เกี่ยวกับฉันและบล็อกนี้


Q: เริ่มดูหนังอินเดียตั้งแต่เมื่อไหร่
A: ถ้าจะเอาคำตอบเป็นอายุเป๊ะๆคงจำไม่ได้แล้ว แต่ก็ถือว่าเด็กมากๆแหละ สมัยนั้นมีซีรีส์รามเกียรติ์มาฉายทางทีวีบ้านเราตอนเย็นๆวันหยุดและยายชอบดูมาก ก็เลยนั่งดูด้วยกันกับยาย จำได้ว่าตอนนั้นชอบชมพูพานมาก หน้าลิงๆน่ารักดี แล้วก็หนังประวัติเทพต่างๆอย่างพระพิฆเณศที่ดูกับแม่ตอนโตขึ้นมาอีกหน่อยนึง แต่ถ้าจะนับกันเฉพาะที่เป็นหนังโรงจริงๆ ก็มาเริ่มตอนโตแล้ว ช่วงปี 2005-2006 นี่ละ ที่เป็นหนัง Bollywood ยุคใหม่

Q: ทำไมถึงชอบหนังอินเดีย
A: ขอกระดาษคำตอบเพิ่มด้วยค่ะ แน่นอน ขอตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเขียนนี่ละ เพราะรู้ตัวว่าคำตอบคงยาวมาก สามารถพรรณาได้ไม่หมดสิ้นถึงความชอบที่มี (โอเค จะพยายามย่อให้มันจบในย่อหน้าเดียวแล้วกัน) บอกไม่ถูกนะว่าชอบจากอะไรก่อน คือเป็นคนที่ถูกชะตากับทุกสิ่งอย่างที่มาจากประเทศนี้อยู่แล้วไง เลยมองว่าดาราบ้านเขาหล่อสวยไปหมด หรือจะบอกว่าชอบที่การเต้นก็คงได้ เพราะหนังฝรั่งเองก็ชอบหนังที่เกี่ยวกับการเต้นและร้องรำทำเพลงเป็นพิเศษอยู่แล้ว ความจริงต้องบอกว่าหนังอินเดียนี่เน้นเรื่องฉากเต้นมากกว่าหนังใดๆในโลกซะอีก เพราะเต้นกันแทบทุกเรื่องเลย เรื่องที่ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเต้นหรือร้องเพลงก็มีฉากเต้นที่เจ๋งๆเยอะ และหลายๆฉากก็ใช่ว่าจะกำกับได้ง่ายๆนะ ต้องใช้ความร่วมมือร่วมใจจากหลายฝ่ายมากกว่ามันจะออกมาเพอร์เฟ็คอย่างที่เห็น ซึ่งสิ่งนี้คือเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในหนังชาติอื่นๆ ต้องบอกไว้ตรงนี้ว่าน้อยใจมากเวลาได้ยินใครมาหัวเราะเยาะฉากเต้นของหนังอินเดีย หนักๆเข้าจะลามเป็นโกรธอยู่แล้วเพราะล้อเลียนเชิงดูถูกกันเยอะมาก ก็เอาเถอะ สักวันคงจะเปลี่ยนความคิดสำหรับใครที่เคยปรามาสไว้

