การทำเด็กหลอดแก้ว IVF ตอนที 1
เราแต่งงานมา 5 ปีแล้ว ยังไม่มีลูกซักที หลังจากแต่งงานมา 3 ปี เราไม่เคยกินยาคุมแต่ทำไมถึงยังไม่มีลูก เลยปรึกษากับแฟนว่าเราน่าจะไปให้หมอตรวจมีบุตรยากดู ตอนแรกก็ไม่ได้เลือก คิดแตาว่าไปที่ที่มันใกล้ๆบ้านก็พอ เลยไปปรึกษาที่คลินิกแห่งหนึ่งแถวๆ นวนคร เพราะเห็นว่ามีหมอจาก รพ.ธรรมศาสตร์ไปตรวจรักษาอยู่ที่นั่น เช็คข้อมูลในเน็ตแล้วก็คงพอไหว แต่พอไปตรวจเข้าจริงๆ หมอก็ให้กินแต่ยากระตุ้นไข่ (ยี่ห้ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว) แล้วก็บอกว่าวันไหนบ้างที่ควรจะมีอะไรกัน เราไปหาอยู่ประมาณ 3 เดือน คิดว่ามันไม่น่าจะเวิร์ค เลยถามเค้าต่อว่า มีวิธีอื่นอีกมั๊ย เพราะคิดว่าวิธีนี้อาจไม่เวิร์คสำหรับคู่เรา หมอบอกว่าไม่มี เราก็เลยเลิกไปตรวจเลย เราเลยมานั่งคิดกันว่า สมควรไปตรวจที่ที่มีชื่อเสียงสักหน่อย เลยตัดสินใจหาข้อมูลและไปตรวจที่ นวบุตร ซึ่งวันที่ไปตรวจก็ไม่ได้เลือกว่าจะตรวจกับหมอคนไหน เพราะคิดว่าสถาบันแบบนี้ หมอคงจะเก่งกันทุกคนและน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง วันแรกที่ไปเค้าก็ตรวจร่างกายตามปกติ และก็บอกถึงวิธีรักษาว่าวิธีแรกจะให้คู่เราทำ iui ประมาณ 3 ครั้ง เราทำ iui ไป 2 ครั้งแล้วมันไม่ติด เลยถามหมอว่า ถ้ายังไม่ติดอีกจะทำอะไรให้เราต่อไป หมอบอกว่าคงจะต้องใช้วิธีทำเด็กหลอดแก้ว แต่เราถามหมอว่า หมอจะไม่ฉีดสีดูหน่อยเหรอคะว่าเรามีปัญหาอะไรหรือเปล่า หมอบอกว่า ไม่ต้องหรอก การทำเด็กหลอดแก้วไม่ต้องใช้ท่อนำไข่ และก็มองไม่เห็นความจำเป็นที่เราจะต้องไปเจ็บตัวฉีดสี เพราะถ้าฉีดแล้วท่อนำไข่ตัน แล้วก็ต้องผ่าตัดอีก และก็ไม่รู้ว่าจะมีลูกหลังจากทำตามขั้นตอนไปแล้วหรือเปล่า พอเราได้ยินหมอพูดแบบนี้เราก็เลยตัดสินใจว่าเราจะไม่ไปที่นั่นอีก คนเราย่อมต้องอยากรู้ว่าร่างกายของเรามีปัญหาอะไรหรือเปล่าทำไมเราถึงมีลูกเหมือนคนอื่นเค้าไม่ได้ เราเลยล้มเลิกความคิดที่จะไปปรึกษาสถาบันพวกนี้อีก พอเวลาล่วงเลยมาจนถึง 5 ปี เราก็มีอายุ 35 แล้ว คิดว่าถ้ามีลูกเองก็คงจะยาก เลยกะว่าจะลองดูอีกซักตั้ง เราเลยไปปรึกษาหมอที่รามา พรีเมี่ยม คลินิก เราก็ไม่ได้เลือกหมออีกเหมือนเดิม คือเวลาที่เราว่างไปหาหมอมีหมอท่านไหนอยู่ก็เอาท่านนั้นแหละ วันแรกที่เราเข้าไปปรึกษา เราไปพบ พญ.