Group Blog
 
All blogs
 

งอน งอน งอน งอน งอน งอน






เป็นโรคระบาดที่ร้ายแรง ติดต่ออย่างรวดเร็ว ขยายตัวเป็นวงกว้างในแนวราบ ยังไม่พบวัคซีนหรือยารักษา ผู้ป่วยมีอาการหน้างอ และบางรายที่อาการหนักจะมีอาการหน้าดำแทรกซ้อนด้วย หูแข็ง ฟังอะไรขัดหูขัดใจไปหมด ตาขวางน้ำหลายไหลเล็กน้อยพองาม ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอนว่าผู้ใดนำเชื้อมาปล่อยโรคนี้ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูง มือไม้สั่น ผู้ป่วยที่อาการหนักอาจถึงขั้นชักดิ้นชักงอ

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

ควรสังเกตอาการผู้ป่วยว่างอน อยู่ในระดับไหน ถ้างอนน้อยๆ ให้รีบง้อ ผู้พบเห็นทั่วไปควรเอาใจใส่ต่อผู้ที่ติดเชื้อในระยะเริ่มแรกจะทำให้อาการไม่ลุกลามและสามารถรักษาหายได้ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ผู้ง้อควรได้รับการฝึกสอนและเป็นผู้ชำนาญการง้อเป็นพิเศษเพราะผู้ป่วยจิตใจอ่อนแอ เปราะบางแตกหักง่ายต้องการความเอาใจใส่ หลังได้รับการรักษาผู้ป่วยที่หายแล้วยังสามารถมีอาการกำเริบได้ทุกเวลา ผู้ใกล้ชิดต้องให้ความรักละความเข้าใจ หากความรักและความเข้าใจลดน้อยลงเมื่อไหร่ อาการงอนจะกำเริบ


หมายเหตุ : พบมากในกลุ่มคนที่มีความสวยและความน่ารัก สำหรับผู้ไม่สวยและไม่น่ารักจะเรียกอาการเดียวกันนี้ว่าน่าเบื่อ น่ารำคาญ จะปล่อยไปตามยถากรรม ไม่มีการปฐมพยาบาลใดๆ ทั้งสิ้นจนกว่าอาการจะหายหรือตายไปเอง













 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 10 พฤษภาคม 2549 3:29:59 น.
Counter : 1943 Pageviews.  

"นางเลิ้ง" เเปลว่าอะไร






ในกรุงเทพมหานครเรานี้มีตำบลอยู่ตำบลหนึ่ง คือตำบล "นางเลิ้ง". ได้สอบถามใครต่อใคร หลายวัยเเละหลายชั้นบุคคล ว่ามีความหมายอย่างไร, ก็ไม่มีใครตอบได้. ที่ตอบได้ใกล้ชิดที่สุดก็คืออาจารย์ฉันทิชย์ กระเเสสินธุ์. ท่านตอบว่า "โอ่ง, ที่ตรงนี้ (เเถวสะพานเทวกรรม์รังรักษ์) เป็นที่จอดเรือขายโอ่ง".


อาจารย์ฉันทิชย์พูดไม่ผิด, เเต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด. คำ "นางเลิ้ง" นั้นเป็นคำที่ปรุงเเต่งมาจาก "อีเลิ้ง".


อีเลิ้ง เป็นคำลาว, หมายถึงเครื่องดินเผา (ที่ไม่ได้เคลือบ) ทั้งหมด. ไม่ว่าจะเป็นโอ่ง, อ่าง, ถ้วย, ชาม ฯลฯ. ถ้าเป็นโอ่งก็เป็น โอ่งอีเลิ้ง, ถ้าเป็นอ่าง ก็เป็นอ่างอีเลิ้ง, ถ้าเป็นชาม ก็เป็นชามอีเลิ้ง. เเต่โอ่งเป็นที่สะดุดตาที่สุด เพราะลูกใหญ่. ถ้าเอามาตั้งเรียงขายเคล้าคละปะปนกับสิ่งอื่น คนจะเห็นเเต่โอ่ง เลยเข้าใจไปว่าเป็นโอ่ง.


คำ "อี" คนกรุงเห็นเป็นคำเรียกที่เหยียดหยาม เป็นคำเรียกข้าทาษคนใช้ที่เป็นผู้หญิง จึงเปลี่ยนเป็น "นาง" เพื่อให้สุภาพ เช่น :-

"ลิงค่างชะนีมี จลนีเเละนางเห็น

สายัณหย่ำเย็น ก็ยะยั้วยะเยี้ยยล"


- อิลราชคำฉันท์

ในท้องที่จังหวัดสมุทรปราการ มีตำบลตำบลหนึ่งชื่อ "บางอีเกร็ง", คนกรุงก็ไปเปลี่ยนซะ เป็น "บางนางเกร็ง" (ป้ายสถานีรถไฟสายปากน้ำ-หัวลำโพง).