Q: ไม่ชอบหนังแนวไหนและแนวไหนที่ชอบ
A: หนังที่ไม่ชอบนี่จะคล้ายๆกันหมดไม่ว่าจะเป็นหนังจากประเทศอะไรก็ตาม คือหนังที่ไม่ใช่ชีวิตจริงๆของคนทั่วไป มีสัดส่วนความเหนือจริงสูง เป็นแฟนตาซีมากไป ไม่ใช่อะไรที่เกิดขึ้นได้กับชีวิตเราๆท่านๆหรือคนข้างบ้าน (วลีนี้ใช้บ่อยมากจนหลายคนอาจรำคาญ แต่ส่วนตัวคิดว่ามันบรรยายได้เห็นภาพดีนะ) พูดตรงๆคือเข้าขั้นเกลีดเลยแหละ ปิดใจมาก ไม่ดู ไม่ทดลอง ไม่ให้โอกาสอะไรทั้งนั้น เพราะความน่าสนใจถือเป็นศูนย์ ที่รองลงมาที่ใช้แค่คำว่าไม่ค่อยชอบน่าจะเป็นหนังแอคชั่นแนวแกงค์สเตอร์ สาเหตุที่ไม่ชอบเป็นเพราะตามความคิดและเนื้อเรื่องไม่ทัน ทั้งๆที่ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนดีหรือโลกสวยอะไรเลยนะ ออกจะร้ายด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงไม่สามารถตามเนื้อเรื่องของหนังที่มีตัวร้าย มีคนเลว มีแกงค์ชั่ว ที่รวมตัวกันทำภารกิจอะไรสักอย่างได้ทันเลย เหมือนสมองมันไม่รับความเป็นเหตุเป็นผลหรือจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยน่ะ ไอ้คนนี้จะแก้แค้นทำไม ใครอยู่ฝ่ายไหนแน่ ภารกิจคืออะไร สำเร็จแล้วจะได้อะไร รู้สึกสมองปะติดปะต่อทุกอย่างเข้าด้วยกันอย่างยากลำบากกว่าคนทั่วไปมาก แทบจะต้องให้มีแผนผังตัวละครพร้อมเส้นเชื่อมโยงและอธิบายความสัมพันธ์แจกมาเป็นคู่มือประจำหนังเลยก็ว่าได้ ถึงจะดูรู้เรื่อง นอกจากนี้หนังแนวที่ว่านี้มักมีโทนสีมืดๆทึมๆซะมาก ดูแล้วเมื่อยตา พูดหยาบๆก็ว่าต้อแทบแดรกตา ทรมานลูกตาสุดๆ เลยไม่ค่อยชอบดู ถ้าพล็อตไม่ปังจริงหรือไม่ได้มีดาราที่รักมากเล่นด้วยก็จะไม่แตะเลยเหมือนกัน

สำหรับหนังที่ชอบ ถ้าพูดในภาพรวมของหนังก็คืออะไรก็ได้ที่ทำมาจากชีวิตคนทั่วไปนี่ละ จะสุข เศร้า เหงา รัก ฮาก๊าก บู๊เตะต่อย ดราม่าชีวิตบัดซบ คนโรคจิต ประวัติคนดัง ร้องๆเต้นๆ แข่งกีฬา อะไรได้หมด แต่สโคปลงมาที่หนังอินเดียก็จะชอบแนว mass masala มากที่สุด คือเป็นหนังแบบครบรส มีทั้งรัก ดราม่า บู๊เตะต่อย ทั้งตลก และเต้นยับเป็นส่วนมาก เรียกว่าในเรื่องนึงดูไปแล้วได้ครบทุกรสเลยแหละ ดูได้เพลินๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ยิ่งถ้าได้ดาราที่ชอบมากๆมาเล่นนี่จะฟินที่สุดเลย

Q: มีดาราที่ชอบมั้ย
A: ถ้าเอาที่เป็นขวัญใจที่สุดในวงการดาราอินเดีย มีคำตอบเดียวคือ Shahid Kapoor หล่อวัวตายความล้มที่สุดแล้วสำหรับเรา แม้จะเตี้ยไปเล็กน้อยก็ตาม พวกที่ชอบรองลงมาก็มีเยอะแยะมากมาย จาระไนกันไม่หมด ทั้งฝั่ง Bollywood เองและดาราจากฝั่งใต้ก็ชอบหลายคน ดาราหญิงที่ชอบก็มีนะ ไม่ใช่ว่าจะบ้าผู้ชายอย่างเดียว อิอิ

Q: ทำไมถึงทำบล็อกรีวิวหนัง
A: เอาตรงๆเลยคืออยากให้คนไทยได้รู้จักหนังอินเดียมากขึ้น จากช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่าแค่สังคมเล็กๆในพันทิปนี้ก็มีคนเริ่มให้ความสนใจหนัง Bollywood กันเยอะกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนตัวก็ได้ไปช่วยตอบกระทู้ที่คนมาถามหาหนังอินเดียอยู่บ่อยๆ แต่สิ่งที่พบคือหลายๆคนยังยึดติดกับดาราบางคนที่เริ่มดูหนังเรื่องแรกของเขาแล้วชอบหรือกับหนังบางเรื่องที่ไม่ใช่หนังอินเดียแบบแท้ๆ ก็เลยคิดว่าถ้าเราเขียนรีวิวหนังอินเดียที่มันเป็นหนังอินเดียจริงๆ ไม่ใช่หนังฝรั่งทำและให้คนอินเดียแสดง เขียนถึงหนังของดาราคนอื่นๆที่คนไทยส่วนมากไม่เคยรู้จักมาก่อน รวมทั้งเขียนถึงหนังของภูมิภาคอื่นๆที่ไม่ใช่ Bollywood ที่คนไทยคุ้นเคยด้วย คงเป็นการเปิดโลกให้คนหันมาสนใจหนังอินเดียได้มากขึ้น

