SKYACTIV-G เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน
น้ำมันครึ่งถังหายไปไหน?

มีความจริงเกี่ยวกับเครื่องยนต์เดิมๆ ที่คุณไม่เคยรู้ จากน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมเต็มถัง ไม่ถึงครึ่งที่ใช้ได้จริง1 ที่เหลือ...สูญเปล่าไปกับการทำงานของเครื่องยนต์
...และถ้าวันนี้มีเทคโนโลยีที่ช่วยคุณประหยัด คุณจะสนใจไหม?

เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G คือ เครื่องยนต์เบนซินเจนเนอเรชั่นใหม่ ใน 5 นวัตกรรมใหม่ของรถจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟของมาสด้า แรง 192 แรงม้า แรงบิด 256 นิวตัน-เมตร3

ทั้งแรงทั้งประหยัดได้เพราะ...

   + เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอัตราส่วนการอัดสูงถึง 14.0:1* อัตราส่วนการอัดยิ่งสูงยิ่งประหยัดน้ำมัน
   + ให้ค่าไอเสีย Co2 ลดลง 15%** และผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษยูโร 5 Euro stage 5***
   + ประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิมถึง 15%** ขณะที่ได้แรงบิดเพิ่มขึ้น 15%** จาก
    -  ระบบ DISI – Direct Injection Spark Ignitions เพิ่มประสิทธิภาพของการผสมระหว่างน้ำมันและอากาศ จนได้การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ที่สุด
    - ระบบ Dual S-VT วาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ ช่วยให้จังหวะการจุดระเบิดเป็นไปอย่างสมบูรณ์
    - ระบบไอเสีย 4-2-1 พัฒนาการใหม่ที่ช่วยเพิ่มแรงบิดและแก้ปัญหาอาการน็อคของเครื่องยนต์

* ของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ** เทียบกับเครื่องยนต์เบนซิน  MZR 2.0 ลิตร *** มาตรฐานสำหรับรถที่จำหน่ายในยุโรป


เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี ทำให้ความแรงมาคู่กับ ความประหยัด


เทคโนโลยีใหม่ของเครื่องยนต์เบนซิน "สกายแอคทีฟ-จี (SKYACTIV-G)" ทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตราส่วนการอัดสูงที่สุดในโลก คือ อัตรา14.0:1 ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น 15%* แรงบิดเพิ่มขึ้น 15% และค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง 15%

*เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์แบบเดิม

จุดเด่น

   - อัตราส่วนการอัดสูงเท่าที่เคยมีมา 14.0:1
   - อัตราส่วนการอัดที่สูงสามารถเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการทำท่อระบายไอเสียแบบ 4-2-1 ลูกสูบแบบมีโพรง หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงรูปแบบใหม่ และนวัตกรรมอื่นที่ป้องกันการเผาไหม้ผิดปกติ (การน็อค)
   - ความเสียดทานในเครื่องยนต์ลดลง 30%
   - จังหวะการเปิด-ปิดวาล์วตามลำดับแปรผันอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านไอดีและไอเสีย (dual S-VT) สามารถลดการสูญเสียกำลังจากการปั๊ม
   - การออกแบบโดยใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาขึ้น: น้ำหนักลดลง โดยรวม 10%
   - ลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลงได้ถึง 15% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซิน MZR ขนาด 2 ลิตร ของมาสด้าในปัจจุบัน
   - แรงบิดเพิ่มขึ้น 15% โดยประมาณ ที่รอบต่ำถึงรอบปานกลาง


เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G



ข้อได้เปรียบของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินคือ เป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงตรง (Direct Injection) ที่ไม่เหมือนใคร อันเป็นผลผลิตจาก "ความคิดริเริ่ม" ทางวิศวกรรมที่เกิดจากการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันของมาสด้า หลักการทางเทอร์โมไดนามิกส์ได้ถูกนำมาวิเคราะห์และพิจารณาใหม่ทั้งหมด มาสด้าจึงประสบความสำเร็จในการสร้างเครื่องยนต์เบนซินที่มีอัตราส่วนการอัดสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา คือ 14.0:1 ซึ่งเป็นระดับอัตราส่วนการอัดที่พบได้เฉพาะเครื่องยนต์ของรถแข่งระดับซูเปอร์คาร์เท่านั้น ซึ่งในอดีตยังไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ในปัจจุบันมาสด้าเอาชนะข้อจำกัดที่เคยมีจนได้เครื่องยนต์เบนซินอัตราส่วนการอัดสูง 14.0:1

