เนื่องจากสีสัน และลวดลายนั้นมีผลโดยตรงต่อสภาพอารมณ์ ความรู้สึกทั้งทางด้านจิตใจรวมไปถึงระดับการทำงานในแต่ละวัน การเลือกลวดลายและสีสันของผ้าปูที่นอนจึงควรเลือกให้เหมาะสมกับความชอบและสภาพอารมณ์ของแต่ละบุคคล อย่างเช่นในวันที่เรารู้สึกเคร่งเครียดจากการทำงาน การเลือกนอนบนผ้าปูที่นอนโทนสีอ่อนๆ เย็นๆ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะต่อการพักผ่อน อีกทั้งยังทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นทาง คอตตอน ยูเอสเอ จึงร่วมกับแซนตาส (Santas) ผลิตภัณฑ์ชุดเครื่องนอนชั้นนำ ให้คำแนะนำเรื่องอัพเดตเทรนด์สีผ้าปูที่นอน ที่เหมาะสมกับไลฟสไตล์ของคนในปี 2557 พร้อมแนะนำเทคนิคการดูแลรักษายืดอายุการใช้งานของผ้าปูที่นอนให้ยาวนานยิ่งขึ้น

สีของผ้าปูที่นอนแต่ละเฉดสีสามารถสะท้อนถึงความรู้สึกและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในปีนี้ เทรนด์สีที่กำลังมาแรงจะเป็น สีโทนกลางๆ ในกลุ่ม Neutral อย่างสีขาว เทา น้ำตาล ที่จัดได้ว่าเป็นสีในกลุ่มเบสิก เนื่องจากสีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความรู้สึกในแง่บวกขณะนอนหลับอีกทั้งยังดูโปร่งโล่งสบายตาอีกด้วย

สีที่อยู่ในกลุ่มโทนธรรมชาติ อย่างสีฟ้าหรือสีเขียวก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มโทนสีที่นับได้ว่าเหมาะต่อการนำมาทำเป็นสีผ้าปูที่นอนในปีหน้า เนื่องจากสีในกลุ่มโทนธรรมชาตินี้จะให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย สงบ และร่มรื่นส่งผลให้นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน

ส่วนโทนสีในกลุ่ม Pastel รวมไปถึงกลุ่มสีโทนเข้มหรือโทนสีตุ่น อย่างสีส้มหรือสีแดงก็กำลังได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน เนื่องจากสีในกลุ่มโทนเข้มนี้จะให้ความรู้สึกที่อบอุ่น และเป็นมิตรมากขึ้นเหมาะสำหรับห้องนอน ที่จัดเตรียมไว้สำหรับแขกหรือญาติที่มาเยี่ยมในช่วงวันหยุด และสำหรับใครที่หดหู่ เศร้าหมอง โทนสีในกลุ่มนี้อย่างสีแดงก็เป็นอีกหนึ่งสีที่น่าสนใจที่สามารถช่วยเพิ่มความกระฉับเฉง พร้อมสร้างความสดใสให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี

นอกจากเรื่องสีสันแล้วเนื้อสัมผัสของผ้า การถักทอ หรือวิธีการดูแลรักษาทำความสะอาดผ้าปูที่นอนก็ส่งผลต่อสุขภาพ บรรยากาศและความรู้สึกของผู้นอนไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นจึงควรเลือกผ้าปูที่นอนที่ผลิตมาจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100% เนื่องจากเนื้อผ้าฝ้ายนั้นมีสัมผัสที่นุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และสบายตัวขณะนอนหลับ

อีกทั้งยังมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง และจำนวนเส้นด้ายที่ใช้ในการทอควรมีจำนวนตั้งแต่ 200 เส้นด้าย มากไปจนถึง 1,000 เส้นด้าย เนื่องจากยิ่งจำนวนเส้นด้ายเยอะเท่าไหร่ความนุ่มของเนื้อสัมผัสของผ้าปูที่นอนก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

ส่วนเรื่องการดูแลรักษาผ้าปูที่นอน เพื่อการยืดอายุการใช้งานนั้น ควรปฏิบัติตามวิธีการดูแลสินค้าที่ปรากฏอยู่ใน Care Label หรือป้ายแนะนำวิธีการซักที่ติดมากับตัวสินค้าที่ระบุวิธีการถนอมเนื้อผ้าพร้อมยืดอายุการใช้งานให้ได้ยาวนานมากขึ้น โดยควรนำผ้าปูที่นอนไปซัก 1 - 2 สัปดาห์เพื่อกำจัดไรฝุ่น และเชื้อโรคที่อาจเกิดขึ้นได้

สำหรับน้ำที่ใช้ซักผ้าปูที่นอนนั้นควรใช้น้ำเย็นหรือน้ำในอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อน และสารฟอกขาว เนื่องจากสองสิ่งนี้จะทำให้อายุการใช้งานของผ้าปูที่นอนลดน้อยลงอีกทั้งยังทำให้สีและลวดลายซีดจางได้ง่าย

โดยหากต้องการให้สีสันและลวดลายของผ้าปูที่นอนดูสดใส และใหม่อยู่เสมอ ให้ลองใส่น้ำมะนาว ¼ ถ้วยแทน และสำหรับตากแห้งนั้น ควรตากผ้าปูที่นอนในบริเวณที่มีปริมาณแสงแดดที่เพียงพอ และปล่อยให้ผ้าแห้งเองเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคอีกครั้งหนึ่ง

เลือกสรรและดูแลรักษาผ้าปูที่นอนอย่างใส่ใจ เชื่อได้ว่าคุณจะนอนหลับสบายไปตลอดทั้งปีอย่างแน่นอน :: Text by FLASH