รีวิว เฮดโฟนแอมป์ "The Pig" หวานใจของพระกาฬ....ฬ....ฬ.....ฬ
บทความรีวิวนี้เป็นของ นายมั่นคง จากห้อง Gadget ครับ**คำเตือนก่อนอ่านรีวิว**เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรมีผู้ปกครองนั่งชม(อ่าน) ด้วยส่วนทุรชนที่อายุเกินทั้งหลาย ควรมีภรรยา(เมีย) นั่งประกบอ่านด้วย เพราะหลังจากอ่านแล้ว อาจจมีการวางแผนลักทรัพย์เกิดขึ้น 5555-----------------------------------------------------------วันนี้กลับมาเหมือนเดิม มารีวิวแอมป์ตัวใหม่ และเป็นตัวเก่งซะด้วยซิ งานนี้ต้องกระซิบว่า กรุณาอ่านแบบตั้งใจทุกบรรทัด เพราะนี่จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังสนใจจะก้าวเข้าสู่เส้นทาง....................ยาจก*****sorry about your wallet*****เหมือนเดิมครับ ท่านใดที่มีวิชาอาคม หรือเลี้ยงกุมารทอง หรือโหงพราย อย่าทักตอนกำลังอับดุลกำลังร่ายมนตร์ 55555 ท่านใดที่มีความรู้ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เหมือนเดิมครับ อนุญาตให้อมยิ้มหรือหัวเราะเบาๆ ได้ครับ-----------------------------------------------------------แอมป์ตัวนี้เกิดขึ้นจากแรงยุของผมโดยแท้ ผมได้มีโอกาสเห็นหุ่นอันแสนจะอัปลักษณ์ของคุณ sweetpig พร้อมกับได้รู้มาว่า เจ้าหมูหวานนี่ใช่ย่อย เป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ระดับพระกาฬเรียกอาตี๋คนหนึ่ง 5555ผมเลยวางโจทย์ให้ sweetpig ไปคิด และไปออกแบบวงจร ซึ่งเมืองไทยนั้น การทำเฮดโฟนแอมป์ยังเป็นเรื่องใหม่อยู่ คนทำ คนเล่นก็น้อย เพราะฉะนั้น หาก sweetpig ทำได้ก่อน อาจจะทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังพอไปติดไว้ที่หน้าฮวงซุ้ย เอ๊ย Hall of Fame ครับ 555แล้วหมูหวานก็ทำได้ หมูหวานทำมันแล้ว แล้วหมูหวานก็เอามาแอมป์มาให้ผมดู..................โอว"The Pig"โครม !!!!!!! ตุ๊บ(เสียงแอมป์หล่นไปในถังขยะ)ผมปามันเองครับ ปาด้วยความดูถูกเหยียดหยามปาเพราะกลัวว่ามันจะนำเอาเชื้อโรคมาติดมือผมหรือเปล่า5555กล่องสเตร๊บซิลเก่าๆ ซึ่งผมมั่นใจว่า หมูหวานมันไม่ได้ซื้อมาเองแน่ๆ มันคงจะไปคุ้ยมาจากกองขยะ ไม่กองใดก็กองหนึ่งแน่นอนแค่มองก็ไม่เชื่อ ยิ่งดูยิ่งรังเกียจและก็เป็นธรรมเนียมครับ ผมต้องปามันลงถังขยะซะก่อนsweetpig