ครอบครัวตัว อ.
Group Blog
 
All Blogs
 

ประสบการณ์เจ้าตัวเล็กตัวเหลืองหลังคลอด

หลังจากเจ้าตัวเล็กคลอดมาแล้วววนั้น ก้อต้องอยู่โรงพยาบาล 2 คืน เพื่อพักผ่อน ซึ่งพยาบาลจะเข้ามาดูอาการเรากับเจ้าตัวเล็กตลอด และก้อจะแอบเอาเจ้าตัวเล็กไปฉีดวัคซีน ตรวจสุขภาพ ตรวจความเหลือง

วันแรกปรกติทุกอย่าง จนพี่พยาบาลบอกว่าไม่เป็นอาราย ส่วนเด็กห้องข้าง ๆ ส่งไปส่องไฟทุกคนเลย (ณ ตอนนั้นมีอยู่ประมาณ 4 ห้อง" เราและแฟนก้อแอบดีใจ "โห!!!ลูกเราแข็งแรงเนอะ"

วันที่สอง ก้อเอาเจ้าตัวเล็กไปตรวจอีก เหอ เหอ !!! ลูกเราก้อไม่รอด พยาบาลบอกว่า "ตัวเหลือง" ต้องส่องไฟ เราและแฟนก้อคิดว่า "ไม่รอดละ แต่ไม่เป็นรัยเป็นทุกคนเลย"

วันที่สาม เจ้าตัวเล็กก้อยังส่องไฟอยู่ ช่วงระหว่างนั้นเราก้อเตรียมเก็บของเพราะนอน 2 คืนแล้ว (ไม่รวมคืนที่คลอด) เตรียมกับบ้าน และรอพยาบาลเอาเจ้าตัวเล็กมาส่ง เมื่อมาส่งเจ้าตัวเล็ก พยาบาลก้อบอกว่า "น้องตัวเหลืองยังไม่ดีขึ้น ยังต้องส่องไฟต่อ" เรากับแฟนเลยตัดสินใจนอนโรงพยาบาลต่อ และอีกสาเหตุนึงก้อคือวันที่เราคลอดตรงกับช่วงหยุดยาว 5 - 7 ธ.ค. 51 ทำให้พยาบาลเหลืออยู่น้อย ไม่มีคนอบรมการสอนอาบน้ำ การให้นม การเลี้ยงดู จึงนอนต่อเพื่อที่จะอบรมการเลี้ยงลูกก่อนกลับ

วันสุดท้ายเป็นวันทำงานตามปรกติ เลยได้มาอบรมการเลี้ยงดูลูก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการ เพราะช่วงก่อนหน้านั้น พากันมั่วมาก นมก้อไม่มีให้ลูกดูด ต้องขอนมผสม ซึ่งจิง ๆ แล้ว จากที่เราอบรมทำให้เรารู้ว่า เด็กตอนแรกสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องทานอารายเลยประมาณ 3 วัน (หรือ 7 วันจำไม่ได้) เพราะกระเพาะเค้าเล็กมาก ๆ แต่อย่างว่าแม่ทุกคนย่อมเป็นห่วงกัวลูกหิว

พออบรมเสร็จ ช่วงบ่ายก้อเตรียมตัวกลับละ ได้ความรู้มาเรียบร้อย ก่อนกลับก้อได้รู้ความจิงว่า "สาเหตุที่ลูกเราตัวเหลือง คือ เป็นโรค G6PD" เรากะแฟนมองหน้ากันงง ๆ "โรครัย?? ม่ะเคยได้ยิน รู้จักแต่ธาลัสซีเมีย" ก้อเลยถามว่า "เป็นแล้วหายมั้ย??" "อาการเป็นอย่างไร" จนรู้มาจากหมอว่า "เป็นแล้วไม่หาย เป็นเกี่ยวกับกรรมพันธุ์ และเป็นโรคประจำตัว ซึ่งต้องระมัดระวังในการกินส่วนใหญ่ เช่น ยาต่าง ๆ เยอะมาก ลูกเหม็น โดยเฉพาะถั่วปากอ้า (คิดในใจที่บ้านชอบกินด้วยซิ)" "อาการที่ออกถ้าได้รับ คือ เลือดจะแตกง่าย ฉี่จะเป็นสีโค้ก ห้ามตัวร้อนจัด" คุณหมอบอกมาไม่เยอะ เรากะแฟนต้องมาช่วยกันหาข้อมูลต่อ

