เกาะค๊อกคอมป์หัวใจมรกต ถึงแม้ว่าเกาะนี้เป็นเกาะที่อยู่ในเขตประเทศพม่าแต่ว่าการดำเนินการธุรกิจทัวร์เป็นของคนไทยนะคะ
เพราะฉะนั้นเราจึงเริ่มเดินทางโดยออกจากท่าเรือบนฝั่งระนองค่ะ
ในการเดินทางก็ต้องมีการทำเรื่องการข้ามแดนแต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความยุ่งยากค่ะ
**ไม่ต้องใช้พาสปอร์ต** ใช้เพียงแค่บัตรประชาชนทางเอเจนซี่จะขอสำเนาจากเราก่อนการเดินทาง
และทางทัวร์จะทำเอกสารเตรียมไว้ให้เราเรียบร้อยเรามีหน้าที่แค่ถือเอกสารไปประทับตราก่อนออกเดินทางแค่นั้นค่ะ
ทริปนี้เราเดินทางแบบประหยัดเวลาแต่ไม่เหนื่อยรับรองถูกใจมนุษย์เงินเดือนสุดๆ
เพราะไม่ต้องลางานวันหยุดปกติเสาร์ อาทิตย์ก็เที่ยวทะเลพม่าได้แล้ว
แผนการเดินทางของเราแผนการเดินทางของเรา
คืนวันศุกร์ นั่งรถออกจากกรุงเทพฯ 20.50 น. ถึงระนอง 06.30 น.
วันเสาร์ เช้าออกทริปเที่ยวเกาะตอนเย็นกลับมาพักที่ระนอง 1 คืน
วันอาทิตย์ เช็คเอ้าท์สายๆเที่ยวระนอง 1 สถานที่ท่องเที่ยวเช่นบ่อน้ำร้อน น้ำตก ภูเขาหญ้า เสร็จแล้วกลับกรุงเทพด้วยรถรอบ 20.50 น. ถึงกรุงเทพ 05.30 น. จะลางานพักผ่อนหรือถ้าร่างกายฟิตก็ไปทำงานต่อก็ได้
ราคา 3,500 บาทต่อคน(โปรโมชั่นทริป แถมที่พัก) ราคานี้รวมวันเดย์ทริป 3 เกาะ เกาะหัวใจมรกต, เกาะดันกิ้น, เกาะย่านเชือก แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพอากาศนะคะ รวมอาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมแกรนด์อันดามันและที่พักที่ระนอง 1 คืน
เป็นไงค่ะทริป 2 วัน 1 คืนเที่ยวสบายไม่ต้องลางานกันเลยไปดูข้อมูลแบบละเอียดยิบกันเลยดีกว่า
การเดินทางที่ระนองสามารถเดินทางได้ทั้งรถทัวร์และเครื่องบิน แต่เราเลือกเดินทางโดยรถทัวร์ค่ะ
เพราะดูแล้วว่าสะดวกและประหยัดเวลาที่สุดและเดินทางกับบริษัทสมบัติทัวร์
เราเลือกรถ วีไอพี 24 ที่นั่งราคาตั๋วเที่ยวละ 644 บาท รถจากรุงเทพไประนองมีทั้งหมด 3 รอบ 08.10, 20.50, 20.30
เราเลือกเดินทางรอบ 20.50 น. จะถึงระนองประมาณ 06.30 น. ช้ากว่าที่ลงไว้ในเว็บนิดหน่อย
ที่เลือกรอบนี้เพราะสะดวกดีนอนบนรถไปตอนกลางคืนถึงเช้าเราลงที่ออฟฟิศของสมบัติทัวร์
ออฟฟิศของสมบัติทัวร์ตั้งอยู่ที่ตลาดใหม่ระนองที่ไม่เลือกลงที่สถานีขนส่ง
เพราะว่าค่อนข้างเงียบและถ้ามาถึงตอนเช้ามากก็จะเปลี่ยว
ก็เลยเลือกลงที่ออฟฟิศสมบัติทัวร์และที่นี่ก็ยังสะดวกในการหาอาหารรับประทานตอนเช้าอีกด้วย
รายละเอียดทริป เกาะค๊อกคอมป์หัวใจมรกต ทริปวันนี้เราจะเดินทางออกจากฝั่งระนองเวลา 9.00 น.
