tahsin revenge

taksin revenge

เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองนะครับ กรุณาใช้วิจารณญาณเยอะๆในการอ่าน



ผมเคยตั้งใจไว้ว่าผมจะไม่เขียนเรื่องเกี่ยวกับการเมืองอีก เพราะมันเขียนลำบากครับเนื่องจากผมมีความเห็นไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้าเท่าไหร่ แต่วันนี้ขอเขียนถึงหน่อยแล้วกันครับ



คือเรื่องนี้มันเริ่มเมื่อซักประมานปี 50-51 แถวๆนี้ได้มั้งครับช่่วงที่เกิดประชาชนเสื้อแดงขึ้น และ ผมเริ่มคิดถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่วันที่ อดีตนกยกผู้ร่ำรวยของเราได้โฟนอินเข้าไปที่เวทีพี่น้องชาวเสื้อแดง ผมยอมรับนะครับว่าก่อนหน้าที่ อดีตนายกท่านนั้นจะโดนอัปเปหิออกไปจากประเทศไทยนั้นผมเคยเชียร์เขาครับ ทำไมหรอ otop กองทุนหมู่บ้าน 30บาทรักษาทุกโรค รถไฟฟ้า สนามบินสุวรรณภูมิ(ถึงจะไม่ได้ก่อสร้างในสมัยนั้นก็เถอะ) สกุลเงินอาเซี่ยน (ยังไม่เกิด) กรุงเทพเมืองแฟชั่น (ตายไปแล้วพร้อมกับการจากไปของนายก) มีการไล่จับสินค้าละเมิดสิทธิ์มากมาย จัดตั้งคาสิโนของรัฐ (ไม่เกิด) บ้านอื้ออาทร สนับสนุนให้มีการจัดแข่งกีฬาระดับโลกในประเทศ ปฏิรูปหน่อยงานภาครัฐบาลให้บริการประชาชนและทำงานสะดวกรวดเร็วขึ้น กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (ตายไปพร้อมนายกเช่นกัน)  ขยายเมืองออกนอกกรุงเทพ (ไม่เกิด) แอร์พอร์ทเรียลลิ้ง (ไม่ได้ถูกสร้างในสมัยนายกหน้าเหลี่ยม) มักกะสันคอมเพล็ก (ยังไม่เกิดแต่โครงการยังอยู่) และอีกหลายๆ โครงการที่ผมขี้เกียจเขียน+นึกไม่ออก เกริ่นต่ออีกนิด เอาแค่ที่ผมเขียนนี่มาตรงบทความนี้เนี่ย คุณเห็นนายกคนไหนบ้างที่มีโครงการเยอะขนาดนี้  ผมว่าไม่มีนะ ในขณะเดียวกัน คุณเห็นนายกคนไหนบ้างที่มีโครงการล้มเหลวมากเท่านายกคนนี้ ผมว่าผมก็ไม่เห็นนะเพราะโครงการเยอะโครงการที่ล้มเหลวก็เลยเยอะตามไปด้วย และนั่นคือจุดที่ผมชอบเค้า เพราะ คนที่ไม่ล้มเหลวคือคนที่ไม่ทำอะไรเลยครับ และโครงการที่ดีๆของเค้าก็ยังมีอยู่จนถึงปัจจุบัน





กลับเข้าเรื่องที่ผมได้คิดไว้ต่อ เริ่มจากที่อดีตนายกหน้าเหลี่ยมของผมถูกกลุ่มประชาชนชาวเสื้อเหลืองอัปเปหิออกไป ซักพักนึงผมก็ได้ข่าวกลับมาว่านายกหน้าเหลี่ยมอยู่ที่ต่างประเทศ ผู้นำของประเทศต่างๆล้วนต้อนรับให้การสนับสนุน ถึงขั้นเชื้อเชิญไปเป็นที่ปรึกษาของประเทศตน แถมเมื่อออกนอกประเทศไปแล้วด้วยอำนาจขอบเขตการทำธุรกิจในต่างแดนทำให้อดีตนายกหน้าเหลี่ยมมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ช่วงนี้เหล่าประชาชนชาวสีแดงก็เริ่มก่อตัวรวมตัวกันจากกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยที่กระจัดกระจายเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว และพยายามเชิญตัวนายกหน้าเหลี่ยมขึ้นมาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับชาวเสื้อแดง แต่นายกหน้าเหลี่ยมปฏิเสธ จะด้วยเหตุผลไหนก็ไม่รู้ล่ะนะครับ แล้วพอข่าวเรื่องอดีตนายกไปสร้างรายได้เพิ่ิมอีกเป็นพันๆล้านที่ต่างแดนออกมาซักพักเดียว ก็เกิดคดีฟ้องร้องเรื่องซุกหุ้น รึอะไรต่อมิอะไรมากมายจนเกิดการยึดทรัพย์กันเกิดขึ้น ช่วงนี้เองแหละที่ อดีตนายกหน้าเหลี่ยมที่ปฏิเสธชาวเสื้อแดงก็กลับมา และโฟนอินขึ้นเวทีของประชาชนชาวเสื้อแดงและให้กำลังใจรวมถึงสนับสนุนอย่างเต้มที่ จุดนี้แหละครับ มันให้ให้ผมคิดขึ้นมาว่า เฮ้ย...เมิงกลับมาทำเชี่ยไรครัชท่านนายก แล้วพอย้อนนึกดูผมก็ไปสังเกตุพบว่า เออถ้าเป็นผม ผมก็กลับมาเหมือนกัน....



