กินเที่ยวเฟี้ยวฟ้าวเกาหลีด้วยตัวเอง 17 วัน หลายเมือง (Day 1)

หลังจากเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองมาแล้ว 4 ครั้ง

ทีแรกเลยก็ไม่คิดว่าจะนำมาเขียนลงบล็อกหรอกค่ะ  เพราะการเดินทางครั้งแรกนั้นถือเป็นประสบการณ์ที่สุข ทุกข์ มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา  มีมิตรภาพเพิ่มเข้ามาระหว่างการเดินทางและถือเป็นรอยประทับใจที่ยังฝังอยู่ในใจในขณะนั้นและคิดว่าไม่มีทางลืมเลือนแน่นอน  อีกทั้งเราเองก็ไม่ได้เป็นกูรูหรือผู้ที่ได้เที่ยวต่างประเทศอย่างหลากหลายเหมือนกับหลายๆ คนที่รู้จักกันทั้งจากเพื่อนในเฟสบุ๊ค หรือเพื่อนๆ ผิวเผิน (ฮ่าๆๆๆ คือรู้จักไม่มากมาย แค่รู้จัก กิน เที่ยวสายธรรมชาติกันบ้าง)  ก็คิดว่าไม่มีฤทธิ์อาจหาญไปตั้งกระทู้กระแท้ หรือเขียนลงบล็อกนักหรอก

    แล้วไงล่ะ????  ตั้งแต่การเดินทางครั้งแรกในปี 2555 จนปัจจุบัน 2559 เราก็เดินทางทั้งเกาหลีใต้, ญี่ปุ่นและฮ่องกงมาแล้ว   ความทรงจำเกาหลีครั้งแรกก็เริ่มจะปะปนกับไอ้การเดินทางครั้งต่อๆ มาแล้วล่ะสิ   ทำไงล่ะทีนี้???  คงต้องลงบันทึกไว้ซะแล้วล่ะทีนี้   โดยเริ่มจากการเที่ยวเองครั้งแรก  แถมเป็นต่างแดนด้วยสิ  วางแผนยังไง? ผลจะเป็นอย่างไร เรามาดูกัน

ลีลาการเขียนอาจไม่ดีนัก แต่ก็เอาเหอะนะ  อยากลงเอาไว้ให้ได้อ่านกัน ถ้าเป็นไปได้ก็เผื่อจะเป็นแนวทางให้กับผู้ที่อยากเที่ยวด้วยตัวเองได้บ้าง

เดี๋ยวเรามาเริ่มจากทริปเกาหลี 17 วันครั้งแรกหลายเมืองกันเลยดีกว่านะคะ!

(ไปนั่งเก็บภาพระลึกชาติจากเฟสบุ๊คของตัวเองนี่แหละ ง่ายและเรียงวันเอาไว้ได้ดีที่สุดแล้ว ไม่ลืมเลือน ไม่วางมั่วด้วย  ขอบคุณตัวเองที่บ้าลงรูปตั้งแต่ไหนแต่ไร  ไม่งั้นรูปคงไม่เหลือและเวลาคงไม่เรียงลำดับแน่นอน)


แรงบันดาลใจ

1)  ซีรีย์เกาหลี (เชื่อว่าหลายคนมีแหล่งเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ คือไปตามรอยซีรีย์ที่ตัวเองชอบ พระ-นางเค้าไปที่ไหน เราก็อยากไป)  

2)  ศิลปินที่ชื่นชอบ  (โอ้โห.............อันนี้มันก็ใช่เลยนะ เชื่อว่าเกือบ 100% ที่ตามอปป้าที่ตัวเองชอบ  แทบอยากไปนั่งเฝ้าหน้าตึกที่เค้าทำงานกันเลยทีเดียว)  แล้วเราจะเป็นถึงขนาดนั้นไม๊เนาะ?  แล้วจะได้เจอบ้างไม๊นะ?

การเตรียมตัว

1)  หาข้อมูลตามเว็บพันทิปที่เค้าเที่ยวด้วยตัวเองกันค่ะ เอามาเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เชื่อแน่ว่าหลายคนที่กินเที่ยวต่างแดนหรือในแดนสยามด้วยตัวเองมักจะทำกัน  (มันโคตรเป็นแนวที่สร้างแรงบันดาลใจเสียเหลือเกิน)  

2)  ซื้อหนังสือเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองมาอ่าน 2 เล่มที่คิดว่าเราอ่านแล้วเข้าใจง่าย น่าจะนำไปใช้ได้ (แล้วสุดท้าย ผลของการพึ่งพาหนังสือจะเป็นยังไงกันหนอ???  เอาไว้ไปอ่านตอนต่อๆ ไปกันนะคะ)

3) ซื้อหนังสือบทสนทนาเกาหลีที่เอาตัวรอดในเกาหลีได้ (แล้วสุดท้ายจะได้ใช้รึไม่นะ?)

