Group Blog
 
 
สิงหาคม 2558
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
27 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
งานทางธรรม

 การงานใดๆในโลก  เป็นเพียงเครื่องอาศัยให้ชีวิตมีการดำรงอยู่เท่านั้น
แต่การงานอันประเสริฐ์เลอเลิศที่แท้จริง คือ งานฆ่ากิเลส 
เป็นงานประหัตประหาร ฆ่าทำลายกิเลสภายในใจของตน 
ไม่ได้เป็นงานของอาชญากรโจรผู้ร้ายฆ่าทำร้ายใคร 
หรือเป็นการฆ่าทำลายชีวิตตนเองแต่อย่างใด
จึงไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรม แต่เป็นงานโดยตรงของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย
เป็นสัมมาอาชีโว เป็นการงานชอบ สำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา

มนุษย์เกิดมา มีร่างกายเป็นสิ่งสำคัญของตน
แต่ไม่ได้ใช้ร่างกายของตน มาสร้างคุณประโยชน์ให้เกิดแก่จิตใจแต่อย่างใด
กลับนำร่างกายนี้ไปสร้างโทษให้เกิดแก่ตน ต่างๆนานาประการ
ทำผิดศีลผิดธรรม เอารัดเอาเปรียบคดโกงเพื่อผลประโยชน์ของตน
หัวใจขาดไร้ความเมตตาปราณี ไม่มีศีลธรรมในใจ

จิตใจนั้นมีแต่กิเลสครอบงำจิตจนมืดมิด
หัวใจหยาบช้ากระด้างและไร้คุณธรรม
ไม่เคยคิดจะสร้างคุณงามความดีให้มีในจิตใจตน
ปล่อยให้วันเวลาผ่านพ้นไปโดยเปล่าประโยชน์

จิตใจถูกครอบงำด้วยอำนาจของกิเลสบงการจิตใจ
ชีวิตจึงดำเนินไปอย่างไร้จุดหมาย
จนวัยล่วงเลยไป จนถึงวัยแก่เฒ่าชรา และตายไป
ร่างกายเสื่อมสลายเปื่อยเน่าผุพังไปตามกาลเวลา
ดวงจิตเคลื่อนออกจากร่างที่ไร้วิญญาณ
ล่องลอยวนเวียนไปตามผลกรรมที่ตนได้กระทำมา

"ความหลงของจิต"ทำให้จิตดวงนี้มืดมนสิ้นหนทาง
ล่องลอยไปในคลื่นวัฏจักรแห่งกิเลส
จิตดวงนี้ทุกข์ทนทรมาณมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
ตายจากภพนี้ไปเกิดในภพนั้นตราบชั่วอนันตกาล
หลงทางในวัฏสงสารเวียนว่ายตาบเกิดไม่รู้จบสิ้น 

แต่ละภพแต่ละชาติที่ได้ถือกำเนิดมาเป็นไปอย่างไร้คุณค่า
หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่แน่นอน ด้วยอำนาจของกรรมของตนที่ได้กระทำมา
บางภพชาติมาเกิดในนรกอเวจี มีความทุกข์ทรมาณแสนสาหัส
จิตดวงนี้กลับไม่เคยที่จะเข็ดขยาดจากความทุกข์ทรมาณแต่อย่างใด
บางภพชาติมาเกิดในสวรรค์ มีความสุข กลับเพลิดเพลินยินดีกับความสุขที่ไม่จีรังยั่งยืน
กลับลืมทุกข์ที่เคยได้รับจากการลงโทษทัณฑ์ของวัฏสงสารนี้

กิเลสกาม เป็นตัวการสำคัญที่ร้ายกาจที่สุด มีพลังอำนาจลึกลับมหาศาล
ดึงดูดทุกดวงจิตให้ติดกับดักของมันจนยากจะถอนตัวจนโงหัวไม่ขึ้น
เล่ห์กลมายาของกิเลสนี้ลึกลับซับซ้อนยากที่ใครจะรู้ทัน
หัวใจของสัตว์จึงตกเป็นทาสของกิเลสให้มันยำยีกดขี่ดวงใจ

