น้ำส้มสายชูหมัก มีมาไม่ต่ำกว่า ประมาณ๕,๐๐๐ พันปีโดยคนแถวรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ทำกินกันเป็นแห่งแรกน้ำส้มสายชูหมักเกิดจากเศษองุ่นที่เหลือจากการกินหรือจากการทำไวน์โดยการนำเอามาหมักจนกลายเป็นน้ำส้มสายชูหมักคนที่ไม่มีเงินที่จะซื้อไวน์กินก็ทำน้ำส้มสายชูหมักนี้กินกันจนทำให้มีสุขภาพแข็งแรงดีถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพและชีวิตที่ยืนยาว

น้ำส้มสายชูหมัก มีรสเปรี้ยวมีความเป็นกรด ๔.๒ ถึง ๖ เปอร์เซ็นต์ ช่วยเพิ่มประจุบวกให้กับร่างกายทำให้แร่ธาตุต่าง ๆ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง

ประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมัก

เป็นสิ่งที่ทำให้ระบบเลือดในร่างกายของคนเราทั้งหมดเกิดความสมดุลของแคลเซียมและโปแตสเซี่ยมในร่างกายหรือที่ชาวจีนเรียกว่าหยินและหยาง ทำให้เลือดบริสุทธิ์และใสเมื่อท่านดื่มน้ำส้มสายชูหมักไปได้ประมาณ 4 ถึง 5 ชั่วโมงจะรู้สึกได้ว่าตัวท่านเปลี่ยนไป คือ ท่านจะรู้สึกสดชื่นขึ้น และเมื่อปัสสาวะจะไม่มีกลิ่นเหม็นของปัสสาวะ เพราะระบบทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงเนื่องจากดื่มน้ำส้มสายชูหมักเข้าไปปรับระดับเลือดและความเข้มข้นของเลือดความสะอาดของเลือดถูกแปรสภาพหมด เมื่อเลือดถูกแปรสภาพความสมดุลเกิดขึ้นสิ่งที่ตามมาคือจะปรับระบบภูมิคุ้มกันของคุณให้แข็งแรงขึ้น เมื่อแข็งแรงขึ้นสิ่งนี้เองนั่นแหละ มันก็คือตัวที่ทำให้คุณหายได้ด้วยตัวของคุณเองโดยไม่ต้องใช้ยารักษาเพราะดื่มน้ำส้มสายชูหมักคืออาหารที่เป็นยา นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น

ทางโภชนาการว่า ‘น้ำส้มสายชูหมักจากอ้อย’ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ช่วยลดความดันสูงลดไขมันในเส้นเลือด บำรุงตับ ล้างนิ่วในไต ต้านเบาหวาน ช่วยให้หลับลึกแก้ปวดเมื่อย สามารถรับประทานติดต่อเป็นระยะเวลานานได้ โดยไม่มีผลข้างเคียงเนื่องจากไม่มีโซเดียมหรือสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเมื่อเทียบเท่ากับน้ำส้มสายชูที่หมักจากผลไม้ชนิดอื่นทั้งนี้เครื่องดื่มดังกล่าวผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)เป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ทางเว็บไซต์ pirun.ku.ac.th ได้เผยแพร่ข้อมูลประโยชน์จากการดื่มน้ำส้มสายชู โดยระบุว่าดร.ฮันส์ อดอล์ฟ เครบส์ นักชีวเคมี ชาวอังกฤษ ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ปี ค.ศ. 1953 ที่มีการค้นพบวัฏจักรกรดซิตริก และอธิบายว่าการดื่มน้ำส้มสายชูช่วยขจัดความอ่อนเพลียของร่างกายช่วยให้อาหารที่รับประทานเปลี่ยนไปเป็นพลังงานหรือมีการเผาผลาญ เปลี่ยนไปเป็นสาร Adenocine triphosphate (ATP) ซึ่งให้พลังงานออกมาในรูปความร้อน บางส่วนก็นำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายเมื่อต้องการ เช่นโปรตีนอาหารเกือบทั้งหมดที่รับประทานจะถูกเปลี่ยนเป็นกรด 8 ชนิดและจะถูกลดปริมาณลงในรูปของการเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน (ATP) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะเกิดขึ้นและถูกขับออกโดยกระบวนการหายใจออกน้ำก็จะถูกขับออกมาในรูปของปัสสาวะ และเหงื่อ

ทั้งนี้ถ้ากรดทั้ง 8 ทำงานได้อย่างสมบูรณ์กระบวนการดังกล่าวจะไม่เกิดกรด ไพโรราสมิค(Pyroracemic) หรือ ไพรูวิก(Pyruvic) และกรดแลคตริคความเมื่อยล้าอ่อนเพลียและปวดตามกล้ามเนื้อจะไม่เกิดกล้ามเนื้อก็จะนิ่มไม่แข็งเกร็ง โลหิตก็จะมีฤทธิ์เป็นด่างปัสสาวะก็จะใสขึ้นและมีฤทธิเป็นด่าง ร่างกายมีความสดชื่น ตื่นตัวในทางตรงกันข้ามหากเราทำงานหนักและเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ก็จะทำให้กระบวนการที่กล่าวมา ทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพจะทำให้เกิดกรดแลคติค ซึ่งกรดนี้จะสะสมในกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดความเจ็บปวดและเมื่อยล้า

หากกรดแลคติคสะสมในกล้ามเนื้อ ประมาณ 0.24-0.40%ของของเหลวในร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยทันทีการตอบสนองของร่างกายจะช้าลง หากปล่อยให้มีการสะสมของกรดแลคติคมากขึ้นบางรายถึงกับเกร็งหรือเป็นตะคริวทำให้ประสาทชา หรืออัมพาตได้ อาจปวดต้นคอหรือไหล่ซึ่งเกิดจากกรดแลคติคสะสมในร่างกาย

1. จะช่วยชะลอความแก่ ปรับสมดุลในร่างกายกำจัดพิษในร่างกาย (Detox)

2. ช่วยบรรเทาอาการอาหารไซนัส ปวดหัว

3. ช่วยลดอาการชาปลายมือปลายเท้า

4. ช่วยการทำงานของหัวใจ

5. ช่วยปรับระดับกรดและด่างในร่างกายให้อยู่ในระดับสมดุล

6. ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ

7. บรรเทาอาการปวดข้อและโรคเกาต์

8. ช่วยกำจัดนิ่วในไตและในถุงน้ำดี

9. บำรุงสายตา

10. ช่วยให้ระบบปัสสาวะเป็นปกติ

11. ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารและการดูดซึมอาหาร

12. ทำให้เส้นเลือดแดงมีความยืดหยุ่น

13. อีกทั้งยังเป็นตัวสำคัญในการต่อสู้กับแบคทีเรียไวรัส

14. ถ้ารู้สึกเหนื่อยง่ายน้ำส้มสายชูหมักสามารถช่วยบำบัดอาการที่เกิดขึ้นได้

15. ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ

16. ช่วยรักษาโรคทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ

17. ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ คันคอ ร้อนใน

18. ช่วยป้องกันอาการผมแห้ง หนังศรีษะมันผมร่วง และรังแค

19. ช่วยให้ร่างกายใช้ประโยชน์จากแคลเซียมได้ดีขึ้น

20. ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายให้เป็นปกติ

22. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

#น้ำส้มสายชูหมัก #น้ำอ้อยสายชูหมัก

//www.thai-japanbev.com