4) จองตั๋วเครื่องบินสิคะ   ขั้นตอนนี้มีเรื่องเล่าล่ะค่ะ  เอาไว้แยกอีกประเด็นกัน

5) ซื้อเสื้อผ้าที่จำเป็นด้วยงบประหยัด (เล็งมือสองเอาไว้แน่นอน)

6) ชอปของดำรงชีพขณะที่บากบั่นดั้นด้นไปเกาหลีคนเดียว


ไปติดตามกันดีกว่า................

จองตั๋วด้วยความรู้และชำนาญอันเป็น 0 (ศูนย์)

ใช่แล้ว อ่านไม่ผิด 0!!!!!!

ศูนย์ คือ โคตรจะไม่มีความรู้แถมเข้าใจผิดซะด้วย! (ไม่รู้ เราไม่เรียกว่า "โง่" นะคะคุณ)

ด้วยคำว่า "Low Cost" สายการบินราคาต่ำ  หึๆๆๆ  (ยิ้มเยาะตัวเองในขณะนั้นมากๆ)  ทำให้เราเข้าใจว่ามันจะได้ตั๋วบินในราคาต่ำ   เมื่อเข้าใจอย่างนั้นก็มุ่งเป้าไปที่ Low Cost นี่แหละ และสายการบินที่เราเลือก ก็คิดแล้วว่าต้องเป็นของชาติเกาหลีต้องถูกและบริการดีกว่าของไทยเราแน่เลย เพราะมันรวมทุกสิ่งแล้ว ทั้งโหลดกระเป๋าฟรี รวมค่าอาหารบนเครื่อง   มันมาจบที่ "Jinair" สายการบินสีเหลืองเขียว ลูกหลายของค่ายยักษ์ใหญ่ประจำชาติเกาหลี "Korean Air"  

นี่แค่เริ่มต้น!

เราก็เลือกบินวันที่ 18 - 29 ธันวาคม 2555  (รวม 12 วัน)  ตั้งใจว่าจะกลับมา Count Down ปีใหม่กับครอบครัวเพราะมีโอกาสเที่ยวคริสต์มาสที่นู่นแล้ว เลยอยากอยู่กับครอบครัวในวันสำคัญ  เอาวะ! ได้วันแล้ว  ค่าตั๋วตอนนั้น  18,000 บาท (ขอเป็นตัวเลขกลมๆ นะคะ) หลังจากจองแล้ว  โอนเงินยังไงหว่า????  คือไม่เป็นอะไรเลยสักอย่างเดียว เว็บจองก็เป็นภาษาอังกฤษกับเกาหลี (คุณพระ! คุณขายที่ไทยแล้วทำไมไม่มีภาษาไทยฟะ????)    โชคดีที่มีเบอร์บริการลูกค้าในไทย   ได้ความว่าโอนเข้าบัญชีธนาคารแล้วส่งสลิปทางอีเมล์    โอเคๆๆ    การจัดการวุ่นวายขั้น 4 ดาวกันเลยทีเดียว เพราะถ้าหลุดจากวันที่เราจองไป   หากมันเลยวันไปแล้วราคามันจะแพงกว่ากันหลายบาท    เรียกพี่วินปากซอยไปโอนเงิน   แล้วกลับมาถ่ายรูปส่งสลิปที่บ้าน  (ในตอนนั้นมือถือไม่มีเน็ตค่ะ  ไม่เคยมี ก็ต้องกลับมาอาศัยเน็ตบ้านนี่แหละ)

เย้ๆๆ  ส่งเรียบร้อยแล้ว  ได้รับการคอนเฟิร์ม.......

อ้าว! มันยังไม่จบล่ะสิ  หลังจากสามีกลับมาจากทำงาน

เค้าบอกว่า ไหนๆ จะไปแล้ว ก็ไปหลายวันให้คุ้มค่าตั๋วหน่อยนะ  เพราะฐานะอย่างพวกเราคงไม่มีวันได้ไปเที่ยว ตปท. อีกแล้วแน่นอน  (จริงด้วยสิ!  เปลี่ยนจ้า....................... แล้วความวุ่นวายและลำบากกระเป๋าเงินก็เกิดขึ้น)

"ทางเราต้องคิดค่าเลื่อนไฟลท์นะคะ เพราะคุณลูกค้าได้ทำการจองและทางเราได้ออกตั๋วไปเรียบร้อยแล้ว"  เสียงฝ่ายบริการลูกค้าบอกเราด้วยน้ำเสียงหวานหยด  แต่เรางี้ สลดหัวใจ  มันจะเสียอีกกี่ร้อยกันเนี่ยะ???  เอาวะ  เสียก็เสีย

"เท่าไรคะ?"