อดีตนายก
โดนขับไล่ออกนอกประเทศและกลับบ้านไม่ได้ (ถึงตอนนี้จะกลายเป็นกลับได้แต่มะยอมกลับก็เถอะ)
โดนยึดพาสปอร์ต
ทรัพย์สินที่หามาได้โดนยึด
ครอบครัวโดนไล่จนแทบไม่มีที่ยืน
ขนาดทรัพย์สินที่หามาได้ใหม่ยังจะตามมายึด
โดนใส่ความเรื่องที่ไม่ได้ทำ แถมเป็นเรื่องใหญ่มากๆด้วย
สิ่งที่ตัวเองสร้างมาด้วยความยากลำบากล้มครืน
ทั้งๆที่พยายามทำเพื่อประเทศชาติ(เอื้อตัวเองบ้างนิสโหน่ย) แต่กลับได้รับผลแบบนี้

ถ้าคุณโดนขนาดนี้ แล้วคุณมีเงิน มีอำนาจ มีความรู้ความสารถ คุณจะกลับมาทำไมครับ ถ้าเป็นผม  คงจะกลับมาเพื่อล้างแค้นแน่ๆ ไม่เกี่ยวเรื่องที่ว่าจะโกงรึไม่โกงเพราะคนเรามักมองไม่เห็นความผิดตัวเองอยู่แล้วครับ แค่ไล่ออกประเทศกลับบ้านไม่ได้ก็เซ็งพอดูแล้ว แต่เล่นไล่บี้กันจนขนาดนี้เป็นผม ผมเอาคืนแน่ครับ คือแทนที่จะจบตั้งแต่ออกนอกประเทศก็พอแล้ว แต่นี่ไม่จบ นี่คือสิ่งที่ผมคิดเล่นๆไว้ในตอนนั้น และด้วยเหตุการที่ผ่านๆมาจนถึงตอนนี้ มันยิ่งทำให้ผมกลับไปคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้น taksin revenge project



เริ่มสเต็ปด้วยการกลับมาเชียร์คนเสื้อแดงเพื่อให้ในบ้านเมืองมันรวน ไม่สงบ แล้วต่อด้วยการเป็นพันธมิตรกับเพื่อบ้านที่เป้นคู่แข่งการด้านการค้าการท่องเที่ยว ถ่อยทอดความรู้และวางโครงการต่างๆให้ ให้เพื่อนบ้านจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์พืนบ้านของไทยบางอย่าง (เรื่องนี้ผมเคยเขียนมาก่อนหน้านี้แล้ว) ให้ประเทศเพื่อนบ้านนำวัฒนธรรมบางอย่างของไทยไปทำเป็นจุดขาย ให้ประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาแบบก้าวกระโดด ในขณะเดียวกันก็สร้างความแตกแยกในประเทศด้วยการซื้อตัวนักการเมืองของทั้ง 2 ฝ่าย ให้ทะเลาะกัน สร้างเรื่องให้เกิดกลุ่มพลังของมวลชนกลุ่มต่างๆ เกิดการประท้วงขึ้นมากมาย ทำให้การก้าวเดินทางการเมืองชลอมาก จนหยุดในที่สุด ไปเป็นที่ปรึกษาให้ประเทศจีนเพื่อให้เข้าร่วมเป็นพันธมิตร พอจีนเอื้มมือช่วยเหลือพี่ไทย สหรัฐก็ไม่พอใจ เพราะสหรัฐเป็นประเทศภาคีกับไทยถ้าอยากได้ความช่วยเหลือก็ต้องผ่านลูกพี่อย่างเมกาก่อนสิ ในขณะที่จีนเข้ามาช่วยเหลือก็จัดการเอาสินค้าจนที่มีราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินเข้ามาขายในไทยจนสินค้าไทยขายไม่ออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร และเป็นจุดเริ่มของภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ จากนั้นก็นั่งเฉยๆ รอหมากที่วางไว้ทุกตัวทำงาน ประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาตามแผนจนแซงหน้าบ้านเราไปหมดในขณะที่ประเทศไทยยังย่ำอยู่กับที่ การลงทุนจากต่างประเทศก็ลดลงเพราะไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านดีกว่า การลงทุนจากนักลงทุนภายในประเทศก็หันไปลงทุนต่างประเทศเช่นกัน การท่องเที่ยวไปเที่ยวรอบๆก็มีเหมือนกันไม่ต้องมาไทยที่ความปลอดภัยไม่มี  แล้วประเทศไทยก็จะกลายเป็นประเทศยากจนและด้อยพัฒนาภายในเวลาไม่นานนัก



พอดีกว่านี่เป็นส่วนนึงที่ผมคิดเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ ถึงผมจะคิดมานานแล้วมันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมและผมยังไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างมันได้ด้วยครับ และแน่นอนว่าหลายๆคนคงหาว่าผมเพ้อเจ้อ บ้าไปแล้ว หรืออะไรทำนองนั้น ผมยอมรับนะเพราะผมมันป่วยทางจิตอยู่แล้ว

และถ้ามีใครมีเหตุผลมาขัดกับสิ่งที่ผมเขียนนี้ รบกวนช่วยบอกผมทีครับผมอยากจะลบความคิดบ้าๆนี่ออกไปจากหัวเหมือนกัน ว่าคนคนเดียวมันมีพลังทำลายล้างมากขนาดนั้นเลย


PS.รูปที่โพสกับเรื่องที่เขียนมะเกี่ยวนะครัช



Create Date : 21 พฤษภาคม 2557
Last Update : 21 พฤษภาคม 2557 13:33:32 น.
Counter : 970 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนจิตป่วย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Group Blog