"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2558
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
1 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
พุทธประวัติ ๒.อสิตดาบสเข้าเฝ้าเยี่ยม

 

 

   อสิตดาบสเข้าเฝ้าเยี่ยม

                            

      

เมื่อพระราชกุมารประสูติใหม่ ๆ  อสิตดาบส หรือ เรียกอีกนามหนึ่งว่า  กาฬเทวิลดาบส  ซึ่งเป็นที่คุ้นเคย  และนับถือของราชสกุล  ได้ทราบว่าพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะประสูติ  จึงเข้าไปเยี่ยม 

พระเจ้าสุทโธทนะทรงอุ้มพระราชโอรส  ออกมาเพื่อให้นมัสการพระดาบส  แต่ด้วยอภินิหารแห่งกุศลสมภารที่พระบรมโพธิสัตว์ ได้สั่งสมอบรมมาจนถึงพระชาติสุดท้าย  บันดาลให้พระบาททั้งสองของพระราชกุมาร  ไปปรากฏเหนือเศียรแห่งดาบสเป็นอัศจรรย์ 

พระราชบิดาและพระดาบสจึงได้ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นประนตนมัสการ  แด่พระราชกุมารบรมโพธิสัตว์  อันธรรมดานิยมว่า  พระบรมโพธิสัตว์พุทธางกูร เมื่อถึงพระชาติสุดท้ายที่จะได้ตรัสรู้ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ได้บำเพ็ญบารมีมาเต็มบริบูรณ์ เป็นเอกอัครมหาบุรุษรัตน์ อันบุญฤทธิ์กฤษดาภินิหาร หากให้เป็นไป จึงไม่ปรากฎว่าถวายนมัสการผู้หนึ่งผู้ใดเลย

 

 

           โกณทัญญพราหมณ์ถวายคำพยากรณ์เจ้าชายสิทธัตถะ

                                     

      

 เมื่อพราหมณ์ 8 คน เข้าเฝ้าพระเจ้าสุทโธทนะ ณ พระราชนิเวศน์ กรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อถวายพยากรณ์พระศิริลักษณ์ พระสิทธัตถะราชกุมาร ซึ่งเพิ่งประสูติใหม่     

ในพราหมณ์ทั้ง 8 คนนั้น มีจำนวน 7 คน ที่เจริญด้วยวัยวุฒิ ได้ถวายพยากรณ์รวมกันเป็น 2 คติว่า พระกุมารนี้ ถ้าอยู่ครองราชสมบัติ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์มหาราชาธิราช  ถ้าออกทรงผนวช  จะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก โดยยกนิ้วมือ 2 นิ้วยืนยันพยากรณ์ดังในภาพ 

ส่วนพราหมณ์โกณทัญญะยังหนุ่ม (พราหมณ์ผู้นั่งหลังและมีผมดำ) แต่สูงด้วยวิทยาคุณ ได้ถวายพยากรณ์เป็นคติเดียว โดยยกนิ้วมือนิ้วเดียวยืนยันว่า พระราชกุมารพระองค์นี้ จะไม่อยู่ในราชสมบัติ จะเสด็จออกทรงผนวช และตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลกแน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

                           พระฉายของเจ้าชายสิทธัตถะไม่เอนเอียงไป
 

                                           
 

      

ในสมัยที่เจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารยังทรงพระเยาว์  มีพระชนมายุได้ 8 พรรษา ครั้นเมื่อนักขัตฤกษ์วัปปะมงคลพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ อันเป็นขัตติยะประเพณีนิยมมาถึง พระเจ้าสุทโธทนะจึงโปรดให้เชิญพระราชโอรสเสด็จไปในพระราชพิธีนั้นด้วย

เมื่อเสด็จถึง จึงตรัสสั่งให้ข้าราชบริพาร ประดิษฐ์พระราชอาสน์ เป็นที่ประทับสำหรับพระราชโอรส ณ บริเวณต้นหว้าใหญ่ ส่วนพระราชบิดาก็เสด็จไปทรงประกอบพระราชพิธีแรกนาขวัญ       

พระกุมารประทับอยู่โดยลำพัง จึงทรงประทับนั่งขัดสมาธิบัลลังก์ ดำรงพระสติ กำหนดลมหายใจเข้าหายใจออก เจริญพระอานาปานสติกรรมฐานจนได้บรรลุปฐมญาณ เป็นสัมโพธินิมิตเป็นที่อัศจรรย์

แม้ดวงอาทิตย์จะบ่ายคล้อยลงไป แต่เงาของต้นหว้า ยังตั้งตรงดำรงอยู่ประดุจเวลาเที่ยง  มิได้เอนเอียงไปตามแสงอาทิตย์ ครั้นพระพี่เลี้ยงกลับมา เห็นความอัศจรรย์ดังกล่าว จึงรีบกลับไปกราบทูลพระเจ้าสุทโธทนะให้ทรงทราบ