คำ "หัวลำโพง" ก็เคยมีคนเปลี่ยนเป็นศีรษะลำโพง. ยังดีที่เป็นเพียงคำพูดคำจากันของคนที่ดัดจริตเป็นผู้ดี ยังไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร.

"หัวลำโพง" คำนี้ เเท้จริงเเล้วก็เป็นคำที่เพี้ยนมาจาก "วัวลำพอง". เป็นชื่อของท้องที่เเถวนั้น. ลองมาดูหลักฐานกัน.


พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทรตอนรัชชกาลที่ ๓. บันทึกไว้.-

"ในเดือน ๓ ปีจอนั้น พระยาไชยวิชิตผู้รักษากรุงเก่าบอกลงมาว่า ราชวงษ์ลงมากวาดต้อนครัวเมืองสระบุรี พวกลาวนิยมยินดีพากันอพยพขึ้นไปหมด ได้ทรงทราบในหนังสือบอกก็โปรดจัดเเจงเเต่งพระนครที่จะรบข้าศึกสัตรู ให้เสนาบดีไปตั้งค่ายที่ทุ่งวัวลำพอง รายไปจนทุ่งบางกะปิ. ตลอดเเนวเเม่น้ำเหนือกรุงทางที่ลาวจะยกมาทางบก".

"ราชวงษ์" ที่กล่าวในที่นี้ คือ เจ้าอนุฯ เเห่งเวียงจัน.

ผู้ที่ทำให้คำนี้เพี้ยนก็คือ เจ๊กลากรถ. ออกเสียง ว ไม่ได้ ก็เลยกลายเป็น ห.

"อี" คำนี้คนไทยเราใช้เป็นคำนำหน้านาม ไม่เฉพาะเเต่คนเเละผู้หญิงเท่านั้น, เเต่ใช้เปรอะไปทั่วในบรรดาสิ่งของเเละสัตว์. มีดโต้นั้นบางท้องถิ่นเรียก "อีโต้" หรือ "มีดอีโต้". ดาบ เรียก "อีดาบ", จอบ เรียก "อีจอบ", เสียม เรียก "อีเสียม".

กา (นก) นั้น เรียกรวมกันทั้งหมดไม่ว่าตัวผู้ตัวเมียว่า "อีกา".


คนสุโขทัยนั้นเรียกหยากไย่ว่า "อีเยื่ออีใย".


โรคอย่างหนึ่ง ที่เป็นเม็ดพองตามตัวก็เรียก "อีสุกอีใส".

ชื่อของโรคนี้ ใครที่เป็นผู้ดีจัดทนคำ "อี" ไม่ได้ จะเปลี่ยนเป็นโรค "นางสุกนางใส" ก็ไม่ว่ากันนะครับ.


บทความของภาษิต จิตรภาษา






 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 10 พฤษภาคม 2549 2:41:47 น.
Counter : 730 Pageviews.  

ทำไมต้องสวม แหวนหมั้นที่ นิ้วนางข้างซ้าย








สันนิษฐานว่าเกิดจากความเชื่อโบราณของชาวกรีก

ที่เชื่อว่า นิ้วนางมีเส้นเลือด

และเส้นประสาทที่ต่อตรงจากหัวใจ

จึงเรียกนิ้วนางว่า เป็นนิ้วยา

โดยหมอสมัยนั้น เมื่อจะปรุงยาหรือผสมยา

จะใช้นิ้วนางคนยาหรือคลุกเคล้าให้เข้ากัน

ถ้ายามีสิ่งแปลกปลอมหรือ สิ่งที่เป็นพิษเจือปนอยู่

หมอเชื่อว่า จะรู้ได้ทันที

เพราะนิ้วนางจะส่งสายตรงไปบอกหัวใจให้ทราบ

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและความรัก

จึงต้องใช้นิ้วนางเท่านั้น และต้องเป็นนิ้วนางข้างซ้ายด้วย

อันนี้อธิบายแบบสมัยใหม่ได้ว่า คนส่วนใหญ่จะถนัดขวา

ดังนั้น มือข้างซ้ายก็ย่อมใช้งานน้อยกว่ามือข้างขวา

แหวนจะได้ไม่ถูกกระทบ กระแทกจนหมดสวย

สาเหตุอีกประการหนึ่ง คือ นิ้วนางเป็นนิ้วที่เคลื่อนไหว

และยืดตัวได้ยาก เมื่อเทียบกับนิ้วอื่นๆ

ทำให้มั่นใจได้ว่า แหวนจะไม่หล่นหายไปไหนง่ายๆ








 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2549 7:36:22 น.
Counter : 570 Pageviews.  

อึ้งผลวิจัย "แอร์ฯสาว" บินไทยโดนคุกคามทางเพศอื้อ!









ฮือฮาผลการวิจัย “แอร์โฮสเตสการบินไทย” โดนคุกคามทางเพศ สารพัดรูปแบบ เผยสำรวจตอนปี 2548 จำนวน 50 คน เจอเล่นงานถ้วนหน้าทุกคน มีทั้งแทะโลมด้วยวาจา ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋ง ไปจนถึงแอบใช้มือเสียบระหว่างขา หนักมากถึงขั้นรูดซิบ“โชว์จรวด” หากเป็นสาวใหญ่จะถูกเหน็บแนม “อีแอร์แก่” แต่ส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมของลูกค้าชาวไทย นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะส่วนใหญ่เรื่องจะเงียบ แถมบริษัทยังไม่มีมาตรการเล่นงานพวกหื่นกามแบบเด็ดขาด


ที่สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เมื่อวันที่ 26 เม.ย.จัดเสวนาผลการศึกษา “ประสบการณ์คุกคามทางเพศจากการทำงาน กรณีศึกษา ลูกเรือของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ศึกษาโดยนางชุดาปณี ชิบายาม่า นักศึกษาปริญญาโท โครงการสตรีศึกษา สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร ม.ธรรมศาสตร์ โดยนางชุดาปณี กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลโดยสัมภาษณ์เชิงลึกพนักงานแอร์โฮสเตส ของบริษัทการบินไทย เมื่อปี 48 จำนวน 50 คน ถึงการถูกคุกคามทางเพศจากการทำงาน เบื้องต้นพบว่า ทั้ง 50 คน เคยถูกคุกคามทางเพศจากลูกค้า ที่เป็นผู้โดยสารชาย ใน 3 ลักษณะ คือ


1.การคุกคามทางเพศด้วยวาจา โดยหากเป็นแอร์โฮสเตสที่มีอายุ จะถูกลูกค้าใช้ถ้อยคำหยาบคาย เช่น “อีแอร์แก่”หากเป็นสาวจะถูกแทะโลม


ส่วนแบบที่ 2.การคุกคามทางเพศด้วยท่าทาง เช่น ทำตาหวาน จ้องมองหน้าอก รูปร่างหน้าตา มีผู้โดยสารชายนำกระดาษมาวาดรูปอวัยวะเพศชายแล้วชี้ให้พนักงานดู หรือการวาดรูปหญิงชายกำลังมีเพสสัมพันธ์กัน รวมไปถึงการรูดซิปกางเกงและโชว์อวัยวะเพศ ซึ่งมักทำกับแอร์โฮสเตสสาวๆ เพราะจะไม่กล้าโวยวาย เพียงแต่ร้องไห้กับหัวหน้างาน กัปตันแล้วก็เงียบ และ


3.การคุกคามทางเพศโดยการสัมผัสร่างกาย ซึ่งมีตั้งแต่การทำท่าจะจูบ โผกอด สะกิดหรือตีก้น ใช้นิ้วกลางจับหรือลูบไล้มือแอร์โฮสเตสขณะเสิร์ฟอาหาร บางคนถูกผู้โดยสารชาย ใช้มือเสียบเข้าไประหว่างขา แต่ที่โดนแทบทุกคน คือ การถูกสะกิดก้น เพื่อเรียกใช้บริการทั้งที่ใช้วิธีกดปุ่มเรียกหรือยกมือเรียกก็ได้


“หลายคนเคยถูกคุกคามทั้ง 3 รูปแบบโดยลูกค้าคนไทยและต่างชาติ รวมทั้งถูกคุกคามจากหัวหน้างาน กัปตัน แต่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย เมื่อไปแจ้งความที่สน.ดอนเมือง เรื่องก็เงียบ บริษัทการบินไทยก็เงียบ ซึ่งสถานการณ์คุกคามทางเพศนับวันรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากทำแล้วได้ใจ ไม่ถูกดำเนินการอะไรก็ทำต่อไปเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเพราะทัศนคติมองผู้หญิงไทยว่าจะทำอะไรก็ได้ และบริษัทการบินไทยไม่มีมาตรการเด็ดขาดในการคุ้มครองช่วยเหลือพนักงานเลย”นางชุดาปณี กล่าว


ด้านนางกิ่งแก้ว อินหว่าง รองผอ.สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่า กำลังรวบรวมข้อมูลการคุกคามทางเพศในที่ทำงานจากทุกแหล่ง ซึ่งนอกจากในกลุ่มพนักงานบริษัทการบินไทยแล้ว ยังมีกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มดารานักแสดง กลุ่มแม้ค้า เป็นต้น เพราะผู้หญิงถูกคุกคามทางเพศได้ทุกที่ เพื่อพิจารณาว่าจะมีกระบวนการช่วยเหลือคุ้มครองอย่างไร รวมทั้งการออกมาตรการทางกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ เพราะไม่อยากให้มองการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องเล็กน้อย