พอเรากะแฟนได้ยินก้ออึ้งไปสักระยะ ก่อนกลับถ้ายืนมองหน้าเจ้าตัวเล็ก และหมอก้อนัดมาอีกวันพรุ่งนี้เพื่อมาวัดระดับความเหลืองว่าลงหรือไม่

วันต่อมา เราก้อพาเจ้าตัวเล็กไปตรวจกับแฟน (แฟนต้องลางานเลย เพราะม่ะมีกะจิตกะใจจะทำงาน) เหอ เหอ ไม่ลดลงอีก พรุ่งนี้ต้องมาใหม่

วันต่อมา (วันทีเท่าไรแล้วเนี่ย รู้สึกว่าตอนนั้นมันนานมาก) ก้อตรวจอีก ระดับความเหลืองไม่ลดอีก แถมเพิ่มขึ้นอีก หมอเลยสั่งให้นอนโรงพยาบาล เมื่อถึงเวลานั้นเราร้องไห้เลย กลั้นไม่อยู่ คิดในใจ "ทำมัยต้องเกิดขึ้นด้วย ไอ้เจ้าตัวเหลือง กับ G6PD" เราก้อได้แต่มองเจ้าตัวเล็กส่องไฟ ปิดตา แก้ผ้า ขอบอกว่าน่าจะร้อนเหมือนกันนะ เพราะมีหลอดไฟนีออนเต็มไปหมดส่องมาที่เจ้าตัวเล็ก ซึ่งตอนที่อยู่โรงพยาบาล ก้อจะมีเวลามาเจาะเลือดตลอด ซึ่งตอนนั้น เจ้าตัวเล็กมีรอยเจาะเต็มไปหมด เราได้แต่นั่งมองและร้องไห้ตลอดเวลา (นึกถึงตอนนั้น น้ำตาซึมทุกทีเลย) ทำอะรัยไม่เป็น ตอนที่ส่องไฟ ต้องคอยกลับเจ้าตัวเล็กด้วย เพื่อจะได้ทั่วถึงทั้งตัว ช่วงที่วัดระดับความเหลืองนั้น สรุปแล้วนอนโรงพยาบาล 3 วัน 2 คืน ถึงได้กลับ จะกลับได้ก้อต่อเมื่อระดับความเหลืองอยู่ในขั้นปลอดภัย และเราก้อได้รู้ว่า "ลูกเราดำขึ้นเยอะเลย"

แต่หมอก้อจะนัดมาตรวจอีก 1 อาทิตย์ พอถึงกำหนด เราก้อลุ้นมาก ๆ ในที่สุดก้อพ้นซักที ดีใจมาก ณ ตอนนั้น ช่วงที่อยู่บ้าน 1 อาทิตย์ เราก้อหาข้อมูลเกี่ยวกับโรค G6PD เพื่อดูว่าต้องดูแลอย่างไร และจะเลี้ยงให้ปลอดภัยอย่างไร

ซึ่งเคยเกิดกับเจ้าตัวเล็กครั้งนึง ตอนเจ้าตัวเล็กอายุได้ 11 เดือน ถ่ายท้องวันละ 3-4 ครั้ง หมอเลยให้ยาแก้ท้องเสียมา แต่ ณ ตอนนั้นลืมบอกหมอ กินยาได้ซัก 2 วันอาการไม่ดีขึ้น เลยไปหาหมอใหม่ ครั้งนี้เอาอุจาระไปตรวจ พบว่ามีเลือดปนออกมาด้วย เลยเอายาให้หมอดู และบอกโรคประจำตัวไป จึงรู้ว่า ยานี้อยู่ในหมวดต้องห้ามของโรค G6PD ทำให้ต้องเปลี่ยนยารักษา แล้วก้อหายเป็นปกติ ซนได้เหมือนเดิม


สาเหตุของการเกิดตัวเหลืองเกิดจากการที่ร่างกายมีสารสีเหลืองที่เรียกว่า บิลิรูบิน (Bilirubin) ในกระแสเลือดมากกว่าปกติ
บิลิรูบิน เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง โดยมีตับเป็นอวัยวะสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงสารสีเหลืองนี้ เพื่อขับออกทางท่อน้ำดี โดยออกมากับอุจจาระ และขับออกมาทางปัสสาวะ

และสาเหตุที่เกิดจากการแตกทำลายของเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น คือ

