Devil May Cry by Sherrilyn Kenyon
จริง ๆ ตอนที่อ่าน Dream Hunter จบ ก็รีบอ่านเล่มนี้ต่อทันที ก็จบไปนานแล้วแต่ก็เริ่มรู้สึกเฉย ๆ กับหนังสือชุดนี้ แต่ที่อ่านอยู่เพราะยังมีเรื่องบางเรื่องที่คนเขียนยังกั๊กอยู่เรื่องนี้ก็เช่นกัน เป็นการเปิดเผยตัวตนของแคทราว่าจริง ๆ แล้วเธอเป็นใครพอดีเมื่อวานไปกินข้าวเย็นกับพี่ ๆ น้อง ๆ แล้วได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กันว่าเล่มภาษาไทยจะออกในงานหนังสืออาทิตย์นี้ ก็เลยนึกขึ้นมาได้เอ จะเรียกว่าสปอยล์รึเปล่านะ เอาเป็นว่าแคทราเป็นลูกของคนที่คุณก็รู้ว่าใครเป็นอย่างที่เคยทายไว้ตั้งแต่เล่มแรกที่แคราปรากฎตัวขึ้นเล่มนี้พูดถึงเรื่องราวหนหลังของแอชบ้าง แล้วก็เป็นเรื่องของแคทรากับซิน (พระเอกของเรื่อง)ยิ่งอ่านเรื่องชุดนี้ เทพเจ้าต่าง ๆ ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ในเรื่องนี้มีทั้งเทพในอีกอาณาจักรหนึ่งแล้วก็มีตัวร้ายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย ก่อปัญหาให้คนอ่านเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก อ่านไปอ่านมา คนอ่านเริ่มสับสนว่าตัวนี้มันดีหรือร้ายแล้วเป็นเทพประเภทไหน ใครใหญ่กว่าใคร ส่วนตัวเอง อ่านเรื่องนี้สนุกถึงก่อนที่แคทจะได้เจอกับพ่อเท่านั้นหลังจากนั้น เรื่องก็เหมือนเดิม (คนที่อ่านดาร์คฮันเตอร์มาตลอดก็คงรู้ว่าเป็นเช่นไร)ในเล่มนี้ ยังมีการเสนอภาคอ่อนโยนของแม่ของแคทรารวมถึงเรื่องขัดแย้งระหว่างพ่อ-แม่ของนางเอกคนที่ติดตามมาตลอด ก็ยังคงต้องติดตามต่อไปเพราะเรื่องมันก็คืบไปแค่นิดเดียว หวังว่าเล่มหน้า เรื่องราวน่าจะคืบไปมากกว่านี้
อัจฉริยะบนทางสีขาว
หนังสือเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ตั้งแต่แรกเกิด จนกระทั่งถึงปัจจุบันส่วนตัวได้ยินชื่อท่านมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยประถมก็เคยได้ยินว่าท่านเป็นผู้ที่ทำงานในองค์กรนาซ่า แต่ก็แค่นั้น ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากมาย พออยู่มัธยมก็ได้ยินรายละเอียดขึ้นมามากหน่อยว่า ท่านสามารถแก้ปัญหาได้โดยการนั่งสมาธิ แล้วก็ได้ยินว่าท่านลงรับสมัครเป็น ส.ส. ด้วย แล้วก็ไม่ได้ยินอีกเลย มาได้ยินอีกครั้งก็ตอนที่ชื่อท่านไปปรากฎอยู่ในโฆษณาสินค้าชิ้นหนึ่งในเวลาเดียวกันก็ได้ยินว่าท่านไปสร้างโรงเรียนประจำที่ลพบุรีเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ ที่เกือบจะได้ไปดูงานแต่ก็พลาดไป ก็รู้สึกว่าชีวิตท่านคงผ่านอะไรมาพอสมควรเมื่อได้เห็นหนังสือเล่มนี้ก็ไม่รีรอที่จะหยิบมาอ่าน เพื่อจะได้รู้จักท่านมากขึ้นแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย หนังสือเริ่มต้นชีวประวัติของท่านตั้งแต่วัยเด็กที่เกิดมาในสมัยสงครามจากนั้นเมื่อโตขึ้นมาอีกหน่อยก็ได้ติดตามบิดาไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส แล้วก็แยกตัวไปเรียนที่อังกฤษจนกระทั่งกลับมาสอนหนังสือที่เมืองไทย แล้วก็กลับไปเรียน-ทำงานที่อเมริกาแล้วก็การทำงานในด้านอื่น ๆ ของท่านนอกเหนือจากการสอนหนังสือ เรื่อยมาจนถึงการเริ่มทำโรงเรียน ในหนังสือจะพูดถึงว่าการปฏิบัติธรรม - นั่งสมาธิส่งผลต่อตัวท่านและมีอิทธิพลต่อแนวคิดในการดำเนินชีวิตของท่านเช่นไร อ่านแล้วก็อิ่มใจที่ว่าคนที่พร้อมทุกอย่าง เต็มใจที่จะสละเวลาและความรู้เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมโดยเฉพาะการสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เติบโตเป็นคนดีมีคุณธรรมถ้าใครที่อยากรู้จัก ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา มากขึ้น อย่าลืมหามาอ่านนะคะ
Dream Hunter by Sherrilyn Kenyon
Dream Hunter เป็นเรื่องของเหล่าเทพแห่งความฝัน มีด้วยกัน 2 พวก คือ Oneroi จะเรียกว่าเป็นฝ่ายดีก็คงได้ พวกนี้จะถูกสาปไม่ให้รับรู้ความรู้สึกต่าง ๆ เป็นพวกที่คอยช่วยเหลือคนที่ฝันร้ายให้สงบใจมากขึ้น ส่วนที่พวกคือพวก Skoti เป็นพวกที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการดื่มกินความฝันของคนทั่วไป สามารถรับรู้ความรู้สึกในฝันได้ เล่มนี้ พระเอกจะเป็น Skoti ที่ชอบนางเอกมาก ๆ จนอยากรับรู้ว่าคนจริงๆ มีความรู้สึกเช่นไร เขาจึงไปขอร้อง Hades เทพแห่งความตาย ให้เขาได้กลายเป็นมนุษย์ 2 สัปดาห์ โดยแลกกับคำสัญญาที่ว่าเมื่อครบกำหนด เขาต้องนำดวงวิญญาณของนางเอกมาแลก ส่วนนางเอกเป็นนักโบราณคดีที่กำลังค้นหาเมืองโบราณแอตแลนติส เมืองที่เหล่าเทพไม่ต้องการให้มนุษย์ค้นพบ เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในชุดของพรานราตรี - Dark Hunter ของ Sherrilyn Kenyon แต่ว่าอ่านไปจนจบ รู้สึกเหมือนว่าเหตุการณ์ในเล่มนี้ จะเป็นช่วงก่อนที่จะเริ่มชุดพรานราตรีด้วยซ้ำ พล็อตก็ไม่ค่อยมีอะไร ซ้ำๆ ตามสไตล์คนเขียน จริง ๆ เริ่มเบื่อมาหลายเล่มแล้วแต่ที่ยังอ่านต่อเพราะอยากรู้เรื่องของแอช พอเข้าไปเช็คในเว็บเห็นว่ามีออกใหม่ 2 เล่มแล้วก็มีเรื่องแคทมากขึ้น เลยไปคว้ามาอ่าน แต่จะอ่านเล่มของแคทเลยก็กลัวว่าจะพลาดช็อตเด็ดอะไรไป เลยต้องอ่านเล่มนี้ด้วย ก็อ่านได้เรื่อย ๆ เล่มนี้ Kat ลงมาเป็นหนึ่งในทีมงานของนางเอกที่ไม่ต้องการให้นางเอกเจอแอตแลนติส ในเรื่องนี้แคทมีบทบาทมากขึ้น มีการพูดถึงนิสัยพ่อและแม่ของแคท ซึ่งก็หลาย ๆ คนก็คงเดาถูกอยู่แล้วว่าเป็นใคร เล่มนี้สำหรับใครที่อ่านดาร์คฮันเตอร์มาตลอด ก็คงต้องอ่านกันต่อไป อ่านเสร็จแล้วก็รีบไปคว้า Devil May Cry มาอ่านทันที เพราะอยากรู้ว่าที่เราเดาไว้จะถูกมั้ย
Dream Man by Linda Howard
เรื่องนี้เป็นเรื่องแนว Romance-Suspense ค่ะ เป็นเรื่องของการสืบสวนตามหาฆาตกร ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศหลังจากที่ช่วงก่อนตะลุยอ่านเรื่องของ SEP ไปซะสิบกว่าเรื่อง แล้วก็หยุดพักโรมานซ์ไปอ่านแฮรี่ 7 ตามกระแส เรื่องนี้ก็ได้ยินชื่อมานานแล้วเหมือนกัน มีแต่คนชมว่าดี เพิ่งได้ฤกษ์เอามาอ่าน Marlie Keen เป็นคนที่มีพลังจิตที่จะสามารถรับรู้ความรู้สึกของคนที่อยู่รอบข้างได้ เมื่อหกปีก่อนเธอถูกฆาตกรโรคจิตทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พลังเธอหายไป จนกระทั่งในคืนหนึ่ง