"เพิ่มค่าเลื่อนไฟลท์  3,000 บาทค่ะ"   (แกบอกชั้นไม่ผิดใช่ไม๊?)

จะทำไงได้ล่ะ  กลายเป็นว่าเราต้องบินด้วยค่าตั๋วเกือบจะเท่ากับชั้นดีกันเลยทีเดียว  21,000 บาท (เลขกลมๆ อีกครั้ง)  ยอมวะ  เลื่อนเป็น 13 - 29 ธันวาคม 2555 รวมเป็น 17 วัน

ได้ตั๋วแล้วนี่! ทีนี้ก็ถึงเวลาจัดแผนการเดินทาง  ที่มีเวลาเตรียมตัวเพียง 20 วัน  ตึงๆๆๆๆๆ  ตาเหลือกสิคะงานนี้   อีนี่ไม่รู้อะไรเลย  ไม่เคยเดินทางอะไรแบบนี้มาก่อน  กลัวจะไปหลงทาง  กลัวพูดไม่ได้  เอาวะ! โลกสวยไว้ก่อน   เห็นในซีรีย์มันมีแต่คนดี (ก็เราดูแต่ซีรีย์สายแบ๊ว  ไม่มีสายโหด เลยมองเกาหลีงดงามไปหมดในตอนนั้น)    แต่เอ................เห็นในเรื่อง IRIS มันก็มีพวกมือปืนนี่หว่า  ขืนไปทำอะไรไม่ดี ผิดประเพณีเค้า เราจะโดนจับไม๊วะ?????   เริ่มหวาดระแวง เลยเริ่มหาข้อมูลให้แน่นไว้ก่อน (เท่าที่สมองและสองมือจะหาได้)


เอาล่ะ  ตั๋วบินมีแล้ว  จัดแผนเที่ยวเสร็จแล้ว  ไปหาเสื้อผ้ากัน!

ด้วยงบที่จำกัดมาก  ที่พึ่งพาของเราคือ "โรงเกลือ"  สินค้ามือสองเท่านั้นที่เราคู่ควร  (^_^)/

ได้เสื้อมาตัวนึง 120 บาท  สีเขียวขี้ม้า สไตล์ทหารในแบบที่เราชอบ   รองเท้าบู๊ทหนังเท่ๆ 1 คู่ 200 บาท ถุงมือ 30 บาท 2 คู่ หมวกไหมพรม 2 ใบ ใบละ 30 บาทเช่นกัน (เอาแค่นี้ก็พอแล้ว  มันคงไม่ได้หนาวอะไรนักหนาหรอก หลังจากได้ลองซ้อมเอาหน้าไปอังๆ ไอเย็นจากช่องฟรีซในตู้เย็นก่อนไปเลือกซื้อชุด   ก็ไม่ได้หนักหนานัก)

อ่านๆ ดูๆ ข้อมูล  เค้าบอกว่าต้องมีถุงมือ (ที่เค้าว่ากันว่า "ถุงมือหนัง" จะช่วยเก็บความอุ่นให้มือเราได้นาน  หึๆๆๆ แล้วจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น)   เราไปซื้อถุงมือหนังจากห้างใหญ่แถวบางนา  คู่ละ 650 บาท (ไม่รู้ว่าถูกหรือแพง)   และลองจอน 1 ชุด (จำราคาไม่ได้  มันคงไม่หนาวนักหรอก ชุดเดียวพอแล้ว ติดๆ ไปงั้นแหละ คงไม่ได้ใช้ด้วยซ้ำ)

ด้วยความที่เป็นคนขยันโพสต์นู่นนี่นั่นในเฟสบุ๊คส่วนตัว ก็มีน้องส่งข้อความมาบอกว่า

"พี่ตูนคะ  มาเอาเสื้อบ้านเมย์ได้เลย  อ่อ! แล้วก็กระเป๋า มันแพงค่ะ  พี่มายืมของเมย์ไปด้วยเลย ไม่ต้องซื้อนะคะ" (ขอบคุณน้องเมย์มากๆ ที่หยิบยื่นไมตรีและน้ำใจมา)

สามีขับรถพาไปยืมที่ชลบุรี   ได้เสื้อขนเป็ดสีแดงมา 1 ตัว  เสื้อสีดำ (ที่เอามาก็ไม่ได้ใส่ 1 ตัว เพราะตัวมันเล็ก ฮ่าๆๆๆๆ)   ที่ปิดหู 1 อัน   กระเป๋าใบโตสีเขียวขี้ม้า 1 ใบ  รองเท้าบู๊ตบุขนด้านในอย่างดี สีครีม 1 คู่  (เมื่อมาถึงบ้าน ลองใส่ปุ๊บ! พื้นหลุดปั๊บ! เฮ้ย! หายนะ!!!!!)    โชคดีที่น้องเมย์บอกว่า  "ทิ้งไปเลยค่ะพี่   มันนานแล้ว  กาวมันใช้ไม่ได้แล้วมั้งคะ  ทิ้งเลยค่ะ ไม่มีปัญหา" ขอบคุณน้องเมย์อีกครั้ง  นางฟ้าของพี่........................