มันไม่รู้ความจริงอะไร ต่อหน้าผมพูดจาไพเราะแต่พอหมูหวานเดินคล้อยหลัง ผมปาแอมป์ The Pig ลงถังขยะทันที 5555มันเป็นปกติของผมครับ ที่จะถือเคล็ดด้วยการปามันทิ้งก่อน แล้วหลังจากนั้น ผมจะค่อยๆ บรรจง เอามันขึ้นมาดูอีกครั้ง555 (บ้าชะมัด)หลังจากนั้นผมก็ค่อยๆ นำ The Pig มาพิจารณาค่อยๆ มา เรียบเรียงดูซิว่า มันเป็นยังไงผมใช้เฮดโฟนหลายตัวในการเทสต์ครับ ไม่ว่าจะเป็น earbud หรือ เฮดโฟนแอมป์ที่อิมพีแดนซ์สูงๆ เช่น Sennheiser HD650 รวมไปถึง Grado เรียกว่างัดเอามาลองกับ The Pig จนแทบจะหมดไส้หมดพุง 555รวมถึงสายสัญญาณต่างๆที่ใช้ ก็เป็นสายที่น่าจะเป็นมาตรฐานอ้างอิงได้ครับ เพราะสายเหล่านี้ไม่ใช่สาย DIY ทั้งหมด แต่เป็นสายมาตรฐานทั้งสิ้น การฟังก็ฟังจาก ipod สลับกับ cd player แผ่นที่ใช้ฟังก็ตั้งแต่ ศิริพร อำไพวงศ์ ไปจนถึง ซิมโฟนี่ต่างๆ (ที่มีแต่ไม่เคยเปิด เพราะหัวไม่ถึง 5555)ปรากฏว่า เสียงที่ได้ก่อนที่จะเบิร์นอินนั้น ต้องบอกว่าโยนทิ้งลูกเดียว !!!!เพราะแอมป์ให้เสียงแหลมและเสียงต่ำที่ห้วน และลงไม่ได้ลึกถึงความถี่ต่ำๆ ครับ สอบตกว่างั้นเหอะเสียงไม้กลองที่หวด hi-hat มันดังเชี๊ยะ เชี๊ยะ ชอบกลแต่อย่างว่า ไอ้ด้วยความแก่ของผมที่ยังมั่นใจว่า แอมป์ The Pig มันยังไม่พร้อมมันยังไม่ได้ทำการ BREAK-IN เลยนี่นา..............ผมเสริมศักยภาพด้วยการใช้แบต 9.6v ของ maha powerex แบตขนาด 9.6v เต็มๆ แบบนี้ไม่มีขายในไทยครับส่วนแบต 9 v ที่ขายกันเกร่อในไทย จริงๆมันแค่ 8.4v เท่านั้น ถามว่ามันดีขึ้นมั๊ย......................ตอบตรงๆว่าอย่าไปโง่ซื้อแบบผม 5555เพราะแอมป์มันจะดีหรือไม่ดี แบตแค่นี้ให้ผมน้อยมากๆ ครับ ผมโง่แล้ว ปล่อยให้ผมโง่คนเดียวแล้วกัน แอมป์ของหมูหวาน เท่าที่ผมลองดูนั้น เป็นวงจรที่ออกแบบมาชนิดที่ฝรั่งเรียกว่า"Simple in the Best"ง่ายๆ ซื่อๆ ตรงๆ แต่จริงใจThe Pig นั้น ผมยังไม่ได้ทดลองเกี่ยวกับเรื่องความจุความอึดของแบต เพราะผมมัวไปตื่นเต้นกับคุณภาพเสียงที่ได้ซะมากกว่า......................ผมจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง แอมป์ The Pig นั้นมันไม่ได้ดีเพราะหมูหวานเก่งหรือลงมาจากฟ้าแต่มันดีเพราะว่าหมูหวานรุ้จัก "เลือก" op-ampมาใช้ครับ เพราะ op-amp ที่หมุหวานใช้นั้น ผมเน้นว่า น่าจะเป็น op-amp ที่ให้เสียงอิ่ม หวาน เพื่อชดเชยความหบายกร้านของไฟล์ mp3 ครับซึ่งผลที่ออกมาก็ตรงกรอบ สามารถยิงวอลเลย์เสียบเสาสองไปอย่างสบายๆๆๆๆ op-amp นั้นย่อมาจาก operater - amplifier ครับว่ากันว่า เครื่องเสียงยุคใหม่นั้น ล้วนแล้วแต่ใช้ op-ampเป็นตัวกำหนดบุคคลิกครับลองมองดูซิ !!!!!ไอ้ดำๆ 2 ตัวนั้นแหละ op-amp ล่ะThe Pig ไม่ได้วางวงจรซับซ้อนแต่ใช้ของเกรดคุณภาพล้วนๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น C หรือ Rเช่นของ Wima 5555 สนุกดีครับ หยั่งงี้ไม่เซ็งแฟนๆ ของผมมาปูเสื่อ ปูหนังสือพิมพ์ สั่งน้ำแข็งไส สั่งปลาหมึกย่างนั่งรอดูกันแล้ว 555 อบอุ่นจังโว้ยยยยย................5555มาดูซาวด์เสตจ และความเห็นจากผมอีกหน่อยครับงานนี้ผม "ค้ำ" ทั้งตัว เพราะตื่นเต้นสุดๆ ครับสังเกตุกราฟฟิกห่วยๆ ของผมนะครับจะเห็นว่าสีเขียวๆ คือ Soundstage ที่กว้างกว่าสีแดง ทั้งจากระยะ และองศาครับ The Pig มี Soundstage ที่กว้าง และโอบออกไปทางด้านหลังๆ ด้วยซ้ำของ The Pig คือสีเขียวครับงานนี้ไม่ใช่หมูหวานเก่ง แต่ฝรั่งที่ออกแบบ Op-amp มันเก่งครับ แต่หมูหวานก็ใช่ย่อยเพราะลำพัง op-amp อย่างเดียว ถ้าปราศจากการออกแบบวงจรที่เสถียร รับรองว่าเดี้ยงอยู่ดี 5555 ตอนนี้ก็ถึงคิว "กัด" กับแอมป์ที่ผมเคยใช้แล้วล่ะครับหลายท่านที่ใช้แอปม์อยู่ ตอนนี้รู้สึกแบบนี้หรือเปล่า"มีแอมป์กับไม่มีแอมป์ ไม่เห็นมันต่างกัน""ฟังไม่ออกเลย ว่ามันดีกว่าไม่ใช้แอมป์ตรงไหน"5555 อันนี้ซิเรื่องใหญ่ เพราะแอมป์ต่างๆ ที่ผมผ่านมา บางตัวก็ฟังออกมั่ง ไม่ออกมั่ง หลายๆ ท่านตอนนี้อาจจะเจอปัญหาเหล่านี้อยู่แต่ The Pig ไม่ต้องจินตนาการเลยครับ มันให้เสียงเบสที่อวบ และฟังสนุก เสียงแหลมที่ให้รายละเอียดมาก แต่ไม่ใช่แหลมจ๋อยจนเวอร์ !!!!!หากให้ผมฟันธง ว่าThe Pig ให้เสียงที่ถูกใจผมกว่าThe Hornet หรือ Gilmore Lite หรือไม่ผมตอบอย่างลูกผู้ชายว่า..........เออ !!!!!!The Pig ดีกว่า Hornet ดีกว่า Gilmore LiteHornet นิ่งกว่า แต่กร้านกว่า และเสียงที่บางกว่า และเสียงมัน "รุกเร้า" มากไป ทำให้คนฟังไม่ผ่อนคลายส่วน Gilmore Lite นั้น detail, Transparent ดีกว่าเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกันระหว่างคะแนนรวม ผมขอบอกว่า The Pig "ดี" กว่า