ในเรื่องอัตราส่วนการอัดต้องพิจารณาถึงข้อดีและสิ่งที่ท้าทายมันอยู่ การเพิ่มอัตราส่วนการอัดในเครื่องยนต์เบนซินเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงความร้อนเพื่อช่วยปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิงโดยวิธีลดการสูญเสียพลังงาน อย่างไรก็ตาม ปัญหาเดิมๆ ของเครื่องยนต์เบนซินที่มีอัตราส่วนการอัดสูงคือทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ผิดปกติและทำให้แรงบิดของเครื่องยนต์ลดลงไปด้วย อาการนี้เรียกว่าเครื่องยนต์น็อค ส่วนผสมของเชื้อเพลิง และอากาศที่เหมาะสมและเทคนิคการยืดเวลาให้จังหวะจุดระเบิดช้าลงกว่าเดิมได้ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันอาการน็อค

ทำอย่างไรให้เครื่องยนต์มีอัตราส่วนการอัดสูง โดยปราศจากอาการน็อค



อาการเครื่องยนต์น็อคมักจะเกิดเมื่อมีการชิงจุดระเบิดก่อนที่หัวเทียนจะจุดระเบิดให้เกิดประกายไฟ เพราะอุณหภูมิและแรงดันในกระบอกสูบสูงเกินไป อาการนี้สามารถแก้ได้โดยลดปริมาณและแรงดันของก๊าซที่ค้างในกระบอกสูบในห้องเผาไหม้ มาสด้าจึงพัฒนาท่อระบายไอเสียที่ยาวขึ้นพิเศษแบบ 4-2-1 เป็นการป้องกันไม่ให้ก๊าซไอเสีย (ซึ่งมีอุณหภูมิสูงมาก) ที่เพิ่งออกจากกระบอกสูบไหลย้อนกลับเข้าไปในห้องเผาไหม้ได้อีก จึงช่วยให้อุณหภูมิขณะอัดอากาศไม่สูงจนเกินไป เท่ากับช่วยลดอาการน็อค



ช่วงเวลาการเผาไหม้ก็ถูกลดลงด้วยการเผาไหม้ที่รวดเร็วขึ้น ทำให้ส่วนผสมของอากาศกับเชื้อเพลิงที่ยังไม่เผาไหม้สัมผัสกับอุณหภูมิสูงในเวลาที่สั้นลงกว่าเดิมเพื่อให้การเผาไหม้ตามปกติเกิดขึ้นก่อนเกิดอาการน็อค ดังนั้นเครื่องยนต์ใหม่จะใช้ลูกสูบพิเศษที่มีโพรงอยู่ด้านบนเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้เปลวไฟที่เกิดขึ้นในช่วงต้นของการเผาไหม้กระจายออกไปโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง และใช้หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบมีจำนวนรูฉีดที่มากกว่าเก่ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำและเพิ่มคุณภาพการสเปรย์ของเชื้อเพลิง เมื่อทำงานร่วมกันกับท่อระบายไอเสียแบบ 4-2-1 นวัตกรรมนี้ส่งผลให้เพิ่มแรงบิดได้ 15% มากกว่าเครื่องยนต์มาสด้า MZR ขนาดความจุ 2.0 ลิตร ในปัจจุบัน ผู้ขับขี่ในปัจจุบันจะรักสกายแอคทีฟ-จีที่มีแรงบิดสูงตลอดช่วงการทำงานของรอบเครื่องยนต์ และยิ่งกว่านั้นยังประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 15%


การลดการสูญเสียจากการปั๊ม



การที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ได้นั้น ข้อแรกต้องลดการสูญเสียจากการปั๊ม (Pumping Loss) หรือจังหวะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นเพื่ออัดอากาศในช่วง ในจังหวะดูดอากาศเข้า ที่เรียกเป็นภาษาทางเครื่องยนต์ว่าจังหวะดูด คือเมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ลงเพื่อดูดอากาศหรือไอดีเข้าไป โดยทั่วไปแล้วปริมาณของอากาศที่เข้าสู่กระบอกสูบถูกควบคุมด้วยลิ้นปีกผีเสื้อที่ติดตั้งอยู่ก่อนถึงท่อไอดี โดยทั่วไปแล้ว ที่ภาระเครื่องยนต์ต่ำ เครื่องยนต์จะต้องการอากาศในปริมาณน้อย และเมื่อลิ้นปีกผีเสื้อปิดเกือบสนิท ความดันในท่อไอดีและกระบอกสูบจะต่ำกว่าความดันบรรยากาศภายนอก เป็นผลให้ลูกสูบต้องเอาชนะสภาวะสุญญากาศ ซึ่งนี่คือการสูญเสียจากการปั๊มและแน่นอนว่าเป็นผลกระทบเชิงลบกับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์