ชลธิชา ซึ่งท่านก็ได้แนะนำวิธีการที่สามารถจะใช้ได้หลายๆวิธี แต่คุณหมอจะบอกว่า สำหรับคู่เรา หมอเลือกวิธีไหนให้บ้าง แล้วเราโอเคมั๊ย จำได้ว่าครั้งแรกที่บอกคุณหมอว่าเราอยากฉีดสี เพราะเราเคยไปปรึกษาที่อื่นมาบ้างแล้ว คุณหมอท่านก็ให้ใบนัดไปฉีดสีวันรุ่งขึ้นเลย ถึงวันนัดฉีดสี เราเข้าไปในห้องที่เค้าทำการฉีดสีกัน ขอบอกว่ามันปวดมาก หมอพยายามที่จะดันสีเข้าไปให้ได้มากที่สุด สุดท้ายหมอบอกว่า ท่อนำไข่ข้างขวาของเราตัน เพราะเมื่อดันสีเข้าไปมากๆแล้ว สังเกตุเห็นว่าท่อนำไขเริ่มจะบวม แสดงว่าปลายทางมันตัน พอฉีดเข้าไปที่ข้างซ้าย ดันสีเข้าไปท่อมันไม่บวมแต่ปลายทางสีก็ไม่ได้ flow แบบที่ปกติ หมอวินิจฉัยว่า อาจเกิดจากภาวะความเครียด ทำให้ปลายท่อเกิดการบีบตัวปิดชั่วขณะ แต่ขอบอกว่าหลัีงจากฉีดสีเสร็จ อีก 2 วันเรามีธุระต้องขับรถไป ตจว ด่วนมากๆ พอกลับมาเรามีอาการปวดท้อง (โชคดีที่ขับรถมาถึง นวนครแล้วใกล้ถึงบ้านเลยแข็งใจขับรถต่อมาจนถึงบ้าน ลืมบอกไปว่าบ้านเราอยู่ ลำลูกกา) รุ่งขึ้นเราก็ยังขับรถมาทำงานอีกนะ พอใกล้ๆจะถึงที่ทำงานรู้สึกแปลกๆ นั่งทำงานไปซักพัก เอ๊ะชักไม่ไหว เลยขอหัวหน้าไป รพ ที่อยู่ใกล้ๆบริษัท พอหมอตรวจเท่านั้นแหละ หมอให้ แอดมิด ตอนนั้นเลย เราเลยได้นอนอยู่ รพ อีก 3 วัน จากอาการติดเชื้อนั่นเอง (ตอนนั้นยังแอบกดโทรศัพท์ไปถามพยาบาลที่ รามา ว่าเรา แอดมิดที่ รพ อื่นจากอาการนี้ได้มั๊ย พอพยาบาลบอกว่าได้เราก็หมดแรงเลย)
พอถึงวันนัด คุณหมอลงความเห็นว่า คู่เราน่าจะทำ iui ประมาณ 5-6 ครั้ง ยังพอไหว เพราะอายุยังไม่เยอะนัก แต่หมอจะเลือกทำเฉพาะครั้งที่กระตุ้นไข่แล้วได้ไข่ทางด้านซ้ายเท่านั้น เราก็ Ok ทำ iui ไปได้ 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะติด เราก็เลยถามหมอว่าทำไมเราก็ฉีดเชื้อเข้าไปทางซ้าย (ตรงที่ท่อนำไข่พอใช้ได้)แล้วทำไมมันไม่ติด หมอบอกว่า หมอฉีดเข้าไปข้างซ้ายจริง แต่เราไม่สามารถไปบังคับไข่ให้มันวิ่งไปตามใจเราสั่งได้ เราก็ อ๋อ งั้นนู๋ขอทำเด็กหลอดแก้วเลยได้มั๊ยคะ หมอก็บอกว่าได้ ตามใจถ้าเราปรึกษากันมาแล้ว หมอก็จะทำเด็กหลอดแก้วให้ แต่ขั้นตอนมันก็ค่อนข้างยุ่งยากหน่อยนะ แล้วนู๋ก็ต้องมาจอหมอถี่ขึ้น เราก็ OK เราค่อนข้างมั่นใจกับรามามากๆ
