BlogGang.com : : Rawin Teacher - สถาบันการศึกษา ควรปรับเปลี่ยนอย่างไร ในศตวรรษที่ 21 (ตอนที่ 1)

เรียนรู้ ไม่ใช่เรียนหนังสือ, การศึกษาและการทำงานแห่งศตวรรษที่ 21 เป็นสิ่งที่เราคนไทย จะต้องตื่นตัว และติดตาม ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

สถาบันการศึกษา ควรปรับเปลี่ยนอย่างไร ในศตวรรษที่ 21 (ตอนที่ 1)

     สวัสดีครับ
พบกันอีกครั้งใน บล็อกที่ 3 ของผม วันนี้ขอเสนอเรื่องแรงๆสักเรื่อง เป็นเรื่องที่อาจส่งผลกระทบต่อใครหลายคน แต่น่าจะเป็นผลกระทบไปในทางที่ดีนะครับ
     ดังที่หัวเรื่องกล่าวไว้ ในศตวรรษที่ 21 นี้ เป็นยุคที่หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อนหน้านี้ เป็นอย่างมาก ผมอยากใช้คำว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ หรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง....
    สำหรับคนยุค 70 อย่างผม หรือคนร่วมรุ่นกับผม ก็อาจจะเกิดการช็อคพอสมควร แต่คนรุ่นพ่อแม่ของเรา อาจยิ่งช็อคหนัก.. เอาง่ายๆ ถ้าคุณลุงคุณป้าอยากจะไปซื้อมือถือสักเครื่อง เอาแบบแค่โทรได้พอ และมีแต่ปุ่มกดอย่างเดียว ตอนนี้อาจหาซื่้อไม่ได้แล้วนะครับ เพราะเริ่มจะเป็นแบบ "กวาดมือ" เพราะสินค้าแบบเดิมก็จะหมดอายุขัยตามความต้องการของตลาดส่วนใหญ่ไป
   ปัญหาก็คือ คุณลุงคุณป้า ต้องมาหัดเล่น "กวาดมือ" ปวดหัว ปวดตา มากกว่าเดิม
   แต่ลุงป้าบางคน กลับเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส เล่นไลน์คุยกับหลานๆที่อยู่ห่างไกล คลายเหงาคลายคิดถึงได้เป็นอย่างดี
   นี่แหละครับ คือตัวอย่างของ Digital Shock อันหนึ่ง...
   นี่ยังไม่หมดนะครับ มันจะมีทยอยตามมาอีกอย่างรวดเร็ว และถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง...!!!
   ดังนั้น บางคนจึงเริ่มเบื่อหน่ายกับ ความรวดเร็ว อันเป็นบ้าเป็นหลัง.. หวนกลับคืนสู่ความ #Slow Life
   การใช้ชีวิตแบบช้า หรือ Slow Life อาจเป็นทางออกแบบ ชั่วคราว คล้ายกับนกกระจอกเทศที่เอาหัวมุดทรายเพื่อไม่ให้มองเห็นผู้ล่าของตน...หลบหนีปัญหาชั่วคราว
สำหรับผม ผมยึดถือหลักของพระพุทธองค์ "ทางสายกลาง"
ในใจผม จะทำใจให้ Slow Life แต่สมองของผม จะคิด ติดตามข่าวคราวโลกให้ทัน
ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกอย่างต้องมีการฝึกฝน ดังที่ผมจะกล่าวในบล็อกตอนถัดๆไป ถึงเทคนิควิธีที่ผมใช้...
เอาล่ะครับ เข้าสู่ประเด็นของหัวเรื่องนี้ สถาบันการศึกษา จะต้องปรับตัวเช่นไร ในยุค Digitalization ยุคนี้
ผมอยากจะค่อยๆเขียนไปเรื่อยๆ โดยแบ่งออกเป็นตอนๆ จึงให้บล็อกนี้เป็นตอนที่ 1 เนื่องจากผมมีเรื่องอยากจะเขียนค่อนข้างมาก และต้องการจาระไนเนื้อหาให้ถ่องแท้
....
บอกได้เลยครับ ว่ายุคนี้ เป็นยุคที่ท้าทายมาก สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ การศึกษา เนื่องจากในศตวรรษที่แล้ว การศึกษาถูกทำให้เป็น "ระบบ" เพื่อรองรับ ผู้ควบคุมระบบ และเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับศตวรรษนั้น เพราะเป็นยุคที่ยังไม่ใช้ "ปัญญา" ในการทำงานมากนัก อย่างมากก็ใช้เพียง "ความรู้"
