Group Blog
 
All Blogs
 

เรื่องเล่า..จากอัมพวา

...มีโอกาสได้ไปเที่ยวอัมพวากับเพื่อนใหม่ และกลับมาพร้อมมิตรภาพที่ประทับใจไม่รู้ลืม...

ต้องออกเดินทางจากที่พัก(ชลบุรี) ตั้งแต่ 6.30 น.จุดหมายคือท๊อปเกษตร 9.00 น. แต่ต้องไปเก็บสาวๆ ตามรายทาง (น้องพักตร์กับพี่ต่าย) ถึงจุดนัดหมายก็เลยเวลาไปเล็กน้อย..พี่เม..มาแล้ว นั่งยิ้มหวานต้อนรับที่ฟู้ดเซ็นเตอร์ เหลือก็แต่น้อง 2 โบว์ที่ยังมาไม่ถึง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการไปเที่ยวครั้งนี้แต่อย่างใด ...

แล้วก็พร้อมที่จะออกเดินทางเกือบ 10 โมง หลังน้องโบว์ใหญ่(แต่ไม่ใหญ่) มาถึงก็ทำทุกคนโล่งใจที่เลยนัดไม่ถึง 3 ชม.ตามสถิติที่บันทึกไว้ในใจ..น้องโบว์ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองมาเที่ยวกับผู้ประกวดนางสาวไทยช่วงเก็บตัวก่อนขึ้นเวที

แบ่งรถกันไป น้องโบว์เล็ก(บางส่วน) น้องพักตร์ นั่งรถเรา ส่วนสาวใหญ่ พี่ต่ายและพี่เม นั่งรถสาวสวยที่สุดในที่นั้น..เราแวะไปเรื่อยเพื่อจะถามคนแถวนั้นให้แน่ใจว่าจะไม่หลงทาง จนถึงที่หมู่บ้านปลายบางโพงพาง พอเลี้ยวเข้าหมู่บ้านทรงไทยอนุรักษ์ก็เห็นบ้านที่จะเข้าพักอยู่รำไร แต่เหมือนว่าทริปนี้จะไม่ใช่ทริปนางสาวไทยอย่างที่คิดไว้ 6 ชีวิตเลยต้องระหกระเหินหาที่พักใหม่ เพราะไม่มีชื่อในรายการของทางบ้านพัก...ไม่ใช่ความผิดของใครในที่นั้น รัฐบาลเท่านั้นที่ผิดทำให้บางโพงพางไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้?..แต่ในความโชคร้ายใครจะรู้ว่าพวกเราโชคดีแค่ไหน

นามบัตรที่ยื่นให้เขียนไว้ว่า "เรือมะเปียง-เรือหิ่งห้อย" เจ้าของนามบัตรชื่อพี่ธาตรี ลัภยพร มีเบอร์โทรศัพท์เขียนไว้เสร็จสรรพ คนนี้แหละสำคัญ ทำให้พี่ต่ายเชื่อว่าประเทศไทยมีคนใจดีอย่างน้อยก็ 1 คน (555)...ลืมไปว่าพี่ธาตรี มีเพื่อนมาด้วยชื่อพี่ชัยชาญ..พี่ธาตรีเป็นคนพื้นที่(อัมพวา) ส่วนพี่ชัยชาญเป็นคนกรุงฯ แวะมาเที่ยวพักผ่อนที่อัมพวาเหมือนกัน..พอรู้ว่าไม่ได้ที่พักที่บ้านทรงไทยแน่นอนพี่ธาตรีก็ยื่นมือขาวๆเข้ามาช่วยแนะนำที่พักพร้อมทั้งพามาดูที่พักริมคลอง "บ้านครูอนงค์" ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจพักบ้านครูอนงค์ก็แวะดูตามทางที่พี่ธาตรีแนะนำว่า "สวย" จนแล้วจนรอดก็มาจบลงที่บ้านครูอนงค์ เหตุผลเดียวเท่านั้น "ส้วมเป็นส่วนตัว"...

บ้านครูอนงค์เป็นเรือนแถวตั้งอยู่ริมคลองอัมพวา สองฝั่งริมคลองเป็นเรือนแถวเหมือนกันทุกหลัง บางหลังตกแต่งไว้สวย บางหลังปล่อยรกๆ สวยตามธรรมชาติจะสร้างให้ ตกลงกันได้เรียบร้อยว่าจะพักกันหลังนี้ บ้านพักไม่หรูหราแต่น่าอยู่ มีที่นอนเรียงกัน 2 ฝั่ง ฝั่งละ 3 ที่ มีผ้าแพรไว้สำหรับห่มนอน แต่ที่ถูกใจสุดๆต้องยกให้มุ้ง ไม่รู้ภาษาทางการว่าอะไร แต่ภาษาถูกใจเรียกมุ้งครอบเด็ก พัดลม 3 ตัว ตู้เย็น กระติกต้มน้ำ ชุดกาแฟ ถูกใจน้อง(เจ๊)โบว์ยกให้ห้องน้ำ ถึงจะอาบน้ำหรือไม่อาบน้ำก็ห้องน้ำ...ส่วนตัวค่ะ

