลดขนสัตว์ติดเฟอร์นิเจอร์ด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม 6. กำจัดรอยไหม้บนกระทะด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม นำกระทะที่เกิดรอยไหม้ มาแช่ลงในน้ำอุ่นที่ผสมนำยาปรับผ้านุ่ม 1 ช้อนโต๊ะ  แล้วแช่ค้างคืนไว้ แล้วนำไปล้างทำความสะอาดอีกครั้ง เพียงทางนี้ก็สามารถนำไใช้งานได้ตามปกติแล้วค่ะ     กำจัดรอยไหม้บนกระทะด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม 7. กำจัดคราบกาวจากสติกเกอร์ด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม หากเพื่อนๆ คนไหนชอบติดสติ๊กเกอร์ตามของต่างๆ แล้วเกิดปัญหารำคาญที่เกิดจากคราบกาวที่ลอกออกไปแล้วไม่สามารถทำความสะอาดได้สักที  ลองใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มผสมกับน้ำสะอาดแล้วนำไปเช็ดคราบกาว เพียงเท่านี้ก็สบายใจได้เลยว่าปัญหานี้จะไม่กลับมากวนใจอีกแน่นอน   หากน้ำยาปรับผ้านุ่มช่วยเพื่อนๆ ได้เพียงเล็กน้อย เรายังมีอีกวิธีการกำจัดคราบกาวสุดเหนียวนี้ให้เพื่อนๆ อีกหลายวิธี อ่านเพิ่มเติมที่ วิธีกำจัดคราบกาวจากสติ๊กเกอร์ ด้วยของใช้ใกล้ตัว!     กำจัดคราบกาวจากสติกเกอร์ด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม 8. ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นน้ำยาสำหรับถูพื้น เราสามารถถูพื้นให้สะอาดโดยไม่ง้อน้ำยาถูกพื้น ด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ช้อนชา ลงไปผสมในน้ำ 1 ลิตร แล้วนำมาถูพื้น นอกจากจะทำให้มีกลิ่นหอมฟุ้งกระจายทั่วบ้านแล้ว ฝุ่นที่เกาะพื้นก็ลดน้อยลง แถมรู้สึกเดินสบายไม่เหนียวเท้าหลังถูเสร็จด้วยค่ะ   วัสดุปูพื้นแต่ละชนิดย่อมมีความแตกต่างกัน แล้วแต่ละชนิดควรทำความสะอาดแบบไหนกันนะ เพื่อน ๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เคล็ดไม่ลับ! วิธีการทำความสะอาด “พื้น” แต่ละชนิด    น้ำยาปรับผ้านุ่มเช็ดตามพื้นผิวเพื่อลดฝุ่น 9. ทำความสะอาดแปรงทาสีด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม อีกหนึ่งวิธีทำความสะอาดแปลงทาสีผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมกับน้ำสะอาด และแช่ทิ้งไว้ 1 คืน น้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำให้แปรงทาสีที่แข็งกระด้างอ่อนนุ่มขึ้น และสีที่แห้งจะค่อย ๆ หลุดออก และล้างง่ายขึ้น     ทำความสะอาดแปรงทาสีด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม 10. สเปรย์เพิ่มความสดชื่นภายในบ้านด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม ทำให้บ้านหอมสดชื่นง่ายๆ โดยการนำน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วนที่ต้องการได้เลย แล้วบรรจุลงในขวดสเปรย์ ไปฉีดพ่นตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้าน ได้เลย     สเปรย์เพิ่มความสดชื่นภายในบ้านด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม        Create Date : 14 สิงหาคม 2566     0 comment Last Update : 14 สิงหาคม 2566 14:41:31 น.     Counter : 29 Pageviews.   Share Tweet