Q: หลักการรีวิวคืออะไร
A: อันนี้บอกได้เลยว่าไม่มี หนังทุกเรื่องไม่ได้ใช้วิธีการรีวิวที่เหมือนกันสักเท่าไหร่นัก ถ้าจะนับแค่ว่ามีเนื้อหา มีการแปะภาพ มีลงคลิป และตบท้ายด้วยการให้คะแนน อันนี้คงใช่ที่มันจะเหมือนกัน เรียกว่าเป็นแค่ format การเขียนแบบหลวมๆจะดีกว่า แต่วิธีที่เราจะเลือกเล่าถึงหนังแต่ละเรื่องนั้นเป็นวิธีที่เราคิดมาแล้ว (คิดเองมโนเองเนี่ยแหละ) ว่าบอกเล่ากันแบบนี้ ด้วยลีลาภาษาแบบนี้ ด้วยไทม์ไลน์แบบนี้ จะทำให้คนอ่านที่ไม่ใช่แฟนหนังอินเดียมาก่อนเกิดความรู้สึกสนใจในหนังเรื่องนั้นๆได้ ก็ไม่รู้ว่าที่คิดจะถูกหรือเปล่า ดังนั้นใครที่เข้ามาอ่านก็คอมเมนท์กันด้วยนะ จะได้เอามาปรับปรุงให้ดีขึ้น

ส่วนเรื่องการสปอยล์ โดยทั่วไปแล้วจะพยายามอย่างมากที่จะไม่สปอยล์ตอนจบ แต่อาจจะมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางอย่างที่ไม่ใช่ตอนจบเป็นบางครั้ง เพราะพิจารณาแล้วว่าการเอามันมาบอกเล่าจะทำให้คนอ่านรู้สึกอยากดูมากขึ้น และไม่ได้เป็นการเปิดเผยมากไปจนทำเอากร่อย

Q: หาหนังอินเดียดูได้จากไหนบ้าง
A: คำถามนี้ค่อนข้างหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดมากๆ เพราะต้องยอมรับกันอย่างนึงว่ากลุ่มคนไทยบ้านเราที่ดูหนังอินเดียมันมีน้อยเหลือเกิน ดังนั้นการจะดั้นด้นเสาะหาหนังมาดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังที่ไม่ใช่หนังอินเดียกระแสหลักอย่าง Bollywood ก็คงจะต้องใช้วิชามารกันนิดหน่อย ขอแนะนำเป็น 2 ทางเลือกแล้วกัน เรียกว่าเป็นแบบคลีนและแบบเทาๆนะ ไปปรับใช้เอาเองตามความเหมาะสมเลย

1. พาหุรัด
สำหรับใครที่อยากสนับสนุนแผ่นแท้ เชิญได้ที่พาหุรัด ที่นี่เป็นแหล่งรวมสินค้าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอินเดียที่ใหญ่ที่สุดแล้วในประเทศไทย หนังซัก 90% ที่มีขายจะเป็นแบบมีซับอิงค์ ใครที่ไม่ได้ภาษาก็ซวยไปนะบอกเลย หนังที่มีซับไทยหรือพากย์ไทยอาจจะหาได้ก็พวกหนังเก่า ที่เก่ามากๆโคตรๆแบบยุคตายายดูอะไรงั้น (ยุคที่ปู่อมิตาบยังหน้าแบบกรุง ศรีวิไล) ที่มีค่ายแผ่นในไทยเอามารีมาสเตอร์ขายน่ะ ไม่ใช่แผ่นที่อิมพอร์ทตรงจากอินเดีย หนังส่วนมากเป็นมาสเตอร์ แต่แบบซูมก็มี ถ้าถามคนขายเขาก็จะบอกตรงๆไม่เม้มหรอก ที่นี่มีด้วยกันอยู่แค่ 2 ร้านนะ คือ P.R.T. และ Sunny ขายราคาเท่ากันทั้งคู่ที่แผ่นละ 70 บาท ถูกเควี่ยๆค่ะ ถูกจนไม่รู้จะอาศัยดูของเถื่อนในเนทไปทำไม แค่ดูหนังตัวอย่างแล้วชอบก็บึ่งไปซื้อได้เลย ไม่เสียดายเงิน ทั้งสองที่สามารถลองแผ่นก่อนได้ แต่ที่ Sunny จะได้เปรียบนิดนึงตรงที่มีหนังอินดี้ หนังอาร์ท และหนังจากทางใต้หลุดมาขายด้วยเป็นระยะๆ ต้องถามหาเอาเอง