หมู่เลือดของมารดาและทารกไม่เข้ากัน มักพบในมารดาหมู่เลือดโอ และทารกหมู่เลือด เอ หรือ บี และอาจพบตัวเหลืองมากๆ ได้ ในมารดาที่มีหมู่เลือด Rh ลบ โดยที่ทารกมี Rh บวก ฯลฯ
• ทารกที่มีความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง หรือขาดเอนไซม์บางอย่างในเม็ดเลือดแดง เช่น G 6 PD ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกทำลายง่าย
• ทารกมีเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก โดยเฉพาะทารกที่คลอดจากมารดาที่เป็นเบาหวาน
• ทารกมีเลือดออกหรือเลือดคั่งเฉพาะส่วน เช่น บวมโนที่ศีรษะจากการคลอด ทารกหน้าคล้ำหลังคลอด เป็นต้น
• การติดเชื้อในทารกแรกเกิด ซึ่งมักมีอาการซึม ไม่ดูดนม อาจท้องอืด อาเจียน มีไข้ หรือไม่มีก็ได้ ฯลฯ

ที่มา //www.bangkokhealth.com

สรุปแล้ว เจ้าตัวเล็กมีอาการตัวเหลือง เพราะเกิดจากโรค G6PD ด้วย รวมทั้งหมู่เลือดไม่เหมือนกันเรากะพ่อ เราเลือดกรุ๊ป A แฟนเราเลือดกรุ๊ป B เจ้าตัวเล็กเลือดกรุ๊ป AB (ไม่แน่ใจว่าหมู่เลือดจะเกี่ยวป่าวนะ แต่เห็นเค้าบอกมา)

ส่วนโรค G6PD คือ ภาวะพร่องเอนไซน์ Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase Deficency หรือเรียกกันว่า โรคแพ้ถั่วปากอ้า โดยเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมผ่านทางโครโมโซมเอกซ์ (ทำให้เรารู้ว่าได้พันธุกรรมมาจากเราเอง หรือเราเป็นแบบแฝงนั่นเอง) ทำให้มีผลกระทบต่อเพศชายมากกว่าเพศหญิง (อันนี้จากความทีเราเข้าใจ คือ ถ้าผู้ชายได้รับพันธุกรรมนี้จะมีโอกาสเป็นโรคกับไม่เป็นโรค ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงจะมีโอกาสไม่เป็นโรคกับแบบแฝง คือ ไม่มีอาการแสดงออกมา)

สำหรับการใช้ชีวิต ก้อสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องหลีกเลี่ยง ยาที่ต้องห้ามโดยเฉพาะ aspirin ยาต้านมาเลเรีย (เยอะมาก จำไม่ได้ ให้พกบัตรประจำตัวไว้) ลูกเหม็น และที่สำคัญ ชื่อก้อบอกอยู่แล้ว คือ ถั่วปากอ้า ใบและเมล็ดมะรุมเพราะมีสารชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในถั่วปากอ้า

เพราะฉะนั้น คนที่เป็นโรคนี้ห้ามซื้อยารับประทานเอง ควรพกบัตรประจำตัวที่ได้รับหลังจากรู้ว่าเป็นโรคนี้ (ทางโรงพยาบาลจะออกให้)

อาการที่จะเจอ คือ ปัสสาวะมีสีคล้ายโค้ก เพราะเกิดจากเม็ดเลือดแดงแตก

เราขอให้ความรู้คร่าว ๆ แค่นี้นะ เพราะความจิงรายละเอียดเยอะมาก แต่นี่ก้อเป็นสิ่งที่สำคัญที่สามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวันได้แล้วจ๊ะ




 

Create Date : 21 มกราคม 2553    
Last Update : 21 มกราคม 2553 15:40:49 น.
Counter : 8937 Pageviews.  

ประสบการณ์การคลอดลูก

กว่าจะเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เจ้าตัวเล็กก้ออายุผ่านไป 1 ปี เกือบ 2 เดือนละ เวลาช่างไวจิง ๆ นับจากวันนี้จนถึงวันนั้น เรายังพอจำเหตุการณ์ได้ แต่อาจจะไม่ครบหมดนะ แต่ขอเอาประสบการณ์มาเล่าให้อ่านนะ

ของเราเป็นการคลอดลูกแบบธรรมชาติ เพราะหมอไม่แนะนำให้ผ่าคลอด อยากให้ลองคลอดเองก่อนนะจ๊ะ แอบอิจฉาพี่สาวนิด ๆ ว่าได้ผ่าคลอด เนื่องจากเรากัวเจ็บท้องคลอดนั่นเอง แต่แล้วเราก้อคิดไม่ผิดที่ได้คลอดเอง เพราะมันเจ็บแค่ช่วงนึง แต่หลังจากนั้นเราก้อไม่เจ็บเลย