และแล้ววันที่เริ่มกระบวนการก็มาถึง คุณหมอเริ่มต้นโดยให้เราฉีดยา Puregon ขนาด 200 iu เป็นเวลา 8 วัน (มันมีลักษณะเหมือนปากกา ก็ฉีดได้อยู่) เมื่อฉีดครบ 5 วัน หมอนัดไปอัลตราซาวด์ขนาดไข่ก่อน หมอบอกว่าขนาดไข่เริ่มจะได้ขนาดแล้วให้เราฉีด ยาต่อไปอีก 3 วันจนครบ และอีก 3 วันที่เหลือนี่ เราจะต้องฉีดยากันไข่ตก Organlutran ควบคู่ไปด้วย ซึ่งยาตัวหลังนี้มาในรูปแบบเข็มฉีดยา และขนาดเข็มก็ใหญ่กว่าตัวแรก ครั้งแรกที่คุณพยาบาลสอนฉีดเราคงดันเข็มเข้าไปไปแรงพอ เนื้อบริเวณที่ฉีดจึงขึ้นเป็นจ้ำเขียว เราก็เลยหวาดๆเรื่องการฉีดยานิดหน่อย (ปกติเป็นคนไม่กลัวเข็ม แบบว่าชอบเวลาไปฉีดยา --แอบโรคจิต) วันเก็บไข่ หมอก็ให้เราเข้าห้องไปเก็บไข่ปกติ เราเองไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ แต่แอบไปหาข้อมูลในเน็ตมาว่าอาการหลังเก็บไข่เป็นงัย เค้าว่าจะปวดท้องมากกก พอถึงคิวเราเข้าเก็บไข่ ขั้นแรกก็ต้องคุยกับวิสัญญีก่อน ขอบอกว่าหมอหล่อมากกก เราก็คุยๆไป แล้ว จนท ทั้งหลายก็เข้ามาทำนู่นทำนี่กับเราหลายอย่างแล้วเราก็หลับไปเลย ตื่นมาอีกที จนท มาเรียกบอกว่าเสร็จแล้ว เรารู้สึกว่า เราเข้าห้องไปเก็บไข่ 8.30 เราตื่นมาอีกที 9.15 เฮ้ย มันเร็วขนาดนี้เลยเหรอออ พอออกจากห้องมาพยาบาลให้เรานั่งรถเข็นอย่างเดียว แล้วย้ำว่าหลังจากนี้ 24 ชม. ห้ามทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับกฎหมายและการเงิน เพราะเราอาจไม่รู้เรื่องเนื่องจากได้รับการวางยาด้วย วันย้ายตัวอ่อน เราก็เหมือนเดิม หาข้อมูลในเน็ตมาแล้ว ว่าเค้าต้องอัลตร้าซาวด์หน้าท้อง โดยให้เรากลั้นฉี่จนได้ปริมาณมากพอ เราก็เตรียมเลย เริ่มปวดตั้งแต่ก่อนออกจากที่ทำงาน เดินทางประมาณครึ่ง ชม. ถึง รพ กินข้าว เสร็จแล้วรีบขึ้นไปยื่นบัตรนัด พยาบาลถามว่าปวดฉี่มั๊ย เราก็บอกว่าปวด งั้นรีบไปอัลตร้าซาวด์ดูเลยดีกว่าว่าปริมาณใช้ได้ยัง พอเราเข้าไปอัลตร้าซาวด์มันใช้ได้พอดีเลย หมอบอกรีบเข้าห้องย้ายตัวอ่อนเลยค่ะ (เร็วป่ะ) หมอแจ้งเราว่า วันเก็บไข่ เราได้ไข่ทั้งหมด 12 ฟอง เป็นไข่ที่ใช้ได้ 7 ฟอง หมอเริ่มเลี้ยงไปเรื่อยๆ สุดท้ายเหลือไข่ที่ใช้ได้ทั้งหมด 5 ฟอง หมอฟรีซไว้ 3 ฟองแล้วเลี้ยงบลาสต่อ 2 ฟอง เพื่อนำมาใช้เป็นตัวอ่อนของวันนี้ หมอให้ดูไข่ในจอทีวีด้วย มันก็เป็นกลมๆ 2 ฟอง หมอให้เวลาย้ายตัวอ่อน จนเสร็จกระบวน ประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วให้เรานอนพักต่ออีกครึ่ง ชม. เราเข้าห้องย้ายตัวอ่อนตอน เที่ยง ออกมา บ่ายโมง เออ เร็วดีจัง