ยิ่งในยุค เกษตรกรรม ยิ่งไม่ต้องการการศึกษาที่ลึกซึ้งมากมายนัก, ในยุคอุตสาหกรรม การศึกษาก็อยู่ในรูปแบบของ "กระบวนการผลิต" จึงมีการแบ่ง สาขา, คณะ ต่างๆ ตามระบบทุนนิยม หรือ ระบบตลาด...
แต่ในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ เป็นยุคแห่ง "ปัญญา" และจะเข้าสู่ยุคของ "จิตวิญญาณอิสระ" อันเป็นยุคเรืองรองตามความต้องการลึกที่สุดของมนุษย์...
ที่ผมกล่าวไม่ได้คิดเอาเอง หรือโน้มน้าว แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเอง โลกกำลังบีบบังคับให้มนุษย์เดินไปตามทางนั้น
แต่คุณอาจจะเห็นสิ่งที่ตรงข้ามกัน เห็นภัยธรรมชาติ ความยากจน โศกนาฏกรรม ต่างๆ นั่นคือสิ่งที่ควบคู่กัน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ .... เมื่อความดำมีมาก ความขาวจะมีน้อย และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ความขาวจะกลับมามีมากกว่าดำ ...ตามหลัก หยิน-หยาง นั่นเอง
เพียงแต่ รอคอย เท่านั้น...
ในยุคอุตสาหกรรม... การศึกษา บังคับคน, ใช้คน, สร้างระบบให้คน, สร้างกลไกการทำงาานให้กับคน, ทำให้คน กลายเป็นวัตถุดิบ, กลายเป็น หุ่นยนต์ ในระบบการผลิต ...แลกมาด้วย "เงินเดือน"
แต่ในยุคนี้ คือยุคแห่งปัญญา คน เป็นผู้ใช้ การศึกษา เป็นเครื่องมือในการสร้าง "ความมั่นคง", "ความสุข", "ความภาคภูมิใจในตนเอง" คือ "ความยิ่งใหญ่" ตามที่ Stephen R. Covey กล่าวไว้ใน The 8th Habit: From Effectiveness to Greatness
หากคุณเปลี่ยนกระบวนทัศน์เป็นเช่นนี้ คุณจะเข้าสู่ วิถีทางแห่งการพัฒนาตนเองที่แท้จริง คุณจะเห็นภาพทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม จากความสับสน ความตระหนก เป็น ความปีติ โอกาส
คิดดูแล้วกันครับ สมัยก่อนการหาความรู้ยากๆสักเรื่องหนึ่งเป็นเช่นไร ผมต้องนั่งรถเมล์เพื่อไปเดินตามร้านหนังสือ หรือห้องสมุด เพื่อหาความรู้ในสิ่งที่อยากรู้ บางทีก็หาไม่ได้
แต่ตอนนี้แค่ Search ใน Google สิ่งที่ต้องการก็ปรากฏขึ้นมาให้เลือกสรรได้ทันที!!!
เห็นไหมครับ ว่า โอกาส แห่งการพัฒนาตนเอง อยู่ตรงหน้าเราแล้ว...
การศึกษาในอนาคต ต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงตรงนี้
ห้องสมุด ต้องเปลี่ยนเป็น ห้องค้นคว้า, ห้องสร้างปัญญา ไม่ใช่ห้องเก็บหนังสือ
ห้องเรียน ต้องเปลี่ยนเป็น ห้องกระตุ้นปัญญา ห้องสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ใช่ ห้องท่องตัวหนังสือ หรือห้องหลับ ....
สถาบันการศึกษา กับ องค์กรการทำงาน ไม่ต่างกัน ไม่ได้แยกจากกันอีกต่อไป
ทำงานไป เรียนไป (ไม่ได้หมายถึงหารายได้เสริมนะครับ) แต่เป็นการไปเรียนจากที่ทำงาน หรือในห้องเรียน ก็สร้างการทำงานจริงๆ มีเงินจริงๆเข้ามาในห้องเรียน ..กล้าคิดสิครับ มนุษย์ส่วนใหญ่มักคิดแง่ลบก่อน ... ทำไม่ได้มั้ง, เวอร์ไปมั้ง, ผิดระเบียบ, ผิดธรรมเนียม...
   โลกมันไม่รอเราครับ
   โลกต้องการ "ความคิดสร้างสรรค์" เป็นยูนิฟอร์มของนักเรียน