วัฏจักร เป็นกรงขังของกิเลสในสามแดนโลกธาตุ
ยากเกินกว่าที่จะมีสัตว์ตัวใดเล็ดลอดหลบหนีออกไปได้
กิเลสนี้กุมหัวใจของสัตว์ทุกดวงให้อยู่ในกำมือของมัน
สัตว์ทั้งหลายจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของมัน

ไม่มีอำนาจใดที่จะต้านทานต่อสู้กับกิเลสได้
นอกจาก "แสงสว่างแห่งธรรม"เท่านั้น 
ที่จะทำให้หัวใจของสัตว์ที่เคยมืดมิด เพราะกิเลสครอบงำจิตอยู่
ให้กลับสว่างจ้าลบความมืดมิดจากหัวใจดวงนี้ได้

เราจึงต้องแก้กันที่ "ความหลงของจิต"
จิตนี้อาศัยอยู่ในกาย แต่ไม่เคยพิจาณากาย
ทำให้ไม่เห็นความเป็นจริง ของกายและจิต เป็นคนละส่วนกัน
จึงสำคัญผิดว่า "กาย"เป็นเราและเป็นของเรา

เพราะจิตไม่รู้ทุกข์ที่แท้จริง ไม่รู้สาเหตุแห่งทุกข์
เหมารวมว่า ทุกข์ของกายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ ทุกข์ของจิต
ทั้งๆที่ ทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในร่างกายนี้ เป็นความเสื่อมของสังขารตามกฏอนิจจัง

เวทนาของกายที่เกิดขึ้น จึงเกิดมาจากความเสื่อมของสังขาร 
เป็นเพียงอาการอันหนึ่งของขันธ์ ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
เพราะในสัจจะแห่งความเป็นจริง 
เวทนาของจิตนี้ไม่มี มีแต่เวทนาของกายเทานั้น

เวทนาของจิต จึงเกิดขึ้นเพราะ ใจที่ไปหลงยึดสำคัญผิด
ยึดเอาเวทนากาย มาเป็นตนและยึดร่างกายเป็นของตน
จิตจึงปรุงแต่งตามสัญญา เกิดเป็นสมุทัย 
ทำให้จิตเร่าร้อนกระวนกระวาย เกิดเป็นทุกข์ขึ้นภายในจิต
สาเหตุแห่งทุกข์ที่เกิดขึ้นที่ใจนั้น 
มาจากใจที่หลงยึดร่างกายเป็นตนและเป็นของตน

เราจึงต้องพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงของ กาย
ผม ขน หนัง ฟัน เล็บ หรือ เนื้อ เอ็น กระดูก ล้วนนั้นมาจากธาตุดิน
อวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เช่น ใบหู แขน ขา  ลูกตา มาจากธาตุดินทั้งสิ้น

หากเอามีดมาตัดผม ขน  ฟัน เล็บ เราจะไม่รู้สึกเสียดายหรือหวาดกลัว
แต่ถ้าเอามีดมาตัด  ใบหู แขน ขา หรือควักลูกตาของเรา
เราจะรู้สึกหวาดกลัวและไม่ยินยอมให้เอามีดมาตัดอวัยวะของเรา
เพราะคิดว่า ใบหู แขน ขา หรือลูกตานั้น เป็นตัวเราและเป็นของเรา

ทั้งๆที่  ความเป็นจริงนั้น ผม ขน  ฟัน เล็บ 
ก็เหมือนกันกับใบหู แขน ขา หรือลูกตา 
เพราะมาจากกายและเป็นธาตุดินเหมือนกัน
แต่ที่เรารู้สึกหวาดกลัวและไม่ยินยอมให้ใครมาตัดอวัยวะเรานั้น
สาเหตุที่แท้จริง มาจากที่ใจเราหลงยึดถือสำคัญผิดในกาย

ธาตุดินนั้น เป็นธาตุ  
ไม่มีความรู้สึก สุขหรือทุกข์ ไม่มีเวทนา แต่อย่างใด
ความรู้สึก สุขหรือทุกข์ เป็นเวทนา เกิดขึ้นที่ใจที่หลงยึดกายทั้งสิ้น

