งานมหกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากงานการเเข่งขันโอลิมปิก เเละการเเข่งขันฟุตบอลโลก จัดต่อเนื่องมากว่า150ปี เเละเจ้าภาพปีนี้จัดโดยประเทศอิตาลี กรุงมิลาน ( World Exposition Milano2015, Italy ) หรือเรียกสั้นๆว่า Milan Expo ระหว่างวันที่ 1พฤษภาคม - 31ตุลาคม2558 เป็นระยะเวลา 6 เดือนเต็ม ซึ่งมีประเทศเข้าร่วมกว่า 140 ประเทศจากทั่วโลก โดยจัดเเสดงที่สุดของเทคโนโลยีจากเเต่ละประเทศเกี่ยวกับอาหาร การผลิตเเบบออเเกนิค ผลผลิตต่างๆ ที่มีคุณภาพ เเละปลอดภัยสำหรับทุกคน มากกว่านี้เเขกยังสามารถเลือกชิมอาหารที่เด่นๆในเเต่ละประเทศที่ส่งตรงมาจากประเทศนั้นด้วยความสดใหม่ เเละน่าลิ้มลอง ทาง Milan Expo คาดว่าจะมีเเขกมาร่วมงานจากทั่วโลกกว่า20 ล้านคน ด้วยพื้นที่ของงานกว่าที่กว้างใหญ่ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เเหวกเเนวด้วยความคิดใหม่ๆ ของเเต่ละประเทศที่ยิ่งใหญ่เเละน่าสนใจเป็นอย่างมาก

เริ่มจากการออกเดินทางจากสวิตเซอร์เเลนด์ สู่สาธารณรัฐอิตาลี, กรุงมิลาน ด้วยรถยนตร์ เป็นระยะเวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยใช้ Apple Map เป็นตัวนำทาง

และแล้วก็มาถึงจุดหมาย เมืองมิลาน สถานที่นี้คือ Milan Cathedral ( Duomo di Milano )ล้อมรอบด้วยร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมมากมาย จะพบผู้คนเดินกันอย่างพลุกพล่าน ขอเตือนอย่างนึงนะค้ะ เวลาเดินโดยเฉพาะบริเวณลานกว้างนี้ จะมีคนนำเชือกมาผูกที่ข้อมือ เเล้วเรียกร้องเงิน ตั้งเเต่ 2 ถึง 5 ยูโร ตามที่เพื่อนเคยโดนมาค้ะ ควรจะเซย์โนไปเลย หรือเดินออกห่าง 

_{Duomo di Milano}

Duomo di Milano

เมื่อเดินทางมาถึงอิตาลีก็ต้องลิ้มลองรสชาติอาหารอิตาเลียนครั้งนี้เป็นการเดินทางมาเมืองมิลานเป็นครั้งที่สามเเล้วจึงได้ตัดสินใจลองชิมรสชาติอาหารอิตาเลียนร้าน Ristorante Convivium การตกเเต่งของร้านน่านั่ง เเละ พนักงานบริการดีค้ะ มากันถึงเหนื่อยๆ ก็เริ่มกันที่จานเเรกค้ะ เป็น พาร์ม่าเเฮมค้ะ ซึ่งคือหมูเเฮมมาจากเมือง Parma ในอิตาลี มาจากส่วนของขาหมุนั่นเอง บางคนจะทานกับไวน์เเดง ส่วนใหญ่ตามร้านอาหารก็จะเสิร์ฟมาเคียงคู่กับเเคนตาลูป ส่วนใหญ่จะทายเป็นออร์เดิร์ฟ

Melon and Parma Ham (Prosciutto Crudo Di Parma )

ต่อด้วยเมนคอร์ส คือพิซซาค้ะ หน้านี้จะเป็นหน้าที่นิยมมาก มีเเฮม เเละ เห็ดเเชมปิญองค้ะ หน้าตาน่าทานมากๆ เเละรสชาติก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว เเละอีกจานคือ สปาเกตตี ทะเล ปลาหมึก กุ้ง เเละหอยรสชาติสดค้ะ เพราะเคยกินบางร้าน อาจจะท้องเสียได้เลยค้ะ โดยรวมรสชาติผ่านค้ะ 