Gilmore เสียงบาง เป็นแอมป์ที่ขึ้นอยุ่กับ sorce ถ้า sorce แย่ Gilmore มันเอาตายเลย เป้นแอมป์ที่จุ้จี้ และซีเรียส เกินไปส่วน The Pig นั้นให้ความเป็น musical สูงกว่า The Hornet และ Gilmore Lite ครับ มันฟังเพลงเป็นเพลง มากกว่า The Pig ไม่ใช่แอมป์ที่ออกแบบมาให้จับผิดแต่เป็นแอมป์ที่เหมาะสำหรับ music lover ครับ น้ำเสียง color เล็กน้อย และมีความปรนีประนอมกับ sorce มากๆและเป็นแอมป์ที่ผมกล้าบอกว่า ถ้าเป็นฝรั่ง มันจะบอกทันทีว่าแอมป์ตัวนี้ "Fun"ลองดูแอมป์ที่ขายกันในราคาเกือบ 2 หมื่น(ห้ามเอ่ยยี่ห้อ)แอมป์ตัวนี้ทำจากไม้มะฮอกกะนี งานไม้สวยงามดีมากแต่ด้านในเห็นไม๊ครับไม่มีน้ำยาเลยซักกะติ๊ด 5555มีแต่ขนมจีน !!!!!!ชิพที่ใช้แบบสำเร็จรูป ราคาตัวนึงไม่น่าเกิน 3-5 บาทต้นทุนที่ใช้ในแอมป์ยี่ห้อนี้สิริรวมไม่น่าจะเกิน 200 บาทแต่ขายเกือบ 20000 บาทบ้าจังโว้ยยยยยยยย..................อะไรไม่รู้ล่ะตอนนี้ผมสั่ง The Pig ไปแล้ว กะจะให้หมูหวานว่างๆแล้วค่อยๆ ทำให้ผม ผมจะหากล่องไม้สัก ไปให้หมูหวานเอง 5555เอาให้มัน "เริ่ด" สุดๆๆ กันไปเลยรูปนี้ผมได้มาจากฝรั่ง ตอนที่ผมสนใจจะซื้อ แต่ฝรั่งมันเบรคผมไว้ มันบอกว่า "กูโพสรูปนี้ในบอร์ดทีไร โดยเว็บมาสเตอร์ลบทุกที:-)จะยอมจ่ายตังค์เกือบ 2 หมื่น เพื่อชิพตัวละ $0.10 เหรอ"5555 จริงวุ๊ย.......ฝรั่งมันพูดถูก(ฝรั่งมันยังเผากันเอง 555) การบ้านตอนนี้ ที่หนักสุดสำหรับ Sweetpig ก็คือ Case ที่สวยงาม น่าใช้ ซึ่งมันคงจะหายากพอควรเป็นการบ้านที่หมูหวาน ต้องทำงานหนัก ลุยหนักแต่ถ้าผ่าน..........ฮึ่ม ฝรั่งก็ฝรั่งเหอะแอมป์ตัวนี้ ถ้ามีคนรู้ภาษาปะกิดดีๆ ไม่ใช่รู้แบบผมมีการออกแบบเว็บที่ดี มีการนำแอมป์ตัวนี้ไป "แห่" ที่เมืองนอก งานนี้เกิดแน่นอนครับมีหลายสิ่งที่เป็นข้อที่ต้องเพิ่มเติมอีกเล้กน้อย สำหรับ The Pig ก็คือ- ควรทำให้ใช้กับ adaptor ได้เหมือน the Hornet- ปรับ gain อิมพีแดนซ์ได้- ปรับภาคสำรองไฟให้ใหญ่ขึ้น จุขึ้น เพื่อความ punchy ของแอมป์หากใครตาเหลือก และสนใจ กรุณาไปถามเอาที่คุณ Sweetpig หรือถ้าใครอยากรู้ให้มันละเอียด ก็เมล์มาถามได้ครับ งานนี้ผมถือว่าเป็นความสำเร็จของคุณ Sweerpig โดยแท้ซึ่งได้มาเพราะความ "เพียร" อย่างแท้จริงผมขอให้ รางวัล munkongphile recommend class นะครับ ฝรั่งเค้ามี class A, B,C ของผมแบบไทยๆ เอา ก ข ค ไปก็แล้วกันสวัสดี..............เจอกันเมื่อชาติต้องการ...
