|
ธุรกิจไซส์เล็กกะทัดรัด ตอนที่ 1 เพราะ ฉัน ชอบขนมหวาน
ชั้นขนมหวาน ร้านขนมไทย ใส่ไอเดีย
ฉันมีโอกาสได้เห็นร้านขนมไทยที่มีรูปร่างหน้าตาต่างจากท้องตลาดทั่วไปผ่านตามหน้านิตยสาร จนเมื่อถึงเวลาที่ต้องหาข้อมูล และปั้นหนังสือสักเล่ม ร้านชั้นขนมหวาน ของดีเจ เอิรธ์ ศัลย์ อิทธิสุขนันท์ จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ฉันจะนำมาบรรจุในหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มนี้ ถามว่าสนใจร้านและสินค้าของพี่เขาในด้านไหน ฉันชอบวิธีคิด วิธีตีโจทย์ และสร้างโปรดักท์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่โดยยังคงความเป็นไทยอยู่ แต่จริงๆ ฉันเป็นคนชอบกินขนมไทยและสนใจในความเดิ้ลของแพคเกจประมาณหนึ่งน่ะแหละ (ฮา) และนี่ก็คือเรื่องราวคร่าวๆ ถึงแนวคิดของ ชั้นขนมหวาน และคนหนุ่มสาวที่ลุกขึ้นมาทำธุรกิจไซส์พอดีตัว
..
เคยมีคนถามผมว่า ถ้าอยากจะทำธุรกิจควรเริ่มต้นยังไง ผมว่าถามตัวเองก่อนเถอะ ว่าเรารักอะไร เราชอบอะไร พี่เอิร์ธเล่าให้ฉันฟัง ก่อนหน้านี้พี่เอิร์ธมีโอกาสได้รู้จักกับหุ้นส้วน คือพี่พิม พิมวิไล เอี่ยมสอาด จากการเป็นพิธีกรในรายการชิมตามอำเภอใจ นิสัยชอบสรรหาย่านกิน ถิ่นไหนมีของอร่อย ติดตัวทั้งคู่มาตลอด จนเมื่อได้ตัดสินใจว่าจะเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง ทั้งคู่จึงเริ่มมองหาว่าจะทำธุรกิจอะไรดี ภาพแรกที่คิดจะทำ คือร้านกาแฟ และเชื่อว่า ร้านกาแฟคงเป็นร้านไหนฝันของใครหลายๆ คน แต่ตัวหุ้นส่วนอย่างพี่พิมเอง ก็เคยไม่ประสบความสำเร็จกับการเปิดร้านกาแฟมาแล้ว ประกอบกับมีปัญหาในเรื่องสถานที่ที่ยังไม่ลงตัว โครงการร้านกาแฟก็ต้องถูกพับไป ทั้งคู่กลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่าอยากจะทำอไร
ด้วยความที่เราทำรายการอาหารมาด้วยกัน เรารู้จักขนมไทยเก้าพี่น้อง ขนมไทยบ้านอัยการ ผมชอบทานขนมตั้งแต่เด็ก ก็คิดว่าทำไมเราไม่มองในสิ่งที่คุ้นเคย แทนที่จะไปทำในสิ่งที่คนอื่นเขาทำกัน พอรู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร จากนั้นก็คิดคอนเซปท์ให้ชัดเจนขึ้น เมื่อทั้งคู่เลือกว่าจะขายขนมไทย แต่จะทำอย่างไรให้ขนมไทยของตัวเอง ต่างจากขนมไทยเจ้าอื่น
ทั้งคู่เลือกที่จะขายขนมไทยให้คนรุ่นใหม่ คิดต่อ แล้วคนรุ่นใหม่มีรสนิยม การเสพสินค้าแบบไหน เสพจากรสชาติ หรือความรู้สึกมากกว่ากัน คำถามหลายๆ อย่างจึงพรั่งพรูมาให้เขาคิด ทำไมขนมไทยต้องอยู่แต่ใบตอง ตั้งแต่เด็ก เราเคยเห็นตะโก้หน้าตาแบบไหน ทำไมโตมาเราไม่ลองปรับให้ร่วมสมัยมากขึ้น
อาจปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าคนยุคนี้ มักตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าบางอย่าง ที่เปลือก ไม่ใช่ที่แก่น ดูอย่างสินค้าญี่ปุ่นสิ กว่าจะแกะห่อท็อฟฟี่ได้ ก็ปาเข้าไป 4 ชั้น เมื่อเลือกแล้วว่าจะนำความเป็นไทย ส่งตรงถึงมือคนรุ่นใหม่อย่างไม่เคอะเขิน และพวกเขาก็พร้อมที่จะยอมรับ การนำแพคเกจ สีสันสดใส หีบห่อที่สะดุดตา สะดุดใจ และค่อยๆ บรรจงห่อหุ้มขนมไทยจึงถูกอกถูกใจใครหลายๆ คน ชั้นขนมหวานจึงเปิดตัวครั้งแรกด้วยการออกบูธ ด้วยเงินลงทุนเพียง 50,000 บาท ทำกันเอง 2 คน ใช้ครัวหลังบ้านกวนขนม (เห็นไหมคะ ว่าการลงมือทำอะไรสักอย่าง เงินที่มีไม่มาก เราเองก็สามารถเริ่มต้นได้) ถ้าคิดจะทำขนมไทย แค่มีกระทะทองเหลืองกับไม้พาย คุณก็ทำได้แล้ว พี่เอิร์ธให้คำแนะนำ จากนั้นความอร่อยก็บอกต่อกันปากต่อปาก จนได้มีโอกาสเข้าไปขายในห้างสยามพารากอน ยู เซ็นเตอร์ และสาขาใหญ่ที่จุฬาซอย 10
จากความไม่เป็นมืออาชีพในตอนแรก พวกเขาค่อยๆ เรียนรู้ ผ่านการลองผิดลองถูก ยอมรับคำติจากลูกค้า ค่อยๆ จัดการและแก้ไขกันไป ครั้งหนึ่งเคยเหตุการณ์ขนมขึ้นราเพราะความผิดพลาดของพนักงานที่นำสินค้าหมดอายุมาใส่ผิดล็อต ทั้งลูกค้าก็นำไปวางซะกลางแดด ลูกค้าคนนั้นมาต่อว่าถึงร้าน แถมนำขนมมาคืนอีกด้วยความไม่พอใจ แต่ในเมื่อทำงานบริการ ความอดทนต้องมาก่อน พี่เอิรธ์บอกว่า ให้คิดซะว่า ขำขำ และจำมันเป็นบทเรียน เขาน้อมรับคำผิดและอาศัยความจริงใจให้ลูกค้า
ระหว่างที่คุยกัน ฉันชอบแนวคิดของพี่เอิรธ์ข้อหนึ่งว่า ถ้าคิดจะขายขนมไทย อย่างน้อยคุณต้องมีความรู้พื้นฐานในศาสตร์ขนมไทยนั้นๆ ด้วย เพราะถ้าวันไหนที่แม่ครัวไม่ว่างล่ะก็ เมื่อนั้นสนุกแน่ ก่อนกลับบ้าน พี่เอิรธ์ยังทิ้งคำคมให้ฉันฟังอีกหนึ่งประโยค ธุรกิจอะไรก็ตาม มันจะดีได้ด้วยการบอกต่อในตัวของมันเอง
ค่ะพี่ เพราะว่าหนูชื่นชมร้านขนมของพี่ และชื่นชมวิธีคิดในธุรกิจเล็กๆ ของพี่ เลยอยากเอามาบอกต่อในนี้ไง !
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2551 |
| |
|
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2551 15:47:41 น. |
| |
Counter : 2955 Pageviews. |
| |
|
|
|
การเดินทางของ Smile Project
เรื่องราวของคนตัวเล็ก แต่มีฝันก้อนใหญ่ เลยขอทำธุรกิจไซส์ 'พอดีตัว' SMEs Projects ธุรกิจไซส์เล็กกะทัดรัด
.
จุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้...ง่ายๆ ตั้งแต่เด็กฉันชอบเรื่องค้าขาย โตขึ้นมาหน่อยสุดท้ายก็คิดว่าถนัดเรื่องขีดๆ เขียนๆ ด้วย สุดท้ายก็มาลงเอยที่หนังสือเล็กๆ เล่มนี้
คิดอยู่นานว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดี จริงๆ ไม่อยากให้มีคำว่าธุรกิจ หรือ SMEs หรืออะไรทำนองนี้มาให้หลงประเด็น แรกเริ่มตั้งชื่อว่า "ตัวตั้งตัวตี" พี่บอกอไม่ให้ผ่าน บอกว่ามันไม่ค่อยสื่อ ชื่อที่สอง "เรื่องตั้งต้นของคนตั้งตัว" คิดเองว่าชื่อนั้นเพื่อชีวิตไปนิดส์ สุดท้ายก็ต้องตัดใจ ใช้คำว่า ธุรกิจและมีคำว่า SMEs ลงไปพะหน้าเล่มซะแผ่หรา
(พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยงให้คำแนะนำว่า "พี่ว่าคำว่า SMEs นี่มันอาจฟังน่ากลัวนะ เหมือนคำว่า Otop ที่คนเลิกฮิตไปแล้ว จริงๆ มันเป็นหนังสือกระตุกต่อมฝันของคนตัวเล็กๆ ที่อยากทำธุรกิจไม่ใช่เหรอ !) ขอบคุณค่ะ พี่จุ้ย แต่หนูพิมพ์ลูกสาวหนูเสร็จแล้ว คราวหน้าตั้งชื่อหนังสือ หนูจะปรึกษาพี่คนแรกเลยค่ะ
(หนังสือเรื่องรู้ทันสันดาน Tense ที่ฉันซื้อมาอ่าน พี่จุ้ยก็เป็นคนไกด์ไอเดียชื่อนะ แถมรูป รูป คำคำ ของพี่บัวไร และพี่แป้ง ภัทรีดา ได้ข่าวว่าพี่จุ้ยก็ตั้งชื่อให้นิ ... )
มักคิดเข้าข้างตัวเองว่า เฮ้ย นี่ไม่ใช่หนังสือธุรกิจแนวฮาร์ดคอร์นะ แต่มันเป็นหน้งสือเล่าเรื่องการดำเนินชีวิต และไอเดียของคนที่อยากลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ที่ชอบ ที่ชอบ (เออ แฮะ แต่จริงๆ มันก็เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจอยู่ดี คนเรามักหนีตัวเองไม่พ้นหรอกเนอะ 55) บ่อยครั้งฉันมักเห็นหนังสือแนวเรื่องราวทำมาหากิน ถูกหยิบจับมาพูดในอีกรูปแบบหนึ่ง ตั้งคำถามเอง - ทำไมไม่มีใครหยิบมันมาเล่าในแบบร่วมสมัยด้วยล่ะ
ขึ้นชื่อว่าหนังสือธุรกิจแนวคิด-ทำ-กิน ภาพถ่ายเจ้าของธุรกิจ - มีป้ายโชว์หรา แถมหน้าสินค้าตัวเบ้อเร่อ
ขึ้นชื่อว่าหนังสือธุรกิจแนวฮาวทู ส่งตรงจากผู้บริหารชั่นนำ บลา บลา บลา ภาพถ่ายด้านหน้า - สูทเรียบหรูยิ่งกว่าร้านท่านเจ้าคุณ และซุปเปอร์ฮาวทูบรรจุอยู่เต็มเล่ม
ไม่ได้คิดจะบลัฟใครนะคะพี่ขา จริงๆ เรื่องความชอบ ความสนใจ เป็นเรื่องปัจเจกที่ฉันไม่สามารถตัดสินได้ แต่นี่เป็นความคิดที่ตั้งคำถามให้ตัวเองค่ะ เลยอยากลองทำหนังสือแบบนี้ขึ้นมา โจทย์เดียวกัน - แต่อยากพลิกมุมอีกด้าน
ใคร ใคร่ ชอบ ก็ ชอบเถอะนะ ตามสบาย...
ปอลอ ลืมบอกนะคะ SMEs ท้ายเล่ม ตีความใหม่ซะว่า Smile + Mission + Entrepreneur
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2551 |
| |
|
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2551 11:39:49 น. |
| |
Counter : 575 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
So Serene |
|
|
|
|