...หลากเรื่อง รายวัน ในวันหนึ่งของหวาน...

เปลี่ยนเพื่อเป็น












images by free.in.th


การเปลี่ยนแปลงมักสร้างสิ่งใหม่ๆ เสมอ  


ปีที่ผ่านไปของฉันนับได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยก็ว่าได้

เมื่อปีใหม่มาถึง ก็ได้เวลาที่ฉันจะมานั่งย้อนดูตัวเองอีกครั้ง Year Plan ที่เคยตั้งไว้ตอนต้นปี มีสิ่งที่ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็เหมือนกับทุกๆ ปีนั่นแหละ อันนี้ยังไม่นับสิ่งที่ทำค้างไว้แล้วยกยอดมาจากปีก่อนๆ ด้วยนะ แต่รวมๆ แล้วก็ยังโอเค ทว่าชีวิตก็เปลี่ยนไปเยอะ


เริ่มจากให้เช่าคอนโด หลังจากไม่ค่อยได้อยู่เท่าไหร่ เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ที่บ้านสวนเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อเสียมากกว่า แถมการเงินก็ยังติดขัดขาดสภาพคล่องอีกต่างหาก เลยตัดสินใจปล่อยคอนโดให้เช่าไป ต้นปีที่แล้วเลยวุ่นวายอยู่กับการซ่อมแซมห้องหับให้ดูเหมือนใหม่ หลังจากมันเสื่อมสภาพตามการใช้งานมายาวนานถึง 8 ปี


ส่วนที่แย่ที่สุดของการเปลี่ยนแปลงก็คือ การเปลี่ยนแปลงเพื่อคนอื่น นี่แหละ


ถึงแม้จะได้คนเช่าแล้วก็ยังไม่จบไม่สิ้น เพราะมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนคนเช่าแบบกระทันหัน เล่นเอาเพลียใจ แต่พออะไรๆ เริ่มลงตัว ได้คนเช่าใหม่ที่ดีก็หายห่วง แต่การกลับไปอยู่บ้านนี่สิ ที่เรียกว่าของจริง


ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้านสวน ชีวิตก็มีแต่บ้านกับที่ทำงาน เวลาเบื่อๆ ก็ไม่มีที่ไปเหมือนเคย...

ที่นี่ไม่มีเพื่อน ไม่มีสระว่ายน้ำ ไม่มีความศิวิไลซ์ใดๆ ทั้งสิ้น

อาทิตย์หนึ่งฉันจะเข้าไปประชุมหรือคุยงานที่กรุงเทพฯ ซักวันสองวัน ถ้าต้องค้างคืนก็จะไปที่นอนคอนโดน้องบ้าง นอนตามโฮสเทลบ้าง อาหารการกินต้องเปลี่ยนใหม่ ต้องกินอะไรตามใจพ่อมากกว่ากินแบบที่ตัวเองชอบ ครัวที่เคยเข้ากับข้าวที่เคยทำมีอันต้องงด เพราะพ่อไม่ปลื้ม


แต่การเปลี่ยนแปลงเพื่อคนอื่นมันก็ไม่ได้แย่เสมอไป อย่างน้อยถ้าเทียบกับพ่อแล้ว ฉันปรับที่ตัวเองดูจะง่ายเสียกว่า เพราะการเปลี่ยนแปลงสำหรับพ่อในวัยนี้ดูจะเป็นไปไม่ได้เลย

พออยู่บ้านสวน แน่นอนว่าไม่มีรถไฟฟ้า ไปไหนทีก็ต้องใช้รถยนต์เป็นหลัก สุดท้ายที่หนีไม่พ้นคือต้องขับรถ ภาพของตัวเองที่อยู่บ้านสวนแล้วขับรถไปไหนต่อไหนไม่ต่างกับที่คิดไว้มากนัก ผิดกันนิดหน่อยตรงแทนที่จะเป็นรถคันใหม่เอี่ยม มันกลับกลายเป็นรถคันเก่าของแม่ ถึงแม้รวมๆ แล้วการใช้รถไฟฟ้ากับรถยนต์จะเหมือนกันตรงฉันก็ต้องศึกษาเส้นทางของที่ๆ จะไปไม่ต่างกัน แต่รถไฟฟ้าก็ไม่ต้องมานั่งคิดนั่งหาที่จอดรถหรือเสียค่าที่จอดรถแบบนี้