หกปีให้หลังพลังที่เธอคิดว่าหายไปแล้วได้กลับคืนมาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอไม่ได้เพียงแค่รับรู้ความรู้สึกของคนเท่านั้น เธอยังได้เข้าไปอยู่จิตใจของคน ๆ นั้น เสมือนว่าเธอเป็นตัวคนผู้นั้นเลยทีเดียว และเธอก็กลายเป็นพยานในคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญหลาย ๆ คดีDane Hollister ตำรวจหนุ่มแห่งออร์แลนโด้ ผู้เป็นเจ้าของคดีสะเทือนขวัญเหล่านั้น แรกเริ่มที่เจอนางเอกนั้น เขาไม่เชื่อในตัวเธอเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่อาจละสายตายและจิตใจไปจากเธอได้ เขาจึงเริ่มค้นหาความจริง และได้รับรู้เรื่องในอดีตของเธอ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ยอมอยู่ห่างจากเธอเลยสักนิดนางเอกเป็นพวกน่าสงสาร ถูกมองเป็นตัวประหลาดมาตลอดชีวิต แล้วก็กลัวการมีสัมพันธ์กับคนอื่น พระเอกต้องใช้เวลานานพอควรทีเดียวในการทำให้นางเอกเชื่อใจ แต่พระเอกก็กลัวการถูกผูกมัดเหมือนกัน ถึงจะอยู่ห่างนางเอกไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาว่าคิดยังไงกับนางเอกสักที แล้วก็ไม่ผิดหวังตามที่มีคนแนะนำ อ่านแล้วก็คอยลุ้นไปกับนางเอกว่าเจ้าฆาตกรจะลงมืออีกครั้งเมื่อไร แล้วนางเอกจะเป็นเหยื่อรายต่อไปรึเปล่า แล้วตำรวจจะจับฆาตกรได้มั้ย จะจับได้ยังไง ใช้หลักฐานอะไร ในเมื่อเบาะแสเดียวที่มีคือนางเอก จริง ๆ แล้วมีตอนหนึ่งที่พูดถึงความเกี่ยวโยงของคดีที่เกิดขึ้น นึกว่าพระเอกจะคิดได้ซะอีก แต่ก็มองข้ามไป เรื่องนี้บอกตัวตนฆาตกรซะตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่ก็ไม่ทำให้เสียอรรถรสในการอ่าน คนเขียนเข้าใจสร้างบุคลิกพระเอก และนางเอก พระเอกถือว่าเป็นพวกปากแข็ง รักนะแต่ไม่แสดงออก จนเกือบจะสายเกินไปแล้วถึงได้รู้สึก แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบเพื่อนพระเอกมากกว่าค่ะ เสียดายเจ๊ลินดาแกไม่เขียนเรื่องของเพื่อนพระเอกต่อ ทั้ง ๆ ที่น่าจะเขียนได้แล้วแกก็เขียนกั๊ก ๆ ไว้เหมือนจะเขียนต่อ ว่าแล้วเดี๋ยวไปหาเรื่องอื่นของเจ๊ลินดามาอ่านต่อดีกว่า มีรายชื่อในลิสต์อีกหลายเรื่อง
Harry Potter and the Deathly Hallows
แฮรี่ พอตเตอร์กับบทสรุปสุดท้ายในเล่มนี้จริง ๆ แล้ว ความรู้สึกอยากอ่านแฮรี่ หมดไปตั้งแต่เล่มที่ห้าแต่ไหน ๆ ก็อ่านมาแล้วซะเกินครึ่ง ก็เลยต้องอ่านให้จบสักหน่อยแล้วก็เหมือนเดิมคือ ครึ่งเล่มแรกอืดมากถึงมากที่สุดตามสไตล์เจเคแถมยังเป็นพวกความจำสั้น แทบจะจำอะไรจากเล่มหกไม่ได้เลยอ่านไป ก็ค่อย ๆ ย้อนนึกไปว่ามันเรื่องไรกันนี่แต่จะว่าไป เล่มนี้อ่านได้ความเร็วดีกว่าเล่ม 5 และ 6 มากจำได้ว่าอ่านเล่ม 5 แล้วเบื่อมากจนหยุดอ่านไปหลายเดือนก่อนจะกลับมาให้จบ เนื้อเรื่องถือว่าตรงตามที่คาดไว้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสเนป หรือเรื่องคนที่ตายคาดว่าคนเขียนจะถูกกดดันจากคนอ่านเยอะไปหน่อยเลยไม่กล้าเขียนอะไรทำร้ายจิตใจคนอ่านมากเกินไปนักถือเป็นการปิดฉากที่ค่อนข้างโอเคเลยแล้วก็ชอบมากสำหรับฉาก 19 ปีต่อมา :)