เสร็จแล้วจะแวะที่เกาะสนที่ตั้งของโรงแรมแกรนด์อันดามันเพื่อนำเสบียงลงเรือ
และนำเอกสารขึ้นไปแสตมป์ผ่านแดนในฝั่งพม่าจากนั่นก็ออกเดินทาง
เกาะแรกของทริปนี้ที่เราจะไปคือ
เกาะค๊อกคอมป์ หรือ เกาะหัวใจมรกต และดำน้ำที่นี่ประมาณ 45 นาที
เกาะที่สองคือ
เกาะดันกิ้น เราจะรับประทานอาหารกลางวันกันบนเกาะนี้
และนั่งพักผ่อนบนเกาะใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมง
เกาะสุดท้ายของทริปคือ
เกาะย่านเชือก ที่นี่เราจะดำน้ำใช้เวลาประมาณ 30 นาที
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับไปที่โรงแรมแกรนด์อันดามันเพื่อนรับประทานอาหารเย็นเสร็จก็พักผ่อนตามอัธยาศัย
ถ้าใครพักที่นี่ก็อยู่ยาวส่วนถ้าใครพักที่ระนองก็ต้องนั่งเรือของโรงแรมกลับมาที่ฝั่งระนอง รถตู้ก็จะไปส่งที่พักของเราค่ะ
ข้อมูลแน่นแล้วเราเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะเมื่อถึงระนองเราลงที่ออฟฟิศสมบัติทัวร์เดินออกไปหาอาหารเช้าทานรองท้องสักหน่อย
ตลาดที่นี่ของกินไม่ค่อยเยอะค่ะมารู้ทีหลังว่าเป็นตลาดเน้นขายส่งมากกว่าผลไม้ ผักอะไรพวกนี้
แต่ก็มีร้านหมูปิ้ง ไก่ย่างอะไรประเภทนี้อยู่บ้าง ตึกสีฟ้าๆนั่นคือออฟฟิศของสมบัติทัวร์
แต่มารู้ตอนขากลับว่ามีร้านอาหารชื่อดังอยู่แถวนี้เดินไป 700 เมตรก็ถึงแล้วชื่อร้าน บังกีโรตีอาหรับ
ใครจะเดินไปทานก่อนก็ได้ค่ะร้านนี้เปิดแต่เช้า ก็จะมีโรตี ข้าวหมกไก่ มัสมั่น ข้าวราดแกงก็มีค่ะ
หาอาหารทานเสร็จแล้วเราก็กลับมานั่งรอรถของบริษัททัวร์มารับเรานัดไว้ประมาณ 07.00 น.