เป็นธรรมดาที่ทุกอย่างย่อมมีต้นทุนเสมอ


ส่วนเรื่องงาน ปีที่ผ่านมากลับกลายเป็นปีที่ดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่เมื่อต้นปีดูลูกผีลูกคนมาก จากที่ต้อง จน!เครียด! กินข้าว! งานที่ถูกแช่ดองไว้ก็ถูกรื้อออกมาสานต่อกันใหม่หลายงาน แม้งานเขียนหนังสือของตัวเองจะถูกฟรีซเอาไว้ แต่ก็ได้งานเขียนอื่นๆ ที่มีโจทย์ท้าทายเข้ามาให้ได้ฝึกมือ

ฉันมีออฟฟิศที่ต้องเข้าไปประจำ มีเพื่อนร่วมงานให้ได้พบเจอบ้างนอกจากพ่อ การที่ได้ทำงานกับคนหลายๆ กลุ่ม หลายๆ รูปแบบ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าฉันไม่ใช่พวกอีโก้จัดที่จะทำงานร่วมกับใครไม่ได้ และฉันก็ไม่กลัวที่จะได้ร่วมงานกับคนกลุ่มใหม่ๆ อีกด้วย

โล่งอก...ที่ตัวเองมีแนวโน้มจะไม่เป็นคนสูงวัยที่กลัวการเปลี่ยนแปลง


30 ลิขิตฟ้า 70 ต้องฝ่าฟัน...อันนี้ เจิน เจิน ร้องเอาไว้

แต่ฉันเคยได้ยินใครบางคนกล่าวไว้ว่า ชีวิตของคนเราจะเริ่มต้นจริงๆ ก็ตอนหลักสี่

สำหรับฉันมันจริงเสียยิ่งกว่าจริง ชีวิตมันดูปั้นแต่งจนออกมาเป็นรูปเป็นร่างชัดๆ ก็จนบัดเดี๋ยวนี้แหละ แม้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะทำเอาวิตกจริตอยู่บ้างในช่วงแรก แต่สุดท้ายมันก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้ ดีใจที่ตัวเองเป็นคนที่กล้าเสี่ยงกล้าเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเสมอ และทุกครั้งฉันก็รอดมาได้


เวลาผ่านไปอีกปี นอกจากอายุที่มากขึ้นและเวลาของชีวิตที่เหลือน้อยลงแล้ว พอมองย้อนกลับไปยิ่งได้เห็นชัดๆ ว่าคนที่อยู่ล้อมรอบตัวเรานั้น มันแวะเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามจังหวะและเวลา จะมีคนเพียงไม่กี่คนหรอกที่อยู่กับเราเสมอไม่ว่าปีไหนๆ ...ขอขอบคุณคนเหล่านั้น

ส่วนที่ตลกที่สุดของการเปลี่ยนแปลงคือ คนเรามักเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วบอกว่าทำเพื่อคนอื่น

หลายครั้งที่ผ่านมาฉันปฏิเสธไม่ได้เลยที่จะยอมรับว่าฉันยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่นอยู่บ่อยๆ แต่ในปีนี้ฉันมั่นใจว่าฉันได้เปลี่ยนไปเพื่อเป็นตัวเอง


(อ่านแล้วถูกใจ คลิ๊กแถบโฆษณาด้านขวามือให้ด้วยนะค้าาาา)