Ham and Champignon Pizza

Seafood Spaghetti 

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จ ระหว่างวันก็สามารถเดินเล่นในตัวเมืองมิลานได้อย่างเต็มที่ผู้คนมากมายมาชอปปิ้ง ซึ่งมิลานขึ้นชื่อดีว่าเป็นเมืองแห่งการช้อปปิ้ง เเละที่แห่งนี้คือ Galleria Vittorio Emanuele II ซึ่งอยู่ข้างๆ Duomo di Milano นั่นเอง หาง่ายมากๆค้ะรวมหลายหลายแบรนด์ให้ได้ช้อป ทันสมัยด้วยเรื่องแฟชั่น 

Galleria Vittorio Emanuele II

Galleria Vittorio Emanuele II

เมื่อออกจากสถานที่นี้ก็เดินออกไปช้อปปิ้งเเบบร้านที่อยู่ outdoor ได้ค้ะ มีร้านอาหาร เเละร้านค้ามากมาย รวมถึงร้านเจลาโต้ให้ได้ลิ้มลองด้วยค้ะ 

อิตาลีขึ้นชื่อว่าเป็นต้นตำรับของเจลาโต้ และร้านนี้คือร้านดังขึ้นชื่อร้านนึง ร้าน Grom จุดเด่นคือรสชาติที่เข้มข้น ผลิตด้วยวัตถุดิบคุณภาพ //www.grom.it/en/

เจลาโต้คาปูชิโน และชอกโกแลตที่เข้มข้นเลยทีเดียว เนื้อสัมผัสของเจลาโต้ที่เนียนมากๆค้ะ

Grom Gelato 

เมื่อเเวะทานเจลาโต้ดับร้อนเเล้ว ช่วงนั้นเป็นเดือนพฤษภาคม อากาศเริ่มร้อนขึ้น ผู้คนเเต่งตัวหน้าร้อนเดินสบาย พอมีลมเย็นสบายๆ ถือว่าเป็นช่วงที่อากาศดีมากๆค้ะ มีเเสงเเดดเเละลมเย็นๆในเวลาเดียวกัน เดินไปเรื่อยจนถึงลานน้ำพุ จะพบกับลานที่มีจัดซุ้ม Milan Expo ด้วย 

ด้วยอากาศร้อนๆ จะเห็นร้านค้าขายมะพร้าวหั่นเป็นชิ้นๆแบบนี้อยู่ทั่วไป ชิ้นล้ะ 1€ ค้ะ 

เนื่องด้วยตอนนี้มิลานจัดเทศกาลในตัวเมืองมิลานเลยจัดซุ้ม Expo Gate เพื่อขายบัตรเข้าชมงาน เเละที่ระลึก สำหรับคนที่อยากซื้อก่อน หรือทางออนไลน์สะดวกที่สุด ว่าด้วยเรื่องราคาตั๋วเข้างานนี้ สามารถซื้อออนไลน์ เเละหน้างานได้ ราคาเเบบกำหนดวันชมอยู่ที่34€ เเละเเบบไม่กำหนดวันเข้าชมงาน ราคาอยู่ที่ 39€ส่วนราคาหน้างานที่ดิฉันไปมาราคา 32€ รวมถึงยังมีตั๋วเเบบ Season Pass ที่สามารถเข้าชมได้ไม่จำกัดครั้งในระยะของเวลาการจัดงานคือ6 เดือน

Expo Gate

Expo Gate

Expo Gate

เนื่องจากถึงสาย เเล้วต่อด้วยเดินเล่นเป็นเวลานาน เลยวางเเผนไว้เเล้วว่าจะเข้าชมงานเเบบเต็มวันในวันรุ่งขึ้นตั้งเเต่งานเปิด วันที่เข้าชมนั้นเป็นวันที่สองของการเเสดงงานค้ะ จะรีวิวในภายหลังค้ะ การชมงานนั้นเป็นเพียงการถ่ายภาพเเต่ภายนอกเท่านั้น เพราะว่าด้วยเวลาที่จำกัด ทำให้ไม่ได้เดินชมรายละเอียดในทุกๆประเทศ เเต่ถือว่าได้ภาพมามากพอสมควรค้ะ อย่าพึ่งเบื่อกันน้ะค้ะ 