นั่งรอสักพักรถก็มารับเราไปที่ท่าเรือบนรถมีนักท่องเที่ยวอยู่ 4-5 คน และรถก็ตรงไปที่ท่าเรือเลยค่ะ
พอถึงที่ท่าเรือเราจะเข้าไปที่ออฟฟิศของแกรนด์อันดามันก่อนเพื่อยื่นเอกสารผ่านแดนต่างๆ
จริงๆถ้าไม่แวะหาอะไรทานที่นี่เค้าก็จัดอาหารว่างไว้ให้มีขนมแซนวิช ชา กาแฟ ไว้บริการให้เราด้วย
เรานั่งรอสักพักจนลูกค้าคนอื่นๆมาครบแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเรียกรวมเพื่อแจงรายละเอียดในการยื่นเอกสารข้ามแดน
เจ้าหน้าที่จะนำเอกสารที่กรอกไว้ให้เรียบร้อยแล้วยื่นให้เรา เราจะต้องยื่นพร้อมกับบัตรประชาชนตัวจริง
ยื่นเอกสารที่เคาน์เตอร์ซึ่งอยู่ภายในออฟฟิศนี่แหละค่ะ เจ้าหน้าที่จะปั๊มตราประทับให้เรา
เสร็จแล้วเก็บเอกสารไว้ที่ตัวก่อนและเดินหรือนั่งรถกอล์ฟไปยังท่าเรือได้เลยรอเจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเรือ
เจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเรือเราจะต้องยื่นเอกสารแผ่นเดิมให้เจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่จะเก็บเอกสารของเราไปเลย
และจะนำไปปั๊มอีกครั้งที่ฝั่งพม่าซึ่งขั้นตอนนี้เราก็ไม่ต้องลงไปเองค่ะทางทัวร์จะจัดการให้เราก็นั่งรอในเรือได้เลยสบายๆ
ขั้นตอนไม่ยุ่งยากค่ะเพราะบริษัททัวร์เค้าจัดการเตรียมไว้ให้หมดแล้วเราก็แค่มีหน้าที่ไปยื่นก็เสร็จค่ะ
พอยื่นเอกสารเสร็จเก็บเอกสารไว้ที่ตัวนะคะแล้วเดินไปรอที่ท่าเรือได้เลย
เก็บเอกสารให้ดีๆ เพราะเราจะต้องยื่นเอกสารอีกครั้งก่อนลงเรือแต่ไม่ต้องยื่นบัตรประชาชนแล้ว
ไปท่าเรือมีบริการรถกอล์ฟแต่เราขอเดินเพราะจะได้ชมบรรยากาศฟ้าใส...ใส...เหรอ?
แต่ที่ระนองเป็นเมืองที่ฝนชุกอยู่แล้วนะคะ ทริปนี้ที่ระนองฝนก็ตกแทบทั้งวันแต่ตกแค่ปรอยๆ
ท้องฟ้าวันนี้ค่อนข้างขมุกขมัวมอมแมมมากช่างเหมาะกับการออกทะเลเสียนี่กะไร ฮ่าๆๆ
ก็เลยแอบกระซิบถามไกด์ เอิ่มมมมพี่ค่ะ วันนี้จะมีแสงแดดสาดส่องมาถึงพื้นดินบ้างหรือเปล่าค่ะเนี่ย
ได้คำตอบว่าเดี๋ยวบ่ายก็มีเมื่อวานก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ
ไกด์บอกว่าบางทีที่ฝั่งระนองฝนตกแต่พอออกทะเลไปที่เกาะแล้วฟ้าใสก็มีค่ะเพราะว่าระนองต้นไม้เยอะ
ความชื้นเยอะฝนก็เลยตกตลอดแต่บนเกาะค่อนข้างห่างจากตัวจังหวัดระนองแล้ว
แต่พูดตรงๆก็เผื่อใจไว้บ้างแล้วละคะแล้วแต่บุญกรรมที่สั่งสมมา นี่มันขนาดนั้นเลยเหรอ???? เดี๋ยวรอดูกันช่วงบ่าย
