มกราคม 2557

 
 
 
1
2
3
4
5
6
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
เมื่อนางชินต้องไปอยู่กินแบบโฮมสเตย์...
ประมาณ กรกฎาคม ปี 2553 (แอบนานไปหน่อย)

ครั้งแรกที่ได้ยินโครงการ.... ‘วิถีชีวิตคืนสู่ธรรมชาติตามแบบโฮมสเตย์’
โฮมสเตย์เหรอ...หันไปหาเพื่อนที่นั่งฟังการประชุมเตรียมงาน ทำหน้างงแอบสงสัยและวาดฝันเล็กๆ น้อยๆ (ตามประสาคนช่างฝัน) เอาว่ะ...โฮมสเตย์ก็โฮมสเตย์ (แล้วใครจะกล้าขัดเพราะเป็นความคิดของหัวหน้า อิอิ)

เมื่อได้สถานที่ ทีมงาน วันเดินทาง ทุกอย่างพร้อม ก็ไปกันเลย...

***รถบัสคันใหญ่มาจอดรอรับตั้งแต่เช้า (กำหนดการเดินทางช่วงบ่าย) เพื่อจะพาเหล่าผู้ร่วมทริปไปยังจุดหมาย ที่นั้นคือ ชมรมโฮมสเตย์เพื่อนเกษตร ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

....เชิญ ค่ะ เชิญ ค่ะ เสียงเรียกแขกให้ขึ้นมาจับจองที่นั่งได้ตามความชอบ เมื่อผู้โดยสารครบตามจำนวน ล้อก็เคลื่อนออกจากที่ตั้งทันที
จากกรุงเทพฯ มาอ่างทองไม่ไกลเท่านั้นไหร่ นั่งรถประมาณ 2-3 ชั่วโมง (แวะตลอดทาง) ก็ถึงจุดหมาย....

ว้าวววว...ตื่นเต้นจัง พยายามมองไปข้างหน้ามองหาจุดหมาย แต่....จอด (งานเข้าอีกแล้ว รถบัสจอดทำไม)

ติดสายไฟครับ....เหมือนรู้...คำตอบดังขึ้นมาพร้องลงไปเป็นตัวเป็นตนอยู่ด้านล่างของผู้เป็นเจ้าของ ส่วนผู้โดยสารงั้นเหรอ ลุ้นสิค่ะ...ลุ้นแทบทะลุกระจกออกไปอยู่แล้ว ทว่าก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มีเสียงเฮให้กำลังใจกันไปตามระเบียง

จุดหมายแรกที่ไปจอดไม่ใช่ที่พักนะ...วัด...วัดขุมทองแล้วไปทำไมวัด...
เฉลย...ไปดูโครงการข้าวหอมนิลค่ะ บังเอิญโครงการนี้ตั้งอยู่ที่วัดนี้พวกเราเลยต้องเข้าวัด 555+++

จากนั้นก็พาลูกทัวร์ขึ้นรถไปยังร้านอาหารที่จับจองไว้ พาไปสังสรรค์ตามประสาวัยรุ่นกันหน่อยยย
‘ขอเสียงวัยรุ่นหน่อย.....กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด’

**ให้เธอได้กับเขาและจงโชคดี อย่ามีอะไรให้เสีย**

จบจากอาหารเย็นก็เป็นเวลาเกือบ สองทุ่ม (ตั้งแต่มาถึงยังไม่เห็นหน้าตาที่พักเลยนะจะบอกให้) จึงต้องกลับเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้นอีกครั้ง ไปจอดที่ ‘ชมรมเพื่อนเกษตร’ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พรุ่งนี้พวกเราจะมาจัดสัมมนากันที่นี้ แต่วันนี้นางชินเหนื่อยแล้วอ่ะ...อยากจะพักผ่อนเสียเต็มประดา แต่ที่พักฉันล่ะ....อยู่ไหนนนน