เมื่อพระองค์เสด็จมาทอดพระเนตรเห็นปรากฎการณ์นั้น จึงได้ถวายบังคมพระราชโอรส โดยนิยมกำหนดในบุญญาภินิหารบารมี

 

 

                                           ทรงแข่งธนูแผลงศร

                            

      

เป็นขัตติยประเพณี พระศากยกุมารจะต้องศึกษาวิชายุทธศิลป์ อย่างชำนิชำนาญให้สมกับพระนามว่าขัตติยะ ซึ่งแปลว่านักรบ เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงศึกษายุทธศิลป์มาโดยช่ำชอง  จนพระกิติศัพท์เลื่องลือไปทั่วทุกแว่นแคว้นในชมพูทวีป

ก่อนที่พระองค์จะทรงอภิเษกสมรส พระองค์ได้ทรงแข่งขันการยิงธนู แผลงศร ซึ่งเป็นยุทธศิลป์ชั้นสูงในสมัยนั้น ปรากฎว่า ทรงชนะเลิศในการแข่งขันอย่างง่ายดาย

แม้เจ้าชายเทวทัตคู่แข่งสำคัญที่มีฝีมือก็ไม่สามารถสู้ได้ แสดงถึงความเป็นเลิศของพระองค์ แม้ทางโลกียวิสัย สมพระวาจาที่ทรงเปล่งเมื่อตรัสรู้แล้วว่า เราเป็นผู้เลิศในโลก

 

 

 

                                            เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษก

                             

      

 เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสกับ เจ้าหญิงยโสธราพิมพา ที่กรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษา      

ในภาพ ฝ่ายเจ้าหญิงอยู่ด้านซ้าย เจ้าชายอยู่ด้านขวา ทั้งสองพระองค์ประทับบนพระแท่นพิธี มีพระภูษาลาดเป็นพระราชอาสน์เป็นเครื่องหมาย 

บรรดาผู้ที่นั่งบนแท่นต่ำลงไป ถัดไปทางเบื้องปฤษฎางค์เจ้าชายและเจ้าหญิง  เป็นเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าว และฝ่ายเจ้าสาว มีบายศรีประดิษฐานอยู่ท่ามกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย  ภายในพระพิธีมณฑล     

ชั้นล่างมีคณะพราหมณ์กำลังเบิกแว่นเวียนเทียน นั่งอยู่ทางกลุ่มด้านขวา ส่วนกลุ่มด้านซ้ายเป็นพวกหญิงพนักงานและข้าเฝ้า

 

 

 

เจ้าชายสิทธัตถะทรงประทับราชรถชมบริเวณพระราชวัง

                                
 

      

เจ้าชายสิทธัตถะได้เสด็จประพาสอุทยาน สี่วาระ โดยลำดับกัน ทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง สี่คือ คนแก่  คนเจ็บ  คนตาย  และสมณะ  อันเทวดาแสร้งเนรมิตไว้ในระหว่างทาง 

ทรงสังเวชพระหฤทัยเพราะเหตุได้ทรงเห็น  เทวทูตทั้ง สี่ข้างต้น อันพระองค์ยังไม่เคยทรงพบมาเลยในกาลก่อน  และทรงพอพระทัยในบรรพชา  เพราะได้เห็นสมณะเทวทูต วาระที่สี่ เป็นเหตุให้พระองค์ เสด็จออกสู่มหาภิเนษกรมณ์บำเพ็ญบารมีธรรม  จนได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ

 

 

                   เจ้าชายสิทธัตถะทรงสละราชโอรสและพระชายา

                                       

      

เมื่อกาลเวลาผ่านไป  ความจริงค่อยปรากฎชัดแก่เจ้าชายสิทธัตถะ ธรรมชาติแห่งความคิดนึกตรึกตรอง และพระมหากรุณาของพระองค์  ไม่ยอมให้พระองค์เสวยความเพลิดเพลินในราชสำนักต่อไป 

พระองค์ไม่รู้จักความทุกข์เลย  แต่รู้สึกสงสารมนุษยชาติผู้มีความทุกข์  ทรงเบื่อหน่ายต่อความสุขอย่างชาวโลก  จึงได้เสด็จหนีจากวังในเวลาดึกเพื่อออกบรรพชา 

ด้วยทรงเห็นสาวสนมนางใน และพวกเล่นดนตรีทั้งหลาย นอนกลิ้งเกลือกอยู่  ไม่เป็นที่น่ายินดี  ทรงเห็นสภาพเหล่านี้ ประกอบกับความสงสารในหมู่ประชา  จึงทรงตัดสินพระทัย ทิ้งพระชายาและพระโอรสผู้บรรทมอยู่บนพระแท่น ในราตรีกาลนั้น

 

ที่มา: //www.heritage.thaigov.net/religion/bio/index01.htm

ขอบพระคุณ ธรรมจักษุ

วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน

heritage.thaigov.net/religion/bio/index01.htm

สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ




Create Date : 01 สิงหาคม 2558
Last Update : 1 สิงหาคม 2558 10:56:09 น. 0 comments
Counter : 804 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.