กว่าจะชื่นชมบ้าน จ่ายตังค์ค่าเช่าพ่วงด้วยอารัมภบทกับป้าเจ้าของบ้านก็บ่ายโมงครึ่งเข้าไปแล้ว พี่ธาตรียังแรงดีช่วยจัดทริปให้ยาวเหยียดในขณะที่พี่ชัยชาญซัดขนมไส้ใส้เข้าไปเป็นสิบมานั่งให้กำลังใจคนยังไม่ได้กินข้าว ... ผัดไทเรือ ลอยอยู่หน้าบ้านต่อให้มารยาทดีก็แพ้กลิ่นผัดไทย...เหลือพี่ต่ายนั่งฟิตอยู่คนเดียวตามประสาพี่ใหญ่ แต่หูฟังเสียงเคาะกระทะผัดไทมากกว่าเสียงพี่ธาตรี แอบกลืนน้ำลาย ช่วงมั่วนิ่มอือๆออๆ ...เจ๊เม กะน้อง 2 โบว์เกาะเรืออยู่หน้าบ้าน น้องพักตร์เดินเข้าเดินออกตามประสาคนมีห่วง..ห่วงจะกินแต่ยังไม่ได้กิน...555...ส่วนเราก็เข้าๆออกๆ มีห่วงเหมือนกัน...ห่วงคนไม่กินหมู ...สุดท้าย...ไม่ได้ยินเสียงพี่ธาตรีแล้วนอกจากเสียงพี่ต่าย"ทานค่ะพี่ ทานๆ" (กรูหิว- พี่ต่ายคิดในใจแต่แอบได้ยิน)...ทริปพี่ธาตรีที่จัดให้ยาวเหยียดเหลือแค่ตอนเย็นมารับไปดูหิ่งห้อยตอนทุ่มครึ่ง และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้ไปแวะเที่ยวกัน

...กินไปบ่นไปเรียบร้อย รอแดดร่มลมโกรกพอให้สาวๆมีกำลังใจไปเดินเที่ยว..อุทยาน ร.2 เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ของมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานศิลปะอันงดงามไว้ เป็นมรดกแก่ชาติและได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดป้ายอุทยานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2522 และเปิดให้ประชาชนเข้าชมภายในอุทยานได้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2530...เดินตุหรัดตุเหร่ไปเรื่อย ไม่หวังว่าต้องเดินให้ทั่วอุทยานแค่มองให้ทั่วอุทยานก็จะแย่แว้ววว..ตลาดน้ำเริ่มคึกคัก รู้มาว่าตลาดน้ำที่อัมพวาเป็น "ตลาดน้ำยามเย็น ผิดกับตลาดน้ำทั่วไป ที่อัมพวาจะเริ่มมีผู้คนทยอยกันมาตั้งแต่สี่โมงเย็นไปจนค่ำ ที่สำคัญมีตลาดน้ำแค่ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ (ตามข้อมูลที่หามาเขียนได้)...

ที่จอดรถคืนนี้ยังหาที่ไม่ได้ รู้ว่าที่สถานีตำรวจปลอดภัยเพราะป้าเจ้าของบ้านแนะนำ...รถราขวักไขว่หน้าสถานีตำรวจ มีอาสาสมัครคนนึงโบกรถหน้าตาบอกว่าไม่ควรเข้าใกล้ในระยะ 10 เมตร...ส่งตัวแทนนางสาวไทยเพื่อประชาชนไปคุยกับพี่อาสาสมัคร...แล้วก็ได้ที่จอดรถ ปลอดภัย และก็ได้น้ำใจล้นตลิ่งจากพี่อาสาสมัครที่ตอนหลังเข้าใกล้ได้ในระยะประชั้นชิดมอบน้ำถั่วเหลืองเป็นขวัญและกำลังใจ...หมดเรื่องที่จอดรถ โล่งใจ สามารถเดินกินได้ทั่วตลาดอัมพวา...