เรื่องการเดินทางก็ไม่ยากนะ แนะนำว่านั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานีหัวลำโพง แล้วโผล่รอรถเมล์สายที่บอกไปพาหุรัด รอที่ฝั่งตรงข้ามหัวลำโพงนะ พอรถวิ่งผ่านเยาวราชมันจะเลี้ยวตรงสะพานหัน ก็ให้ลงรถได้เลย สังเกตว่าคนจะลงกันเยอะๆนั่นละ อย่านั่งเลยป้ายไป เพราะมันจะข้ามสะพานซังฮี้ เห็นโรงเรียนศึกษานารีแล้วก็ยาวไปลงถนนอิสรภาพโน่นเลย เราเคยมาแล้ว เซ็งจิตสุดๆ พอลงรถตรงสะพานหันแล้ว ก็มองไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วข้ามถนนไปเลย จะเห็นมีช่องนึงที่คนเดินตรงเข้าไปเยอะๆ นั่นละ ตามๆเขาเข้าไปเลย ในนั้นจะมีร้านผ้า ร้านกระดุม ร้านขายอะไรจุ๊กจิ๊กแนวสำเพ็งอะ เดินไปจนทะลุถนนอีกฝั่งนึง ถนนเส้นนี้คือถนนจักรเพชร ก็ให้เดินเลียบไปจนเห็นวัดซิกข์ในฝั่งตรงข้ามและติดกันซ้ายมือคือห้างอินเดียเอ็มโพเรียม ข้ามถนนมันตรงนั้นแหละ แขกก็ข้ามกันเยอะ เกาะๆเขาไปไม่เป็นไรหรอก ข้างซ้ายของห้างจะเห็นมีซอยอยู่ มีแผงขายซาโมซ่าหน้าซอย นั่นละ เดินตรงเข้าไปเลย ร้าน P.R.T. จะถึงก่อนนะ มองส่องจากหน้าร้านอาจจะดูไม่ออกว่าขายหนังก็อ่านป้ายเอาละกัน เพราะเขาขายของกินที่เป็นของแห้งด้วย วางไว้ช่วงหน้าร้าน ส่วนพวกหนังไว้มุมใน เดินถัดไปอีกสัก 4-5 คูหาถึงจะเจอร้าน Sunny ร้านนี้เขาขายของประดับตกแต่งบ้านด้วย พวกตั้งโชว์อะไรงี้ และมีแมกกาซีนเกี่ยวกับหนังของอินเดียขายด้วยอยู่ 3-4 หัว ส่งมาทุกเดือน

2. YouTube และ einthusan
ใน YouTube นี่จะมีทั้งที่คนลงเถื่อนเองและพวก channel ของหนังทางใต้ที่เอามาลงแบบถูกต้องตามลิขสิทธิ์ พวกที่คนลงเองเถื่อนๆนั้นจะเป็นหนัง Bollywood ซะมาก แต่มักไม่ลงชื่อหนังไว้ จะลงแบบว่า Hindi Action Movie 2013 with English Sub อะไรแนวๆนี้ ต้องกดเข้าไปส่องเอาเองว่ามันคือหนังอะไร หลายๆทีก็เจอหนังแบบที่มาพร้อมชื่อชัดเจน แต่มักไม่มีซับอิงค์ มีแต่เสียงในฟิล์ม เรื่องจะเอาซับไทยหรือพากย์ไทยนั้นลืมไปได้เลย เลิกคิด หรือจะลองหาใน Dailymotion ก็พอจะมีนะ ส่วนมากเป็นหนัง Bollywood ที่คนมาลงเองไว้เถื่อนๆ หนังที่ออกราวปี 2005-2010 มีเยอะมาก พวกใหม่ซิงๆหรือเก่าโบราณกว่านั้นไม่ค่อยเจอ และก็ไม่มีหนังที่ถูกลิขสิทธิ์ไปเปิดช่องของตัวเองเท่าไหร่หรอก เคยเจอหนนึงเองมั้ง

ส่วน einthusan นี่ฟังเขาว่ากันมาว่าเป็นเวบที่ลงหนังแบบถูกต้องนะ แต่เขาลงได้แค่บางเรื่องและไม่ชัดมาก มีทั้งหนัง Bollywood ทั้งทมิฬ หนังเตลูกู หนังมะลายะลัมเลย ดูกันเพลินสะใจตาแฉะ แต่เนทต้องแรงและคอมพ์ต้องแรงนะ ใครติดเนทโปรฯถูกสุดจะพอดูได้ตอนดึกๆหน่อย แต่คอมพ์นี่แนะนำเลยว่าขั้นต่ำควรเป็น core i3 นะจะได้ลื่นสมใจ ไม่งั้นจะเจอปัญหาภาพไวกว่าเสียง เสียงไวกว่าภาพ หรือติดๆขัดๆจนเสียอารมณ์มากๆ ดีไม่ดีก็ขาดไปดื้อๆจอดำเลย