ก่อนออกจากท่าเรือไกด์ก็จะเรียกนักท่องเที่ยวรวมตัวเพื่ออธิบายรายละเอียดและข้อปฏิบัติต่างๆ
แล้วก็ขึ้นเรือค่ะนำเอกสารที่เราบอกไว้ด้านบนเตรียมไว้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ
ตรงนี้เจ้าหน้าที่จะเก็บเอกสารของเราไปเลยนะคะเพราะจะเค้าจะรวบรวมไปยื่นให้ที่ฝั่งพม่าอีกที
ขั้นตอนนี้เราไม่ต้องทำแล้วค่ะนั่งรอในเรือสบายๆ ได้เลย
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกเดินทางเรือจะแวะที่โรงแรมแกรนด์อันดามันก่อนเพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวพม่า
และรับเสบียงอาหารของพวกเราในวันนี้ขึ้นเรือด้วย และก็แวะที่เกาะสอง
เพื่อรับเจ้าหน้าที่ของพม่าขอไปสังเกตการณ์ในทริปนี้ด้วยค่ะ
นั่งเรือมาสักพักคนในเรือก็เริ่มดุกดิกๆ อะไรเหรอๆ เราก็ดูบ้างซิ
ว้าวๆ ถึงแล้ว
เกาะค๊อกคอม หัวใจมรกตของฉ้านนนนนนน
แต่แดดนี่ซิยังไม่มาเลย คือก่อนออกไกด์ได้แจ้งไว้ก่อนแล้วว่าลำดับในการเที่ยวเกาะ
อาจจะสลับไปมาได้ตามสภาพอากาศนะคะ ถ้าไปไม่ตรงตามทริปเป๊ะๆ ก็อย่าไปวีนไปเหวี่ยงนะ เพื่อความปลอดภัย
แต่มาถึง เกาะค๊อกคอมป์ ไกด์ลงความเห็นว่าโอเคค่ะคลื่นไม่แรง
สามารถลอดถ้ำเข้าไปชมความงามภายในหัวใจมรกตได้
เกาะค๊อกคอมป์ ถือเป็นไฮไลท์ของทริปนี้หากมองจากมุมสูงจะเห็นอ่าวด้านในเป็นรูปหัวใจ
ในอดีตเคยเป็นปากปล่องภูเขาไฟมาก่อนแต่ตอนนี้คงไม่จะปะทุแล้วใช่มั้ย ^_^
การเข้าสู่หัวใจมรกตด้านในเราต้องว่ายน้ำลอดถ้ำเข้าไป ในวันที่แดดดีแสงจะส่องมาที่ผืนน้ำ
สะท้อนกับผนังถ้ำมีสีเขียวมรกต ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ หัวใจมรกต นั่นเอง
และด้วยเราต้องว่ายน้ำลอดถ้ำเข้าไปเพราะฉะนั้นถ้าคลื่นแรงไกด์จะไม่พาเข้าไปข้างใน หัวใจมรกต ค่ะ
เพราะจะมีอันตรายจากการกระแทกหินตรงปากถ้ำและหินเหล่านั้นก็คมมาก
แต่วันนี้ถึงไม่มีแดดแต่คลื่นไม่แรงมากและน้ำไม่ขึ้นสูงถ้าน้ำขึ้นเยอะก็อันตรายค่ะเพราะเราจะใกล้ปากถ้ำมาก
แต่วันนี้เราเข้าได้อย่างราบรื่นทุกคนค่ะ ปรบมือรัวๆ
สิ่งที่ควรระวังอีกอย่างที่ไกด์บอกก็คือหอยเม่นไม่ควรยืนบนพื้นเพราะหอยเม่นที่นี่เยอะมาก
ควรลอยตัวไว้ตลอดๆ เพื่อความปลอดภัย
หลังจากเข้าไปสู่ข้างในของหัวใจมรกตแล้วดำน้ำลงไปต้องร้องว้าว ว้าว ว้าว
น้ำข้างในใสมากเพราะเป็นเหมือนอ่าวข้างในไม่มีคลื่นลมต่างจากข้างนอกมากน้ำใสแบบกิ๊งๆเลย