Create Date : 06 มกราคม 2560
Last Update : 6 มกราคม 2560 17:14:39 น. 0 comments
Counter : 526 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pimonhwan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กับตรงนี้ “About Me” เรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉัน พอมานึก ๆ ไป หากเอาชุดหนังหน้าคนของตนเองออก ฉันก็คงจะเป็นแค่เครื่องจักรที่ทำอะไรซ้ำ ๆ เสมอ ...ฉันเป็นเครื่องจักรของการตีความ ฉันเป็นเครื่องจักรของการ Clear ฉันเป็นเครื่องจักรของการแสวงหาความสุข..ทั้งหมดนี้รวมกันคือฉันเลย

เครื่องจักรของการตีความ..มีโอกาสเมื่อไหร่ฉันเป็นต้องตีความเสมอ..คนนี้มาพูดอย่างนี้ แปลว่าอะไร คนนั้นมาพูดอย่างนั้น มันแปลว่าอย่างนี้หรือเปล่า..ตีความเสร็จก็ขอ Clear หน่อย เพราะเป็นคนชอบความชัดเจน แต่ผลที่ได้ ยิ่ง Clear ก็ยิ่งไม่ชัดเจนเสมอ เป็นอันให้ต้อง Clear กันได้เรื่อย ๆ สุดท้าย...ฉันเป็นเครื่องจักรของการแสวงหาความสุข..ฉันพึงหาหนทางสร้างความสุขให้กับตนเองเสมอ อะไรที่คิดว่าจะทำให้ตัวเองมีความสุขได้ จะหามาสนองตัวตลอด อาทิ คิดว่าถ้ามีคอนโดฯ ได้ฉันก็จะมีความสุขกว่านี้ ฉันก็ได้คอนโดฯ มาสมใจ แต่จนป่านนี้ก็ยังถามตัวเองอยู่เสมอว่าทำไมถึงยังไม่มีความสุขซะที ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ที่คิดว่าจะทำให้มีความสุขได้..เพลงที่ฟัง หนังที่ดู หนังสือที่อ่าน แนวทางต่าง ๆ ที่เค้าว่าทำแล้วจะมีความสุขแก่ชีวิต ก็หามาอ่าน หามาทำไปเรื่อย สุดท้ายก็พบว่ามันไม่เคยพอ แล้วความสุขที่ได้เหล่านั้นมันก็อยู่ไม่นานเลย มันต้องหาต่อไปเรื่อย ๆ หลงลืมไปว่าความสุขแท้จริงง่าย ๆ มันอยู่ที่เราเอง –การแสวงหาความสุขจากสิ่งอื่นหรือคนอื่นมันไม่ยั่งยืนเสมอไป-

เมื่อมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้ลองมองตัวเองให้ชัด ๆ ขึ้น ก็เลยได้ความกระจ่าง พอใจอยู่อย่างที่อย่างน้อยฉันก็ยังโอเคกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้น แม้บางทีมันก็เลวร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหน..มันก็จะเป็นแค่อีกเรื่องที่ผ่านไป..ดีใจที่ตัวเองไม่ใช่คนเหลาะแหละ..ดีใจที่ตัวเองไม่ได้ไขว่คว้าอะไรมาอย่างมักง่าย สุดท้ายฉันก็ยังได้รู้ว่าฉันยังคงมีสิ่งดี ๆ ในชีวิตอย่างเช่นที่เคยมีมาอยู่เสมอ

...เคยเฝ้ารอด้วยความหวังว่าจะมีใครพาเราพ้นไปจากตรงนี้..แต่ความหวังไม่เคยเป็นจริง..
...เคยใช้เวลาไปเรื่อย ๆ หายใจทิ้งไปวัน ๆ เฝ้ารอสิ่งดี ๆ ที่คิดว่าจะมีเข้ามาในวันข้างหน้า..
...บางครั้งก็รอวันข้างหน้าจนหลงลืมไปว่า เรามีความสุขอยู่กับปัจจุบันได้โดยไม่ต้องรอ.






hits Stock Photos from 123RF
[Add pimonhwan's blog to your web]