หลังย้ายตัวอ่อนเราลางาน 1 วัน เพราะมันตรงกับช่วงปิดบัญชีพอดีเลยลางานไม่ได้ ไปทำงานอีก 1 วัน ก็ได้หยุดแล้ว เพราะว่ามันตรงกับวันมาฆบูชา+เสาร์+อาทิตย์พอดี เค้าว่ากันว่า ตัวอ่อนจะฝังตัว หลังจากย้าย 1-5 วัน เราก็เริ่มสังเกตุตัวเอง วันที่ 1-2 เราลางานอยู่บ้าน พยายามเดินให้น้อย รู้สึกปวดตึงๆที่ท้อง (แต่คิดว่าเป็นอาการต่อเนื่องมาจากวันที่เก็บไข่) วันที่ 3 ก็ไม่รู้สึกอะไร ผ่านมาถึงวันที่ 5 ตื่นมาตอนเช้าสังเกตุว่ามีเลือดซึมออกมา เอ้าเครียดเลยทีนี้ หาข้อมูลในเน็ตทันที เค้าว่า บางครั้งตัวอ่อนอาจฝังตัวบริเวณเส้นเลือดฝอยอาจทำให้มีเลือดซึมๆได้ เราจึงรอเวลาที่ รพ ทำงาน 7.30 น.เรารีบโทรไปที่ รพ เลย คุณพยาบาลบอกว่าถ้าเลือดออกไม่เยอะให้เหน็บยาที่หมอให้ต่อไป แล้วก็รอวันที่คุณหมอนัด แล้วค่อยมาตรวจอีกที เราเลยรอ พอตกบ่ายเลือดยังไหลไม่หยุด เฮ้ยนี่มันประจำเดือนชัดๆ ไม่ได้เป็นเลือดเหมือนที่เราหาข้อมูลมาแล้ว ทำงัยดี พรุ่งนี้ รพ หยุดเนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ เราเลยรอเช้าวันจันทร์ รีบโทรไป พยาบาลไปตามคุณหมอมารับสาย คุณหมอบอกว่าไม่เคยเจอใครอาการเหมือนกับเราที่ ปจด มาในวันที่ 5 หลังใส่ตัวอ่อน (คนอื่นเค้ามาประมาณวันที่ 13 หลังใส่ตัวอ่อน) หมอเลยเืลื่อนกำหนดวันนัดจากวันพฤหัส มาเป็นวันพุธ ซึ่งก้อคือวันนี้ช่วงบ่าย เรารู้สึกกลัวนะ แต่ก็ต้องไปตามหมอนัด วันนี้แฟนเราติดประชุมไปเป็นเพื่อนไม่ได้ด้วย เราต้องลุยเดี่ยว ไว้พรุ่งนี้จะกลับมาอัพเดทอีกทีนะ
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2557 |
|
5 comments |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2557 10:07:42 น. |
Counter : 15378 Pageviews. |
|
 |
|
พี่มีประสพการณ์นี้เหมือนกัน แต่เมื่อ20กว่าปีที่แล้ว สมัยนั้นทรหดมากค่ะ ตอนนี้ลูกชายอยู่มหาวิทยาลัยปี3แล้วค่ะ ถ้าอยากคุย หลังไมค์ได้ค่ะพี่อยู่ Pantip.com