นี่ขนาดไม่มีแดดยังพูดกับเพื่อนร่วมทริปเลยว่าถ้ามีแดดจะสวยขนาดไหน
ไปดูรูปใต้น้ำจาก เกาะค๊อกคอมป์ กันดีกว่าถ่ายมาไม่เยอะค่ะบางรูปก็ไม่ชัดเหลือมาเท่านี้ ^_^
ดำน้ำในนี้เพลินมากไม่เหนื่อยเลยเพราะคลื่นไม่แรงเราดำไม่ไกลจากปากถ้ำเท่าไหร่
เราว่าอีกฝั่งด้านในหัวใจมรกตคงต้องสวยมากแน่ๆเลยอ่ะ แต่ไกด์บอกว่าฝั่งนู้นจะลึกกว่าค่ะลึกมากเลยด้วย
แต่ตรงขอบๆที่พวกเราดำน้ำกันไม่ลึกมากค่ะ 2 5 เมตร
ช่วงขากลับออกไกด์บอกว่าให้ดำลงไปดูตรงปากทางเข้าจะมีกัลปังหาเราก็มองหาใหญ่เลย
ตรงนั้นน้ำจะขุ่นนิดน่อยค่ะเพราะเป็นปากถ้ำน้ำจะกระทบกับโขดหินเป็นคลื่น
แต่เราก็พยายามมองหาแล้วก็เห็นค่ะสวยมากเลยแต่ถ่ายรูปมาเบลอไปหมดมองไม่รู้เรื่องเลย
แต่สวยค่ะถ้าไปอย่าพลาดดำลงไปดูตรงจุดนี้นะคะ แต่ถ้าน้ำขึ้นเยอะใกล้ปากถ้ำก็ควรระวังอันตรายด้วยนะคะ
ดำน้ำเสร็จแล้วเดินทางไปต่อเกาะที่สองค่ะชื่อ
เกาะดันกิ้น อยู่ไม่ห่างกันมากค่ะนั่งเรือประมาณ 15 นาที
ที่ เกาะดันกิ้น เราจะได้แวะพักทานอาหารกลางวัน พักผ่อนเล่นน้ำ ถ่ายรูปตามอัธยาศัย
ไฮไลท์ของ "เกาะดันกิ้น" คือชายหาดที่สวยงามทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใีฟ้าตัดกับหาดทรายขาวๆ
ถึงแม้จะมีชายหาดที่ไม่ยาวมากนักแต่ก็มีต้นไม้อยู่บนชายหาดไว้เป็นร่มเงาไว้ให้เรานั่งพักผ่อนกัน
ต้นไม้บนเกาะยังดูเป็นกิ่งไม้ระเกะระกะไม่มีการตัดตกแต่ง
แต่นั่นแหละค่ะคือสิ่งที่ต้องการคือธรรมชาติที่ยังดิบอยู่มาก บนเกาะยังไม่สามารถเข้าไปได้ด้วยซ้ำ
เพราะยังไม่มีเส้นทางไกด์บอกว่าอนาคตจะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ
และตอนนี้กำลังสร้างร้านอาหาร ห้องน้ำ และอนาคตจะมีแคมป์ปิ้งบนเกาะเน้นแบบธรรมชาติ
ที่นี่ไม่ได้ดำน้ำนะคะและก็ไม่เห็นมีใครดำเพราะคลื่นก็ค่อนข้างแรงอยู่สวนใหญ่ก็นั่งเล่น พายเรือ ถ่ายรูปกัน
มาดูอาหารกลางวันที่ทานบนเกาะกันบ้างดีกว่า เป็นอาหารใส่กล่องพลาสติกแบบนี้ดีมมากค่ะจะได้ไม่ต้องเพิ่มปริมาณขยะ
มีข้าวกระเพราะทะเลกับข้าวหมูกระเทียมให้เลือก เปิดกล่องมานอกจากกระเพราะหรือหมูกระเทียม
ยังมีไก่น่องเล็กอีก 2 ไข่ต้มอีก 1 ฟองกล่องใหญ่นะคะปริมาณก็เยอะเราทานไม่หมดเลยเสียดาย
ทานข้าวเสร็จนักท่องเที่ยวก็แยกย้ายไปตามมุมต่างๆบางคนก็นอนหลับพักผ่อนชิลไปเลย
ส่วนเราก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยเดินกลับไปกลับมาบนชายหาด