พี่ต่ายมีความสุขกับการกินมากๆ สามารถ "อยาก" กินทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน..พี่เม เป็นพี่ดูแล เทคแคร์น้องๆ น่ารักสม(นึก)จะมีเหย้ามีเรือน...น้องโบว์นางสาวไทยเพื่อประชาชนและผู้ชายทั่วไปประลองฝีปากกับน้องโบว์(ราณ) เป็นระยะๆ แต่น่ารักทั้ง 2 โบว์..ฟัน..ธง...น้องพักตร์ถนัดกินทุกอย่างที่ไม่ใช่หมูเพราะตั้งใจว่าจะไม่กินเพื่อน 555 อู๊ดๆ..อาหารมื้อแรก มื้อเย็นที่อัมพวา...กุ้งอบวุ้นเส้นที่พี่ๆบอกว่าขึ้นเหลาได้ ทอดมันปลา ปลาหมึกสดปิ้ง(ย่าง) หอยเชลล์และหอยตลับปิ้ง (ย่าง)..สุดยอดดดดดดดด...พี่ต่ายยังอยากกินตลอดทาง..หิ้วกลับบ้านรอเรือมารับไปดูหิ่งห้อย...

เรือมารับเลยเวลาไปเล็กน้อย ลงเรือดูหิ่งห้อย..น้องโบว์น้องนางเอยเป็นเดี่ยวมือหนึ่งนั่งหน้าแฉล้มโต้ลม พี่เมรับเป็นเดี่ยวมือสอง น้องโบว์กับพี่ต่ายนั่งแถวที่สาม ส่วนน้องพักตร์กับพี่เก่งนั่งแถวสุดท้ายเก็บอาการ (คนข้างหน้า) ...เรือแล่นไปเรื่อยๆผ่านคลองโน้นเวิ้งนี้ โชคดีมีหิ่งห้อยให้เห็นตลอดทางสวยมากๆ ต้องมาดูกัน ผ่านคลองผีหลอกที่ว่าหิ่งห้อยจะมากสุดที่คลองนี้ คงจะจริง คลองผีหลอกมืดมากมองแทบไม่เห็นทาง สองฝั่งคลองเลยเต็มไปด้วยแสงหิ่งห้อยสวยได้ใจ เรือแล่นตัดกระแสน้ำเข้าแม่น้ำแม่กลอง..เสียงแสดงความตื่นตาตื่นใจเงียบไป ลดระดับเป็นเสียงกระซิบสลับกับเสียงหาวของใครบางคน เรือแล่นเข้าคลองอัมพวา..ตอนนี้ไม่คิดถึงอะไรนอกจาก...ที่นอน...ร่ำลาพี่ธาตรีกับพี่ชัยชาญเรียบร้อย ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึกใจ กลับมาใหม่จะเอามาแบล็กเม

....หิ่งห้อยปล่อยแสงวับ จับตา ยิ่งเอย
สงสัยเจ้าทำได้ อย่างไร กันหนอ
คนบอกเจ้าหาคู่ สืบสาน พันธุ์เผ่า
เสร็จกิจของเจ้านั้น แสงวับ ดับไป....

นั่งบริหารลูกคอและแลกเปลี่ยนทฤษฎีเพศศึกษาที่พี่ต่ายเป็นคนบรรยายน้องๆคนอื่นเป็นลูกคี่ลูกคู่แล้วแต่อารมณ์..ต่อคิวกันอาบน้ำ เข้านอน...แยกกันนอนสองฝั่ง พี่ต่ายมีมุ้งสีฟ้าเข้ากับรูปร่างสั้นกระชับรับลมหน้าบ้าน พี่เมกับชุดสีฟ้านอนมุ้งเดียวกะน้องโบว์(บัว)ชมพูที่มาช้ากว่าที่นัดเพราะเตรียมชุดนอน ที่นอนตรงข้ามกันมีน้องโบว์ น้องพักตร์แล้วก็เรา จัดเป็นฝั่งอายุน้อยเพราะได้น้องๆมาช่วยกันลด mean...หลับกันหมดแล้วได้ยินเสียงกรนเบาๆ จับไม่ได้ว่ามาจากไหน เสียงเรือหางยาวดังเหมือนรถสิบล้อทำให้นอนไม่หลับ...ตอนนี้เสียงเรือหายไปแล้ว แต่ยังได้ยินเหมือนเสียงเรือกลไฟดังอยู่ข้างๆ ไม่ลำติดประตูก็ลำที่ติดพี่เก่งนี่แหละ