หูฟัง Clip on ราคาถูก จากสายการบินต่างๆ
ผมได้มีโอกาสไปเดินตลาดมืดอีกแล้ว (เดินประจำแหละแกน่ะ)แล้วก็พบกับหูฟังที่โละจากสายการบินต่างๆ เป็นกองพะเนิน ในราคาคู่ละ 20 บาท @_@! (ของถูกหมูช๊อบ ชอบ)ตอนซื้อผมจะซื้อแค่ 2 อัน แต่คนขายบอกว่า 3 อัน 50 ไปเลยมีหรือที่หมูจะปฎิเสธ อิอิแจ็คของหูฟังรุ่นนี้จะเป็นแบบ Mono คู่ครับ ต้องใช้ตัวแปลงถึงจะเสียบเข้ากับเครื่องทั่วไปได้ แต่บ่ต้องห่วงเด้อ ที่ร้านเขาจะแถมให้ด้วยนะ คุ้มจริงๆ(คุ้มยิ่งกว่าแฟลต ปลาทองอีก)ลองวัดดูซะหน่อย กี่โอห์มกันจ๊ะ หูฟังตัวนี้ อืม! 272 โอห์ม สูงเหมือนกันนะเนี่ยมิน่าตอนลองเปิด T10 สุดๆ ได้ยินแค่กระซิบแผ่วๆเองปล.ขอบคุณน้องสาวผมที่ช่วยถ่ายรูปนี้ให้แกะก่อนเลยดีกว่า เราช่างอีรื้ออยู่แล้ว 555มิน่าไม่ค่อยมีใครให้ยืมของ T_Tด้านหน้าแบบจะๆ อย่ามองนานล่ะเดี๋ยวมันจะอายด้านหลังมั่ง ใครชอบ(ดู)ข้างหลังคงรอดูภาพนี้ใช่ม๊า -_-!ภาพนี้แกะจนเปลือยเลยครับ ดูข้างในกันหน่อยซิหลังจากนั้นผมก็ทำการทดลองฟังแบบเอาจริงเอาจังซะทีนึงผลสรุปก็คือ - เสียงไม่ได้เรื่องเลยครับ ฟังแล้วเหมือนเอากะละมังพลาสติกจับหงายแล้วเอาไม้ตีครับ (ย้ำว่ากะละมังหงายนะครับ) เบสแทบไม่มีเลยครับ เสียงแห้งมากๆ เหมือนลำโพงงานวัด แต่ไม่มีเบสอ่ะครับ- กินกำลังขับมากมายมหาศาล T10 ของผมขับไม่ออกครับแม้จะเปิดสุดๆก็ตาม จะได้ยินเหมือนพรายกระซิบเลยแล้วก็ลองต่อผ่าน H.Amp ของผมเองต้องเปิดเกือบสุด และเปิด T10 ที่ 35 ถึงจะให้เสียงดังแบบปกติที่ผมฟังอยู่ครับคาดว่าหูฟังตัวนี้ความไวคงต่ำมากๆๆๆ ครับผิดหวังนิดๆครับกับเจ้าหูฟังตัวนี้ ตอนซื้อก็แอบคิดในใจว่าอย่างน้อยมันเป็นหูฟังของสายการบิน เสียงไม่น่าจะแย่ขนาดนี้ (คนที่ได้ขึ้นเครื่องบินฟังหูฟังแบบนี้หรือเนี่ย )ถ้าเพื่อนไปเจอเข้าก็ลองฟังและตัดสินใจดูครับ ว่าท่านจะซื้อหรือไม่ เพราะ Review นี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นครับ ขอให้สนุกกับการฟังเพลงเด้อปล. จากรูปนี้จะเห็นชื่อศิลปินด้วย อัลบั้มนี้เป็นอีกอัลบั้มหนึ่งที่ผมชอบมากๆครับ Vol.2 นะ ลองหาๆดู รับรองแจ่ม ^_^ไปก่อนจ้าถ้าเจออะไรน่าสนใจจะเอามา Review อีกเด้อ