นั้นไงคำตอบ เมื่อมาถึงชาวบ้านที่เป็นเจ้าของโฮมสเตย์ก็มารอรับกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา (ลืมบอกไปนางชินกับทีมงานได้มีการจัดแบ่งลูกทัวร์ออกเป็นกลุ่ม แยกไปอยู่ตามบ้านแล้วนะคะ) ทุกคนก็แยะย้ายกันไปขึ้นรถของบ้านที่ได้แบ่งไว้แบบงงงง

อ้าว...ต้องแยกกันเหรอ นางชินไม่ได้นอนกับกลุ่มวัยรุ่น แล้วไปไหนหว้า.... พยายามมองผ่านความมืดไปหาจุดหมาย แต่ลมก็ช่างตีหน้านางชินเหลือเกิน…

จอด...เอาอีกแล้วจอดทำไม (ท่าทางนางชินจะไม่ค่อยถูกชะตากับเวลารถจอดกะทันหันแบบไม่มีการบอกกล่าว) มองซ้าย มองขวา

โอ๊ะ...นั้นมัน....บ้านหรือ...สวยมากกกก (ลากเสียงยาววว) บ้านทรงไทยหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางท้องทุ่งอันกว้างไกล สุดดดยอดดดด



ถึงแล้วครับ ‘บ้านสดแสงจันทร์’ ยินดีต้อนรับ...เชิญทุกคนครับ (ว้าววว...ชื่อก็ดูหะหรูหะหราจัง) เจ้าของที่ไปรับกล่าวต้อนรับด้วยความอบอุ่น ทุกคนรีบกระโดดลงมาจากหลังกระบะลืมอายุอานามกันไปตามๆ กัน เพราะมัวแต่ตะลึงในความงามของบ้านที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้อยู่

ตึก ตึก ตึก ....ใจเต้นดังเลยนะนางชิน กำลังอยู่ในอาการตื่นเต้นเลยไม่สนใจมองความมืดที่โอบอุ้มอยู่ทั่วบริเวณ ตาวาวมากขึ้นเมื่อได้ยินราคา ก็แค่เกือบๆ 30 ล้าน ไม้สักทั้งหลัง ราคาเบาๆ ตามประสาชาวบ้านเนอะ...

โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง.... นั้นไงญาตินางชินมาต้อนรับแล้ว พร้อมกับพาตัวอันสูงใหญ่ตามเผ่าพันธุ์มาเสนอหน้าให้รู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย (แต่ว่าตอนนี้นางชินกระโดดไปหลบอยู่หลังของพี่ที่สนิททันที (ส่อยข่อยแหน่...)
ทุกคนเดินตามเจ้าของขึ้นบ้านไปเงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียงดังเพราะรู้สึกเกรงใจ เกรงใจ (ไม่เอานะเกรงใจ ไม่ดีหรอกเกรงใจ)
การต้อนรับที่ดูจะเป็นกันเองคุณเจ้าของก็พยายามชวนคุยเพื่อให้พวกเราไม่เก้อเขิน แต่ก็เขินอยู่ดี รู้สึกทำอะไรไม่ค่อยสะดวกสบาย เพราะเราอาศัยอยู่กับเจ้าของบ้าน ...ตัดความเขินด้วนการนอนดีกว่าจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน.....

วันที่ 2
เสร็จจากภารกิจส่วนตัว พวกเราก็ให้เจ้าของบ้านมาส่งที่ชมรมเพื่อนเกษตร เตรียมตัวเข้าสัมมนา (วันนี้แอบเป็นวิชาการเสียหน่อย) ตลอดทั้งวันที่พวกเราติดอยู่ที่นั้นไม่ได้ไปไหนเลย ผู้ใหญ่ทั้งหลายก็เสวนากันไปตามวิชาการ ส่วนเด็กๆ อย่างพวกนางชินก็เม้าท์มอยไปตามประสา ถึงเวลาอาหารเย็นก็ออกไปกินที่ร้านอาหารในเมือง ร้องรำทำเพลงหาความสนุกสนาน อิอิอิ
และแล้วเวลานอนก็มาถึง นางชินไม่อยากไปนอนบ้านหลังเดิมจึงย้ายตัวมาแย่งที่นอนของเพื่อนที่บ้านอีกหลัง บ้านหลังนั้นมีชื่อเก๋ๆ ว่า ‘บ้านครูแต่ง’ แม้จะไม่ใช่บ้านทรงไทยหลังใหญ่โต แต่เจ้าของหน้ารักเป็นกันเองม๊ากมาก ทุกคนจึงเป็นกันเองไม่เก้อเขินเท่าไหร่ แล้วก็หลับไปด้วยความเหนื่อยตามเคย

