เที่ยวบินเที่ยวสุดท้าย T_T จากชื่อเรื่องอย่าเพิ่งตกใจกันนะครับ ไม่ได้มีใครเสียชีวิตแต่อย่างใด แต่เที่ยวบินเที่ยวสุดท้ายที่ว่าก็คือ มันคือเที่ยวสุดท้ายที่ข้าพเจ้าปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หลังจากบินมานานแสนนานเป็นเวลาร่วมสิบปีแล้ว ก็คิดไปคิดมาได้เวลากลับบ้านเกิดเมืองนอนประเทศรัก ประเทศไทยของเราเสียที บอกตามตรงใช้เวลาในการตัดสินใจลาออกเพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้น ต้องแจ้งให้ผู้อ่านทราบก่อนว่าข้าพเจ้า ณ.ตอนนั้น เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลก ต้องไปประจำอยู่ที่ตะวันออกกลางโน่น แล้วณ.ตอนนั้นก็ให้บริการเฉพาะชั้น First Class หรือชั้นหนึ่งเท่านั้น ![]() ![]() หลังจากตัดสินใจแน่วแน่ว่า เอาวะกูลาออกแน่ๆ อีกสองสามเดือนไปแน่ๆ แต่วันนี้ก็ต้องไปบินก่อนละนะ ทั้งๆที่เป็นไฟลท์ที่เยินมาก ไปในที่ที่ไม่อยากไปเลย ปกติตารางบินจะได้แต่เส้นทางที่เลิศหรูไฮโซกว่าชาวบ้านเค้าตลอด พอขึ้นไปทำงานไฟลท์นั้นก็ประกาศกับทุกคนเลย "นี่ๆอีกสองสามเดือนเราจะลาออกแล้วนะ" พอพูดว่าจะลาออกทุกครั้งก็จะมีความสุขทุกครั้ง ในไฟลท์นั้นมีเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่คนนึงเป็นชาวอินเดีย เพื่อนคนนั้นก็ตกใจใหญ่ว่า "ยูจะออกไปทำไม ไปทำอะไร" เราก็แบบว่า "เอาน่าชั้นจะไปทำธุรกิจของตัวเอง" เพื่อนอินเดียก็เลยบอก "ถ้ายูไปในสิ่งที่ดีกว่าไอก็ยินดีด้วยนะ แต่ไอคงคิดถึงยูน่าดู" อิอิ แน่ละ ตอนที่เข้ามาที่นี่ใหม่ๆเราเป็นพี่ใหญ่สุดในห้อง ทุกคนลอกข้อสอบเราหมด มีอะไรไม่รู้ถามข้าพเจ้ามาตอบได้หมดดดดดดด. และแล้วก็ทำงานกันไปตามปกติจนถึงที่หมาย นั่นก็คือ คาซาบลังก้า แห่ง โมรอคโค นั่นเอง ฟังชื่อดูแล้วอาจเป็นสถานที่ที่หลายๆคนอยากไปนักท่องเที่ยวเยอะแยะ แต่สำหรับข้าพเจ้านอนอยู่ในห้องจะดีกว่า เพราะไม่ถูกชะตากับคนชาตินี้เท่าไหร่ อีกอย่างเมืองไทยเราดูเจริญหูเจริญตากว่าเยอะเลย พอถึงโรงแรมเราก็ต่างแยกย้ายกันไปพักในห้องใครห้องมัน เราเองก็สบายไปเตรียมเสบียงมาเยอะมากๆๆๆ นอนไปกินไป เล่น skype คุยกะเพื่อน คุยกะแฟน ปกติต้องนอนผ่าน skype กับแฟนตลอดครับ ![]() วันถัดมาได้เวลากลับ ก็ลงไปเจอกับทีมและนั่งรถไปทำไฟลท์กลับด้วยกันแบบเป็นทีม หลังจากผู้โดยสารขึ้นเครื่องมาหมด ก็ทำการ secure cabin หรือเช็คความพร้อมของห้องโดยสารก่อนเครื่องขึ้น ทุกอย่างก็ตามปกติ พอหลังเครื่องเทคออฟไปสักพัก ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ไฟดับหมดเลยจ้า ดับดังพรึบ เครื่องก็บินเอียงนิดๆ น้องแอร์ใหม่ที่นั่งประตูตรงข้ามเราก็มองหน้าเราแบบแหยๆ เราก็ทำหน้าแบบใจเย็นๆ ปกติเราไม่เคยกลัวหรอกนะ เพราะเป็นคนมีความคิดแปลกๆตลอด ถ้าเครื่องตกมาแล้วจะมีใครรอดแค่คนเดียว คนนั้นคงเป็นข้าพเจ้า ![]() สักพักก็มีโทรศัพท์ดังมา เราก็นั่นไงชัวร์และ นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่บินมาสิบกว่าปีนะเนี่ย เสียงในสายก็อย่างที่คิดไว้ นั่นคือนักบินของเรานั่นเอง เค้าแจ้งว่า เครื่องยนต์เครื่องหนึ่งเกิดไฟไหม้ขึ้นแต่ตอนนี้ดับได้แล้ว ต้องทำการลงแบบฉุกเฉินด่วน เราก็ดับได้แล้วนี่ไม่เป็นไรหรอกบอกน้องที่นั่งอีกฝั่ง แต่ตอนลดระดับเพื่อลงจอดนี่สิ ไอ้ที่ไม่กลัวเมื่อกี้นะ.......ไม่อยากจะบอกตอนนี้สวดมนต์ตลอดเวลาเลยทีเดียว ผู้โดยสารมองมาเราก็ยังยิ้มเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอ แต่ในใจนี่กลัวไปหมดแล้ว เพราะเหลือเครื่องยนต์อยู่อีกเครื่องเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอีกก็ ซาโยนาระ ตายก่อนลาออกแน่ๆ นักบินใช้เวลาเอาเครื่องลงอยู่ประมาณ 15 นาที แต่ในใจข้าพเจ้าช่างยาวนานเหมือนแสนล้านนาที ![]() วันถัดมาเราก็ได้กลับไปยังตะวันออกกลางซึ่งเป็นศูนย์กลางของพนักงานทุกคน กลับแบบไม่ต้องทำงานด้วย เนื่องจากได้อาศัยกลับไปกับอีกเที่ยวบินนึง ก็สบายไป ระหว่างทางที่นั่งเครื่องกลับเพื่อนร่วมงานทีมเราก็ต่างล้อเราทุกคนว่าเพราะว่าเธอจะลาออกนี่ไงพระเจ้าเลยลงโทษ เราก็เลยเก็บมาคิดเออทำมาสิบๆปีไม่เคยเจอ ดันมาเจอเอาไฟลท์ที่ประกาศว่าจะไม่ทำแล้วอาชีพนี้ แต่ก็ยังต้องบินๆอีกตั้งสองสามเดือนนี่นา แต่ใครจะไปรู้เล่าว่านั่นแหละคือไฟลท์สุดท้ายของข้าพเจ้าจริงๆ อยากรู้ว่าทำไมติดตามตอนต่อไปจ้า ติดตามอ่านอยู่นะคะ. ขอเป็นแฟนขับ เอ๊ย แฟนคลับด้วยคนค่ะ
โดย: PrettyNovember
![]() |
Group Blog | |
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |