ราชบุรี...มีอะไรให้เที่ยว

เมื่อปลายปีที่แล้ว แอบได้ยินเพื่อน ๆ ในที่ทำงานวางแผนกันที่จะไปเที่ยวพักผ่อนกัน ไอ้เราก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เลยลองไปสอดส่องดูเผื่อจะได้คำตอบ ทำให้เรารู้ว่าเพื่อน ๆ ทั้งหลายนั้น เขาจะไปเที่ยวกันที่ราชบุรี พลันที่ทราบคำตอบก็เกิดเครื่องหมายปรัศนีขึ้นเต็มที่ใบหน้า ด้วยคำถามที่ว่า ไปเที่ยวอะไรกันที่นั่นเหรอ เอ...ไม่ใช่สิ...ต้องถามว่า...ที่นั่นมีอะไรให้เที่ยวบ้างต่างหาก

นึกไม่ถึงว่า เวลาผ่านไปกลับกลายเป็นว่า เราเองนี่แหละที่มายืนอยู่ที่จังหวัดราชบุรี เพื่อที่จะมาหาคำตอบของคำถามข้างต้น

ขั้นแรกสุดเลยก็คือ หาที่พัก ซึ่งความรู้รอบตัวจาก Google บอกว่า หากจะไปราชบุรี ก็ต้องไปพักที่สวนผึ้ง รู้แค่นี้จริง ๆ จากนั้นก็ลองหาข้อมูลที่พัก ในสวนผึ้ง ผลปรากฏว่า เหลือเชื่อ!!! อย่างยิ่ง เพราะว่าบรรดาที่พักทั้งหลายเหล่านั้นล้วนแล้วแต่น่าจับจองเป็นเจ้าของ (ห้อง) ทั้งสิ้น

เป้าหมายลำดับแรกสุด คือที่ scenery resort & farm คิดว่าหลายคนคงทราบข้อมูลเบื้องต้น หรือจะเป็นเบื้องลึกไปมากแล้ว ด้วยการที่เราเป็นคนมองการณ์ไกล เลยคิดจะจับจองห้องพักที่นี่แหละ เหตุผลเพราบรรยากาศดี รวมถึงอยากให้อาหารน้องแกะ แต่ถึงเราจะเป็นคนมองการณ์ไกล แต่ลืมไปว่า ตาสองข้างของเรานั้นก็คือ อาหมวยดีดีนี่เอง ทำให้บรรดาห้องพักทั้งหลายที่ใฝ่ฝันไว้ล่องลอยไปอยู่กับคนอื่นแทน ก็เลยต้องหาที่พักใหม่ แต่ยังหมายมั่นปั้นมือที่จะไปให้อาหารแกะให้ได้...

แหล่งข้อมูลถัดมาแทนที่จะเป็น Google เช่นเคย แต่คราวนี้กลับกลายเป็นว่า บรรดาเพื่อน ๆ ที่ทำงานเป็นคนแนะนำที่พักให้ ทำให้ลงเอยที่ “บ้านอ้อมกอดขุนเขา” ที่อยู่เลยขึ้นมาอีกเล็กน้อย หลังจากดูบรรยากาศในเว็บไซต์ รวมถึงการรีวิวประกอบของเพื่อน ๆ ทั้งหลายทำให้ตัดสินใจว่า ตุลาคมนี้คงไปพักผ่อนสมองที่นี่แหละ

เมื่อคุณสามีทราบว่าจะไปเที่ยวก็บ่นเหมือนเดิม แต่สุดท้ายก็พาไป (ไม่รู้จะบ่นทำไม...) พอกางแผนที่ออกดู เพิ่งรู้ว่าเฉียด ๆ เมียนมาร์เลยนี่หว่า...

พอถึงวันเดินทางดูเหมือนว่าพระพิรุณจะเป็นใจ เพราะเล่นตกมาทั้งวันเลย ตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึงนครปฐม พอถึงราชบุรีก็เป็นครั้งแรกของวันที่รู้สึกถึงแสงของแดด และพอถึงราชบุรีก็เริ่มเห็นร้านขายตุ๊กตาเป็นจำนวนมากมาย จังหวัดส่วนใหญ่มักขายของกินรายทาง แต่ทำไมที่ราชบุรีขายตุ๊กตาเยอะจัง อยากทราบคำตอบเหมือนกันนะ...(แอบได้มาสองตัวแหละ...อิอิอิ...)

หลังจากพ้นตัวเมืองก็ใช้เวลาขับรถไปอีกประมาณ 40 นาทีก็จะถึงอำเภอสวนผึ้ง เป้าหมายแรกของเรา คือ บ้านหอมเทียน คาดว่าหลายคนคงเคยเข้าไปสัมผัสบรรยากาศมาแล้ว คงไม่ต้องบรรยายมาก ที่สำคัญคือ ไข่เจียวดอกขจร อร่อยมาก ๆ คะ...การันตี


สถานที่ถัดมา คือ scenery resort & farm นั่นแน่...ถึงแม้จะไม่ได้พัก แต่ก็ขอไปให้อาหารน้องแกะหน่อยก็ยังดี บรรยากาศในรีสอร์ทถือว่าเยี่ยมมาก ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมห้องพักถึงเต็มเร็วขนาดนี้ ภายในรีสอร์ทมีกิจกรรมให้ผู้เข้าพัก และบุคคลภายนอกที่สนใจได้ร่วมทำมากมาย ทั้งการยิงธนู ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ และที่สำคัญสุด คือ การให้อาหารน้องแกะ...โดยมีค่าผ่านประตูบวกกับค่าอาหารแกะรวมแล้วคนละ 40 บาท

พอถึงเวลาจริง เรากลับที่จะไม่กล้าให้ เพราะกลัว...(แต่มีแอบให้น้องแกะน้อยหนึ่งตัวได้กินแหละ) ภาระหนักจึงตกอยู่ที่คุณสามีคะ...เพราะพี่ท่านเล่นหอบกองหญ้าใหญ่ ๆ ไปสองกอง และเป็นไปตามคาดคะ โดนสกรัมกองอยู่ตรงทางเดินนั่นแหละคะ บางตัวแค่สะกิด แต่บางตัวไม่รู้อดอยากมาจากไหน กระโจนเข้าเต็มที่เลย ไอ้เราดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ทำหน้าที่แค่ถ่ายรูปก็คงพอแล้ว อิอิอิ...

พวกแกะเหล่านี้ก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร เพราะพออาหารหมด พวกนี้เดินหนีไปเลยคะ ไม่สนใจสามีดิฉันเลยแม้แต่น้อย (นี่แหละเพื่อนกินของจริง อิอิอิ)

หลังจากให้อาหารน้องแกะเสร็จก็เดินเล่นอยู่ในสวน ถ่ายรูป เก็บบรรยากาศเล็กน้อยก่อนจะออกเดินทางไปยังที่พัก

ใช้เวลาไม่นานนักจาก scenery resort & farm ก็ถึง “บ้านอ้อมกอดขุนเขา” บรรยากาศถึงแม้ว่าจะดูแล้วว่าสู้ที่ scenery resort & farm ไม่ได้ แต่หากเทียบกับความสับสนวุ่นวายในเมืองกรุงแล้วละก็ถือว่าคุ้มค่า

ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น รวมถึง เครื่องเล่นดีวีดี (เอาไว้ดูซีรี่ยส์เกาหลี...มั้ง) นอกจากนี้ภายในห้องพักยังตกแต่งด้วยรูปแบบต่าง ๆ กันไปตามชื่อของดอกไม้ ห้องพักเราชื่อห้อง ปีบทอง ฉะนั้นสีหลักของห้องก็เลยเป็นสีทองตามชื่อห้องนั่นแหละคะ

ด้านบรรยากาศภายนอกห้องพัก ก็เหมือนกับเราอยู่ในขุนเขาสักที่แหละคะ ร่มรื่นและเย็นสบายกำลังพอดี ด้านหลังของห้องพักก็มีฟาร์มเลี้ยงม้าอยู่ด้วย

มาถึงที่นี่จุดหมายหลักอีกอย่าง คือ การอาบน้ำในอ่างขนาดใหญ่ พร้อมกับคุณสามี เราอุตส่าห์วางแผนอย่างดิบดีว่าต้องเปิดน้ำทิ้งไว้ก่อนประมาณ 2-3 ชั่วโมงแล้วค่อยมาอาบ แต่สุดท้ายดันลืมซื้อสบู่สำหรับอาบในอ่างมาจนได้ ต้องพึ่งสบู่ขวดธรรมดา รวมกับของทางรีสอร์ทที่ใส่ไปจนหมดขวดแล้วก็ยังหาฟองไม่เจอเลย...


ด้านอาหารเย็นจะทานอะไรกันดี แต่ละแวกนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่มีจริง ๆ นะคะ...ฉะนั้นแล้วอาหารเย็นก็ในรีสอร์ทนั่นแหละ จะบอกว่ารสชาติของอาหารอร่อยมาก ๆ คะ และราคาก็ไม่แพงด้วย แต่ต้องสั่งล่วงหน้านะคะ ไม่เช่นนั้นรอนานมากถึงมากที่สุดเลย

วันรุ่งขึ้น จุดหมายของการเดินทางคือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ก็ไม่ยากเลยคะ ไปตามถนนเส้นหลักที่จะกลับกรุงเทพฯ พอเห็นป้ายก็ชะแว้บเข้าไปเท่านั้นเอง คิดเป็นระยะทางจากถนนสายหลักก็ประมาณ 25 กิโลเมตร

พอมาถึงตลาดน้ำฯ บรรยากาศไม่ค่อยคึกคักเท่าไร เพราะว่าเลยช่วงเที่ยงไปแล้ว นักท่องเที่ยวจะน้อยลง ทำให้ราคาล่องเรือเที่ยวลดลงตามไปด้วย เราจึงตัดสินใจว่า ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว ล่องเรือเที่ยวสักหน่อย พอลงเรือปุ๊บก็เจอกับช่างภาพสมัครเล่นทันที

“ยิ้มหน่อยครับ” ช่างภาพคนนั้นเอ่ยปาก

ปรากฏว่า เรารู้ทันคะ เพราะพวกนี้มักจะถ่ายภาพเราแล้วเอาไปเพนท์ลงบนจานเพื่อนำมาชายเราตอนขึ้นจากเรือ มุกตื้น ๆ แค่นี้หมดสิทธิ์ พอได้ยินคำพูดให้มองกล้อง เราก็เลยหันไปมองทางอื่นแทน เริ่ดไหมคะ ...แต่คุณสามีสิคะ ท่านเล่นมองกล้องแล้วฉีกยิ้มเต็มที่ สุดท้ายก็เลยโดนไปซะ (ต้องซื้ออยู่ดี รู้งี้มองกล้องดีกว่า...)

หลังจากลงเรือไปอากาศในวันนั้นค่อนข้างอบอ้าวมาก ๆ คะ นั่งเรือไปก็ร้อนไป ด้านบรรดาร้านค้าริมน้ำเองก็ปิดไปหลายร้าน เพราะว่าจะเปิดขายเฉพาะช่วงเช้า เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีจำนวนมาก ทำให้ช่วงบ่าย ๆ บรรยากาศเลยเงียบเหงาลงไปพอสมควร ฉะนั้นแล้วหากใครชอบความคึกคักก็ขอแนะนำให้ไปเที่ยวช่วงเช้าแทนนะคะ

หลังจากเดินทางออกมาจากตลาดน้ำก็ผ่าน อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ ค่าผ่านประตูคนละ 50 บาทเท่านั้นเองคะ ภายในอุทยานมีบริเวณให้ชมหลัก ๆ อยู่ หลายโซน

โซนแรกเป็นอาคารติดเครื่องปรับอากาศอย่างดี ด้านในจะเป็นที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งของคนมีชื่อเสียงหลายท่าน เช่น ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ / ประธานาธิบดีเหมาเจ๋อตุง และ ประธานาธิบดีเติ้งเสี่ยวผิง / แม่ชีเทเรซ่า เป็นต้น

โซนถัดมาเป็น โซนของลานพระสามสมัย ที่แสดงถึงความแตกต่างตามยุคต่าง ๆ ในอดีต จากนั้นก็เป็นส่วนของการเยี่ยมชมถ้ำชาดก เป็นการจำลองเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ โดยแสดงเรื่องพระสันดรชาดก โซนถัดมาเป็นกุฏิพระสงฆ์ 4 ภาค รวมถึงบ้านพัก 4 ภาค (ภาคอีสานกับภาคกลาง น่ากลัวมาก ๆ คะ)

เดินเที่ยวในอุทยานได้ไม่นานก็ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้ว เพราะว่า “เมื่อยมากคะ” ส่วนคุณสามีก็ยังเดินเข้านอกออกในโซนต่าง ๆ ของอุทยานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

หลังจากท่องราชบุรีอยู่สองวันจึงได้คำตอบของคำถามที่ว่า ที่นั่นมีอะไรให้เที่ยวแล้ว หากเพื่อน ๆ อยากทราบคำตอบของคำถามนี้ก็ลองเดินทางมาที่ราชบุรีดูได้คะ

ปล.สวนผึ้งรีสอร์ท กำลังสร้างอย่คะ น่าพักมาก ๆ เลย ใครชอบฟรินท์สโตน ไม่น่าพลาดคะ

Create Date : 20 ตุลาคม 2552		4 comments
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 13:38:53 น.
Counter : 4267 Pageviews.
Share Tweet