มาสด้าพยายามลดการสูญเสียจากการปั๊มโดยแก้ไขจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียให้เป็นลำดับขั้น (Sequential Valve Timing หรือ S-VT) โดยเปลี่ยนจังหวะการเปิดและปิดวาล์ว ทำให้ปริมาณอากาศที่ไหลเข้าห้องเผาไหม้ถูกควบคุมด้วยวาล์วแทนที่จะเป็นลิ้นปีกผีเสื้อแบบเก่า ในระหว่างจังหวะดูดขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ลง ลิ้นปีกผีเสื้อและวาล์วไอดีจะถูกสั่งงานให้เปิดกว้างที่สุด โดยปกติจังหวะดูดจะสิ้นสุดเมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ลงถึงศูนย์ตายล่าง แต่ถ้าวาล์วไอดีปิด ณ ตอนนี้ จะทำให้มีอากาศในกระบอกสูบมากเกินไป ดังนั้น เพื่อกำจัดอากาศส่วนเกินออก S-VT จะสั่งให้วาล์วไอดียังคงเปิดอยู่เมื่อลูกสูบเริ่มที่จะเลื่อนขึ้นเข้าสู่จังหวะอัด และจะปิดเมื่ออากาศส่วนเกินได้ถูกดันออกไปแล้ว วิธีการนี้เป็นการใช้ S-VT ช่วยลดการสูญเสียจากการปั๊ม และช่วยให้กระบวนการเผาไหม้โดยรวมทั้งหมดมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

โดยปกติแล้ว การไหลกลับของอากาศจะทำให้การเผาไหม้ไม่เสถียร เนื่องจากวาล์วไอดียังเปิดอยู่แม้เมื่อจังหวะอัดเริ่มแล้ว ภาวะนี้จะทำให้ความดันภายในกระบอกสูบลดลงและทำให้ยากในการเผาไหม้ส่วนผสมอากาศ-เชื้อเพลิง แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน เพราะมีอัตราส่วนการอัดที่สูงถึง 14.0:1 อัตราส่วนการอัดที่สูง ระดับนี้จะช่วยเพิ่มอุณหภูมิและความดันในห้องเผาไหม้ ดังนั้น กระบวนการเผาไหม้จะยังคงเสถียรขณะที่การสูญเสียจากการปั๊มก็ลดลง ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องยนต์จะได้ประสิทธิภาพเชื้อเพลิงสูงขึ้น


การลดน้ำหนักเครื่องยนต์  และลดความเสียดทานภายในเครื่อง

แน่นอนว่าการตอบสนองของรถจะดีขึ้นหากชิ้นส่วนที่อยู่บนรถลดขนาดและน้ำหนักลง ดังนั้น เทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาเครื่องยนต์ให้ทำงานได้สมบูรณ์แบบจะมุ่งไปที่แนวทางของการออกแบบน้ำหนักรถให้รถมีน้ำหนักเบาขึ้น การที่น้ำหนักลูกสูบเบาขึ้น 20% ก้านสูบเบาขึ้น 15% และความเสียดทานภายในเครื่องยนต์ลดลง 30% (เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ MZR ขนาดความจุ 2.0 ลิตรในปัจจุบัน) ทำให้ต้นกำลังสกายแอคทีฟ-จีใหม่มีความคล่องตัว เร่งขึ้นเร็ว ปรับตัวได้รวดเร็วกว่าเมื่อภาระของเครื่องยนต์เปลี่ยน และเครื่องยนต์ยังใช้พลังงานน้อยลงอีกด้วย ส่งที่น่าทึ่งคือ มาสด้ายังคงรักษาอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตของรถมาสด้าเอาไว้ได้ ขณะที่สามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ถึง 15% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ในปัจจุบัน



ที่มา: mazda.co.th




Create Date : 02 มีนาคม 2558
Last Update : 2 มีนาคม 2558 20:44:16 น.
Counter : 1520 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MStaRT
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



All Blog