ผ้าม่านไฟฟ้า @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา ผลงานการตกแต่งบ้านเดี่ยวหรูระดับ Luxury Class ที่โครงการ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา ในสไตล์ Modern Luxury โดยทีม Infinity Design จะตกแต่งด้วย “ผ้าม่าน (Curtain)” และ “มู่ลี่ (Venetian Blinds)” จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง VC ทั้งหลัง   ผลงานการตกแต่งบ้าน ด้วยผ้าม่านไฟฟ้า     โพรวิเดนซ์ เลน เอกมัย-รามอินทรา (Providence Lane Ekkamai-Ramintra) โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับ Luxury Class จากสัมมากร  ตั้งอยู่ซอยสังคมสงเคราะห์ 14 มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยยูนิตพักอาศัยเพียง 12 ยูนิต พร้อมสระว่ายน้ำ และ ลิฟต์ส่วนตัว* รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ในราคาเริ่มต้น 39 ล้านบาท* (เม.ย.65)   บ้านเดี่ยว 3 ชั้น @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   บ้านหลังนี้จะเป็นแบบบ้าน ME (Pool Villa) พื้นที่ใช้สอย 457.19 ตร.ม. ที่ดิน 70.9 ตร.วา โดยตัวบ้านออกแบบมาด้วยแนวคิดของ Bauhaus เป็นศิลปะงานออกแบบจากเยอรมัน ด้วยแนวคิด “Form Follow Function” ที่เน้นฟังก์ชันการใช้งาน ลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็น คงไว้เป็นความเรียบง่ายที่สวยงาม รวมถึงการโชว์วัสดุที่มีคุณภาพ   ตัวบ้านออกแบบมาด้วยแนวคิดของ Bauhaus @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ด้านในจะมี Courtyard ตรงกลางบ้าน สร้างความสดชื่นจากต้นไม้ใหญ่ ซึ่งจะทำให้ทุกชั้นได้ช่องแสงที่มีความเป็นส่วนตัว ส่วนด้านหลังจะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดสระ 2*8 เหมาะกับการออกมาแช่น้ำ หรือว่ายเล่นเบา ๆ ในบ้าน แบบเป็นส่วนตัว   สระว่ายน้ำระบบเกลือ @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ซึ่งแต่ก่อนที่เราจะไปดูมุมต่างๆ ภายในบ้าน อยากจะพาเพื่อนๆ ไปดูภาพ Before-After กันก่อน จากบ้านเปล่าๆ เมื่อติดตั้ง ผ้าม่าน (Curtain) เข้าไปจะทำให้บรรยากาศภายในบ้านเปลี่ยนไปน่าอยู่ยิ่งขึ้นเยอะเลย   Before & After @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ภายในจะตกแต่งในสไตล์ Modern Luxury ซึ่งเป็นหนึ่งในสไตล์การแต่งบ้าน ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะทำ รูปแบบของการตกแต่งจะเน้นไปที่ความหรูหรา เรียบง่าย ไม่เน้นลวดลาย มีการคุมโทนสีขาว ครีม และน้ำตาล พร้อมเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่มี Detail สะท้อนความหรูหรา   อ่านต่อ : 10 ไอเดีย การตกแต่งห้อง Modern Luxury Style   Modern Luxury Style @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ทางเดินเข้าสู่ตัวบ้านจะมี Courtyard อยู่กลางบ้าน ซึ่งจุดนี้จะมีบานหน้าต่างยาวเป็นรูปตัว L  ที่จะตกแต่งด้วย ผ้าม่านพับ (Roman Blinds) ด้วยคุณสมบัติเด่นหลายประการของม่านพับที่ใช้งานง่าย สะดวก แข็งแรง และประหยัดพื้นที่ในการรวบเก็บ ช่วยให้ห้องดูโปร่ง สบายตา   ทางเดินตกแต่งด้วยผ้าม่านพับ @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   