เพราะเราเชื่อตามตำราว่า  ผม ขน หนัง  ฟัน เล็บ 
หรือ เนื้อ เอ็น กระดูก ล้วนมาจากธาตุดิน
อวัยวะทุกส่วนในร่างกาย  มาจากธาตุดินทั้งสิ้น
แต่ในสามัญสำนึกแห่งความเป็นจริง 
ใจเรานั้น ยังหลงยึดถืออยู่ว่า ร่างกายนั้นเป็นตัวเราเป็นของเรา

ปัญญา ที่เกิดจากสัญญา มาจากความจำตำรับตำรานั้น
เป็นปัญญาที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากความสงบของจิต
เป็นปัญญาทางโลก มีแต่ความฟุ้งซ่าน
ไม่มีสมาธิ ขาดกำลังของจิต จึงควบคุมจิตใจไม่ได้

ปัญญาที่ชำระฆ่ากิเลสได้ ต้องเป็นภาวนามยปัญญา
ปัญญาที่เกิดจากการทำความสงบของใจ
มีกำลังของจิต คือ สมาธิ เป็นเครื่องหนุน
จึงจะเป็นปัญญาที่เป็นสัมมาทิฐิในอริยะมรรค

ธรรมดาของกายนั้น มีความเสื่อมเป็นธรรมดา ตามกฏอนิจจัง
เมื่อธาตุในกายแปรปรวนเพราะความเสื่อมของสังขาร
จึงเกิดเป็นทุกขเวทนาในกายขึ้นมา
เมื่อทุกข์ เกิดขึ้นเพราะความเสื่อมของสังขาร และ ดับไป 
กาย ก็ยังตั้งอยู่ไม่ได้ดับไปด้วยพร้อมกับทุกข์

กายก็เป็นความจริงให้ทราบว่า กายนั้นไม่ได้ดับไปพร้อมกับทุกข์
ทุกข์ก็เป็นความจริงของทุกข์เป็นคนละส่วนกับกาย
ต่างอันต่างจริงต่างทำตามหน้าที่ของตัวมันเอง

จิตก็เช่นเดียวกันไม่ได้ดับไปด้วยพร้อมกับทุกข์
จิต เป็นธาตุรู้ อาศัยอยู่ในกายเพียงชั่วคราว
เมื่อกายสังขารถึงแก่ความเสื่อมเป็นที่สุด คือ ตายไป
จิตก็ไม่ได้ตายไปเช่นเดียวกันกับร่างกาย

เพราะจิตเป็นผู้รู้ ไม่เกิดไม่ดับ 
เปลี่ยนรูปร่างลีกษณะไปตามกฏแห่งกรรม
จิตไม่เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปตามกฏอนิจจังเช่นเดียวกันกายและเวทนา 

พิจารณาด้วยเหตุผลของปัญญาใคร่ครวญอย่างละเอียดรอบคอบ
ความเป็นจริงของกายก็เป็นอย่างหนึ่ง 
และความเป็นจริงของจิตและทุกข์ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง

พิจารณาให้เห็นชัด ด้วยสติและปัญญา 
ร่างกายและจิตใจ ความทุกข์แยกเป็นสามส่วนออกจากกัน
ตามสัจจะความเป็นจริง ทั้งสามส่วนนี้ ต่างทำหน้าที่ของมัน 
จิตเป็นจิต กายเป็นกาย ทุกข์เป็นเทุกข์ เป็นคนละส่วนกัน


ใจนี้ จึงเป็นตัวการสำคัญที่สุด 
ที่ไปสร้างเหตุแห่งทุกข์ และไปรับเอาผลของทุกข์มาเป็นของตน
จึงต้องแก้กันทีใจ ที่เป็นตัวมหาเหตุ และมหาทุกขฺ 

เอวังฯ




Create Date : 27 สิงหาคม 2558
Last Update : 27 สิงหาคม 2558 9:25:22 น. 1 comments
Counter : 1445 Pageviews.

 
ยอดเยี่ยมเลยครับ ธรรมของพระพุทธเจ้า คือที่สุด


โดย: gp06 IP: 27.55.69.1 วันที่: 21 ตุลาคม 2558 เวลา:9:18:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วิสุทธิธรรม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add วิสุทธิธรรม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.