ตกเย็นเราก็ไปทานมื้อค่ำกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนึง ชื่อร้าน OSAKA การบริการเป็นเเบบญี่ปุ่น เสริ์ฟโดยชาวญี่ปุ่นเเละชาวจีนค้ะ รสชาติไม่ถือว่าดีมากถ้าเทียบกับราคา บวกกับเจอพนักงานร้านที่ไม่ค่อยเคารพลูกค้าสักเท่าไรด้วยค้ะ 

Tonkutsu Ramen

CHIRASHI SUSHI "MATSU"

ว่ากันด้วยเรื่องของงานมิลานเอกซ์โปร์กันค้ะ การเดินทางจากตัวเมืองมิลาโนไปยังงานโดยใช้รถไฟใต้ดินนั้นสะดวกที่สุด โดยใช้บริการรถไฟใต้ดินสาย M1 ไปยังสุดสายชื่อสถานี Rho Fiera (สุดสถานี ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง) ราคาตั๋วเที่ยวหนึ่งราคา2.5€ เเละสัมภาระที่จะเตรียมไปอย่าได้เตรียมไปมาก ก่อนเข้าหน้างานจะมีการตรวจกระเป๋า หากมีของเหลวในภาชนะอลูมิเนียมต้องนำทิ้งเท่านั้น เเต่หากเป็นขวดพาสติกธรรมดา ไม่มีปัญหา สามารถพกพาเข้าไปได้

บริเวณทางเข้างาน เเละ จุดตรวจสัมภาระ

เกี๊ยวกุ้ง CP

รสชาติอร่อยเหมือนที่เมืองไทยเลย

Coconut Ice cream 

Pernigotti

ช๊อกโกเเลตจากอิตาลี เนื้อสัมผัสละมุนลิ้นเเละไม่หวานเลี่ยนด้วยค้ะ 

Lobster Roll

BBQ Pulled Pork Burger

Kutsu Curry Rice

Beef Rice Burger

Teriyaki Rice Burger

Poffertjes

เดินกันจนสุดงานเเล้วค้ะ เป็นงานที่เเสดงวัฒนธรรม เเละ ความรู้ใหม่ของเเต่ล้ะประเทศได้ดรเยี่ยม รวมถึงมีอาหารมากมายให้ได้ลิ้มลอง บอกก่อนน้ะค้ะว่า ค่าตั๋วนั้นไม่รวมค่าอาหารใดๆทั้งสิ้น ทั้งหมดนั้นต้องจ่ายเเยกค้ะ บางประเทศก็จะมีให้ชิมเล็กๆน้อยๆ เเต่ถือว่าน้อยมากๆค้ะ ส่วนใหญ่ต้องเสียเพิ่มค้ะ สุดท้ายเเล้วนั่งรถไฟใต้ดินกลับสายเดิมค้ะ ต่อด้วยอาหารเย็นเเถว Duomo ค้ะ ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับ Duomo เลย ร้าน Bistrot Duomo สามารถนั่งรับประทานอาหารไป ชมวิวไปได้สบายๆเลยค้ะ 

Penne with Tomato Sauce 

Seafood Risotto (จานบน)

Carbonara

เมื่อเสร็จจากอาหารคาว ก็ยังเเวะไปร้านคาเฟ่ชื่อดังและเก่าแก่ที่สุดในมิลาน Caffe Cova ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1817มีทั้งขนมหวาน และ ของคาว เช่น แซนวิชแฮมชีส ที่น่าทานมากๆค้ะ //pasticceriacova.it

เเละเเล้วก็จบทริปการชมงานมิลาน เอกซ์โปร์เเล้วค้ะ ขอบพระคุณทุกๆท่านที่สละเวลามาอ่านบทความการรีวิวครั้งเเรกของดิฉันน้ะค้ะ  หากอยากติดตามมากกว่านี้กับภาพสวยๆ ไปได้ที่ INSTAGRAM : NUNJOURNEY เลยค้า