โดย ผ้าม่านพับ (Roman Blinds) หลังนี้จะแตกต่างจากผลงานการตกแต่งที่ผ่านมา ซึ่งจะเปลี่ยนจากชายผ้าที่ซ้อนเล่นระดับ เป็นชายผ้าที่เท่ากัน ซึ่งเมื่อติดตั้งมาแล้วดูมีความเป็นระเบียบมากๆ และเมื่อปล่อยผ้าลงมาแล้วช่วงของม่านพับก็เท่ากันด้วย   ผ้าม่านพับชายผ้าเท่ากัน @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ผ้าม่านพับ (Roman Blinds) นี้จะเป็น ผ้าม่านโปร่ง (Sheer Fabric) ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากภายนอก แต่ยังคงเห็นทิวทัศน์บริเวณสวน Courtyard อย่างไม่อึดอัด ช่วยเพิ่มความสวยงาม และทำให้บรรยากาศแสงภายในห้องดูนุ่มนวล สบายตา   มุมทานข้าวตกแต่งด้วยผ้าม่านพับโปร่ง @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   เข้ามาถึงด้านในจะเป็นโถงขนาดใหญ่ ลักษณะเป็น Open Space ให้ความโปร่งสบาย เชื่อมฟังก์ชันห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร และครัวภายในตัวบ้าน โดยทุกจุดจะได้วิวเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว   โถงขนาดใหญ่ Open Space @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   สำหรับมุมนั่งเล่นจะตกแต่งด้วย ผ้าม่าน (Curtain) ชนิด ผ้าม่านลอน (Wave Curtains) ซึ่งเป็น ผ้าม่านโปร่งชั้นเดียว เพื่อให้ช่วงกลางวันจะได้แสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามา และเห็นสระว่ายน้ำหลังบ้านด้วย และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เป็นส่วนตัว เพราะโครงการสร้างกำแพงสูงมาก ปลอดภัยแน่นอน   มุมนั่งเล่นตกแต่งด้วยผ้าม่านลอนโปร่ง @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ผ้าม่านโปร่ง (Sheer Fabric) ที่ใช้ตกแต่งมุมนั่งเล่นและรับประทานอาหารจะเป็นสีครีม เป็นคอเลคชั่นผ้าม่านโปร่งดีไซน์เนเชอรัล มีกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ สร้างออร่าให้ห้องสวยอีกระดับ   โถงขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยผ้าม่านโปร่ง Nicha 2 จากแบรนด์ VC @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   การใช้งานผ้าม่านมุมนั่งเล่นนี้เรามี ด้ามจูงอะคริลิคใส ทำให้ไม่รู้สึกเกะกะสายตาเวลาที่มองเห็น มีความแข็งแรง คงทน เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิด-ปิด ผ้าม่าน เพื่อไม่ให้มือสัมผัสกับผ้าม่านโดยตรง   อ่านต่อ : ด้ามจูงผ้าม่าน…จำเป็นต้องมีหรือไม่ ?   ด้ามจูงอะคริลิค @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ส่วนพื้นที่ทานอาหารจะมีฝ้าเพดานแบบ Double Ceiling สูงถึง 6.5 ม. พร้อมช่องแสงสูงถึงฝ้า รับแสงธรรมชาติเข้ามาในตัวบ้านได้แบบเต็มที่ เป็นจุดหลักที่ทำให้เวลาเราเข้าบ้านมาจะรู้สึกว่าบ้านสว่างดูโออ่า   มุมรับประทานอาหาร Double Ceiling สูงถึง 6.5 ม. @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ซึ่งแน่นอนว่าพื้นที่สูง 6.5 ม. แบบนี้ต้องเป็น ผ้าม่านสั่งตัด เท่านั้น ถึงจะได้ผ้าม่านที่ทำความกว้างและความสูงได้พอดีกับพื้นที่แบบนี้ ที่ผ้าม่านสำเร็จรูปไม่มีจำหน่ายอย่างแน่นอน ด้วยขนาดที่ไม่พอดีอาจจะทำให้บ้านสวยๆ ของเราหมดราคาได้   อ่านต่อ : ชัวร์จริงหรอ? ผ้าม่านสั่งตัด ประเมินราคาได้ โดยไม่ต้องดูพื้นที่จริง   มุมรับประทานอาหารตกแต่งด้วยผ้าม่านสั่งตัด @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   โถงเพดานสูงสูงๆ Double Volume แบบนี้ไม่สามารถใช้ด้ามจูงได้ แต่จะใช้เชือกดึงก็ธรรมดาเกินไป ทางทีม Decorista จึงตกแต่งด้วย ผ้าม่านไฟฟ้า เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย และตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการใช้งานของคนรุ่นใหม่ ดูคูลและเท่ห์ในสไตล์โมเดิร์น   มุมรับประทานอาหารตกแต่งด้วยผ้าม่านลอนไฟฟ้า @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   รางม่านลอนมอเตอร์ควบคุมด้วยรีโมท โดยผ้าม่านจะเปิด-ปิดพร้อมกัน สามารถเลือกหยุดในระยะที่เราต้องการได้ แต่ไม่แนะนำให้กดแบบต่อเนื่อง ให้เว้นช่วงสักระยะหนึ่งแล้วค่อยกดต่อ เพื่อให้มีจังหวะมอเตอร์ทำงานได้ทัน   รีโมทม่านไฟฟ้า @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ขึ้นมาที่ชั้น 2 ในพื้นที่อเนกประสงค์ส่วนใหญ่จะใช้มุมนี้เป็นมุมทำงาน ซึ่งจะมีขนาดที่กว้างมาก โดยการตกแต่งจะเน้นโทนสีขาวเป็นหลักให้ห้องดูโปร่ง และจัดโต๊ะทำงานหันหน้าไปทางโถงสูง ซึ่งจะทำให้เห็นบรรยากาศได้รอบด้านของบ้าน   อ่านต่อ : จัดโต๊ะทำงานตามหลักฮวงจุ้ย ไม่ยาก! ตอนที่ 1   มุมทำงาน @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ซึ่งบานประตูใหญ่ออกไประเบียงหลังบ้านจะตกแต่งด้วย ผ้าม่านลอน (Wave Curtains) เป็นอีกหนึ่งชนิดม่านที่มีความทันสมัยในปัจจุบันตัวผ้าม่านโดยรวมมีลักษณะคล้ายกับม่านจีบ แต่บริเวณหัวผ้าม่านจะไม่มีการจับจีบ จะปล่อยหัวผ้าม่านให้เป็นลอนโค้งอิสระ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย สบายตา   มุมทำงานตกแต่งด้วยผ้าม่านลอนโปร่ง @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ผ้าม่านโปร่งที่ใช้ตกแต่งมุมทำงาน รวมถึงนั่งเล่นและโถงสูง เป็นคอลเลคชั่น Nicha 2 สีครีม จากแบรนด์ VC นำเข้าจากยุโรป โดยจะเป็น Polyester 100% ซึ่งผ้าจะไม่หดตัว และเนื้อผ้า รวมถึง Texture มีความเป็นธรรมชาติ และจะใช้การย้อมเส้นด้าย (Yarn Dyed) เป็นการย้อมในที่เป็นเส้นด้าย ก่อนที่จะทอ (Woven)จะได้สีที่ติดทนนาน เนื่องจากสีย้อมจะแทรกซึมเข้าไปในเส้นด้ายทั้งหมด   ผ้าม่านโปร่งคอลเลคชั่น Nicha 2 สีครีม @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ระหว่างมุมทำงานและโถงจะกั้นด้วย “ผ้าม่านไฟฟ้า“ ้โดยทั้ง 2 ฝั่ง จะปิดมาเจอกันตรงมุม ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปเปิด-ปิด ให้เมื่อย และช่วยกั้นแอร์ไม่ให้ความเย็นกระจายลงไปชั้น 1  ซึ่งอาจจะช่วยไม่ได้มากเนื่องจากเป็นผ้าม่านโปร่ง แต่ก็เป็นของตกแต่งที่สวยงามและกั้นความเป็นสัดส่วนได้   กั้นมุมทำงานตกแต่งด้วยผ้าม่านลอนโปร่งไฟฟ้า @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   รางม่านลอนมอเตอร์ รุ่นที่เราใช้เป็นมอเตอร์ที่มีตัวกระจายสัญญาณภายในตัว สามารถควบคุมการทำงานของมอเตอร์ผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต โดยการเชื่อมต่อผ่านระบบไวไฟหรือสัญญาน 4G, 5G  นอกจากนี้แล้วยังสามารถควบคุมสั่งการด้วยเสียงผ่าน Alexa หรือ Google Home ได้อีกด้วย   ผ้าม่านลอนโปร่งไฟฟ้า @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ผ้าม่านลอนที่ใช้ตกแต่งกั้นโซน และผ้าม่านพับตรงทางเดิน ตกแต่งด้วยผ้าม่านคอลเลคชั่น Colin สีครีมเทา เนื้อผ้ามีความโปร่งดูหรูหรา จากแบรนด์ VC นำเข้าจากยุโรป ส่วนใหญ่จะใช้ตกแต่งในโชว์รูมไว้โชว์ ยังได้รับการรับรองตามมาตรฐาน OEKO-TEX Standard 100 จากสถาบันทดสอบสิ่งทอ (The International Association for Research and Testing in the Field of Textile Ecology : OEKO) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์   ทางเดินชั้น 2 ตกแต่งด้วยผ้าม่านพับ @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   เมื่อเดินตรงไปอีกนิดจะเป็นห้องสปา ที่ปิดชั้นวางของด้วย “ผ้าม่าน (Curtain)” จะได้เลื่อนเปิด-ปิด ได้สะดวก และบานหน้าต่างตกแต่งด้วย “มู่ลี่ (Venetian Blinds)” สามารถปรับแสงได้ตามความต้องการ และไม่เกะกะพื้นที่ใช้สอย   ห้องสปาตกแต่งด้วยผ้าม่านและมู่ลี่ @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ผ้าม่านที่ใช้ตกแต่งในห้องสปาเป็นผ้าม่านโปร่งคอลเลคชั่น Bon Marche 3 สีขาวครีม ลุคลินิน จากแบรนด์ VC นำเข้าจาก EU เนื้อผ้าค่อนข้างหนา และเห็น Texture ของผ้าได้ชัด ช่วยทำให้พรางสายตาได้ดี ผ้าม่านโปร่งคอลเลคชั่น Bon Marche 3 สีขาวครีม @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ส่วน มู่ลี่ไม้ (Venetian Wooden Blinds) ผลิตจากไม้บาสวูดแท้ ลายสวย น้ำหนักเบา ปลอดภัยจากสารฟอร์มาลดีไฮด์ และสารประกอบอินทรีย์ที่ระเหยได้ (VOCs) ที่แสนอันตรายต่อสุขภาพ ขนาดใบ 50 มม. แข็งแรงคงทน โทนสีขาวจากแบรนด์ VC   มู่ลี่ไม้ แบรนด์ VC @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ต่อมาที่โซนหน้าบ้านของชั้น 2 ที่จริงๆ แล้วตามแปลนโครงการจะเป็นห้อง Master Bedroom แต่สำหรับหลังนี้ได้ปรับเปลี่ยนเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ พร้อมบาร์เครื่องดื่มครบครัน ไม่ต้องเสียเวลาเดินลงไปที่ชั้น 1 เลย   เปลี่ยนห้องนอนเป็นมุมนั่งเล่น @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ตรงมุมนั่งเล่นสามารถนั่งได้ประมาณ 4 คน พอดีสำหรับสมาชิกภายในบ้านไว้ดูหนังฟังเพลง และทำกิจกรรมสันทนาการ เป็นพื้นที่พักผ่อนที่ให้ความเป็นส่วนตัว สำหรับคนในบ้าน หรือจะทำเป็นลักษณะของ Home Theater ก็ได้   มุมนั่งเล่นชั้น 2 @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   มุมเคาน์เตอร์บาร์ตกแต่งด้วย “ผ้าม่านพับ (Roman Blinds)” ใช้งานง่าย ไม่เกะกะ และมีแสงธรรมชาติส่องผ่าน เพราะว่าเป็นผ้าม่านโปร่ง แต่สำหรับเพื่อนๆ อยากดูแลรักษาง่ายแนะนำให้ตกแต่งด้วยม่านม้วนคะ   มุมเคาน์เตอร์บาร์ตกแต่งด้วยผ้าม่านพับ @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ส่วนบานประตูที่ออกไประเบียงตกแต่งด้วย “ผ้าม่านลอน (Wave Curtains)” เพื่อสะดวกแก่การใช้งานเดินเข้า-ออก