นางจิตราภา สุนทรพิพิธ ผอ.สำนักงานส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย กล่าวว่า การคุกคามทางเพศพนักงานแอร์โฮสเตสบนเครื่องบิน ส่วนหนึ่งเกิดจากการให้ดื่มเหล้า ดื่มไวน์ ตลอดเวลาจนผู้โดยสารเมาและมาแต๊ะอั๋งพนักงาน และพนักงานแต่งกายชุดไทยรัดรูป หน้าตาสวย หรือแม้แต่ผู้โดยสารบนเครื่องเองก็ยังโดนกระทำซึ่งตนเคยเดินทางและพบลักษณะเช่นนี้จนต้องเรียกพนักงานมาดูแล ซึ่งหากเปรียบเทียบกับสายการบินต่างประเทศจะมีการดูแลคุ้มครองดีกว่า ไม่ใช่เอาใจนักท่องเที่ยวหรือลูกค้าทั้งที่กระทำผิด


นางสุทธินี เมธีประภา นายกสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า การดำเนินการทางกฎหมาย ใช้กฎหมายอาญามาเอาผิดได้ในเรื่องการกระทำลามกอนาจาร กฎหมายหมิ่นประมาท ซึ่งการบินไทยควรมีกฎระเบียบที่ชัดเจนในการคุ้มครองลูกเรือ เพราะพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน มาตรา 16 กำหนดเฉพาะการคุกคามทางเพศนายจ้างกับลูกจ้าง ไม่ครอบคลุมถึงพนักงานรัฐวิสาหกิจ จึงน่าจะมีกฎหมายออกมาคุ้มครองให้ครอบคลุม













 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2549 7:30:02 น.
Counter : 1158 Pageviews.  

เชื่อหรือไม่? ปาท่องโก๋ที่มาคือ ความเคียดแค้น







ปาท่องโก๋เป็นขนมของชาวจีนโพ้นทะเล ที่มาเกิดจาก นายทหารจีนนามว่า 'งักฮุย' รับราชการ ในแผ่นดินพระเจ้าเกาจง เป็นทหารที่ซื่อสัตย์ เข้มแข็ง ช่วยปราบกบฎ กองโจร จนเป็น ที่รักใคร่ขอประชาชนทั่วไป ครั้งหนึ่งงักฮุยยกทัพไปทำสงครามกับพวกกิม ซึ่งเป็นชนชาติที่ร่อนเร่พเนจรอยู่ระหว่าง เขตแดน ของจีนกับเกาหลี งักฮุยรบอย่างเต็มความสามารถ จนเกือบจะชนะอยู่แล้ว แต่จู่ๆ พระเจ้าเกาจงกลับมีรับสั่งให้ยกทัพกลับ เนื่องจากมหามนตรีชื่อ 'ฉิ่งไขว่' ซึ่งแอบสวามิภักดิ์กับพวกกิม คอยยุยงให้พระเจ้าเกาจง เจรจายุติสงครามกับพวกกิม


ครั้นเมื่องักฮุยกลับมาจากสงคราม ก็ถูกฉิ่งไขว่และพรรคพวกใส่ร้ายหาว่า คิดกบฎ จนในที่สุดงักฮุยและบุตรถูกจับไปจองจำ แต่ก็ไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐาน ฉิ่งไขว่จึงลอบส่งหนังสือไปให้พัสดีเรือนจำสังหารงักฮุยเสีย


การสิ้นชีพของวีรบุรุษงักฮุย ทำให้ชาวจีนโกรธแค้น จึงนำแป้งสาลีมาปั้นเป็นชิ้น 2 ชิ้นติดกันแล้วทอดน้ำมัน เรียกว่า 'อิ้วจาก้วย' (คนไทยเรียกเพี้ยนเป็นปาท่องโก๋) เพื่อแสดงความเคียดแค้นในตัวฉิ่งไขว่ โดยเปรียบแป้งสาลีเป็นเนื้อของฉิ่งไขว่และภรรยา แค้นนัก เลยกินให้หายแค้นซะเลย ว่าหยั่งงั้น...









ยินดีต้อนรับคุณ jan_tanoshii และครอบครัวสู่มาตุภูมิ คลิ๊กที่นี่

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=conthai&month=04-2006&group=9&date=28&blog=1








 

Create Date : 29 เมษายน 2549    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2549 0:35:35 น.
Counter : 1100 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  

ชายคา
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มิตรภาพเหมือนเงินตรา หาง่ายรักษายาก






หลังไมค์ถึงผมคร๊าบบบ



คนมีคุณภาพพิสูจน์เสมอว่าตนมีค่ายิ่งกว่าเงินเดือน
Friends' blogs
[Add ชายคา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.