การใช้ชิวิตก็เฉกเช่น “ การปั่นจักรยาน”
15/05/57


บทความนี้ เป็นความรู้สึกห้วงหนึ่งที่แว๊บผ่านเขามาในขณะที่ปั่นรถถีบขึ้นดอยสุเทพ หลังจากที่ห่างหายจากหลังอานไปนานเกือบ 2เดือน มันเกิดความรู้สึก เหล่านี้ ที่ได้ถ่ายทอดเป็นตัวหนังอักษรแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกัน



“การปั่นจักรยานก็ เหมือน การใช้ชีวิต”  หากเรายังอยากเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ได้โดยที่ไม่ให้ล้มลง

 เราต้องคอยปั่นและประคองให้จักรยาน ทรงตัวอยู่ได้ ถว่าหากเราหยุดปั่น มันก็จะหยุดโอนเอนล้มลงได้เช่นกัน


การใช้ชิวิตก็เฉกเช่น “ การปั่นจักรยาน”

มีบ้างบางเส้นทางที่เรียบง่าย ทำให้เราหลงเพลิดเพลินไปกับ สิ่งสวยงาม ความงามของต้นไม้ ใบหญ้าที่เขียวขจีตลอดสองข้างทาง  และสิ่งที่รายล้อมรอบตัวเรา เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และหลงใหลว่าสิ่งเหล่านี้แหละ คือสิ่งเราเฝ้าฝัน ถึง.........


          และก็คงมีอีกหลายๆเส้นทางเช่นกันที่เราต้องฝ่าฟัน ด้วยแรงกาย แรงใจ เพื่อที่จะพิชิตยอดเขาที่สูงชันนั้นให้ได้

แต่มันก็ไม่ง่าย  ที่เราต้องต่อสู้กับ ความสูงชันเหล่านั้น......แต่สิ่งที่น่ากลัวเหนือกว่าภูเขาที่สูงชัน...........นั้นคือ “ใจเราเอง”  บางครั้งเหนื่อยจนท้อ จิตใจเริ่มห่อเหี่ยวอ่อนแรง แต่มีเสียงกระซิบเบาๆจากข้างใน ว่า...เราต้องทำให้ได้  ว่า.....เราต้องไปต่อ

           เราเริ่มปั่นมาไกลไกลเกินกว่าที่จะวกรถกลับไป ที่ๆจุดเดิม อีกหนึ่งเสียงที่ดังกึกก้องอยู่ในใจว่า หากกลับไปก็จะต้องเริ่มมันใหม่อีกครั้ง                  

 แต่ละคน ต่างที่มา ต่างจุดหมายรึอาจจะมีจุดหมายที่คล้ายๆกัน ถึงอย่างไรนั้น ความสูงชัน   ที่ผสมผสานกลายเป็นหนึ่งเดี่ยว  รวมเป็นหนึ่งในพลัง ที่คอยพลักดันไม่ให้เราหยุดนิ่ง ตัวเราและจักรยาน ที่คอยรักษาความสมดุลให้วงล้อขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อไม่ให้ วงล้อนั้นหยุดหมุน และ   ล้มลงไปในที่สุด

        แต่ละคนมีการจัดการจิตใจไม่เหมือนกัน ใครบางคนอาจเลือก ที่จะไม่มองจุดหมาย ปลายทาง ที่ตั้งตระง่านอยู่บนภูเขาที่สูงชันนั้น เพี่ยงเพื่อเลี่ยงในการที่จะต้องต่อสู้ และถกเถียง กับใจความรู้สึก ตัวเอง ว่าจะ ท้อรึจะ ไปต่อ....... และ เลือกที่จะ ก้มหน้ามอง วงล้อ ที่ค่อยๆ บดบนพื้นผิวถนนด้วยความอดทน ฝื่นขาที่อ่อนแรง  คอยปั่นประคับประคอง ให้วงล้อขับเคลือนตัว ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ  ได้โดยไม่หยุดนิ่ง  มีความฝันที่ไม่เคยละทิ้งด้วยสองขา ที่คอยประคองปั่นไปไม่ให้ล้ม อีกหนึ่งใจ ที่ คอยกระซิบอยู่ข้างในว่า....มันไม่ไกลแล้ว            เดี๋ยวก็ถึง เสียงกระซิบเหล่านี้ เป็นเหมือนหยาดน้ำทิพย์ประพรมใจ ที่คอยกระตุ้นให้ก้อนเนื้อที่อ่อนแรง  มีความหวัง และพลัง ได้อีกครา


ใครบางคนเลือกที่จะแหงนหน้ามอง จุดหมายที่ปลายทาง จุดหมายที่สูงเสียดฟ้า เพื่อว่า    เป็นแรงผลักดัน ให้หัวใจลุกโชน  ว่าจุดนั้นแหละที่เขาต้องปั่นมันไปให้ถึง อาจจะมีบ้างที่นึกถอดใจ แต่ เสียงกระซิบจากข้างในว่ามันไกลเกินไปไหม๊ ที่จะปั่นไปถึง แต่เขาเหล่านี้ไม่เคยพรั่นพรึง  พร่ำบอกกับตัวเองว่าเราต้องไปให้ถึงให้จงได้

        รางวัลของการฝ่าฟัน ไม่ว่าจะก้มหน้ามองพื้น รึว่าแงนหน้ามองไปข้างหน้า จุดหมายคือความสำเร็จ เช่นเดียวกัน   และรางวัลก็คือ การที่เราปล่อยตัวให้พลิ้วไหว ไปกันจักรยานที่ทะยานโลดแล่น บนหนทางที่เคี้ยวคด  ลาดชันที่ทำให้วงล้อเคลื่อนหมุ่นไป ได้โดยไม่ใช้แรง สายลมที่กระทบพาดผ่านบนผิวหน้า ความเย็นได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย 

ปรายประสาทได้รู้ถึงความเย็นที่ชุ่มช่ำที่มันดิ่งทิ้งตัวลงลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจ  หอบนำพาความปิติ ความสุข เสียงสายลมโหมกระทบโสดประสาทของการได้ยิน   ราวกับตะโกนดังกึกก้องว่า.......เห็นไหม๊  ความสุข ที่ได้มาจากความสำเร็จ ความอดทนสู้ และ ฝ่าฟันด้วยตัวเอง  และอีกเหนึ่งเสียงของหัวใจ ตะโกนออกไปว่า..........เห็นไหม๊ หากเลี้ยวรถกลับไป คงไม่ได้สำผัสกับความรู้สึกนี้     ความเหนื่อย ความท้อ ความลำบากที่เคยรู้สึกก่อนหน้านี้ ได้ผลันมลายหายไปพร้อมๆ กับสายลม





Create Date : 17 พฤษภาคม 2557
Last Update : 17 พฤษภาคม 2557 13:15:37 น.
Counter : 1105 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

โบยบินแล้วไม่หวนคืน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



พฤษภาคม 2557

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31