   ต้องการ "นวัตกรรม" เป็นข้อสอบของนักเรียน
   นักเรียน นักศึกษา สามารถสร้าง Start up project เพื่อขอเงินทุนจากธนาคารได้
   คุณอย่ามอง "นักเรียน" "นักศึกษา" ในแบบเดิมสิครับ ... เขาคือ "คน" คนหนึ่งเช่นคุณ ทำไมจึงต้องคิดว่าเขาเป็นเด็ก ทำสิ่งนู้นสิ่งนี้ไม่ได้ ...ห้ามทำนู่น ห้ามทำนี่ ระบบห้ามจะหายไปจากศตวรรษที่ 21 เพราะการห้าม เป็นเครื่องมือควบคุมคนโง่เท่านั้น ซึ่งเหมาะกับคนในยุคก่อน
   ในยุคนี้ การห้ามที่ดีที่สุดคือ ส่งเสริมให้เขาได้ใช้ศักยภาพอันแท้จริงของเขา
   ในตัวมนุษย์ทุกคน มีสมบัติอันมีค่าซ่อนอยู่ ให้เขาได้ค้นพบและนำมาใช้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน
   ไม่จำเป็นต้องรู้แคลคูลัส, ฟิสิกส์, ความน่าจะเป็น, สังคม, ประวัติศาสตร์ในแบบ "ท่องจำ"
   ทำไมต้อง บังคับ ให้เขาเรียนวิชานั้น วิชานี้ เพื่อให้ได้มาซึ่ง กระดาษที่ยืนยันว่า "ผ่าน" กระบวนการอันหนึ่งที่เชื่อได้ว่าเขาเก่ง และสามารถตอบสนองตลาดในด้านนั้นได้
   ในยุคศตวรรษที่ 21 เป็นยุคแห่ง ปัญญา รายวิชาในหลักสูตรจะเป็นเหมือน "สินค้า" ให้ผู้เรียนเข้าไป ช็อปปิ้ง
   มหาวิทยาลัยอาจถูกตั้งคำถามถึงคุณค่าที่แท้จริง??? จบมหาวิทยาลัยออกมาเพื่อสิ่งใด เพื่อหางานทำ หรือเพื่อเอาไว้อวดคนอื่น
   คนรุ่นใหม่จะรู้ทัน และเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองต้องการ
   อาจจะเรียนทางอินเทอร์เน็ตในแบบฟรีๆ หรือจ้างโคชเก่งๆมาสอนให้รู้ วิชาชีพ ที่ตนเองต้องการรู้ได้เลย
   เพราะในยุคอนาคตใบปริญญาจะไม่สำคัญอีกต่อไป การทำงานจะเป็นการจ้างงานแบบชั่วคราว อาจเป็นสัญญารายเดือน หรือตามจ๊อบงาน สิ่งนี้ฟังน่าสยดสยองสำหรับคนยุคเก่า แต่ถ้ามองให้ดี หากคุณมีปัญญาจริงๆ งานจ๊อบต่างๆก็คือ สิ่งที่เราเลือกทำ หากมีสติปัญญาจริงๆ อาจเลือกทำหลายจ๊อบได้พร้อมกัน เหมือนทำงานหลายบริษัท, ใช้ IT มาเป็นเครื่องมือ, ทำงานแบบมืออาชีพจริงๆไม่มีระบบเลียแข้งเลียขา และตลาดแรงงานคือ โลกทั้งหมด ไม่ใช่ประเทศไทยเท่านั้น คนที่พร้อมจะพบว่า นี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่
   เอาล่ะครับ ขอจบตอนที่ 1 เพียงเท่านี้ก่อน เพื่อไม่ให้บล็อกยาวจนเกินไปครับ
   ขอบพระคุณมากครับ หากท่านอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ขอให้ท่านค้นพบ "กุญแจ" สู่พลังปัญญาของท่านครับ

                                       Rawin Teacher
                                       6 มิ.ย. 2559

Create Date : 06 มิถุนายน 2559

Last Update : 7 มิถุนายน 2559 22:26:42 น.

0 comments

Counter : 339 Pageviews.

Rawin Teacher

Location :

[Profile ทั้งหมด]

	ฝากข้อความหลังไมค์
	Rss Feed
	Smember
	ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
ต้องการนำเสนอความรู้ที่สำคัญในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมแห่งปัญญา

Webmaster - BlogGang

[Add Rawin Teacher's blog to your web]

Bloggang.com