ซึ่งจะเป็นผ้าม่านโปร่งชั้นเดียว โดยใช้เนื้อผ้าเดียวกับผ้าม่านพับบานอื่นๆ ที่โซนนี้   มุมเคาน์เตอร์บาร์ตกแต่งด้วยผ้าม่านลอน @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   เป็น ผ้าม่านโปร่ง (Sheer Fabric) คอลเลคชั่น Grazia Sheer 1 สีเทาครีม จากแบรนด์ VC นำเข้าจากยุโรป มี Texture ชัดคล้ายลายตารางสี่เหลี่ยมเล็กๆ แต่มีความโปร่งมากกว่าคอลเลคชั่น Bon Marche 3 ซึ่งจะทำให้เห็นวิวภายนอกได้ชัดกว่า   ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน OEKO-TEX Standard 100 จากสถาบันทดสอบสิ่งทอ (The International Association for Research and Testing in the Field of Textile Ecology : OEKO) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์   ผ้าม่านโปร่งคอลเลคชั่น Grazia Sheer 1 สีเทาครีม @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   สายรวบผ้าม่านจะใช้ผ้าแบบเดียวกันกับผ้าม่านลอนกันแสง แต่ Infinity Design เพิ่มความแตกต่างและความสวยงามยิ่งขึ้น ด้วยการเย็บเดินขอบรอบด้าน ไม่ให้ขอบย่นเวลารวบเก็บ อีกทั้งสายรวบม่านลักษณะนี้จะช่วยทำให้ผ้าม่านเป็นรอยน้อยลงด้วย หากเป็นสายรวบม่านแบบเชือกจะทำให้ผ้าเป็นรอยยับได้ง่าย   สายรวบม่าน @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ส่วนชั้น 3 เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์บานหน้าต่างฝั่ง Courtyard จะเป็นม่านพับในคอลเลคชั่น Colin สีครีมเทา และเดินออกมาที่ด้านหลังห้องอเนกประสงค์จะกั้นห้องเพื่อความเป็นสัดส่วน ด้วยผ้าม่านคอลเลคชั่น Nicha 2 สีครีม   ทางเดินและห้องอเนกประสงค์ @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   จากห้องอเนกประสงค์เลี้ยวเข้าห้องแต่งตัวสุดหรูขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วย “ผ้าม่านพับ (Roman Blinds)” ในจุดที่แต่งหน้า และตู้เสื้อผ้าเปลี่ยนจากบานเลื่อนเปิด-ปิด เป็น ผ้าม่านไฟฟ้า ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยม จะเห็นได้ตามคลิป  Home Tour เหล่า Celebrity ดารา และบุคคลที่มีชื่อเสียง   ห้องแต่งตัวสุดหรู @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ห้องแต่งตัวตกแต่งด้วย “ผ้าม่านพับ (Roman Blinds)” คอลเลคชั่น Nicha 2 สีครีม จากแบรนด์ VC นำเข้าจากยุโรป โดยเนื้อผ้าม่านจะแข็งประมาณหนึ่ง เหมาะสำหรับการทำตกแต่งเป็นม่านพับมากๆ ซึ่งฝั่ง Courtyard ทั้ง 3 ชัันจะเป็นผ้าม่านคอลเลคชั่นนี้ทั้งหมด   ห้องแต่งตัวตกแต่งด้วยผ้าม่านพับ @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ส่วนบานประตูตู้เสื้อผ้าเป็น ผ้าม่านไฟฟ้า เปิด-ปิด ทั้งหมด ง่ายต่อการใช้งานมากๆ เพียงแค่กดรีโมทผ้าม่านก็จะเลื่อนไปเก็บที่ด้านข้าง แล้วเราก็สามารถหยิบจับเสื้อผ้ามาแมทช์ได้อย่างง่ายดาย ปัจจุบันราคาอาจจะสูงหน่อย แต่จะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมากๆ   ห้องแต่งตัวตกแต่งด้วยผ้าม่านไฟฟ้า @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ต่อมาที่ห้องนอน Master Bedroom มีการกั้นแยกโซน Walk-in Closet