วันที่ 3
เช้าขึ้นมานางชินก็พบว่าตัวเองนอนกินที่เพื่อนๆ มากมาย จนเพื่อนต้องย้ายตัวเองออกไปนอนหน้าห้อง (แอบรู้สึกผิดเล็กน้อย) แต่ก็ไม่เป็นไรมันผ่านไปแล้ว อิอิ รีบไปอาบน้ำอาบท่า ก่อนดีกว่า...

กึก...อารายเนี่ย เท้าฉันทำไมมีแต่รอยขีดเขียน (ไอ้พวกนั้นมันแกล้งฉันเหรอ) พลางมองฝ่าเท้าที่มีสีแดง ดำ เขียว ม่วง หลากสี ขีดเป็นรอยเล็กๆ เต็มไปหมด ขอบอกว่าล้างยังไงก็ล้างไม่ออก รีบไปถามเพื่อนๆ ถึงรอยที่เกิดขึ้น (แอบจะคิดบัญชีกันแต่เช้า)

คุณพวกมึง...มาเขียนเท้าตรู...ทำไม
เพื่อน...ทำหน้างงใส่ พร้อมองสำตรวจเท้าตัวเอง
เฮ้ย...ตรูก็มี...
ตรู...ด้วย...

นั้นไงทุกคนมีแบบเดียวกันหมด หันมามองหน้ากันด้วยเครื่องหมายคำถาม ที่ไม่มีใครกล้าหาคำตอบ ที่แน่ๆ ไม่มีใครล้างมันออกด้วย (ทุกคนสรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า...งานเข้าแล้วล่ะ) รีบกินข้าวกินปลาเก็บของเตรียมกลับบ้าน เพราะวันนี้มีไปดูงานที่อื่นแล้วกลับกรุงเทพฯ เลย...

***โบกมือลาแล้วหนาโฮมสเตย์...จ้า...

โชคดีได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโครงการสมุนไพรป้าสงัด...คุณป้าให้การต้อนรับดีมาก จัดเตรียมอาหารไว้รอรับมากมาย ทั้งแจกทั้งแถมสมุนไพร ลูกทัวร์ก็หน้ารักช่วยกันซื้อมากมาย (อยากจะบอกว่าขนมจีนน้ำยาคุณป้าอร่อยมากค่ะ...)

จบแล้วทริปวิถีโฮมสเตย์...แบบนางชิน

****ขอบอกว่าที่นี้ อากาศดีมาก อาหารอร่อย ชาวบ้านให้การต้อนรับอย่างมีไมตรีจิตที่ดี ตอนกลางคืนสงบสงัด ชนิดเป็นกบจำศีลเพราะไม่สามารถจะออกไปตามหาเสียงสีเสียงเหมือนเมืองกรุงฯ ที่จากมาได้ รวมๆ แล้วก็ประทับใจค่ะ

ปล. สำหรับสีที่เท้าเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ พออาบน้ำมันก็ออกอย่างง่ายดาย แล้วทำไมอยู่ที่นั้นนางชินถูแทบตายไม่ออก...อะไรกันเนี่ย...สงสัยว่าจะมี...กุ๊ก กุ๊ก กู๋...อิอิอิ



Create Date : 08 มกราคม 2557
Last Update : 21 เมษายน 2557 10:47:52 น.
Counter : 1114 Pageviews.

1 comments
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 9 มกราคม 2557 เวลา:3:45:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางชิน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]