วันที่จะคลอดลูกนั้น เป็นวันที่เรามาทำงานเป็นวันสุดท้ายก่อนที่จะทำเรื่องลาคลอด แต่เผอิญน้ำเดินก่อน ซึ่งจิง ๆ แล้วเราไม่รู้จักหรอกว่าอาการเป็นอย่างไร แต่ตอนที่เป็น ณ ตอนนั้น คือ กำลังจะไปรับประทานอาหารเที่ยงข้างนอก พี่ ๆ ที่ออฟฟิศจะพาไปเลี้ยงนั่นแหล่ะ แต่สุดท้ายก้ออดไป เพราะเรารู้สึกว่าเหมือนมีน้ำไหลออกมาตลอด อาการเหมือนฉี่ราด แต่เราไม่ได้ปวดนะ เลยมาเข้าห้องน้ำ เห็นสีน้ำออกเป็นสีชมพูอ่อน ๆ และเปื้อนออกมาข้างนอก เลยให้พี่สาวช่วยดู (อยู่ที่เดียวกัน) ซึ่งเค้ามีประสบการณ์คลอดลูกมาแล้ว แต่ไม่เคยน้ำเดินนะ เลยเข้าใจเหมือนกันว่าน่าจะใช่ มื้อนั้นเลยไม่ได้ไปทานข้าวเที่ยงเลย ต้องไปโรงพยาบาลแทน ตอนที่เราน้ำเดินนั้น ไม่มีอาการปวดท้องแต่อย่างไร มีแค่ว่ามันเปียกเท่านั้น และก้อไม่มีอาการเตือนเลย

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล สิ่งแรกที่พยาบาลตรวจ คือ เช็คปากมดลูกว่าเปิดจิงหรือไม่ เพราะถ้าไม่เปิดเค้าจะให้กลับไปก่อน (คิดในใจน้ำมันไหลแล้ว จะไล่กลับอีกหรอเนี่ยะ) สรุปว่าเปิดประมาณ 2-3 ซม. เลยให้เตรียมตัวเข้าห้องรอคลอด ส่วนพี่ ๆ ที่มาส่งเค้าไล่กลับหมด และก้อบอกว่าอีกนานเลยกว่าจะคลอด

หลังจากตรวจปากมดลูก พยาบาลก้อจะทำการสวน เพื่อให้เราถ่ายให้หมด เราก้อไปนั่งในห้องน้ำนานมาก ๆ เกือบชั่วโมง เบ่งอย่างไรก้อไม่ออก อาจจะเป็นเพราะว่าตอนเช้าถ่ายไปแล้วมั้ง เราก้อกัว เกรงว่าตอนเบ่งคลอดแล้วมันจะออกมาด้วย :P เราเลยต้องเดินไปบอกพยาบาลว่า "มันไม่ออกง่ะพี่ ทำงัย แต่เมื่อเช้าถ่ายแล้วนะคะ" เค้าเลยไม่ได้ว่าอะรัย ก้อเลยผ่านเลย คิดในใจ "เอาวะ ถ้ามันอยากออกมาพร้อมกัน ก้อช่างมัน"

หลังจากสวนเสร็จ ก้อดำเนินการทำความสะอาดปากมดลูก และ….เหอ เหอ โกนออกเพื่อให้ทำความสะอาดหลังจากคลอดลูกได้ง่าย และไม่ติดเชื้อตอนลูกออกมา (เข้าใจว่าอย่างนั้นนะ)

เสร็จแล้วเตรียมตัวขึ้นเตียง กว่าจะเสร็จตอนนั้น ก้อผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง บ่าย 2 พอดี นอนเตียงรอคลอด มีเพื่อนร่วมเตียงรอคลอดอยู่ 1 เตียง จากนั้น พยาบาลและนักศึกษาแพทย์ก้อมาฉีดยาเร่งคลอด แต่เค้าค่อย ๆ ให้ทีละนิดนะ เราก้อเลยแอบถามว่านับจากบ่าย 2 ไป จะคลอดลูกประมาณกี่โมง เค้าก้อบอกว่าท้องแรกส่วนใหญ่ ขอบอกว่าส่วนใหญ่นะแต่ไม่เป็นทุกคน จะใช้เวลา 12 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และให้เวลาเบ่งคลอดเป็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หากเกิน 2 ชั่วโมงจะทำการผ่าออกแทน แต่เค้าพูดว่า "ซีซ่า" นะ เราก้อนอนรอและคำนวณเวลาไป โห 12 ชั่วโมงเลยหรอ ถ้าอย่างนี้เราก้อคลอดประมาณตี 2 ของวันที่ 5 ธันวาคม ซิ เหอ เหอ คิดในใจ ไม่ต้องเลือกวันเลย ได้วันพ่อด้วย ช่วงที่นอนนั้นก้อชวนพี่พยาบาลและนักศึกษาแพทย์คุยตลอด หัวเราะ เล่นตลอด แต่เค้าก้อแอบบอกว่า "ทุกคนแหล่ะแรก ๆ ก้อยิ้มได้ หัวเราะได้ พอซักพักก้อจะเงียบเกือบทุกราย" เราก้อคิดในใจ "หนึ่งในนั้นต้องเป็นเราอีกแน่เลย"