พร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งการตกแต่งจะมีความ Modern Luxury มากๆ เน้นโทนสีขาวๆ ครีมๆ ทั้งบิวท์อิน, เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว รวมถึงผ้าม่าน   Master Bedroom @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ในห้องนอนใหญ่นี้จะตกแต่งบานหน้าต่างด้วย “ผ้าม่านพับ (Roman Blinds)” และ บานประตูด้วย ผ้าม่าน (Curtain) ชนิด “ผ้าม่านลอน (Wave Curtains)” ที่ด้านหลังก็ซ้อนด้วยผ้าม่านพับ   ห้องนอนใหญ่ตกแต่งด้วยผ้าม่านลอนและม่านพับ @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   สำหรับบานประตูที่ทีม Decorista แนะนำให้ตกแต่งด้วยชนิด “ผ้าม่านลอน (Wave Curtains)” ที่ด้านหลังก็ซ้อนด้วย “ผ้าม่านพับ (Roman Blinds)” เพราะว่าพื้นที่ความกว้างของบังรางค่อนข้างมีน้อยไม่สามารถติดเป็น ผ้าม่าน 2 ชั้น แบบจีบคู่จีบ หรือลอนคู่ลอนได้   ห้องนอนใหญ่ตกแต่งด้วยผ้าม่านลอน @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   โดยผ้าม่านกันแสงที่ใช้ตกแต่งห้องนอนจะเป็นผ้าดิมเอาท์ (Dimout) คอลเลคชั่น Tatami สีครีม ลุคลินินคล้ายผ้ากระสอบ จากแบรนด์ VC ซึ่งจะปราศจากสารเอมีน หรือสารประกอบอินทรีย์ที่เป็นพิษ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ผิวหนัง และตา และได้รับการรับรอง ตามมาตรฐาน OEKO-TEX Standard 100 มั่นใจได้ว่าเป็นสินค้าคุณภาพสูง มีความปลอดภัย และปราศจากสารพิษ   ผ้าม่านกันแสงคอลเลคชั่น Tatami แบรนด์ VC @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา oeko   ส่วนผ้าม่านโปร่งเป็นคอลเลคชั่น Bon Marche 3 สีขาวครีม จากแบรนด์ VC เนื่องจากเป็นผ้านำเข้าจาก EU ลักษณะเนื้อผ้าค่อนข้างหนา และเห็น Texture ของผ้าได้ชัด ซึ่งเป็นอีกคอลเลคชั่นที่แนะนำให้ไปตกแต่งม่านพับ โดยเนื้อผ้าคล้ายลุคลินิน มีความเป็นธรรมชาติ ราคาจึงสูงนิดหนึ่ง แต่คุ้มค่า เพราะติดมาทำให้บ้านสวยดูแพงขึ้นเยอะเลย   ผ้าม่านโปร่งคอลเลคชั่น Bon Marche 3 แบรนด์ VC @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ส่วนต่อเติมตกแต่งด้วย “ม่านม้วนสกายไลท์” เพื่อกันแสงจากเพดานด้านบน เลื่อนเปิด-ปิด ไปทางด้านข้าง ไม่ให้แสงส่องผ่านเข้ามารบกวนเวลานอน ซึ่งจะเป็นระบบมอเตอร์ ควบคุมด้วยการทำงานด้วยรีโมทคอนโทรล เป็นมอเตอร์ที่มีระบบ Saferty หากมอเตอร์เกิดความร้อนระบบจะตัดไฟทุกๆ 10 นาที เพื่อป้องกันอันตราย และยืดอายุการใช้งาน   ส่วนต่อเติมตกแต่งด้วยม่านม้วนสกายไลท์ @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   ใบของ ม่านม้วน แบบผ้าทึบแสง (Roller Blinds Blackout) มีคุณสมบัติป้องกันแสงได้ 100% มืดสนิดแม้ในวันที่แสงแดดแรง โดยใบผ้าจะเป็นโทนสีครีมเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ และโทนสีของห้อง   ม่านม้วนสกายไลท์ สีครีม @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา   นอกจากเราจะตั้งใจตกแต่งห้องด้วยผ้าม่าน ให้ออกมาสวยงามและใช้งานได้ตามเหมาะสมของหน้างานแล้ว เรายังใส่ใจรายละเอียดหลังติดตั้งเสร็จอีกด้วย โดยการรีดผ้าให้เรียบเนี๊ยบ พร้อมดูดฝุ่นที่เกิดจากการติดตั้งในครั้งนี้ ให้ห้องของเพื่อนๆ สะอาดพร้อมอยู่เลยค่ะ ดูรายละเอียดขั้นตอนการบริการของพวกเราได้ที่ Infinity Design Way   มาตรฐานติดตั้งผ้าม่าน @ Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา     Create Date : 27 กรกฎาคม 2566     0 comment Last Update : 27 กรกฎาคม 2566 10:04:06 น.     Counter : 27 Pageviews.   Share Tweet