แล้ววันเดินทางก็มาถึง......................... น้ำตาจิไหล  หัวอกคนเป็นแม่ คิดถึงลูกสาวจับหัวใจ  กราบไหว้ขอพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนหิ้ง

สามีพาไปส่งที่สนามบินพร้อมกับเพื่อนสามีที่เป็นผู้ชำนาญทางในการเดินทางไปสุวรรณภูมิ (ขอบคุณพี่เบิ้ม  อาจารย์ร่างหมีพูห์ที่ขอให้ไปส่งก็ไปด้วยกัน  เป็นเพื่อนสามีขับรถกลับจากส่งเรา)


ลากกระเป๋าราวกับเตรียมตัวเข้าบ้าน AF.......... "บนทางเดินแห่งความฝันนี้ อาจไม่มีพรมแดงปูทาง อุปสรรคขวากหนามมากมายเท่าไร..............."

   กำลังใจจากสามี  ไม่อยากจากกันเลย ................

บินดึก 4 ทุ่มกว่า  จะได้ไปถึงนู่นเช้าๆ  หน้าตาไม่ต้องแต่งมากนัก เดี๋ยวก็นอน (เหรอ????)

คุณสามีและเพื่อน   ถ่ายรูปกันหนุกหนาน เค้าบอกว่าอาจได้มาส่งแค่รอบเดียวเพราะเราคงไม่ได้บินต่างประเทศอีกแล้วล่ะ อย่างพวกเราไม่ได้เที่ยวแบบนี้กันง่ายๆ  เลยต้องถ่ายให้เยอะๆ  แต่เดี๋ยวนะ ใครบินคะ???

 สาธุ....ขอให้ภรรยาผมเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยเถิดครับ

กราบพระบรมสารีริกธาตุเพื่อการเดินทางปลอดภัยและราบรื่น

มาต่างประเทศ ผ่าน ตม.เข้ามาแล้ว เราจะได้เห็นปูนปั้นพญานาคเกษียรสมุทรที่นี่ (ซึ่งปัจจุบันไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว  น่าเสียดายมากๆ)

 บ๊ายบายไทยแลนด์  เกาหลีใต้รอเราด้วยนะ


 ขอถ่ายรูปกับคนไทยเป็นที่ระทึก  เค้าไปกับทัวร์แต่เราโดดเดี่ยวเหลือเกิน

 แอร์โฮสเตทของจินแอร์เค้าน่ารักจิิ้มลิ้มค่ะ  ชุดฟอร์มก็ทะมัดทะแมงดีแท้   แต่แหม....เราได้แถวท้ายๆ ติดห้องน้ำเลย  เมื่อยหลังชะมัด  ขาก็ชิดเกิ๊น  (เอาเห๊อะ! Low Cost เลือกเองนี่นา)


เอาล่ะ ไม่ทันไม่หลับเลย เครื่องเล็ก ตกหลุมอากาศตึงๆ ตลอดเลย  อีกไม่กี่อึดใจนักก็จะถึงจุดหมายแล้ว  โดนแอร์มาปลุกให้ตื่นด้วยแสงสว่างโล่งโจ้งทั่วห้องโดยสาร  (คือ....เจ้เพิ่งหลับไปได้สัก 20 นาทีได้มั้ง   คณะทัวร์ไทยคุยกันราวกับขายปลา สนุกสนานกดไฟเรียกแอร์ทั้งคืน  คงได้หลับหรอกนะ )  ไม่ได้นอน กินไม่ลง เก็บไว้กินหลังจากลงเครื่องไปแล้วละกันนะ  ปิดกล่อง ยัดลงกระเป๋าเป้สิคะ!


เดี๋ยวไปอ่านภาคต่อเมื่อไปถึงสนามบินนานาชาติอินชอน  เกาหลีใต้ในฝันของใครหลายๆ คน รวมทั้งเราด้วย.....................................................

ที่ผ่านมา เราไม่ค่อยได้อัพ  ชอบหลอกว่ามีภาคต่อแล้วไม่มีต่อจริงๆ เพราะไม่มีเวลามากนัก  แต่รอบนี้มีแน่นอนค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบภาค 1 นะคะ   ^_^






Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2559 18:58:21 น.
Counter : 907 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3003717
Location :
ฉะเชิงเทรา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เป็นมือใหม่หัดสร้างบล็อก แต่จะพยายามลงบ้าบอไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นบันทึกประจำวันที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