ช่วงที่เราได้ยาเร่งคลอด พี่พยาบาลและนักศึกษาแพทย์จะผลัดกันมาตรวจปากมดลูกทุก 2 ชั่วโมง หรือแล้วแต่ความเหมาะสม และจะมาวัดอัตราการบีบตัวของมดลูก ทุก 30 นาที จนกระทั่งประมาณ บ่าย 4 โมง ณ ตอนนั้นปวดท้อง ตุบ ตุบ แต่ยังไม่ปวดมาก แค่รู้สึก เพื่อนร่วมเตียงเริ่มปวดท้อง ได้ยินเสียงละ พยาบาลและนักศึกษาแพทย์รุมกันเพียบไปช่วยกันเบ่ง "อึ๊บ อึ๊บ" นานมาก ๆ เราเลยลองจับเวลา นานจนเราใจเสีย เพราะชั่วโมงนึงผ่านไป ชั่วโมงครึ่งผ่านไป สองชั่วโมงละ ยังไม่คลอดอีกหรอเนี่ยะ เราก้อถามพยาบาลตลอดเลยว่าจะออกยังน่ะ เค้าบอกว่า "ยัง" ในที่สุด!!เราก้อรู้ว่าเค้าต้องลากเตียงไปผ่าคลอดต่อ นึกในใจ "เราจะเป็นอย่างนั้นมั้ยนี่ มันจะคลอดยากมั้ยเนียะ เจ็บสองต่อเลยนะเนี่ยะ"