พอตอนบ่ายแดดมาจริงๆด้วยค่ะ เหมือนที่ไกด์บอกเลยค่อยยังชั่ว
เจอแดดแล้วทะเลยิ่งสวยมากเลย ฟ้าก็สวยมาโชคดีเอานาทีสุดท้ายตอนใกล้จะกลับแล้ว
รูปบน เกาะดันกิ้น เยอะมากอยู่บนเกาะประมาณ 2 ชั่วโมงเราเดินไม่หยุดเลย ฮ่าๆๆ
นี่ขนาดว่าชายหาดไม่ยาวมากนะถ้าชายหาดยาวและมีทางเส้นทางเดินสำรวจธรรมชาติเนี่ย
สงสัยต้องขออยู่สักครึ่งวันแน่ ๆ สุดท้ายก็หมดเวลาบนเกาะนี้แล้วค่ะเราจะไปดำน้ำต่อกันที่ เกาะย่านเชือก
ออกจาก เกาะดันกิ้น ไปต่อที่เกาะสุดท้าย เกาะย่านเชือก
ที่นี่เราจะได้ดำน้ำกันบน เกาะย่านเชือก มีชายหาดแต่ว่าไม่สามารถขึ้นได้คงเป็นเพราะเรื่องสัมปทาน
ปะการังที่นี่ส่วนมากจะเป็นปะการังผืนใหญ่ๆ ไม่รู้ว่าถ้าเทียบกับที่อื่นแล้วเป็นยังไง
แต่เท่าที่เห็นปะการังสมบูรณ์มากเป็นต้นสวยงามปลาก็เยอะค่ะ นีโม่นี่มีตลอดไกด์เรียกบ่อยมาก
ปะการังบางชิ้นเป็นแผงใหญ่มากเบ่อเร่อเท่อเราตื่นเต้นมาก เพลินสุดๆ นี่ขนาดเราว่ายน้ำไม่เก่ง
เรายังดำผุดดำว่ายประมาณ 45 นาทีแต่รู้สึกไม่นานเลยเพราะเพลินมาก
พอทุกคนขึ้นเรือครบแล้วก็ได้เวลากลับฝั่งแล้วค่ะ รู้สึกยังไม่อยากกลับเลยอยากดำน้ำต่อ
โดรยรวมแล้วปะการังที่นี่จะหนาแน่นและเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ๆ บางเส้นศูนย์กลางใหญ่น่าจะเกือบเมตรก็มี
สรุปว่าสวยเราค่อนข้างตื่นเต้นไม่เคยเห็นปะการังสมบูรณ์ขนาดนี้ค่ะ
ออกจาก เกาะย่านเชือก เรือก็มุ่งหน้ากลับไปที่โรงแรมแกรนด์อันดามัน
เพื่อให้เราได้รับประมานอาหารเย็นและอาบน้ำที่โรงแรม
ถึงท่าเรือของโรงแรมแกรนด์อันดามันประมาณสี่โมงกว่าจะมีรถมารับขึ้นไปที่โรงแรม
ที่นี่ใครจะอาบน้ำล้างตัวหรืออยากเล่นน้ำต่อก็สามารถว่ายน้ำที่สระของโรงแรมต่อได้
ไกด์จะแจกบัตรรับประทานอาหารให้ เริ่มทานอาหารเย็นได้ตั้งแต่ 17.00 น. จะทานตอนไหนก็ได้ตามสบายค่ะ
ส่วนไกด์และเรือที่พาเราไปท่องเที่ยววันนี้เค้าก็จะขอตัวกลับกันก่อน
แต่จะถามเราว่าเราจะกลับกี่โมงเพราะจะต้องแจ้งกับรถตู้บนฝั่งระนองที่จะไปส่งเราที่โรงแรม
เพราะว่าโรงแรมแกรนด์อันดามันตั้งอยู่บนเกาะสนของพม่าถ้าเราจะกลับจะต้องนั่งเรือรับ ส่งของโรงแรม
แต่ถ้าใครนำรถมาเองก็สบายๆ เพราะเรือรับ ส่งจากของโรงแรมแกรนด์อันดามันไปส่งฝั่งระนองมีทุกชั่วโมง
และจะมีพนักงานของโรงแรมค่อยสั่นกระดิ่งเรียกเรือมีถึง 23.00 น.