D.I.Y. จานรองแก้วน้ำ จากดินปั้นญี่ปุ่นและสีเหลือใช้ภายในบ้าน   สีน้ำหรือสีต่างๆ ที่บ้านใครเหลือแล้วยังไม่รู้จะเอาไปใช้อะไรบ้าง? จะปล่อยให้สีแห้งทิ้งก็เสียดาย วันนี้ Infinity Design จะมาสร้างสรรค์ ด้วย คอลัมน์ 1-2-3! D.I.Y. โดยครั้งนี้ เราจะลองทำ “ที่รองแก้วน้ำ” น่ารักๆ โดยใช้ดินปั้นญี่ปุ่นและสีที่เหลือที่บ้าน มาตกแต่งให้น่าใช้มากยิ่งขึ้น เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ดินญี่ปุ่นกำลังเป็นกระแสร้อนแรงในช่องทาง Tiktok ที่หลายๆ คนได้ออกมารังสรรค์ผลงานและไอเดียต่างๆ เยอะแยะมากมาย แล้วพวกเราจะพลาดกระแสนี้ได้ยังไงล่ะ! วันนี้จึงไปค้นห้องเก็บของแล้วค้นพบว่า สีอะคริลิคยังไม่หมด! จะปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ใช้ก็คงจะเสียดาย จึงเกิดเป็น 1-2-3! D.I.Y. อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมและวิธีการทำมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย!   อุปกรณ์ ดินปั้นญี่ปุ่น สีอะคริลิค น้ำยาเคลือบ พู่กัน น้ำ     มาเริ่มทำกันเลย! 1. เมื่อเตรียมอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มจากการปั้นดินให้เป็นฐานโดยใช้คัตเตอร์ตัดให้เป็นรูปทรงที่เราต้องการ   ปั้นดินฐานจานรองแก้วน้ำ   2. หลังจากนั้นก็มาปั้นขอบฐานกันต่อเลย โดยปั้นให้เป็นแนวยาว และใช้กดให้ดินที่ปั้นแบนขึ้นหรือตรงตามรูปรงที่เราต้องการ   ปั้นขอบฐานกันต่อเลย   3. ใช้น้ำเป็นตัวช่วยในการเชื่อมดินที่ปั้นเข้าด้วยกัน และทำให้การปั้นดินเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อดินถูกอากาศจะทำให้ดินแห้งและเซทตัวได้ง่าย   น้ำเป็นตัวช่วยในการเชื่อมดินที่ปั้นเข้าด้วยกัน   4. นำดินที่ปั้นเสร็จแล้วไปตากแดดเพื่อให้ดินแห้งเร็วมากยิ่งขึ้น หรือจะปล่อยทิ้งไว้รอให้ดินแห้งเองก็ได้นะ   นำดินที่ปั้นเสร็จแล้วไปตากแดด   5. เมื่อดินแห้งแล้วก็นำมาระบายสี โดยสีที่ใช้ในวันนี้ก็คือสีอะคริลิค แต่ถ้าที่บ้านใครมีสีน้ำที่เหลือจากการใช้งานจะใช้เป็นสีน้ำก็ได้นะ แต่การระบายสีน้ำต้องระบายตอนที่ดินแห้งสนิทแล้วเท่านั้น เพราะหากดินยังไม่แห้งจะทำให้ดินนิ่มและระบายสีไม่ติด   สีที่ใช้ในวันนี้ก็คือสีอะคริลิค   6. ขั้นตอนสุดท้ายใช้น้ำยาเคลือบทาหรือพ้นให้ผลงานของเรามีความเงาและดูสวยงาม   ใช้น้ำยาเคลือบทาหรือพ้น   นอกจากนี้ ดินที่เหลือเรายังสามารถทำเป็นถาดใส่ของต่าง ๆ อีกทั้งทำเป็น accessories แต่งตัว อย่างจี้สร้อยคอ หรือแหวนน่ารักๆ ก็ได้ด้วยนะ   เสร็จแล้ว!! จานรองแก้วน่ารักๆ     Create Date : 26 กรกฎาคม 2566     0 comment Last Update : 26 กรกฎาคม 2566 9:34:39 น.     Counter : 30 Pageviews.   Share Tweet