สำหรับการดูในเนทขอแนะนำแค่ 2-3 ทางหลักๆนี้นะ เวบอโคจรอื่นๆไม่แนะนำเพราะมันเสี่ยงไวรัสและมันดูไม่คลีนเกินไป ทำใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่ที่จะแนะนำต่อ เพราะตัวเองก็ยังไม่เข้าเลย จริงๆแค่ที่ได้ดูฟรีจากคนลงเถื่อนใน YouTube ก็รู้สึกผิดพอแรงแล้ว เรื่องไหนที่ชอบก็ค่อยตามไปหาแผ่นมาเก็บเอา

เป็นการเขียนหน้า about me ที่ยาวโคตรๆตั้งแต่เคยทำบล็อกมา เอาเป็นว่าขอให้ทุกคนสนุกกับการดูหนังอินเดียค่ะ ใครมีอะไรอยากติชมก็บอกกันได้ หรืออยากให้แนะนำอะไรเกี่ยวกับหนังอินเดียก็ทิ้งคำถามไว้ด้านล่างได้เลย จะมาตอบให้ตลอดนะ



Create Date : 17 มิถุนายน 2558
Last Update : 17 มิถุนายน 2558 10:05:24 น. 4 comments
Counter : 1443 Pageviews.

 
หนังเค้าดูมีเอกลักษณ์ดีนะ เคยดูสมัยก่อนๆคงหนีไม่พ้นเรื่องอภินิหารเทพเจ้า หรือรามายณะ ที่คุ้นๆกันดี แต่ไม่ได้ติดตามขนาดนั้น

ที่จริงไม่นานมานี้ก็หาหนังอินเดียมาดูเพราะติดลมจากการเดินทางมากกว่า คงเห็นเรื่องวัฒนธรรมชัดขึ้น

อย่าง ตอนขึ้นเครื่องกลับก็ได้ดูเรื่องที่
นางเอกเป็นสาวจากทมิฬนาดรู พบรักกับพระเอกที่เป็นชาวปัญจาบ เลยสนุกไปเลยล่ะ

ล่าสุดก็รื้อ หนังเก่าอย่าง
คานธี
3 idiots >>> อันนี้ชอบมาก
PK

ดูผ่านเวปค่ะ แต่ก็เสี่ยงไวรัส และอโคจร มากมาย

บางเรื่องที่หาดูยากอย่าง Kai po che ก็ดันไม่มี Eng Sub

ว่างๆคงไปหาแผ่นจากพาหุรัดมาดูมั่ง ขอบคุณที่แนะนำนะคะ

//เม้นยาวไปมั้ยเนี่ย 555


โดย: กาบริเอล วันที่: 17 มิถุนายน 2558 เวลา:12:33:24 น.  

 
ขอบคุณมากสำหรับเมนท์แรกนะคะ จริงๆไม่คิดว่าจะมีด้วยซ้ำทั้งที่อัพเป็นวันแรกแบบนี้ ดีใจจัง อิอิ

3 Idiots นี่เป็นหนึ่งในหนังแนะนำเลยละค่ะ เราเองมักจะแนะนำให้คนที่ยังไม่เคยดูหนังอินเดียลองหามาดูเป็นเรื่องแรกๆตลอด Kai Po Che ก็เหมือนกัน ไม่ได้ตลกเท่าเรื่องแรกแต่ก็ดีไม่แพ้กันค่ะ


โดย: Sasha Shanatic วันที่: 17 มิถุนายน 2558 เวลา:20:16:31 น.  

 
ไม่ค่อยถนัดหนังอินเดีย แต่เข้ามาเยี่ยมครับ


โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 18 มิถุนายน 2558 เวลา:0:12:22 น.  

 
ขอบคุณมากเลยค่ะ มาเยี่ยมกันตั้งแต่วันแรกเลย ยังไงหวังว่าคงได้หนังอินเดียที่อยากดูติดมือกลับไปสักเรื่องนะคะ


โดย: Sasha Shanatic วันที่: 18 มิถุนายน 2558 เวลา:6:33:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sasha Shanatic
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
Indian Rama Maniac โดย Sasha Shanatic อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Sasha Shanatic's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.