เวลาผ่านไปจนถึง 6 โมงเย็น ก้อยังไม่รู้สึก ปวดมากเท่าไหร่ แต่ยาเร่งเค้าก้อฉีดปริมาณเพิ่มเป็นระยะ เข้าใจว่าทุกชั่วโมงจะเพิ่มปริมาณนะ ณ ตอนนี้ ตรวจปากมดลูกได้ 4 ซม. (คิดในใจโห!!!ตั้งนานแล้วเพิ่งเปิดเพิ่มไปแค่ 1 ซม. เองหรอ) พี่พยาบาลเลยให้ไปอาบน้ำ เพื่อให้ซาบายใจ เพราะพี่เค้าบอกว่าอีกนานกว่าจะคลอด (คิดในใจอีกละ เหอ เหอ วันที่ 5 ธันวาคม แน่นอน) เราก้อลุกไปอาบน้ำได้ซาบาย พร้อมกับสายน้ำเกลือ อาบประมาณ 10 นาทีได้ ก้อกลับมาที่เตียง พี่พยาบาลก้อมาจัดแจงที่ให้ใหม่ แถมต้องมาเจาะน้ำเกลือใหม่อีก เพราะอารายหรอ เพราะอาบน้ำงัย เข็มมันจะหลุด เสียบเข้าไปแผลเดิม ไม่อยู่ เลือดออก เสียบนานมาก จนในที่สุด เจาะใหม่ แขนเดิม เอ้า!!! เอาเข้าไป เจาะไม่เจอ เส้นเลือดแตก กลับบอกว่า "เส้นเลือดบาง มองไม่เห็น" คิดในใจ "ทำมัยครั้งแรกมันเจาะได้ไม่เจ็บเลยง่ะ" เลยเปลี่ยนข้าง รอดตายแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน เริ่มปวดหนักขึ้น จำคำพูดพยาบาลและนักศึกษาแพทย์ได้ทันที "ทุกคนแหล่ะแรก ๆ ก้อยิ้มได้ หัวเราะได้ พอซักพักก้อจะเงียบเกือบทุกราย" เราก้อเริ่มรู้สึกอย่างนั้น ปวดจนนักศึกษาแพทย์มาช่วยนวด ช่วยคลึง เพื่อคลายปวด และถามว่าจะฉีดยาแก้ปวดหรือไม่ เราก้อนึกคำพูดเพื่อนมาอีก เพราะเพื่อนคลอดมาแล้ว และแนะนำว่า "ยาฉีดแก้ปวด จะฉีดได้แค่ครั้งเดียวนะ เพราะถ้าฉีดมากจะมีผลต่อตัวเด็ก เพราะฉะนั้น ถ้าปวดมากก้อขอยาแก้ปวดนะ" เราก้อบอกเค้าว่า "ยังค่ะ" แต่ในใจปวดแล้วนะ แต่ไม่รู้ว่าปวดมาก ๆ มันขนาดไหน ปวดจนร้องไห้เลยหล่ะ ปวดจนบอกนักศึกษาแพทย์ว่าไม่ต้องทำอะไรแล้ว ส่วนเค้าก้อถามเรื่อย ๆ นะ ว่าจะฉีดยาหรือป่าว เราก้อยังมั่นคงว่า "ยังไม่เอา" ด้วยในใจคิดว่า "มันต้องมีปวดมากกว่านี้แน่นอน และนี่ก้อเพิ่งจะ 1 ทุ่มเอง กว่าจะครบอีก 6 ชั่วโมง (ตั้งไว้ 12 ชม.) ตายแน่ ๆ" นักศึกษาแพทย์ก้อเลยถามว่า ปวดท้องฉี่ ปวดท้องขี้ป่าว เราเลยคิดว่าใช่ เลยพยักหน้า เพราะนึกในใจ "เอ้อ!!เรายังไม่ได้ถ่ายนะตอนนั้นเลย และคิดว่าปวดท้องขี้ แบบบิด ๆ น่ะ ที่อาการเหมือนท้องเสีย" เค้าก้อเอากระโถนมาให้ ลองเบ่งและฉี่ดู ไม่ออกง่ะ เราเลยถามอีกว่า "มันจะออกมาพร้อมกับคลอดลูกมั้ยเนี่ยะ" ยังมีความกังวลอยู่ เค้าก้อยิ้ม ๆ ซักพักเค้าก้อเลยตรวจปากมดลูกอีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าช่วย!!! ปากมดลูกเปิด 9 ซม.กว่า และก้อเห็นว่าเค้าตามหมอที่เราฝากพิเศษใหญ่เลย (หมอเค้าจะโทรมาเช็คตลอดนะตอนที่ฉีดยาเร่งคลอด) เค้าก้อเลยให้นอนรอหมอ แต่เราว่าเรารอไม่ไหวแล้ว เราก้อจะเบ่ง เค้าก้อบอกว่า "อย่าเพิ่งเบ่ง รอคุณหมอก่อนนะคะ" คิดในใจ "จะรอไหวมั้ยนี่" เราก้อกลั้นรอ จนกระทั่ง ปวดมาก ๆ จนเค้าถามว่า "ลมเบ่งมาแล้วใช่มั้ย ถ้าไม่ไหวก้อเบ่งเลย" เราเข้าใจในอาการของ "ลมเบ่ง" เราเลยค่อย ๆ เบ่ง จนเค้าบอกว่า "เห็นผมเด็กแล้ว" เลยลากเตียงไปที่ห้องคลอดทันที ใช้แรงเบ่ง 2 ครั้ง สามารถคลอดมาได้อย่างซาบาย ครั้งแรกเบ่งโดยใช้เสียงช่วย ทำให้แรงเบ่งออกไปทางปาก จนเค้าบอกว่าให้หุบปากเบ่งคลอด ครั้งที่ 2 จึงหุบปากแล้วเบ่ง จนรู้สึกว่าเด็กจะออกมาแล้วนิดนึง แต่หมดแรง เริ่มเหนื่อย และคิดในใจ "นี่แค่ 2 รอบนะ แล้วถ้า 2 ชั่วโมงจะเหนื่อยแค่ไหน" และก้อคิดต่ออีกว่า "ไม่ได้ต้องต่อเนื่อง หากหยุดกลางคัน เพื่อเด็กขาดออกซิเจน จะทำอย่างไร" เลยปล่อยแรงต่ออีก จนคลอดออกมาสมบูรณ์ เวลา 2 ทุ่มนิด ๆ ขอบอกว่า "โล่งมาก ๆ" คลอดเสร็จหมอมาพอดี กลายเป็นว่าหมอมาเย็บแผลแทน (เจ้าอุจจาระไม่ออกมาด้วยนะ แสดงว่าหมดไปตั้งแต่เช้าแล้ว)