อาหารเย็นของทริปนี้ทานที่ห้องอาหารวิคทอเรีย แกรนด์อันดามันเป็นแบบบุฟเฟ่ต์
ใครดำน้ำเหนื่อยมารับรองทานได้จุใจอาหารก็มีหลากหลายส่วนใหญ่เป็นอาหารไทย ขนม ผลไม้มีครบค่ะ
มีเคล็ดลับนิดหน่อยห้องอาหารวิคทอเรียมีวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากค่ะ
เพราะฉะนั้นถ้ามาทานช่วงพระอาทิตย์กำลังตกก็จะโรแมนติกมากๆเลย
ทานอาหารเสร็จเราก็ไปสำรวจดิวตี้ฟรีกับคาสิโนหน่อย
ดิวตี้ฟรีที่นี่ของส่วนมากจะเป็นพวกขนมกับช็อคโกแลต นอกนั้นก็น้ำหอม นาฬิกา เหล้า บุหรี่ มีกระเป๋าแบรนด์ Kipling
ส่วนคาสิโนนี่เป็นครั้งแรกที่เราเคยเข้าคาสิโนก็ตื่นตีแต่เล่นอะไรไม่เป็นสักอย่าง
แต่ก็ดีแล้วละไม่งั้นเดี๋ยวเงินหมดอดกลับบ้าน อิอิ
เราอยู่ที่โรงแรมถึงเวลา 19.00 น. ก็ไปรอขึ้นรถที่หน้าโรงแรมและรถจะไปส่งเราที่ท่าเรือเพื่อขึ้นเรือกลับฝั่งระนอง
เดินทางถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพเราพักที่โรงแรมฟาร์มเฮ้าส์ ระนองพร้อมอาหารเช้าห้องพักใหม่และสะอาด
เช้าวันอาทิตย์ตื่นมาเช็คเอ้าท์เราต้องรอขึ้นรถกลับ 20.50 น. โน้นนนนนน
แต่เราต้องบริหารเวลาให้เป็น อิอิ วันนี้เราจะเที่ยวในตัวเมืองระนองซึ่งมีที่เที่ยวเยอะและหลากหลาย
จะไปนอนแช่น้ำร้อนชิลๆ ไปเดินป่าเที่ยวอุทยาน น้ำตกอลังการ หรือไปภูเขาหญ้าได้หมด
แต่เราขอเป็นรีวิวหน้านะคะเพราะรูปเยอะรายละเอียดแยะมาก
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปที่ประทับใจมากทั้งทะเลที่สวยสมคำร่ำลือ หาดทรายขาว น้ำทะเลใส ปะการังสมบูรณ์
เท่านี้ก็ถือว่าเป็นการเที่ยวทะเลที่สมบูรณ์แบบมากๆแล้ว ธรรมชาติบนเกาะยังดิบมากจริงๆ
วันที่เราไปมีเรือเราเพียงแค่ลำเดียวเท่านั้นตอนพักบนเกาะดันกิ้นคือส่วนตัวสุดๆ
ใครจะไปในช่วงแรกๆนี่ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ เป็นช่วงกอบโกยก็ว่าได้ ฮ่าๆๆๆ
และใครที่มัวลังเลอยู่อย่าคิดนานนะคะได้ข่าวแว่วๆมาว่าบางวันก็เต็มแล้ว
ยิ่งช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์แล้วด้วยละก็คงต้องจองล่วงหน้ากันแต่เนิ่นๆเลยค่ะ
ขอบคุณพี่ตั้ม Thailandlism ด้วยที่ทำให้เราได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยว Unseen ในครั้งนี้ด้วย
ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงนี้ค่ะ แล้วเจอกันรีวิวหน้าค่ะ
ใครอยากพูดคุยเรื่องเที่ยวหรือสอบถามข้อมูลอะไรเพิ่มก็ไปทักทายได้ที่ https://www.facebook.com/maysatraveller ค่ะ