เกือบ 6 โมงเช้าตื่นนอนก่อนเสียงโทรศัพท์ปลุก นอนไม่หลับหลังจากตื่นตอนน้องโบว์แอบมาอึตอนตี 4...น้องพักตร์ตื่นแล้วเห็นเสื้อเขียวๆ ขยับอยู่ในมุ้ง...ได้ยินเสียงป้ามาเรียกอยู่หน้าบ้าน "หนูตื่นกันยังจ๊ะ" ปลุกพี่ต่ายตื่นและก็ตามด้วยน้องๆที่เหลือ เช้านี้(วันใหม่)พี่ต่ายได้กุศลแรงมากเพราะใส่บาตรพร้อมขี้ตาและแมงกินฟัน...ทยอยกันมาใส่บาตรมีน้องพักตร์มานั่งให้กำลังใจ...นั่งเอ้อระเหยพักใหญ่ เกือบ 7 โมงถึงเคลื่อนขบวนไปตลาด เดินไปเรื่อยๆเลียบริมคลอง..ตลาดยามเช้าอย่างนี้ต่างจากเมื่อวานเย็นลิบลับ คนตั้งเยอะแยะเมื่อวานไม่รู้กระจัดกระจายกันไปอยู่ไหน..โจ๊ก อาหารเช้ารสชาติเหมาะกับคนพิการทางลิ้น กินกันได้ ตามประสาคนกินง่าย ถ่ายคล่องส่วนน้องพักตร์ต้องนั่งกินหนังสือพิมพ์แทนก่อนจะกลับไปพึ่งพิงอาหารยามยากของคนกรุง "มาม่า อาหย่อย"...อิ่มแล้วหิ้วน้ำถั่วเหลืองกลับที่พัก เดินส่ายก้นไม่กี่ทีก็ถึงบ้านเพราะวันนี้ฉลาดกว่าเมื่อวานไม่ต้องข้ามสะพานไปมาทำให้คนชราขาสั่น...แว่วๆเสียงคนบนเรือที่แล่นผ่านหน้าบ้าน "เค้ากินมาม่า"...น้องพักตร์กำลังนั่งกินมาม่าในขณะที่มีทริปล่องเรือชมวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลองอัมพวาแล่นผ่าน เลยเป็นว่าเห็นชาวบ้านที่อัมพวากับมาม่ารถต้มยำ

ยังอิ่มไม่หนำใจ เรียกก๋วยเตี๋ยว(บน)เรือมากินต่อ น้องพักตร์สละสิทธิ์เพราะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมู ส่วนน้องไฉไลนอนเรียกความงามสละสิทธิ์อีกคน..วันนี้น้ำที่คลองอัมพวามากผิดปกติเรียกว่าน้ำล้นคลอง ศูนย์ข่าวอิสลามรายงานตอนเพื่อนๆกินโจ๊กว่าน้ำล้นอ่างทำให้น้ำท่วมที่ประจวบคีรีขันธ์ ตรงกับที่ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าที่อื่นปล่อยน้ำลงมาทำให้ที่คลองนี่น้ำท่วม ไม่เคยเป็นเหมือนกัน...เป็นอันว่าต้องลุยน้ำท่วมคลองไปที่รถ ก้มหน้าก้มตาลุยน้ำอาจมีคนเข้าใจได้ว่าเป็นเด็กเขมรหนีน้ำ...ออกจากอัมพวาได้ตั้งใจไปค่ายบางกุ้งแต่ไปไม่ได้ น้ำท่วม ไม่มีรมณ์ ไปไม่ถูก 555 เลยกลับลำไปดอนหอยหลอดกันตามที่นัดกันไว้ตอนแรกว่าจะไปกินข้าวกลางวันที่ดอนหอยหลอด

...ดอนหอยหลอดวันนี้ ไม่เห็นเป็นดอนเหมือนชื่อเพราะน้ำขึ้นสูงต้องรอน้ำลดถึงจะเห็นเป็นดอนและมีหอยหลอดโผล่มาเล่นลมสมชื่อ...เลือกร้านอาหารได้แล้ว ปลาเก๋าสามรส ต้มย้ำหมึกกุ้ง หอยหลอดผัดฉ่า และก็กุ้งสุกพล่า..อิ่มจังตังค์อยู่ครบ..คนสูงวัยไม่ให้เด็กๆขัดใจจะเลี้ยงข้าว แถมยังหารค่าน้ำมันมาให้คนละ 500 กะน้องโบว์ นี่ยังเก็บ 500 ไว้สมทบเป็นกองทุนดูแลพี่ยามชรา...เดินซื้อของฝาก แยกย้ายกันกลับบ้าน..ตอนกลับพี่ต่ายสลับมานั่งรถเรา น้องพักตร์ยังเป็นแม่ เป็นย่า เป็นนาง อยู่หน้ารถเหมือนเดิม ส่วนน้อง 2 โบว์ต้องไปอยู่ด้วยกันมีพี่เมเป็นกรรมการห้ามมวย...

จบทริปนี้ด้วยตังค์ค่าทางด่วนที่พี่ต่ายให้กลับบ้านอีก 100 บาท รวมเงินสมทบเข้ากองทุนตอนนี้มี 600 บาทถ้วน...จากนี้ไปเที่ยวไหนกันดีเตรียมหาที่ไว้ล่ะกัน




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2548 21:57:17 น.
Counter : 553 Pageviews.  


PaKaMoN
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add PaKaMoN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.