ช่วงที่หมอเย็บแผลเราก้อได้ยินเรื่องต่าง ๆ คือ "ไหนบอกว่าเพิ่งเปิด 4 ซม. ทำไมกลายมาเป็น 9 ซม. กว่าทันที" และ "แผลที่เย็บจะต้องใช้ไหมเยอะหน่อย เพราะเกิดจากกีดปากมดลูกไม่ทัน เกิดการฉีกขาดจากการคลอดลูก" และหมอก้อสอนนักศึกษาแพทย์เย็บแผล เราเลยสยองเลยหล่ะ ได้ยินแต่หมอบอกเบอร์ไหม ประมาณ 3 เบอร์ได้นะ เย็บกี่เข็มก้อไม่รู้ รู้แต่ว่าเจ็บกว่าเบ่งคลอดลูกอีก อาจจะเจ็บกว่าเพราะตอนเบ่ง หรือตอนฉีกขาดนั้น เรามัวแต่มุ่งไปที่ความปวดท้องมากกว่า เลยไม่รู้สึกว่ามันฉีก เย็บครึ่งชั่วโมงได้ นานกว่าเบ่งคลอดอีก

หลังจากเย็บแผลเสร็จ หมอก้อจะเปิดตาดูว่าซีดหรือไม่ พอดีของเราซีด ก้อจะให้นอนพักผ่อน เพื่อรอดูอาการ อาการที่ว่า คือ "ตกเลือด" โชคดีของเราซักพัก ก้อหายซีด ได้ข้าวต้มมานั่งกินต่อ

ช่วงที่พักผ่อนเราก้อแซวนักศึกษาแพทย์ต่อ "ว่าไหนจะคลอดตอนตี 2 งัยหล่ะ เห็นมั้ย อดคลอดวันพ่อเลย" "บอกแล้วว่าไม่ให้ฉีดยาเร่งคลอด คลอดเร็วเลยเห็นมั้ย" ทำให้เรารู้ว่า "หากน้ำเดินแล้ว ต้องดำเนินการฉีดยาเร่งคลอดเลย เพราะเด็กจะเป็นอันตราย" พอซักพักก้อเอาลูกมาให้ดู แถมบอกว่าจะให้นอนกับเราเลย เราเลยบอกว่า "ขอฝากไว้ก่อน ม่ะไหวง่ะ ถ้าต้องดูคืนนี้เลย" หมอก้อเลยแซวว่า "ระวังลูกไม่ดูดนมแม่นะ แล้วอย่ามาร้องไห้ทีหลัง เด๋วหาว่าไม่เตือน" เราเลยได้แต่หัวเราะ และก้อนอนโรงพยาบาล 2 คืน อาการปวดท้องไม่มี เดินได้ซาบาย มีอาการเดียว คือ เจ็บฝีเย็บง่ะ

เราก้อขอแบ่งปันประสบการณ์การคลอดลูกให้เพื่อน ๆ ฟังนะ แต่ไม่ได้เล่าให้กลัว เพราะมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แค่เพียงเล่าเหตุการณ์เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ทัน




 

Create Date : 20 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มกราคม 2553 15:49:30 น.
Counter : 14567 Pageviews.  

ประสบการณ์ท่อน้ำนมอุดตัน

ก่อนที่จะคลอดลูก คิดเพียงว่าจะให้ลูกทาน “นมแม่” เพียง 6 เดือนเท่านั้น เพราะกลัวว่ารูปทรงจะเปลี่ยนไป แต่เมื่อมีเจ้าตัวเล็กขึ้นมา ทำให้ความคิดเปลี่ยน เพราะว่าเกิดหลงเจ้าตัวเล็กทันที รวมทั้งเจ้าตัวเล็กเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง จึงมีความคิดว่าจะให้เท่าที่จะให้ได้ให้นานที่สุด

แต่สุดท้ายมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อเกิดเต้านมอักเสบขึ้นมาช่วง 4 เดือน เกิดจากสาเหตุมีจุดขาว ๆ เกิดขึ้นที่หัวนม หรือเรียกว่า White Dot ทำให้น้ำนมไม่สามารถออกมาได้ ทำอย่างไรก้อไม่ออก จึงใช้เล็บสะกิด พอปั๊มออกมาก้อมีเลือดออกมาด้วย สุดท้ายก้อต้องทิ้ง แต่ก้อไม่ละความพยายามใช้วิธีการเอาน้ำอุ่นแกมร้อนประคบ รวมทั้งอาบน้ำร้อนให้ผ่านนม เพื่อให้จุดขาว ๆ หลุด สุดท้ายหลุดจนได้ น้ำนมไหลทันที โล่งสบาย

แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดอีก เพราะมันจะเกิดขึ้นอีกที่จุดเดิมก้อพยายามใช้น้ำร้อนเหมือนเดิม สุดท้ายหายอีก แต่มาเป็นอีกข้างนึง พระเจ้าช่วยจะแกล้งอีกนานมั้ยเนี่ยะ ครั้งนี้เป็นนานเลย ทำอย่างไรก้อไม่หาย ทั้งน้ำร้อน สะกิด เค้าแล้วเค้นอีก ใช้เข็มชุบแอลกอฮอล์สะกิด โหไม่ออกอีก เลยใช้วิธีแบบโบราณ คือ เส้นผมปั่นเข้าตรงจุดขาว ๆ นั่นแหล่ะ ไม่ออกอีก เลยปรึกษาคลีนิคนมแม่ทำตามที่แนะนำ คือ น้ำร้อน ลูกดูด เค้น ปั๊มทุก 2 ชั่งโมง ครั้งละ 10-15 นาที ไม่หาย โอ! พระเจ้า ไปหาที่คลีนิคนมแม่เลย พี่ ๆ เค้าช่วยเค้น บีบออกมาเหมือนมีน้ำเหลือง (สีขาวปนเหลืองข้น) แต่เค้าบอกว่าเป็นน้ำนมค้างเต้า ออกจากคลีนิคนมแม่ก้อมาช่วยเหลือตนเอง ยิ่งเค้าไอ้เจ้าน้ำเหลืองข้น ๆ ก้อออกมา สุดท้าย.....ก้อเป็นเต้านมอักเสบ ไข้ขึ้น ปวดร้อน ขยับตัวไม่ได้ อยากเลิกให้นมลูกเลย เพราะเหนื่อยแล้วเป็นบ่อยมาก ๆ

ในที่สุด หาข้อมูลจากพี่กูอย่างเดียว ได้คำแนะนำจากเพื่อน ๆ ในเว็บ จึงไปโรงพยาบาล BNH พบคุณหมอสุธีรา หมอก้อช่วยดูให้ เหอ เหอ ท้ายที่สุดก้อไม่พ้นเต้านมอักเสบพร้อมฝีอีก 1 ก้อน เจาะซิตานี้ ดูดมา 2 เข็ม พร้อมกับอัลตราซาวน์ขยายท่อน้ำนม 2 ครั้ง กินยาแก้อักเสบ 2 อาทิตย์เต็ม ๆ และให้ซื้อเครื่องปั๊มนมใหม่ หมอแนะนำให้เป็นเครื่อง 2 เต้าพร้อมกัน ส่วนเครื่องเก่าหรอ ได้แต่มองเพราะหมอให้เลิกใช้ ก้อบ่นให้คุณหมอฟังนิดดดดนึงว่า “เสียดาย” คุณหมอจึงเทียบค่านมผง กับเครื่องปั๊มนม และคุณค่าทีได้รับ เฮ้อ!!!กลับมาปรึกษาแฟน ในที่สุดก้อถอยเครื่องใหม่ทันทีในวันต่อมา ส่วนแม่ที่กินยาแก้อักเสบ แก้ปวด สามารถให้นมลูกได้นะ

ผลเป็นอย่างไรหรอ ยิ้มครับหายแล้ว ปั๊มสนุกด้วย เร็วขึ้นมาก ๆ แถมเต้านมอักเสบก้อไม่เป็น คุณหมอก้อแนะนำให้กินยาเร่งน้ำนมด้วย เพราะช่วงที่เป็นเต้านมอักเสบ จะทำให้มีการผลิตนมน้อยลง แต่ไม่อาววววแล้วง่ะ ได้แค่ไหนก้อแค่นั้น กัวมีเยอะแล้วเป็นอีก อืมม ลืมบอกสาเหตุที่เกิดจุดขาว ๆ หรือเต้านมอักเสบอาจเกิดจากมีน้ำนมเยอะ แล้วเอาออกไม่หมดนะ

หลังจากผ่านมาแล้ว 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน.... แล้วก้ออธิษฐานทุกเดือนว่าอย่าเป็นอีก ตอนนี้ผ่านมา 6 เดือนแล้ว รวมแล้วเจ้าตัวเล็กได้ 1 ขวบพอดี ซึ่งตอนนี้ก้อยังให้อยู่ แต่หากเป็นอีกตอนนี้ ก้อคงเลิกแล้วน่ะเพราะเหนื่อยและกัวเจ็บแล้ว

หากเพื่อน ๆ สนใจ ก้อปรึกษาได้นะ พร้อมให้ข้อมูล หรือเนื้อหาบางส่วนมีประโยชน์ก้อนำไปใช้ได้นะ เพราะอยากแบ่งปัน




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2552    
Last Update : 20 มกราคม 2553 15:39:30 น.
Counter : 6047 Pageviews.  


airitch
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add airitch's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.